Cinque Terre: Manarola!!? เอ๊ะ!? อะไร ที่ไหน!?
ระหว่างที่หาข้อมูลวางแผนเที่ยวอิตาลี สะดุดเข้ากับชื่อเมืองนี้โดยบังเอิญ
ลงมือเสิร์ชกูเกิ้ล ทั้งข้อมูลและรูปภาพทั้งหลายปรากฏบนหน้าจอ
หันไปถามเพื่อนร่วมทริป ไปไหม? สวยนะ hikingได้ด้วย
ได้ยินคำว่า hikingเท่านั้น ตานี้หูผึ่ง ตกลงในทันที หุหุ ^^
Cinque Terre ชื่อก็บอกแล้วว่า "The Five Lands" หรือ ห้าแผ่นดิน
ซึ่งประกอบด้วย Riomaggiore, Manarola, Corniglia, Vernazza และ Monterosso al Mare
ที่นี่ก็ต้องมาเลือกว่าอยากจะพักเมืองไหน สำหรับเราสองคนขอเมืองเล็กๆ น่ารัก ผู้คนไม่พลุ่กพล่าน
จึงตกลงเลือก Manarola เป็นจุดยุทธศาสตร์
ถ้าใครอยากจะประหยัดงบ แนะนำว่าพักที่ La Spezia เมืองหน้าด่านของ Cinque Terre ดีกว่า
การเดินทาง: เราเริ่มต้นการเดินทางโดยรถไฟจากฟลอเรนซ์
Florence Santa Maria Nouvella Station(S.M.N.) ---> La Spezia Centrale Station ---> Manarola
จาก S.M.N. ถึง La Spezia Centrale ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
ส่วนจาก La Spezia Centrale ถึง Manarola 10 นาทีก็ถึงแล้ว แต่รถไฟดีเลย์ (ตามเคย)
OMG! ระยะทางแค่ 192 กม. เราใช้เวลาทั้งหมดกันเกือบ 4 ชั่วโมง
เพราะฉะนั้นขากลับเผื่อเวลา วางแผนกันดีๆนะคะ
ส่วนไดเร็คชั่นจากสถานี Manarola ไปยัง La Torretta: ให้ใช้อุโมงค์ที่เชื่อมกับหมู่บ้าน
สุดอุโมงค์แล้วเลี้ยวขวา จากตรงนี้จะเห็นหอคอยสีเหลือง เดินตามทางไปเลยค่ะ
จนกระทั่งถึงหอคอย (บริเวณนี้จะมีโบสถ์อยู่ด้วย) จะเห็นทางเข้า La Torretta ชัดเจน
ใช้เวลาเดินขึ้นเนินจากอุโมงค์จนถึงจุดนี้ 13 นาที
.
.
.
ใช้เจ้าหอคอยสีเหลืองๆ นี่แหละค่ะ เป็นแลนด์มาร์ค
เห็นชัดเจนที่สุด
แค่เห็นสีของท้องฟ้า ก็ใจละลายแล้ว ^^
v
v
v
เดินลากกระเป๋าขึ้นเนิน หอบแฮ่ก
ถึงซะที "La Torretta Charme & Relax"
ทางเดินเข้า มีเชือกกั้นแบบนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาวุ่นวาย
ถ้าจะเข้ามาเช็คอินก็ปลดเชือกเดินผ่านเข้าไปได้เลยค่ะ
.
.
.
จองห้อง Junior Garden Suite ไว้ค่ะ
ราคา 190 ยูโร ต่อคืน ต่อห้อง รวมอาหารเช้า
ห้องนี้ไม่มีแอร์ มีแต่พัดลม
ตอนกลางคืน เปิดหน้าต่าง ก็ไม่ร้อนแล้วค่ะ
ตอนกลางวันถ้ายืนกลางแดดก็แทบละลายเหมือนกัน แดดแรงมาก!
นอนๆเล่นอยู่บนเตียง หันมาถามเพื่อนร่วมทริป คุ้นๆไหม?
คุณสามีคงงง เอ ยายนี้ออกอาการเดจาวูหรืออย่างไร
อารมณ์เหมือนนอนอยู่ในรีสอร์ทแถวสวนผึ้งไม่ผิดเลย
เราว่าด้านในตกแต่งคล้ายๆ กับ Scenery Resort นะ ^^
ส่วน Welcome drink ที่นี่เค้าจัดเป็น Sparkling wine,
คุ้กกี้ และผลไม้(กีวี)ไว้ให้
หือ! กีวีอีกแล้วหรือ สงสัยเรื่องกีวีมาตั้งแต่ Torraccia di Chiusi แล้ว
ส่วนฟากนี้ ไม่ฟรี แต่ราคารับได้ค่ะ
กาแฟในห้องพัก เป็นแบบแคปซูล
ขอเติมได้ตลอด
มินิบาร์ ฟรีทั้งตู้ค่ะ
แม่บ้านจะมาเติมให้ทุกวัน แต่พวกเราไม่ได้แตะเลย
.
.
.
ห้องน้ำ ไม่เล็ก ไม่ใหญ่
แต่เข้าพร้อมกันสองคนไม่ได้ 55+
สะอาด สะอ้าน ไม่มีที่ติค่ะ
คุณแม่บ้านที่นี่ เจ้าระเบียบมาก
เห็นอะไรวางเกะกะไม่ได้ จับเก็บใส่ตู้หมด ^^
.
.
.
ระเบียงหน้าห้องพักค่ะ ตกดึกได้มานั่งดูดาวตรงนี้ คงโรแมนติคไม่น้อย
เนินเขาที่เห็นในภาพ เป็นพื้นที่เกษตรกรรมของคนท้องถิ่น
มีทั้งไร่องุ่นทำไวน์ สวนมะกอก ไร่มะเขือเทศ ไร่ฟักทอง ฯลฯ
เห็นเถาไม้ด้านขวาของภาพไหมคะ? มีใครเดาถูกบ้างว่ามันคือต้นอะไร?
คำตอบ: กีวี
ไม่เคยเห็นต้นกีวีมาก่อนเหมือนกัน
เสียดายเลือกกีวีไม่เป็น ถ้าเลือกเป็น กีวีบนต้นนี้คงไม่เหลือ
ทีนี่ก็ถึงบางอ้อว่ากีวีในอิตาลีไม่ใช่ผลไม่นำเข้า
ห้องนี้ จะเห็นทั้ง sea view และ mountain view
.
.
.
Happy Hour ช่วง 18:00 19:00 ทุกวัน
เสิร์ฟคานาเป้กับไวน์ไม่อั้น
แขกส่วนมากที่พักที่นี่ก็จะมารวมตัวกัน พบปะพูดคุย
แลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยวในอิตาลีกัน
อันนี้รสชาติประมาณข่าวเกรียบ SB
ล้อบบี้กลางแจ้ง เล็กๆของ La Toretta
วิวจากล้อบบี้ วิวก็ไม่แตกต่างจากที่ห้องพักสักเท่าไหร่
พระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว ฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีทอง
.
.
.
อาหารเช้าบริการเสิร์ฟที่ห้องพัก
เซ็ทใหญ่อลังฯ มีทั้งครัวซองท์ คัพเค้ก โยเกิร์ต น้ำผลไม้ ผลไม้ กาแฟ ฯลฯ
วันกลับเราเช็คเอาท์เช้ามาก (ก่อน 6 โมงเช้า) ซึ่งเราก็แค่ทิ้งกุญแจไว้ในห้อง
ทาง La Torretta ก็ยังอุตสาห์จัดอาหารแบบเดียวกันนี้ใส่ถุงไว้ให้
พร้อมช้อนส้อมพลาสติก และน้ำเปล่า ประทับใจค่ะ ^^
v
v
v
เสร็จสิ้นกับการรีวิวโรงแรมในทริปนี้แล้วค่ะ
คราวหน้าได้เริ่มรีวิวทริปอิตาลีแบบเต็มๆซะที
รอติดตามชมนะคะ ^^
ถ้าได้ยินมาก่อน คงต้องแวะไปเป็นแน่แท้ T^T เสียดายจังงง
รูปสวยยมากค้า