ขอนอมน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ตรัสรู้เองชอบพระองค์นั้น
|
|||
คันฉ่องและโคมฉาย - หัวใจเศรษฐี (๓) เปลี่ยนเงินตราเป็นสาธารณประโยชน์ ในอดีต มหาเศรษฐีแสนล้านระดับโลกอย่าง จอห์น ดี ร็อกกี้เฟลเลอร์, แอนดรูว์ คาร์เนกี มหาเศรษฐียุคต้นๆ ของอเมริกา ก็เป็นบุคคลอันดับต้นๆ ของโลกที่มีเงินระดับหมื่นล้านแสนล้านเมื่อกว่าร้อยปีมาแล้ว จอห์น ดี ร็อกกี้เฟลเลอร์ ได้ก่อตั้งมูลนิธิในชื่อของตัวเองขึ้นมาอุปถัมภ์บำรุงกิจการสาธารณกุศลของอเมริกาและทั่วโลก แอนดรูว์ คาร์เนกี มหาเศรษฐีจากธุรกิจด้านการถลุงเหล็กก็เช่นเดียวกัน เขาได้บริจาคเงินของตัวเองจำนวนมหาศาล เพราะเขาเชื่อมั่นว่า ทรัพย์สินของคนรวยควรจะถูกเปลี่ยนเป็นประโยชน์สุขของสาธารณะให้มากที่สุด ด้วยความเชื่อเช่นนี้ ผู้ชายคนนี้ได้อุทิศเงินจำนวนมหาศาล ก่อตั้งห้องสมุดเอาไว้ทั่วโลก ถ้าเราไปพลิกสารานุกรมโลกบางฉบับ ไล่ไปที่ชื่อคาร์เนกี จะเห็นภาพของผู้ชายคนนี้กำลังนั่งก่ออิฐอยู่ในอิริยาบถทำงานก่อสร้าง ใต้ภาพจะมีคำอธิบายว่า มหาเศรษฐีแอนดรูว์ คาร์เนกี กำลังก่ออิฐ เพื่อสร้างห้องสมุดให้เด็กๆ ลองทายสิ เขาสร้างห้องสมุดกี่แห่ง อาตมาสร้างห้องสมุดไปแห่งเดียวเองที่บ้านเกิด ยังรู้สึกภูมิใจมาจนทุกวันนี้ อิ่มอกอิ่มใจว่าตนได้ใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ นี่แค่สร้างห้องสมุดหลังเดียวเอง ส่วนแอนดรูว์ คาร์เนกี สร้างห้องสมุดทั่วโลกกว่า ๓,๐๐๐ แห่ง จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาจะรู้สึกปีติสุขเพียงไรที่ได้มองเห็นความดีที่ตนได้รังสรรค์ฝากไว้ให้แก่มนุษยชาติ ตัวคาร์เนกีเองตายจากโลกนี้ไปแล้วกว่าร้อยกว่าปี แต่ชื่อของเขายังคงอยู่ในสารานุกรมฉบับสำคัญๆ ของโลกทุกฉบับ นอกจากจอห์น ดี ร็อกกี้เฟลเลอร์, แอนดรูว์ คาร์เนกีแล้ว ที่สหรัฐอเมริกายังมีมหาวาณิชอีกคนหนึ่งที่ยกทรัพย์สินก้อนโตของตนให้เป็นกองทุนเพื่อก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในชื่อ พิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็มาจากชื่อของผู้บริจาคเงินที่ชื่อ จอห์น สมิธ.... นั่นเอง กล่าวกันว่า ใครก็ตามที่สนใจใฝ่รู้วิทยาการด้านต่างๆ ของโลก หากได้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว จะต้องยอมรับโดยทั่วกันว่านี่คือพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมไว้ซึ่งภูมิปัญญาของมนุษยชาติที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มหาเศรษฐีอีกคนที่โลกไม่ลืมก็คือ อัลเฟรด โนเบล คนคนนี้ แต่เดิมเป็นพ่อค้าขายระเบิดไดนาไมต์ ที่ร่ำรวยมหาศาลในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและหลังจากนั้น เพราะผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองสร้างขึ้นคือระเบิดชนิดต่างๆ นั้น เป็นที่ต้องการของกองทัพและของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ระเบิดในการบุกเบิกสร้างถนนหนทางและอุตสาหกรรมหนักทั่วโลก แต่ครั้นร่ำรวยมหาศาลแล้ว อยู่ต่อมาโนเบล กลับสุขภาพไม่ดี มีโรคเบียดเบียนหลายโรค ระหว่างที่นอนพักรักษาตัว เขาเกิดสำนึกผิด เพราะพิจารณาเห็นว่า นวัตกรรมที่ตนค้นพบถูกนำไปใช้ในเชิงเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ ก่อนเสียชีวิต จึงไถ่บาปด้วยการเขียนพินัยกรรม ยกมรดกก้อนโตให้ตั้งเป็นกองทุนรางวัลโนเบล เพื่อมอบเงินจำนวนมากให้แก่บรรดาอัจฉริยบุคคลผู้สร้างสรรค์ประโยชน์สุขให้แก่มนุษยชาติด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านแพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ (สันติภาพ) วรรณกรรม เป็นต้น ทุกวันนี้รางวัลโนเบล กลายเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดของโลก ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ยอดคนของโลกพยามยามสร้างสรรค์นวัตกรรมทางปัญญาเพื่อประโยชน์สุขของเพื่อนมนุษย์อย่างแข็งขัน ใครก็ตามที่ได้รับรางวัลนี้จะกลายเป็นบุคคลของโลกเพียงชั่วข้ามคืน แต่ที่เหนือยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ชื่อของอัลเฟรด โนเบล ได้ถูกนิยามใหม่จากเดิมที่เป็นคนบาปกลายเป็นนักบุญไปอย่างไม่น่าเชื่อ คนที่รู้จักคุณค่าที่แท้จริงของเงิน ย่อมมีชีวิตที่มีเกียรติอย่างนี้เสมอ เศรษฐีตัวจริงเป็นอย่างนี้ กล่าวคือ ถ้ามีเงินมหาศาล ต้องรู้จักเปลี่ยนเงิน (โลกิยทรัพย์) เป็นบุญ (อริยทรัพย์) เปลี่ยนทุนเป็นธรรม (ประโยชน์สุขแก่เพื่อนมนุษย์) หรือย่อมรู้จักถือปรัชญา รวยแล้วต้องให้ ได้แล้วต้องแบ่งปัน "ว.วชิรเมธี " |
Thus Spoke Eitthakorna
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ พุทโธ พุทโธ "ใจทั้งปวง จงสงบเย็นเป็นสุขเถิด การกระทำทั้งปวงของเรา จงยังใจทั้งหลายให้สงบเย็นเป็นสุขเถิด ใจที่สงบเย็นเป็นสุขแล้ว ประเสริฐจริงหนอ ใจทั้งปวง จงมีดวงตาเห็นธรรมเถิด..." Group Blog
All Blog
|
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |