โสน (อ่านว่า สะ-โน๋) เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดอยุธยาชื่ อ อื่ น ๆ โสนหิน โสนกินดอก (ภาคกลาง) ผักฮองแฮง (ภาคเหนือ) สีปรีหลา (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ชื่ อ สา มั ญ Sesbania หรือ Sesbanea pea ชื่ อ วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ : Sesbania javaica Mig. ว ง ศ์ : Fabaceae (Papilionaceae) ลั ก ษ ณ ะ พ ฤ ก ษ ศ า ส ต ร์ :โสนเป็นไม้สกุลเดียวกับแค เป็นไม้ล้มลุกอายุ 1 ปี พืชตระกูลนี้มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย จากอินเดียไปทางตะวันออกจนถึงประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โสนเป็นพืชล้มลุกอายุสั้นหรือเมื่อออกดอกติดเมล็ดแล้วก็จะค่อยๆ เหี่ยวแห้งตาย เพราะเหตุนี้จึงเป็นพืชที่มีอายุปีเดียว ลำต้นตั้งตรงแตกกิ่งมาก ความสูงประมาณ 1 เมตร ลำต้นเป็นเหลี่ยมหรือกลมมีร่องละเอียดตามความยาวของลำต้นผิวเรียบ การเกาะติดของใบบนกิ่งแบบสลับ ใ บ เป็นใบเดี่ยวรูปไข่ หรือรูปไข่แกมใบหอกกว้าง ขนาดประมาณ 7.00 x 4.00 ซม. ปลายใบแหลมโคนสอบแคบ ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ก้านใบยาวประมาณ 7.00 ซม. และมีหนามแหลมยาว 2 อันที่โคนก้านใบ ด อ ก ออกเป็นช่อแบบช่อเชิงลด หรือเป็นช่อกระจุก ออกที่ปลายกิ่ง ชอกใบ ซอกกิ่ง ดอกย่อยมีขนาดเล็ก กลีบดอกเป็นเหมือนกาบปลายแหลมสีขาวและเขียวขนาดเล็ก ดอก มีสีเหลืองออกเป็นช่อตามซอกใบที่ปลายกิ่ง ลักษณะช่อห้อยลง แต่ละช่อมี 10-15 ดอก ลักษณะดอกคล้ายดอกถั่ว มีกลีบดอก 5 กลีบ รูปร่างไม่เหมือนกัน กลีบนอกสุดมีขนาดใหญ่ที่สุด เกสรตัวผู้มี 10 อัน ผล เป็นผักกลมยาวมีเมล็ดจำนวนมาก ผ ล เป็นฝักผอม กว้าง 4 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 18-20 เซนติเมตร ฝักอ่อนมีสีเขียวเมื่อแก่กลายเป็นสีม่วงและสีน้ำตาล มีเมล็ดขนาดเล็กเรียงอยู่ภายใน ฝักแตกเองเมื่อแห้งโดยแตกตามขวางของฝักผล เมล็ดทรงกลมเป็นมันเงามีสีน้ำตาล มีขนาดประมาณ 0.05 เซนติเมร เมื่อออกดอกติดเมล็ดแล้ว ต้นโสนจะค่อยๆ เหี่ยวแห้งตายไปในที่สุด ป ร ะโ ย ช น์ ท า ง ย าโสนมีรสจืด เย็น สรรพคุณแก้พิษร้อน ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปรุงเป็นยาพอกแผลได้ ส ร ร พ คุ ณ ท า ง โ ภ ช น าการพบว่า ดอกโสนให้ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัสบำรุงกระดูกบำรุงสมอง มีเหล็กบำรุงเลือด ให้วิตามินเอไว้ต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บอีก และมีวิตามินบี 1 บี 2 ไนอะซิน และวิตามินซี อีกพอสมควร นับว่าเป็นดอกไม้พืชพื้นบ้านที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายอย่างมากส่วนที่เป็นผัก / ฤดูกาล ยอดอ่อนดอกตูมและดอกบานของโสนใช้เป็นผักได้ ดอกโสนออกในช่วงปลายฤดูฝนประมาณเดือนกันยายน-เดือนตุลาคม ในช่วงที่โสนออกดอก ในตลาดสดภาคกลางและภาคเหนือบางจังหวัดจะมีดอกโสนจำหน่ายด้วยชาวบ้านมักเก็บดอกโสนในช่วงเย็น จะทำให้ได้ดอกตูม น่ารับประทาน
ดอกโสนทำอาหารหวานคาวได้หลายอย่าง เมนูยอดฮิตได้แก่ ดอกโสนผัดหรือลวกจิ้มกับน้ำพริกกะปิ กินกับปลาทู และชุบแป้งทอดกรอบกินกับขนมจีนน้ำพริกก็ได้ ใช้วิธีเดียวกับการทำชะอมชุบไข่ทอด หรือจะทำแกงส้มดอกโสนกับปลาช่อนก็มีคนรอกิน ส่วนเมนูง่ายๆ ก็คือ ดอกโสนผัดไข่ หรือไข่เจียวใส่ดอกโสน ดอกโสนจิ้มน้ำพริกมะนาว แกงเผ็ดอะไรก็ได้ใส่ดอกโสน ดอกโสนผัดน้ำมันหอย ยำดอกโสน ถ้าใช้ประกอบอาหารหวานก็มีข้าวเหนียวมูนดอกโสน ให้นึ่งดอกโสนพร้อมข้าวเหนียวราว 10 นาทีสุดท้าย มูนกะทิเข้าด้วยกันและกินกับน้ำตาลและมะพร้าวโรยงา ดอกโสนยังปรุงเป็นขนมดอกโสนได้ โดยนำดอกโสนมานึ่ง นำมาคลุกรวมกับแป้งข้าวจ้าว โรยหน้าด้วยมะพร้าวทึนทึกขูด และน้ำตาลทราย ด อ ก โ ส น ผั ด น้ำ มั น ห อ ย เครื่องปรุง ดอกโสน 2 ถ้วยตวง น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียม 3-4 กลีบ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะเกลือ ½ ช้อนชาวิธีทำเด็ดดอกโสนแล้วล้างให้สะอาด เอาน้ำมันใส่กระทะพอร้อนแล้วเจียวกระเทียมก่อน ใส่ดอกโสนลงผัด โรยเกลือ ผัดจนสุก ใส่น้ำมันหอยแล้วยกลง หรืออาจนำมาลวกและราดด้วยกะทิ นำมา เป็นผักจิ้มรับประทานกับน้ำพริกปลาร้า น้ำพริกกะปิ หรือน้ำพริกมะขาม ด อ ก โ ส น ม า ท อ ด ผ ส ม กั บ ไ ข่ (ทำคล้ายกับชะอมชุบไข่) นำไปรับประทานกับข้าวหรือรับประทานร่วมกับน้ำพริกก็ได้ แ ก ง ส้ ม กั บ ป ล า ช่ อ นในช่วงปลายหน้าฝน ดอกโสนออกเป็นจำนวนมาก บางบ้านจะนำดอกโสนมาดองเก็บไว้รับประทานนานๆ การดองดอกโสนทำได้โดย นำดอกโสนล้างให้สะอาด และใส่ไว้ในขวดโหลแก้ว หรือภาชนะกระเบื้อง จากนั้นปรุงน้ำที่ใช้ดองโดยนำเกลือป่นผสมในน้ำซาวข้าวให้ออกรสเค็มเล็กน้อย เติมน้ำตาลทรายเล็กน้อย และนำน้ำที่เตรียมไว้เทลงในภาชนะที่ใส่ดอกโสนพอท่วมพอดี ปิดฝาทิ้งไว้ 1 วัน รับประทานได้ถ้าทิ้งไว้นาน จะเปรี้ยวมากขึ้น ดอกโสนยังให้สีเหลือง สามารถคั้นน้ำจากดอกมาทำเป็นขนมบัวลอย และขนมตาลได้อีกด้วย เจ๊หลีขอบคุณข้อมูลจาก//www.doctor.or.th/node/10269//gotoknow.org/blog/manywad/300632//www.arunsawat.com/board/index.php?topic=1901.15;wap2
เจ๊หลีปลูกต้นไม้ไว้หลายอย่าง เข้าไปดูได้ค่ะ
เจ๊หลี "美 麗"กิน ๆ เที่ยว ๆ เหตุที่ใช้ชื่อนี้เพราะเป็นความใฝ่ฝันว่า สักวันจะใช้ชีวิตแบบ กิน ๆ เที่ยว ๆ ไงคะ ^.< แต่คงไม่ถึงกับเดินไม่ไหวแล้วค่อยเที่ยวหรอกนะคะ 555++หลาย ๆ คนถามว่าทำไมเจ๊หลีไม่เขียน Blog บ่อย ๆ เหตุผลคือเจ๊หลีติดงานประจำที่ทำอยู่ค่ะ ทำงานจันทร์-เสาร์ กว่าจะได้บล็อก ๆ หนึ่งเจ๊หลีก็ต้องทำขนมไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย มือก็เปื้อนกลัวกล้องพังก็กลัว กลัวขนมไม่ได้ที่ก็กลัวลำบากมากนะคะ เพื่อน ๆ ลองหลับตานึกภาพดูก็ได้... แต่เจ๊หลีก็เลือกที่จะทำค่ะ เก็บไว้ให้ตัวเองได้ดูว่าผ่านมาเราทำอะไรไว้บ้าง เรื่องการอัพ Blog เจ๊หลีทำเพราะชอบถ่ายรูป โดยเฉพาะชอบลองสูตร ไม่ได้หมายความว่า ทำขนมหรืออาหารเก่งหรอกนะคะเพื่อน ๆ ลองทำลองดู แล้วนำมาแชร์กันใน Blog ถูกผิดยังไงช่วยแนะนำได้ค่ะพักเหนื่อยก็เข้า Blog.... Blog เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ที่แสดงความเป็นตัวตนของเจ๊หลี ..ทุกรายละเอียดเจ๊หลีทำด้วยความตั้งใจ และใส่ใจ หาก Blog นี้ทำประโยชน์ให้ใครได้แม้เพียงคนเดียว...เจ๊หลีก็ยินดียิ่งแล้วนะคะ อยากให้ทุกคนทราบว่า เจ๊หลี.ปลื้มมากมาย ^0^ สำหรับทุก comment ที่น่ารักและอีกหลาย ๆ กำลังใจค่ะ
ป.ล.จขบ ถ่ายภาพสวยดีนะคะ