Bloggang.com : Honey and Moonney : วิศวกรสาวไทย หน้าใส ปากหมา พาฉิ่งฉับทัวร์ ตอน ไปแอ่วดอยตุงกันเต๊อะ

วิศวกรสาวไทย หน้าใส ปากหมา พาฉิ่งฉับทัวร์ ตอน ไปแอ่วดอยตุงกันเต๊อะ

สวัสดีเด้อค่ะ บ่ได้ไปแวะยามถามไถ่บ้านผู้ได๋ก็อย่าน้อยใจเด้อ อิฉันมันขาอ่าน บ่แม่นขาเม้นท์อ่ะน่ะ

กลับเมืองไทยเดือนธันวาที่ผ่านมาค่ะ ขาจร ออนทัวร์ ดีแท้ นั่งรถ ลงเรือ ขึ้นเขาลงห้วยเป็นว่าเล่น ไม่ค่อยได้มีโอกาสกลับนี่คะ ครั้งนี้ขออนุญาตหัวเหม่งไปเดี่ยวค่ะ คือ สไตล์การเที่ยวสองคนไม่เหมือนกัน อีวิศวกรสาวมันแบบติสส์แตก แบกเป้เที่ยวแบบ Budget ส่วนอีเทวดาก็เป็นคุณหนู ลากกระเป๋าเข้าโรงแรม นั่งชิลตามผับตามบาร์ งานนี้กรูปัดดากไปเดี่ยวดีกว่า ว่าแล้ว เก็บกระเป๋าไปโลด...

ตามแพลน ต้องให้เวลากับที่บ้านก่อน ว่าจะขับรถพาเค้าไปหลวงพระบาง ข้อมูลท่องเที่ยวและที่พักแน่นปึ้ก แต่นาทีสุดท้ายพ่ออิชั้นใจป๊อดค่ะ กลัวนั่นนี่ กลัวทางจะขับยาก กลัวลูกสาวจะเสียเงิน (อันนี้สำคัญมาก พ่อแกทั้งเหนียว ทั้งตืด

) ก็เลยเปลี่ยนแผน ไปออนทัวร์เชียงรายแทน เอาสิตรู ข้อมูลท่องเที่ยวก็ไม่ได้หาล่วงหน้า งานนี้ก็ go die next sword สิคะ ไปกันสี่คน พ่อ แม่ หลานชาย ส่วนสาวอีสานอินเตอร์เป็นคนขับรถและทำหน้าที่หัวหน้าชะโงกทัวร์ในคราวเดียว

มาถึงแล้วก็ต้องแวะ สถานที่ประชานิยม วัดร่องขุ่น..

.................มุมมหาชน...........

............กับมหาชน คนสารคาม...............

ไม่อยากเอารูปอีสาวอินเตอร์ขึ้นค่ะ อารมณ์ผีดิบประมาณนั้น หลังจากผ่านสมรภูมิหลังพวงมาลัยกว่า 12 ชม จากบ้านถึงเชียงราย คนขับเหนื่อยเกือบตายค่ะเพราะว่ายัง jetlag อยู่..

หลังจากนั้นก็หาที่ซุกหัวนอนสำหรับสี่ชีวิตในตัวเมืองเชียงรายค่ะ ด้วยคอนเซปของทริปนี้ go die next sword ก็วอร์คอินสิคะ เปลี่ยนแผนกระทันหันซะขนาดนี้ มีแค่แผนที่ท่องเที่ยวเก่าๆก็กางเอาโลด อยากจะไปไหน..เฮอๆๆๆ

วันรุ่งขึ้น ก็ไปดอยตุงค่ะ วันนี้อากาศดีเหลือเกิน ไม่ร้อนไม่หนาว ดอยตุงเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จย่าค่ะ การตกแต่งก็เป็นแบบบ้านในยุโรป เรียบง่าย แต่คลาสสิค แต่สวนด้านล่างนี่สิคะ ใหญ่มากกกกกกกกก แต่ไม่ได้เดินทั่วหรอกค่ะ แต่แค่นั้นก็เกือบรากแตกรากแตนกันทีเดียว

............คนไทยสมัยนิยม ต้องถ่ายป้าย เดี๋ยวเขาจะหาว่า ไม่ได้มา........

และแล้วก็เป็นเรื่อง อิชั้นดันไปขัดใจพ่อหนุ่มน้อย แกก็เลยงอน เรียกถ่ายรูป ก็วิ่งตลิดเปิดเปิงไป รูปหมู่ก็เลยได้แค่นี้

มันก็เลยต้องมีภาคบังคับ......... แต่ก็ได้แค่นี้..........

ไปต่อที่สวนกุหลาบพันปี (คิดในใจ มันเป็นจั๋งได๋น้อ..กุหลาบพันปี)

..............อ้าวมาเจอป้าย เราคนไทย It's a must........

เดินเข้าไปก็เหมือนไปเดินป่า ไปดูดอกไม้ค่ะ ดอกอะไรเราก็ไม่รู้จัก (ยกเว้น ดอกทอง...อันนี้รู้ดีทีเดียว..ฮ่าฮ่า

) เข้าไปตามหากุหลาบพันปีกัน....

สอดส่ายสายตาหากอกุหลาบค่ะ เดาว่ากุหลาบพันปี จะต้องเหมือนกุหลาบอังกฤษแน่ๆ เป็นดอกใหญ่ๆ หลายๆชั้น..........ไปไงไม่รู้ มาเจอแปลงดอกกระหล่ำซะงั้น...

เดินอ้อยสร้อยออกมาค่ะ แอบขาลากด้วยเพราะความแก่ และแล้วก็เริ่มฉลาด สังเกตุว่าเค้ามีป้ายบอกชื่อต้นไม้ ดอกไม้ปักอยู่...

นี่ค่ะ กุหลาบพันปี เห็นอยู่สองสามดอก เนื่องจากไม่ใช่ฤดูออกดอกของเค้า จะเป็นไม้พุ่ม ไม่ได้มีลักษณะเหมือนกอกุหลาบแต่ประการใด มิน่า ไม่ได้สังเกตุ

สมใจอยากแล้วไปต่อ สักการะพระธาตุดอยตุงกัน... แม่แกเป็นคนขี้กลัว เห็นป้ายข้างทางบอกว่าทางแคบ คดเคี้ยว แกก็เลยบังคับโชเฟอร์ให้จอดตีนภู แกจะตะกายกระไดขึ้นไปเอง ไอ้เราก็ไม่มีขัด เชิญเลยครับท่าน อิฉันจะนอนรอที่รถ พอคนแก่และเด็กลงรถเท่านั้นแหละ อีสาวก็นึกสนุก ขับตะกายภูไปจอดรอที่ลานวัด....เห็นสองตายาย หอบแฮ่กๆมาลิบๆ สะใจดีแท้ ขี้กลัวดีนัก.. จัดไปเต็มๆ ฮ่าฮ่า...

เสียเวลาอยู่วัดนี้พอสมควรค่ะ ใกล้มืดเข้าไปทุกที เพราะว่าพ่อแกนั่งดูดวงอยู่กับหลวงพ่อเป็นนานสองนาน ให้หลานไปเร่งก็แล้ว เราจะไปค้างที่ดอยแม่สลองกันค่ะ ไอ้เราก็กลัวมันจะมืดค่ำอยู่กลางภู ทางก็ยิ่งคดเคี้ยวอยู่ด้วย...............

ระยะทางจากดอยตุงไปดอยแม่สลองไม่ไกลค่ะ แต่ทางแคบ คดเคี้ยว แล้วก็ชันมาก ใช้เวลาพอสมควร อิฉันเลือกไปทางลัด ตัดผ่านสันเขาไป ทั้งเด็กทั้งคนแก่ กรี๊ดกันสนั่นรถ ของเก่าก็ไหลย้อนกระฉอกปากค่ะ ดีที่พกยาแก้เมากันมา แต่กระนั้นก็เหม็นไปทั้งรถ และแล้วก็ไปค่ำกลางทางจริงๆด้วย เพราะคนแก่บ้าหมอดูจร๊งจริ้งงงงงงงงงง.... ตรูอยากจะกรี๊ดดดดดดดด.........

.... วิวนี่สวยใช้ได้ค่ะ คุ้มค่าดีจริงๆ...............

ไปถึงดอยแม่สลองก็มืดแล้วค่ะ โชคดีว่าแว่บเช็คเกสต์เฮาท์บนอินเตอร์เนทมา ก็เลยโทรจองก่อนไปถึง ห้องละสามร้อย พร้อมน้ำอุ่น ถูกดีจริงๆๆๆ (เพราะเห็นแก่ของถูกนี่แหละ ความซวยมาเยือนเลยล่ะ พี่น้อง นอนไม่ได้ทั้งคืน... อุ๊บไว้เล่าตอนหน้าแล้วกันเน๊อะ..

)

แล้วเราก็เดินออกไปหาอาหารจีนยูนานกินกันค่ะ รู้สึกที่นี่เป็นร้านเดียวที่เปิดตอนกลางคืน หน้าลิลเติ้ลโฮม กลับมาเช็คเนททีหลัง ถึงรู้ว่าเป็นร้านไทยนิยม อาหารก็โอเค ไม่แพง เราสั่งสุกี้ไก่ดำค่ะ พ่ออยากกิน ส่วนลูกอยากเห็น... ไปกันได้...อิอิ...

ช่วงรออาหาร ก็ถ่ายรูปเล่น......... นี่ แอบถ่ายสาว (แก่) โคมแดง บ่นอุ๊บเลยว่า หนาว..

สุกี้มาแล้ว หม้อใหญ่ทีเดียว อิฉันขอบายค่ะ ไม่อยากกินไก่ดำ กินขาหมูดีกว่า..

ปิดท้ายด้วยภาพอากับหลานคู่นี้นะคะ ตอนหน้า เกสต์เฮาท์ที่ดอยแม่สลองจะกลายเป็นห้องฉุกเฉิน ด้วยนาทีชีวิตค่ะ วิศวกรสาวก็ทำหน้าที่คุณหมอจำเป็น จะหมู่หรือจ่า รู้กันตอนหน้าค่ะ... บาย...

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2554

Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2554 22:01:21 น.

8 comments

Counter : 1279 Pageviews.

โอ หายหน้าไปตั้งนานนะคะ ใจก็คิดว่า วิศวะแฟนสาวของเราใครเอาไปกิน ซะแล้ว แล้ว ก็จริงๆ ว้า แต่ ชอบจังเลย go die next sword เนี่ย แล้วจะตามมาฆ่า เอ๊ย มาอ่านต่อ ค่ะ

โดย: peepin (tangkaw

) วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:46:28 น.

ขำรูปคูณหลานหลบกล้องจัง แบบว่าติสต์เหมือนใครไม่รู้เนอะ อิอิ อารมณืประมาณว่าชั้นไมอยากถ่ายรูป 555 เป็นตาฮักเนาะ ไปเที่ยวกับครอบครัวนี่ยังไง๊ก็มีความสุขเนาะ

โดย: loveTRAVEL1977

วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:0:36:11 น.