ผู้ที่ควรแก่การยกย่องและเคารพ คือผู้ที่ทรงไว้ซึ่งคุณธรรม มิใช่ผู้ที่ทรงอำนาจ แต่ไร้คุณธรรม "ป๋วย อึ้งภากรณ์"
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
ทำงานอย่างไรให้ได้ประโยชน์ มีความสุข และเกิดการเรียนรู้

วันนี้มีข้อมูลแนววิชาการมาฝากกันค่ะ
ข้อมูลจาก มสช - มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ
โดยท่านอาจารย์หมอสมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์

เลขาธิการมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ
ได้กรุณาแบ่งปันความรู้ไว้ใน blog ของท่าน
//gotoknow.org/blog/learningsociety/25139

ใน Blog ที่อ้างอิงเป็นเครดิตไว้ดังกล่าว
อาจารย์หมอพูดถึงเรื่องสังคมความรู้ และเรียนรู้ ค่ะ
ว่าด้วยเรื่องของการทำงาน และการบริหารงาน
แบบ process-oriented เหมือนหรือต่างจาก
การทำงานแบบเน้นผลงาน output-oriented อย่างไร


ท่านได้กรุณาให้หลักคิดไว้อย่างน่าสนใจว่า
สังคมความรู้ถูกพูดถึงเฉพาะในแง่เอาความรู้มาทำเงิน
มีคนอีกมากที่เชื่อว่าความรู้มีไว้แลกเปลี่ยนแบ่งปัน
เพื่อสร้างสังคมที่เรียนรู้ตลอดเวลา
การแลกเปลี่ยนประสบการณ์
น่าจะทำให้คนทำงานด้านนี้ทำงานได้ดีขึ้น
และมีความสุขขึ้น เพราะตัวเองก็ได้ความรู้เพิ่มด้วย


ว่ากันว่าความรู้ที่อยู่ในตัวคนที่เป็นประสบการณ์ชีวิตต่างๆ
หรือที่เรียกว่า ความรู้แฝงเร้น (Tacit Knowledge)
เป็นความรู้ที่ควรถูกนำมาจัดการให้เป็นระบบ
และเป็นแหล่งความรู้ที่จะให้คนอื่นๆ เขาเรียนรู้ได้
หรือที่เรียกว่า ความรู้ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) นะคะ


วันนี้เลยขอนำหลักการของ KM - Knowledge Management มาใช้
โดยนำความรู้ของอาจารย์หมอมาเผยแพร่ให้ทราบกันในวงกว้างขึ้นค่ะ
เผื่อใครจะนำไปใช้เป็นปรัชญาในการทำงาน
ของตนเองหรือกิจการของตนเอง
ก็จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งกิจการและคนทำงานค่ะ

blog นี้ ว่าด้วย กระบวนทัศน์สำคัญในการทำงาน
โดยอาจารย์หมอได้เกริ่นไว้ว่า
"เท่าที่ผมประมวลจากประสบการณ์ส่วนตัว
ผมพบว่าคนเรามักจะมีเป้าหมายในการทำงานอยู่อย่างน้อยสามอย่าง
หนึ่งคือทำงานที่มีประโยชน์
สองคือทำงานแล้วมีความสุข และ
สามคือทำงานแล้วได้เรียนรู้"


เรามาติดตามเนื้อหาดีดี
ที่นำเสนอใน blog นั้นต่อกันไปเลยแล้วกัน

เป้าหมายทั้งสามอย่างนี้ไม่ได้ แยกเด็ดขาดออกจากกัน
แต่ก็ไม่ได้ซ้อนทับเป็นเรื่องเดียวกัน

สิ่งสำคัญก็คือ เรามักไม่รู้ตัวว่า กำลังทำอะไรอยู่
และทำไปแล้วจะได้อย่างที่อยากได้ หรือเปล่า
หรือได้เพียงบางส่วนแต่ไม่ได้อีกบางส่วน

ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะเรามักจะถูกกรอบอะไรบางอย่าง
มากำหนดให้เราต้องทำงาน ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
โดยที่คนที่บอกให้เราทำแบบนั้น
เขาเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ดี และสิ่งที่ควรทำ
โดยเขาก็ไม่รู้ว่า ถ้าทำแบบนั้นแล้วมันจะได้ประโยชน์
เกิดความสุขในการทำ และเกิดการเรียนรู้ มากน้อยเพียงไรหรือไม่

ขอยกตัวอย่างเรื่องยอดฮิต คือการทำให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ซึ่งการกำหนดเป้าหมายก็ทำได้หลากหลายรูปแบบ
ยกตังอย่างเช่นกำหนดเป็นวัตถุประสงค์ (objectives)
เป้าหมายที่วัดได้ (targets) หรือสมัยนี้ก็จะเรียกให้เท่ห์ขึ้นไปอีกว่า
ผลงาน (performance) หรือ ตัวชี้วัดผลงานหลัก (KPI)
โดยส่วนใหญ่เราก็จะต้องกำหนดให้ชัดว่า
เป้าหมายที่อยากได้คืออะไร และวัดได้ยังไง

การทำงานให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
เพราะเราอาจจะบอกว่าเป้าหมายคือได้ทั้งผลงาน
ได้ทั้งความสุขของคนทำงาน และได้ทั้ง ความรู้ (หรือการเรียนรู้)

แต่ปัญหามันเกิดขึ้นตรงที่ว่า
มีเป้าหมายหลายอย่างที่เราวัดไม่ได้

เราก็เลยลืมเป้าหมายเหล่านั้น
ไม่พูดถึงมัน หรือไม่ก็เลยพาลบอกตัวเองว่าไม่สำคัญ

ก็เอาง่ายๆอย่าง KPI
ในยุค องค์กรแห่งการเรียนรู้ ดูก็คงเห็น
ถ้าเราอยากได้องค์กรแห่งการเรียนรู้
KPI ตัวหนึ่งก็ต้องเป็น "การเรียนรู้"
แต่เนื่องจากมันวัดยาก
เวลากำหนด KPI เราก็เลยไม่ได้กำหนด
แล้วก็เลยกลายเป็นว่า เราไม่ต้องไปสนใจ
ยิ่งถ้ามีเวลาน้อย งานมาก คนน้อย
อยากให้เสร็จเร็วๆ สิ่งที่อยากวัด แต่ไม่ได้กำหนดไว้ก็จะถูก "ทิ้งไป"

คนทำงานก็คงงงหน่อยๆว่าตกลงจะเอาอะไรกันแน่
ปากก็ว่าจะส่งเสริมการเรียนรู้ แต่เอาเข้าจริงก็
เอาแต่เป้าหมายที่เขียนในกระดาษ
ที่ดูเหมือนจะไกลจากการเรียนรู้
นี่ไม่นับข้อเท็จจริงอีกข้อที่ว่า
ตัวชี้วัดมันเป็นแค่ตัวแทนของผลงานที่พึงจะเกิดขึ้น
และบางทีก็เลือกตัวชี้วัดได้ไม่ดี มันก็เลยกลายเป็นว่า
ทำแค่ไม่กี่เรื่องก็ได้ตามตัวชี้วัด
แต่ไม่ได้งานที่เป็นประโยชน์จริิงจัง์อย่างที่ตั้งใจไว้
เช่น อยากให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตดี
แต่ KPI คือจำนวนชมรมผู้สูงอายุ

แต่ไม่ว่าคุณจะทำงานตามตัวชี้วัดแค่ที่ให้มา
หรือทำโดยพยายามให้ตัวเองได้เกิดการเรียนรู้
โดยไม่ได้สนใจแค่เป้าหมาย หรือตัวชี้วัดที่ตั้งไว้
คุณก็อาจจะไม่มีความสุข ถ้าคุณมองหาความสุขจากการทำงานไม่เป็น


เรื่องการมองหาความสุขจากการทำงาน
เป็นเรื่องยาวอีกเรื่องที่น่าจะมีการคุยกัน
มีข้อสังเกตแค่สั้นๆว่าคนที่รู้จักเอา success story มาเล่า
น่าจะจัดเป็นพวกหาความสุขจากการทำงานเจอได้ไม่ยาก

กลับมาเรื่อง การไม่ทำงานตามเป้าหมาย
เหมือนกับการทำงานแบบ process-oriented หรือเปล่า

ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องเดียวกัน แต่ใกล้เคียง

ที่ว่าอย่างนั้นก็เพราะ process การทำงานนั้น
ที่จริงก็เป็นเป้าประเภทหนึ่ง และอย่างที่บอกไว้
(อาจารย์หมอบอกไว้ตรงไหนหว่า ?)
ในกรณีการทำเรื่อง การพัฒนาคุณภาพไม่ว่าจะเป็นเรื่อง HA, ISO
ก็ล้วนแต่พยายาม เอาสิ่งที่เรียกว่า "กระบวนการทำงาน"
มาเป็นเป้าหมายประเภทหนึ่งทั้งสิ้น

พูดง่ายๆคือ คนที่เชื่อเรื่อง process-oriented
เขาไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการตั้งเป้า และการวัดให้ได้ตามเป้า

เพียงแต่เขาเรียกร้องให้มีการวัดสิ่งที่เรียกว่า "กระบวนการทำงาน" ด้วย
ไม่ใช่วัดแค่ผลงานสุดท้ายอย่างเดียว

เพราะเขาเชื่อว่ากระบวนการทำงานสำคัญต่อเป้าหมายสุดท้าย
ไม่ใช่ว่าทำอะไรก็ได้ ขอให้ได้เป้าสุดท้ายก็แล้วกัน
(อย่าง ทำไงก็ได้ขอให้รวยก็แล้วกัน - อย่างนี้ก็คงไม่ถูก
ต้องดูกระบวนการด้วย ไม่ใช่ไปทุจริตฉ้อโกงเขามาแล้วรวยนะ)


ดังนั้นพวกที่เชื่อเรื่อง process-oriented
จึงเป็นแนวร่วมกับพวกที่เรียกร้องให้ "ทำงานไปด้วย เรียนรู้ไปด้วย"
หรือพวกที่เรียกร้องให้ทำงานอย่างมีคุณภาพนั่นเอง

ไม่ใช่สักแต่ว่าทำให้ได้เป้าหมายโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพ
พวกที่เคยเชื่อเรื่อง output-oriented
ก็ชักจะเห็นด้วย และพยายามหา ตัวชี้วัดที่จะสะท้อน
กระบวนการทำงานที่ดี รวมทั้งหาวิธีที่จะวัดโดยไม่ยากจนเกินไปนัก
ซึงน่าจะถือเป็นข่าวดี ของการบริหารงาน
ที่จะเปิดโอกาสให้สนใจกับกระบวนการทำงาน
และอาจจะทำให้คนทำงานมีโอกาสในการเรียนรู้มากขึ้น
หรือมีโอกาสที่จะค้นพบความสุขจากงานที่ทำได้มากขึ้น

เพราะคนที่ทำงานโดยเอาเป้าที่เป็น output เป็นหลัก
มักจะรู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่ดี ถูกเร่งรัด
หรือมีฐานะเหมือนเป็นเฟืองเล็กๆที่ต้องหมุนติ้วตลอดเวลา


เชื่อกันว่าถ้า วงการบริหารหันมาให้ความสนใจ
กับแนวคิดเรื่อง process-oriented ให้มากขึ้น
โดยไม่ทอดทิ้งแนวคิดเรื่อง output-oriented อย่างสิ้นเชิง
จะทำให้งานมีคุณภาพดีขึ้น และคนในองค์กรพบความสุข และเกิดการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น

นี่แหละค่ะคือสาระดีดีที่อาจารย์หมอสมศักดิ์ เขาบันทึกเอาไว้
เราเลยถือโอกาสเอามาเผยแพร่ให้กว้างไกลยิ่งขึ้น

อาจารย์หมอยังบอกต่อไปอีกว่า
ในฐานะที่เป็นผู้บริหารองค์กร ผมจะบอกว่า
ผู้็บริหาร(รวมทั้งหัวหน้าในระดับต่างๆไม่ใช่แค่ผู้็บริหารสูงสุดคนเดียว)
ก็คงต้องลงไปประเมินให้ดี ว่ากระบวนการทำงานที่ลูกน้อง
ไปใช้เวลาหรือให้ความสำคัญนั้นมันเกิดประโยชน์หรือเปล่า

ถ้าเป็นกระบวนการที่สำคัญ และต้องทำ
แต่ทำให้ต้องใช้เวลามากขึ้น
และถ้าทำด้วยคนเท่าเดิมจะไม่ได้ผลงานตามจำนวนที่วางไว้
ก็ต้องปรับเป้า หรือไม่ก็ปรับจำนวนคน

อาจารย์สรุปว่าถ้าจะเอาประโยชน์ของงาน
ทำแบบ output-oriented ดีๆ ก็ได้ประโยชน์ได้

แต่ถ้าอยากได้ การเรียนรู้ และความสุขในการทำงานของคนทำงานด้วย
น่าจะต้องเสริมด้วยแนวคิด process-oriented


คนทำงาน คนเป็นหัวหน้างานอ่านเรื่องนี้แล้ว
ก็อย่าลืมนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานด้วยนะคะ
จะได้ทั้งผลงานและความก้าวหน้า
รวมทั้งความสุขในการทำงานด้วยไงค่ะ

สำหรับวันนี้จบดีกว่า
เดี๋ยวอาจารย์เจ้าของความรู้ตัวจริง ตามมาอ่านเจอ อิอิ

อ้อ เกือบลืมไปขอบคุณอาจารย์หมอสมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์
ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะเจ้าคะ






Create Date : 13 พฤษภาคม 2550
Last Update : 3 กันยายน 2551 13:25:55 น. 25 comments
Counter : 676 Pageviews.

 
เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้ครับผม

ชื่นชมผู้ที่มีการเรียนรู้ไม่รู้จบครับ


โดย: เคมีรามคำแหง วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:55:26 น.  

 
เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้ดีๆ ครับ ขอบคุณคุณหอมกรมากที่เอามาแบ่งปันนะครับ ได้ประโยชน์มากๆ เลย

อ้อ...ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมกันด้วยครับ


โดย: Due_n วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:04:37 น.  

 
ขอบคุณนะคะสำหรับบทความดีๆ

แวะมาทักทายวันหยุด

ขอให้มีความสุขกับวันหยุดค่ะ


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:05:51 น.  

 
เป้าหมาย และคุณภาพมันต้องมาพร้อมกันเสมอค่ะ ทุกอย่างถึงจะดีและเรียกว่าลงตัว


โดย: JewNid วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:58:05 น.  

 
เฮ่อ...ตาแฉะแร้ววววววว


โดย: smack วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:31:36 น.  

 

เห้อ อยากให้องค์กรเราได้ศึกษาบ้าง





โดย: mooemp วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:05:06 น.  

 
ขอบคุณที่นำความรู้ดีๆมาฝากกันค่ะ



โดย: เยี่ยมรุ้ง วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:23:50 น.  

 

มาเก็บเอาความรู้ค่ะ ขอบคุณที่นำมาฝากนะค่ะ


โดย: whitelady วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:04:51 น.  

 
หนึ่งคือทำงานที่มีประโยชน์ => น่าจะมีนะ

สองคือทำงานแล้วมีความสุข => มีบ้าง ไม่มีบ้างแล้วแต่สถานการณ์ค่ะ

สามคือทำงานแล้วได้เรียนรู้ => เยอะมาก บางทีมากจนน้ำล้นแก้วเลยก็มีค่ะ เผอิญทำงานกับเทคโนโลยีที่ไม่มีวันหยุดยั้ง ต้องติดตามมันไปทุกหนทุกแห่ง จริง ๆ บางทีก็ไม่อยากตาม แต่มันจำเป็น

เบื่อคำว่า KPI , SLA จริง ๆ เลย นุทต้องทำงานอยู่ภายใต้ SLA ที่ว่า คือ ต้องแก้ไขเหตุเสียให้เสร็จภายในเงื่อนเวลาที่เค้ากำหนด แก้ไม่ทันก็สอบตก

พรุ่งนี้ไปทำงานแล้ว ขอให้ทำงานอย่างมีความสุข มีประโยชน์ และได้เรียนรู้นะคะ


โดย: ปุ๊กกี้&คิตตี้ (ปุ๊กกี้&คิตตี้ ) วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:20:19 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ (แล้วก็ขอบคุณที่ไปเยี่ยมบล็อกเจี๊ยบนะคะ )


โดย: Peter en Jeab วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:59:04 น.  

 
อรุณสวัสดิ์จ้า...

น๊อกๆๆ มีเจ้าบ้านอยู่ไหม ??

แวะมากระซิบว่า คิดถึงนะจ๊ะ...
สนุกกับการทำงานนะจ๊ะ...

ไปละ
ซาแว๊ปปปปปป


อุ้ย ลืม จุ๊ฟฟฟฟฟฟฟฟ


โดย: ดอกหญ้าเมืองเลย วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:57:04 น.  

 
แวะมาเพิ่มความรู้ค่ะ ได้ยินบ่อยๆเลย KM เนี่ย


โดย: mintini วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:21:24 น.  

 
อิ อิ กลับมาบอกว่าที่บ้านเรามี หัวใจกับมิตรภาพ เป็นของตัวเอง

ของแต่งบ้านได้ความอนุเคราะห์จากเพื่อนๆทั้งนั้น

แวะมาทักทายค่ะ

ขอให้มีความสุขกับวันจันทร์นะคะ


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:59:25 น.  

 
อ่านผ่าน ๆ จนจบ

แค่เห็นคำว่า KPI ก็สแลงแล้วครับ

ไม่รู้ว่าถ้าออกสอบจะทำข้อสอบได้ไหม? ท่านอาจารย์หอมกร อย่าออกข้อสอบยากมากนะครับ เดี๋ยวผมทำไม่ได้นะ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:10:35 น.  

 
สบายดีหรือป่าวครับ.....
แวะมาแปะ tag ใมห่ครับ มารับไปด้วยนะครับ


โดย: ทัน (ราม-ไทย-จีน ) วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:41:20 น.  

 
วันจันทร์งานเย๊อะมั้ยคะ

ฝนตกอีกแล้ว ที่คุณหอมกรอยู่ตกป่าวคะ(ชอบตกเวลาเลิกงานทุกที)


โดย: pataramin วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:26:22 น.  

 
อ่า นุทสนใจเรื่องความสวยความงามแล้วผิดตรงไหนเหรอคะ

ประเทศชาติก็ประเทศชาติ นุทก็ตั้งใจทำงาน ตั้งใจแก้ปัญหา ทำงานให้ได้ตาม KPI แถมเสียภาษีต่อปีเยอะมากด้วยอ่ะ

นุทว่า ความสนใจของคนเรามีหลากหลายนะคะ เราสนใจทั้งการบ้าน การเมือง และ การมุ้ง การเมืองก็ยังสนใจอยู่ แต่ไม่อยากใช้คำว่าบ้า อยากใช้คำว่า สนใจมากกว่า ความสวยความงาม เราก็สนใจ หนังสือ หนัง เราก็สนใจ

ป.ล. ไม่ได้โกรธพี่หอมนะคะ แต่แวะมาชี้แจงอ่ะจ้ะ

ป.ล. 2 คนเราต่างจิตต่างใจค่ะ ยอมรับคำวิพากษ์ได้ และอีกฝ่ายก็ต้องเข้าใจอีกฝ่ายด้วย


โดย: ปุ๊กกี้&คิตตี้ (ปุ๊กกี้&คิตตี้ ) วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:46:04 น.  

 
มาหลายทีแหละ แต่เข้ามาคอมเม้นท์ไม่ได้
เพราะว่า ไม่ค่อยได้ล็อคอินง่ะ

วันนี้มีเวลามาเยี่ยมจ้า
คิดถึงจังเลย ฝนตกเหงามั้ย
เดือนหน้า มิถุนายน ทั้งเดือนคงไม่ได้เข้าบล็อคเลยล่ะ
มีคิวถ่ายหนังเต็มเดือนเลย
ไปสระบุรีอีกแล้ว
กลับมาอีกที ต้นเดือนกรกฎาคมเลยละ

ไว้ค่อยกลับมาตอนฉลองวันเกิดเลยดีกว่านิ....คริคริ


โดย: angel_exx (ALFA-TANGO ) วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:31:37 น.  

 

แวะมาทักทายก่อนเลิกงานนะคุ





โดย: mooemp วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:23:29 น.  

 


โดย: wbj วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:33:54 น.  

 


เด๋วกลับมาอ่านใหม่น้า
ตอนนี้ดึกแว้วว...


โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:30:17 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณหอมกร อ้อยชอบมากค่ะ เพราะว่าอ่านแล้วก็ได้คิด ในแง่มุมหนึ่งซึ่งเราไม่รู้และไม่เคยคิดในเรื่องนี้ เขาสอนได้ดีมากๆค่ะ ได้มุมมองอีกมุมมองกับเรื่อง ความรู้ ซึ่งขอบคุณมากค่ะกับเรื่องราว เนื้อหา ความรู้ที่ทำให้เราได้อ่าน ได้ศึกษาได้แง่คิดและมุมมอง ค่ะ


โดย: Hawaii_Havaii วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:00:25 น.  

 
อรุณสวัสดิ์จ้า...

ตื่นหรือยังน๊า....

เอาหน้าสวยๆๆมาเยี่ยมจ้า..(พูดมาได้ไงเนี่ย..)


ขอบคุณนะ..อ่านแล้วนะ...แวะมาอ่านสามรอบถึงจบ..
จริงๆๆ เลยหนูนะ..ไม่น่ารักเลยนะ..
ได้ข้อคิดดีนะคะ...

ไปละจ๊ะ..
ต้องออกไปข้างนอก..แวะมาเยียมพี่เป็นบล็อคสุดท้ายของบ่ายวันนี..

ซาแว๊ปปปป


โดย: ดอกหญ้าเมืองเลย วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:4:30:31 น.  

 


โดย: หอมกร วันที่: 16 มีนาคม 2566 เวลา:21:55:40 น.  

 


โดย: หอมกร วันที่: 16 มีนาคม 2566 เวลา:21:55:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หอมกร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 64 คน [?]




ทำงานราชการมีจิตใจรักชาติไม่น้อยกว่าใคร จากเดิมทำบล็อกหลากหลายที่ตนเองสนใจ ปัจจุบันเน้นแปะเรื่องราวจากภาพยนตร์ไว้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเพื่อการตัดสินใจไปดู
Hello ! Hello ! Hello ! ขอบคุณสำหรับการเยี่ยมเยียนจ้า
Friends' blogs
[Add หอมกร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.