อภินิหารตำนานเจ้าสมุทร
จขบ. ขอแอบฉลอง 200 บล็อกของตนเอง ด้วยการแนะนำดูหนังครอบครัว อภินิหารตำนานเจ้าสมุทรค่ะ ชื่อเป็นมงคลดีแท้กับบล็อกที่สองร้อยบล็อกนี้ ด้วยถ้อยคำสิริมงคล โอ้ "อภินิหาร" มันช่างเป็น "ตำนาน" ระดับ "เจ้า" จริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าเราจะสามารถร้อยเรียงถ้อยคำ ทั้งของตนเองและที่นำมาฝากกัน จากที่อื่นๆ เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำได้มากมายขนาดนี้ นับจากวันเริ่มต้น เมื่อเดือนกันยายน 2549 ใครที่มีบล็อกเกินสองร้อยอย่าเพิ่งเลี่ยนนะคะ คนมันไม่เคยต้องขอเห่อกันหน่อยหละค่ะ แหมครบสองร้อยทีมีครั้งเดียวนะจ๊ะ
ช่วงปิดเทอมใหญ่ของเด็กๆ อย่างนี้เป็นธรรมดาค่ะที่เจ้าของกิจการโรงหนัง มักจะนำหนัง Fantasy หนังแนวครอบครัว มาฉายในโรงให้ได้ดูกัน ดังนั้นจึง มีโอกาสแนะนำหนังแนวครอบครัวไว้ในบล็อกในช่วงวันหยุดกันมากหน่อยค่ะ
ชื่อเรื่อง : The Water Horse: Legend of the Deep กำหนดฉาย : 27 มีนาคม 2551 แนว : ผจญภัย-แฟนตาซี นักแสดง : เอมิลี่ วัตสัน, อเล็กซ์ อีเท็ล, เบน แชปพลิน, เดวิด มอร์ริซซี่, ไบรอัน ค๊อกส์ กำกับโดย : เจย์ รัสเซลล์ บทภาพยนตร์โดย : โรเบิรต์ เนลสัน จาคอบส์ จากหนังสือ : The Water Horse โดย ดิค คิง-สมิธ (แปลกจังหนังสือเรื่องนี้ไม่เห็นใครแปลเป็นฉบับภาษาไทยให้อ่านเลย)
ผลงานจากความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ระหว่าง โซนี่ พิคเจอร์ส, เรฟโวลูชั่น สตูดิโอ, ผู้กำกับเจ้าของรางวัล อเคเดมี่ อวอดส์ (ออสการ์) และทีมผู้สร้างสเปเชี่ยล เอ๊ฟเฟ็ค ผู้อยู่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่อลังการของมหากาพยน์ภาพยนตร์ The Lord of the Rings และ The Chronicles of Narnia สู่การสร้างมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นอีกครั้งในภาพยนตร์ผจญภัย แฟนตาซี สุดตระการตาใน The Water Horse: Legend of the Deep การผจญภัยเหนือจินตนาการเริ่มต้นขึ้นเมื่อ แอนกัส เด็กน้อย ชาวสก๊อตแลนด์ ค้นพบ "ไข่" พิศวง เขาตัดสินใจนำมันกลับบ้าน โดยไม่รู้ว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับ "วอเตอร์ฮอสส์" สัตว์ลี้ลับ ในตำนานทะเลสาบสก๊อตแลนด์ การตัดสินใจครั้งนั้น นำพาเขาไปสู่เส้นทางการค้นพบสุดอัศจรรย์ และการผจญภัย ที่เต็มไปด้วยอันตรายรออยู่เบื้องหน้า เด็กน้อยต้องเสี่ยงชีวิต เพื่อรักษาความลี้ลับใต้ท้องทะเลสาบนี้ ก่อนที่ "วอเตอร์ฮอส" จะกลายเป็นแค่ตำนานไปจริงๆ ที่มา : hilight.kapook.com
เกี่ยวกับภาพยนตร์ เราอยากจะเชื่ออย่างเหลือเกินว่ายังมีเวทมนตร์ในโลกใบนี้ ซึ่งมันเป็นสาเหตุที่ทำให้ตำนานล็อคเนสกระตุ้นจินตนาการของเรา มารุ่นแล้วรุ่นเล่าครับ เจย์ รัสเซล ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง The Water Horse: Legend of the Deep กล่าว
ผมมองหาเรื่องราวที่จะถ่ายทอดเกี่ยวกับจิตวิญญาณมนุษย์ ผมทึ่งกับที่ทางของเราบนโลกใบนี้และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายทั้งปวง ที่อยู่ร่วมโลกกับเรา ว่าพวกเราส่งผลกระทบต่อชีวิตของอีกฝ่าย อย่างไรบ้าง ด้วยความที่ว่าเรื่องเล่านี้มีธีมสากลของเวทมนตร์ และมิตรภาพ มันก็เลยเหมาะกับคนทุกวัย มันเป็นหนังสำหรับทุกคน จริงๆ ในระดับหนึ่ง มันเป็นหนังสำหรับเด็กๆ เป็นหนังสำหรับ พ่อแม่ในระดับหนึ่ง และเป็นหนังสำหรับคุณปู่คุณย่าในอีกระดับหนึ่งด้วย
ผมตื่นเต้นจริงๆ ที่มีโอกาสได้แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพของ แองกัสกับครูโซครับ อเล็กซ์ เอเทลกล่าว นักแสดงตัวน้อย ที่ก่อนหน้านี้โด่งดังจากบทนำใน Millions รับบทเด็กชาย ชาวสก็อตที่พบครูโซและเลี้ยงสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ตัวนี้ขึ้นมาจนเติบใหญ่ ภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ แองกัสเป็นเด็กที่แปลกแยกจากคนอื่น เขาเก็บเนื้อเก็บตัว พอเขาได้พบครูโซ เขาก็ดีใจที่ได้มีเพื่อนใหม่ แต่เขาก็ตื่นเต้นที่ได้มีความลับ มันเป็นมิตรภาพที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขาครับ
สำหรับรัสเซล มิตรภาพนั้นดำเนินขนานไปกับแง่มุมสำคัญในชีวิตของแองกัส ความสัมพันธ์ระหว่างแองกัสกับม้าทะเลสาบสำคัญอย่างยิ่งยวดเพราะยิ่ง มันเติบโตขึ้นเท่าไหร่ มันก็กลายเป็นสัญลักษณ์แทนความสัมพันธ์อันงดงาม ที่ครั้งหนึ่งแองกัสเคยมีกับพ่อของเขามากขึ้นเท่านั้น ผู้กำกับตั้งข้อสังเกต ครูโซช่วยให้เขาก้าวพ้นวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ นั่นเป็นความเรียบง่ายของ เรื่องราวนี้ครับ มันเป็นวิธีวิเศษสุดในการบอกเล่าเรื่องราวของการที่ เด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นและยอมรับความเป็นจริงของชีวิต
ดิค คิง-สมิธ ผู้เขียนหนังสือ The Water Horse ซึ่งกลายเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ กล่าวว่าเขายินดีเป็นพิเศษที่ได้ถ่ายทอด เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเด็กชายตัวน้อยกับโลกรอบตัวเขา ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้คนสนใจเรื่องราวนี้คือความลึกลับครับ เขากล่าว ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าม้าทะเลสาบมีอยู่จริงรึเปล่า ไม่มีใครรู้ว่า หน้าตามันเป็นยังไง คุณสามารถปล่อยจินตนาการตัวเองให้โลดแล่นได้ ผมคิดว่านั่นคือความสนุกของมันครับ ผมคิดว่าเสน่ห์ของเรื่องราวนี้คือ ความเรียบง่าย มันเป็นเรื่องราวตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่างครอบครัวของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดตัวหนึ่ง และผลกระทบที่มันมีต่อครอบครัวนั้นน่ะครับ
ในการเนรมิตชีวิตให้กับสิ่งมีชีวิตพิเศษนี้ ทีมผู้สร้างได้เรียกใช้งาน ทีมงานสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ที่เวตา เวิร์คช็อปและเวตา ดิจิตอล ผู้ซึ่ง ก่อนหน้านี้เคยสร้างเอฟเฟ็กต์ให้กับภาพยนตร์เรื่อง Lord of the Rings The Chronicles of Narnia และ King Kong มาแล้ว
ริชาร์ด เทย์เลอร์ ผู้ดูแลเวิร์คช็อปแห่งเวตา เวิร์คช็อปกล่าว เราได้สร้างสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ ที่งดงามแบบนี้ แต่การที่มันเปลี่ยนแปลงไป ระหว่างการดำเนินเรื่องและเติบโตจนกลายเป็นม้าทะเลสาบวัยโตเต็มวัย เปิดโอกาสทองในการออกแบบให้กับเราเราสามารถพูดคุยปรึกษากับ เจย์ รัสเซลและทีมงานในการสร้างบางสิ่งที่พิเศษสุดให้กับหนังที่น่ารักมากๆ
ผู้อำนวยการสร้างแบร์รีย์ เอ็ม. ออสบอร์น ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้เคยร่วมงาน กับเวตามาแล้วในฐานะผู้อำนวยการสร้างไตรภาค Lord of the Rings ได้กลับสู่นิวซีแลนด์เพื่อรับหน้าที่เดียวกันนี้ในภาพยนตร์เรื่อง The Water Horse ออสบอร์นเห็นพ้องด้วยว่า รัสเซล ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยกำกับภาพยนตร์สำหรับครอบครัวที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงเรื่อง My Dog Skip และ Tuck Everlasting เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ในการเนรมิตชีวิตให้กับม้าทะเลสาบ ออสบอร์นกล่าวว่า เช่นเดียวกับในภาพยนตร์เหล่านั้น แกนกลางของ The Water Horse คือเรื่องราวอ่อนโยนเกี่ยวกับการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ หนังเรื่องนี้ บันทึกการเติบโตของหนุ่มน้อยคนนี้ครับ เขาอธิบาย เขาทำใจได้กับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ และด้วยเพื่อนของเขา ด้วยสิ่งมีชีวิตตัวนี้ เขาได้ค้นพบความหวัง ความงามและชีวิตในอีกแง่มุมหนึ่ง
การคัดเลือกนักแสดง ศูนย์กลางของ The water Horse คือแองกัส เด็กชายตัวน้อย ชาวสก็อตติช ผู้ผูกมิตรกับสิ่งมีชีวิตตามชื่อเรื่อง ผู้กำกับเจย์ รัสเซล เคยเห็นอเล็กซ์ เอเทลรับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง Millions ของ แดนนี บอยล์มาก่อน และติดต่อขอพบเขาในอังกฤษ พอผมจับกล้องไปที่เขา เขาก็ทำให้หน้าจอสว่างไสวขึ้นมา ผมรู้ทันทีเลยว่าเขาเป็นคนที่เราต้องการ รัสเซลเล่า มันไม่ได้เป็นแค่การค้นหานักแสดงที่มีประสบการณ์เท่านั้น ในการทำงานกับนักแสดงเด็ก ไม่มีใครมีประสบการณ์ เยอะแยะหรอกครับ คุณต้องมองหาอย่างอื่น ความหนักแน่น ความน่าเชื่อภายใต้การแสดงนั้นน่ะครับ อเล็กซ์มีสิ่งนั้น และผมก็รู้ว่า เขาเพอร์เฟ็กต์สำหรับบทนี้
เบน แชปลิน นักแสดงผู้ได้เข้าฉากสำคัญๆ กับอเล็กซ์ กล่าวชมเชย นักแสดงเด็กผู้นี้ว่า ไม่มีเด็กอายุ 11 ปีคนไหนที่ผมจะอยู่ด้วย อย่างสนุกสนานและรู้สึกสบายใจเท่าเขาอีกแล้วครับ แชปลินกล่าว เขาฉลาด กระตือรือร้น คล่องแคล่วและหัวไว เราผูกพันกัน มากกว่าตัวละครของเรา หรืออย่างน้อยที่สุด มันก็เป็นความผูกพัน ที่เปิดเผยและแสดงออกมากกว่าน่ะครับ ผมหวังว่ามันจะปรากฏ ให้เห็นเพราะเขาเป็นนักแสดงชั้นเยี่ยมจริงๆ ครับ
ผู้รับบทแอนน์ แม่ของแองกัส คือเอมิลี วัตสัน นักแสดง ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด ผมมีนักแสดงเพียงคนเดียวในใจสำหรับบทนี้ และเธอคนนั้นก็คือ เอมิลี วัตสันครับ เจย์ รัสเซล กล่าว เอมิลีคือคนคนนั้น ถ้าเธอปฏิเสธ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะทำยังไงดี เธอมักจะใส่เอาความซับซ้อนแบบที่ไม่ใช่การแสดง หรือคำพูดที่โอเวอร์เข้าไปในบทบาทของเธอครับ
ฉันคิดว่า The Water Horse ดำเนินไปตามขนบของนิทานสำหรับเด็ก แต่ก็มีแบ็คกราวด์ที่สมจริงค่ะ วัตสันกล่าว ฉันคิดว่าเด็กๆ เข้าใจดีว่า มันเสี่ยงแค่ไหน สำหรับแอนน์ ตัวละครของฉัน การปล่อยให้แองกัสใช้ชีวิต ในโลกแฟนตาซี ง่ายกว่าการให้เขาเผชิญกับความเจ็บปวดในชีวิตค่ะ
การเนรมิตชีวิตให้ครูโซ แน่นอน มีตัวละครอีกตัวหนึ่งที่จะปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้ นั่นคือ ครูโซ ตัวละครตามชื่อเรื่อง หน้าที่สำคัญในการเนรมิตชีวิต ให้ครูโซตกเป็นของเวตา ดิจิตอลและเวตา เวิร์คช็อป ผู้รับผิดชอบ เอฟเฟ็กต์ในไตรภาค Lord of the Ring, King Kong และ The Chronicles of Narnia ด้วยความที่ว่ามันเป็นตัวละครที่สำคัญ ต่อหนังมาก สิ่งหลักๆ ที่เราต้องทำคือการกำหนดลักษณะนิสัยของมัน โจ เล็ทเทอรี ซีเนียร์ ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ กล่าว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราอยากให้มันเป็นสัตว์จริงๆ มันจะต้องมี ลักษณะนิสัยเฉพาะตัว แต่เราไม่อยากทำให้มันเหมือนมนุษย์ สิ่งที่สำคัญมากๆ อีกอย่างหนึ่งก็คือ เราอยากสื่อสารความคิดที่ว่า ครูโซเป็นสิ่งมีชีวิตที่แองกัสสามารถมองเห็นตัวเองในนั้นได้ครับ
หนังเรื่องนี้ทำให้เราต้องทำในสิ่งที่คนไม่เคยเห็นมาก่อนครับ เล็ทเทอรีกล่าวเสริม แผนกสเปเชียล เอฟเฟ็กต์มีบทบาทสำคัญ อย่างยิ่งระหว่างการถ่ายทำเพราะครูโซจะต้องกลมกลืนกับ สิ่งแวดล้อมจริงๆ หลายอย่าง ทุกอย่างที่พวกเขาทำกับแสง ปฏิสัมพันธ์กับน้ำ การขยับเขยื้อนสิ่งต่างๆ ในกองถ่าย สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้นช่วยทำให้เกิดความรู้สึกที่ว่า ครูโซอยู่หน้ากล้องจริงๆ ตอนที่ถ่ายทำซีนนั้นครับ
ขั้นตอนแรกในกระบวนการนั้นคือการออกแบบสิ่งมีชีวิตในตำนานนี้ ด้วยความที่ไม่เคยมีใครเห็นม้าทะเลสาบมาก่อน ทางเลือกจึงเปิดกว้าง รัสเซลกล่าวว่า ตอนที่ผมนั่งออกแบบมันกับแมท ค็อดด์ ดีไซเนอร์ คอนเซ็ปต์ของครูโซ เรามองดูสัตว์และสิ่งมีชีวิตหลากหลายประเภท เรารู้สึกว่า ด้วยความที่ว่าเรากำลังสร้างตำนานนี้ในแบบของเราเอง เราก็เลยอยากได้สิ่งที่มีเอกลักษณ์ ในภาพวาดคอนเซ็ปต์เริ่มแรก ของตัวละครตัวนี้ เราใช้สัตว์ประมาณหกชนิดมาเป็นแบบในการวาด หน้าและตัวของครูโซ ถ้าคุณมองภาพวาดคอนเซ็ปต์เริ่มแรกดีๆ คุณจะเห็นว่ามันมีดวงตาเหยี่ยวและจมูกเหมือนม้า มันมีความเป็นสุนัขในนั้น มีไดโนเสาร์ มียีราฟนิดๆ ด้วยซ้ำไป เพราะเราอยากให้ผู้ชมมีความรู้สึก แปลกๆ ที่ทำให้พวกเขาคิดว่า ฉันเคยเห็นสิ่งมีชีวิตแบบนี้มาก่อนนะ แต่ฉันไม่แน่ใจว่ามันคือตัวอะไร น่ะครับ นอกเหนือจากนั้น ด้วยความที่ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ติดตามครูโซขณะที่มันเติบโตขึ้น ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ จากวัยทารกสู่วัยผู้ใหญ่ ทีมงานก็เลยต้องออกแบบขั้นตอนการเติบโต หลายขั้นตอนให้กับมัน จิโน อาเซเวโด ผู้กำกับศิลป์ฝ่ายสิ่งมีชีวิต ผู้รับหน้าที่ซูเปอร์ไวเซอร์อาวุโสฝ่ายอวัยวะเทียม กล่าวว่าแบบดีไซน์เหล่านี้ มีองค์ประกอบที่โดดเด่นหลายอย่างเพื่อที่ว่าผู้ชมจะได้รู้ว่า พวกเขากำลังดูสิ่งมีชีวิตตัวเดียวกันในแต่ละซีน เรากำหนดสีสันและ ลักษณะเด่นให้กับมัน เพื่อที่ว่ามันจะได้มีลักษณะบางอย่างติดตัว ขณะที่เติบโตขึ้น ไปจนถึงตอนจบของเรื่องครับ
อย่างไรก็ดี ครูโซเองก็เปลี่ยนแปลงไปขณะที่มันเติบโตขึ้นเช่นกัน เจย์อยากให้มันตอนเป็นทารกมีสีอ่อนหน่อย แล้วสีจะค่อยๆ เข้มขึ้น เมื่อมันโตขึ้นครับ อาเวเซโดตั้งข้อสังเกต ตอนที่มันกลายเป็นวัยรุ่น ไขมันตอนเล็กๆ จะหดหายไป และตัวมันก็เริ่มยืดขยายขึ้น มันมี กล้ามเนื้อชัดเจนมากขึ้น พอเราสร้างครูโซที่เป็นผู้ใหญ่ ผิวหนังมัน ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างงดงาม ด้านบนจะเข้มแล้วไล่ลงมาเป็นสีอ่อน
นอกเหนือจากนั้น ครูโซก็จะแสดงอารมณ์ออกมาในลักษณะคล้ายๆ กัน ด้วยความที่ครูโซพูดไม่ได้ ความรู้สึกของมันจะแสดงออกทางแววตาครับ อาเซเวโดกล่าว อนิเมเตอร์เริ่มต้นงานของพวกเขาก่อนหน้าที่การถ่ายทำ จะเริ่มต้นขึ้น ในการทดสอบว่าครูโซจะประพฤติปฏิบัติอย่างไร พวกเขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักแสดงผู้ซึ่งระหว่างการถ่ายทำ จะต้องโต้ตอบกับหุ่น (ซึ่งภายหลังจะถูกแทนที่ด้วยวิธีการทางดิจิตอล) หรือความว่างเปล่า เราทำการทดสอบนิดๆ หน่อยๆ ในทันที เพื่อให้ ได้ความรู้สึกว่ามันขี้เล่นขนาดไหน มันจะรู้สึกโดดเดี่ยวแค่ไหน มันจะแสดงปฏิกิริยาอย่างไรกับแองกัส และผู้คนที่อยู่รอบตัวมัน เราใช้ตรงนั้นเป็นจุดเริ่มต้นครับ ริชาร์ด เทย์เลอร์ ซูเปอร์ไวเซอร์เวิร์คช็อป แห่งเวตา เวิร์คช็อป กล่าวว่า การให้หุ่นมีปฏิกิริยาตอบโต้นักแสดง และสิ่งแวดล้อมจริงๆ ระหว่างการถ่ายทำเป็นเทคนิคที่ได้ผลดี และเป็นสูตรนำไปสู่ออสการ์ สำหรับเวตา ในหนังที่เราเคยสร้างมา เราพบว่ายิ่งมีการสร้างตัวตนจริงๆ ขึ้นมาในกองถ่ายมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น มันใช้ได้ดีอย่างยิ่งกับการที่แอนดี เซอร์กิส รับบทเป็นกอลลัมและคอง สิ่งเหล่านี้สามารถเพิ่มเติมเข้าไป ในการแสดงได้มากจริงๆ ไม่ใช่สำหรับสิ่งมีชีวิตนั้นๆ แต่สำหรับ นักแสดงที่แสดงประกบสิ่งมีชีวิตนั้นต่างหากล่ะครับ แผนกดิจิตอล เอฟเฟ็กต์จะสามารถทำงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดก็จริง แต่ถ้านักแสดง ไม่ได้สะท้อนถึงอารมณ์ที่เหมาะสมต่อสิ่งมีชีวิตตัวนั้น คุณก็จะ ไม่มีอะไรเลยครับ วิธีนี้เป็นวิธีที่น่ารักที่จะให้นักแสดงได้ทำบางสิ่งบางอย่าง ที่พิเศษสุดและเป็นโอกาสให้เราได้เล่นในอ่างอาบน้ำกับของเล่นยางครับ
ในตอนที่เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น ครูโซยังไม่ได้เกิดออกมาจากไข่ ไข่ ซึ่งพิเศษและโดดเด่นมากพอที่แองกัสจะมองเห็นมัน และนำมันกลับบ้าน ก็ได้รับการออกแบบโดยเวตาเช่นกัน ผมเล่นกับดีไซน์และรูปทรงหลายอย่างครับ อาเซเวโดกล่าว และอยู่มาคืนหนึ่ง ผมก็เกิดความคิดว่า ด้วยความที่เราอยู่ใน นิวซีแลนด์ มันคงจะเจ๋งดีถ้าเราจะใช้เปลือกหอยเป๋าฮื้อ มันเป็นเปลือกหอยที่สวยมากๆ และให้ความรู้สึกเหมือนมีเวทมนตร์ จอห์น ฮาร์วีย์ หนึ่งในช่างเทคนิคของเรา ต้องดำน้ำบ่อยๆ และเขา ก็พบชิ้นส่วนเปลือกหอยขนาดใหญ่ ซึ่งเจย์ก็เห็นด้วยว่าเพอร์เฟ็กต์
เวตา ดิจิตอลยังมีหน้าที่ในการออกแบบและสร้างโลกใต้น้ำของครูโซด้วย เล็ทเทอรีกล่าวว่า หลังจากวิดีโอพรีวิชวลไลเซชัน ซึ่งเราแสดงให้เจย์เห็นว่า ใต้ผิวน้ำจะมีลักษณะเป็นอย่างไร เราก็เริ่มสร้างหุบเขา พืช ปลา เรือใต้น้ำ และสิ่งอื่นๆ ที่เราเห็นใต้นั้น สิ่งที่ท้าทายกว่าคือแสงใต้น้ำครับเพราะ เจย์อยากจะถ่ายทอดคุณสมบัติมหัศจรรย์ของแสงที่ถูกหักเห ที่คุณเห็นใต้น้ำ เรายังอยากให้แองกัสดูน่าเชื่อว่าเขารู้สึกสบายๆ ตอนอยู่บนหลังครูโซ ตอนที่จำเป็น แต่ก็ต้องรู้สึกกลัวได้ตอนที่เขาจำเป็นต้องกลัวเหมือนกันครับ
โลเกชันและการถ่ายทำ ก่อนหน้าที่การถ่ายทำจะเริ่มต้นขึ้น ทีมผู้สร้างตั้งใจไว้ว่า แม้ว่า The Water Horse: Legend of the Deep จะถ่ายทำที่นิวซีแลนด์ เป็นส่วนใหญ่ จะต้องมีโลเกชันหนึ่งที่จะต้องถ่ายทำในสก็อตแลนด์ นั่นคือด้านนอกของบ้านที่แองกัสอาศัยอยู่กับแม่และพี่สาวของเขา ทีมงานได้ถ่ายทำที่บ้านอาร์ดคิงแลส ซึ่งเป็นบ้านเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี ในชนบท การออกแบบงานสร้าง สำหรับโทนี เบอร์โรห์ ผู้ออกแบบงานสร้าง กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการถ่ายทอดความจริงที่ว่า เราอยู่ใน สก็อตแลนด์ปี 1942 ครับ เขากล่าว เราต้องสร้างสก็อตแลนด์ของเรา ขึ้นมาในนิวซีแลนด์ มันเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ที่โลกที่เราสร้างขึ้น จะต้องสมจริงเพื่อที่ว่าสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์จะออกมาสมจริงด้วยเช่นกัน
เอาเป็นว่า จขบ. โม้พอหอมปากหอมคอแค่นี้ดีกว่า เท่าที่นำมาฝากกัน ก้อคงเห็นได้แล้วว่าทีมงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งใจทำมันออกมา ให้เป็นภาพยนตร์ครอบครัวแนว Fantasy ที่ดูสมจริงเรื่องหนึ่งทีเดียว แค่นี้ก้อเพียงพอแล้วที่ทำให้ จขบ. ตัดสินใจได้ว่าต้องไปดูแหงๆ เลยหละ
ตัดตอนจากข้อมูลบางส่วนของ //www.pingbook.com จ้า ขอบคุณหลายๆ เด้อ
Create Date : 28 มีนาคม 2551 |
|
32 comments |
Last Update : 28 มีนาคม 2551 6:31:14 น. |
Counter : 6496 Pageviews. |
|
|
|
๙ ๙
๙ ๙ ๙
๙ ๙ ๙ ๙
๙ ๙ ๙ ๙ ๙