พฤศจิกายน 2554

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
21
22
23
24
25
27
28
29
30
 
 
All Blog
บทที่ 84 นินทาอาจารย์ที่ปรึกษา (i)
ในช่วงแรกๆที่วิทมาทำงานที่สถาบันแห่งนี้ ก็ได้ ดร.ฮีธ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาคอยดูแลเรื่องงานวิจัย ... แต่ด้วยสไตล์ของ ดร.ฮีธ ซึ่งปล่อยให้วิทเรียนรู้ด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่ และดูเหมือนจะยุ่งกับงานของตัวเองอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานแทบตลอดทั้งวัน ทำให้ ดร.ฮีธ และวิทไม่ได้พูดคุยกันมากไปกว่าการทักทายกันตามปกติทั้งๆที่มีโต๊ะแล็บอยู่ในห้องเดียวกัน จนกว่าจะมีปัญหาที่แก้ไม่ได้ (หลังจากไปปรึกษาคนอื่นๆมาหมดแล้ว ) หรือมีผลงานที่จำเป็นต้องมาวิเคราะห์หรือพูดคุยกัน หรือถึงเวลาที่จะต้องเซ็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับทางมหา'ลัย ... โดยภาพรวม ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ ดร.ฮีธ จึงเป็นไปอย่างห่างเหินแต่ราบรื่น ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งหรือมึนตึงใส่กัน เหมือนอย่างอาจารย์ที่ปรึกษากับนักศึกษาหลายคู่ที่วิทรู้จัก ...

จนกระทั่ง ดร.ฮีธ ลาออกไป โดยมี ดร.แฟรงค์ มาเป็นที่ปรึกษาแทน แต่งานของวิทในช่วงนั้นก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร เพราะเป็นส่วนที่เกี่ยวกับพันธุวิศวกรรมเป็นหลักซึ่งถือว่าลงตัวดีอยู่แล้ว ... และเนื่องจาก ดร.แฟรงค์ เป็นนักชีวเคมี จึงจะมีบทบาทในช่วงท้ายของงานวิจัย ซึ่งเมื่อมีการสร้างสายพันธุ์แบคทีเรียดัดแปลงพันธุกรรม (GMO) ขึ้นมาแล้ว ก็จะต้องมีการวิเคราะห์ความแตกต่างจากสายพันธุ์ดั้งเดิม โดยใช้เทคนิคทางชีวเคมี ...

********************************************************************************

ในตอนสายของวันหนึ่งขณะที่มาเรีย เฮเทอร์ และวิทกำลังง่วนกับการทำแล็บอยู่นั้น เจ๊ใหญ่ (นามสมมุติ) [ซึ่งเป็นนักวิจัยของสถาบันนี้มานานหลายปีแล้ว แต่เพิ่งผันตัวเองมาเรียนป.เอกแบบ part time ในปีนี้เอง และยังคงทำแล็บอยู่ที่นี่เหมือนเดิม] ซึ่งมีโต๊ะทำงานอยู่ตรงข้ามกับวิทก็เปรยขึ้นมาว่า "นี่พวกเธอรู้มั้ย ... สำหรับนักศึกษาปริญญาเอกนะ ถ้าอยากทำงานราบรื่น จบเร็ว ก็ควรจะ ... 'คบ' กับอาจารย์ที่ปรึกษา ... ดีไม่ดีนะ อาจารย์อาจจะเขียนวิทยานิพนธ์หรือเปเปอร์ [บทความวิจัย] ให้เลยก็ได้"

วิทกับเฮเทอร์ที่นั่งโต๊ข้างๆชำเลืองมองหน้ากัน แต่ก็ไม่ได้พูดตอบอะไร จนมาเรียถามข้ามโต๊ะมาจากทางด้านหลัง "เรื่องอย่างนี้มีจริงเหรอ?"

เจ๊ใหญ่ยิ้มแบบมีเลศนัย "มีแน่นอน ... ไม่แน่หรอกนะ อาจจะเป็นคนที่พวกเรารู้จักก็ได้"

********************************************************************************

จนกระทั่งก่อนหมดเวลาพักดื่มน้ำชาในตอนบ่าย ซึ่งผู้คนเริ่มบางตา วิทจึงได้มีโอกาสพูดเรื่องนี้กับมาเรีย

"เธอว่าที่เจ๊ใหญ่พูดน่ะหมายถึงใครเหรอ?"

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน" มาเรียตอบ "ลองถามเฮเทอร์ดูมั้ยล่ะ" ว่าแล้วมาเรียก็กวักมือเรียกเฮเทอร์ที่กำลังจะลุกจากโต๊ะหนุ่มสาวชาวอังกฤษเพื่อกลับขึ้นไปทำงานต่อ ...

"ฉันว่าเจ๊ใหญ่พูดถึง 'ทริส'" นั่นเป็นคำตอบของเฮเทอร์

"ทริสที่นั่งโต๊ะติดกับฉันน่ะเหรอ" มาเรียสงสัย

ทริสเป็นนักวิจัยหลังปริญญาเอกที่เข้ามาทำงานที่แผนกนี้ในช่วงก่อน ดร.ฮีธ จะลาออกไม่นาน และพอ ดร.ฮีธ ไม่อยู่แล้ว ทริสก็ย้ายมาอยู่ในห้องนี้แทนที่ - ทั้งห้องทำงาน และโต๊ะแล็บ ... และตอนที่เจ๊ใหญ่พูดให้ทั้งสามคนฟัง ทริสไม่ได้อยู่ในห้องแล็บในเวลานั้น ...

"ว่ากันว่า ... ทริสเรียนจบเอกใน 3 ปี" เฮเทอร์เล่า "พอจบแล้วก็ไปทำงานวิจัยตามมหา'ลัย ย้ายไปย้ายมา 3-4 แห่ง ... และในที่สุดก็ได้งานที่นี่ ..."

"ฟังดูก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกตินี่" วิทขัดขึ้น

"ก็คงไม่มีอะไรแปลกหรอก ถ้า ..." เฮเทอร์พูด "อาจารย์ที่ปรึกษาของทริสสมัยเรียนเอกไม่ใช่ แมทธิว ..." ซึ่งก็คืออาจารย์ที่ปรึกษาหลักของวิท และหัวหน้าแผนกที่นี่

วิทกำลังจะแย้งขึ้น แต่เฮเทอร์ก็พูดต่อไปว่า "พวกเธอรู้มั้ยว่า แมท เลิกกับภรรยาแล้ว และตอนนี้กำลังคบกับทริสอยู่ในฐานะแฟน ..."

และวิทมารู้ในภายหลังว่า ยังมีนักศึกษาป.เอกอีกสองคนในรุ่นที่เข้ามาพร้อมกันที่ไปคบกับอาจารย์ที่ปรึกษาของตัวเอง โดยที่อาจารย์ทั้งสองคนนั้นคนหนึ่งเพิ่งเลิกกับคู่หมั้น และอีกคนหนึ่งบอกเลิกกับแฟนที่มีอยู่เดิม ...

และนอกจากนี้เฮเทอร์ยังเคยมากระซิบบอกวิทอีกว่า "รู้มั้ย ... มีคนเล่าให้ฟังว่า ตอนเย็นเกือบ 6 โมง มีสาวป.โทที่อยู่ชั้นสองไปกอดจูบอยู่กับนักวิจัยหลังป.เอกในห้องแล็บ" สาวคนนั้นเป็นคนสเปนและสนิทสนมกับมาเรียพอสมควร เฮเทอร์จึงไม่ต้องการให้มาเรียได้ยินเรื่องนี้

"แล้วคนที่เล่าเนี่ย เห็นเองหรือเปล่า หรือว่าฟังมาอีกที"

"เห็นเองสิ นักศึกษาป.เอกที่อยู่แล็บนั้นแหละ ... เค้าเลิกงานไปแล้ว แต่ลืมของก็เลยย้อนกลับมา"

"แหม แต่ไอ้การกอดจูบกันเนี่ยมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรมากมาย ..." วิทพูดกลางๆ ... เพราะบางทีในฤดูร้อน ภาพของนักศึกษาป.ตรีใจกล้าบางคนไปกอดจูบกับแฟนตามสนามหญ้า หรือตามเก้าอี้ริมทะเลสาบก็ไม่ใช่สิ่งที่แปลกใหม่ไปเสียทีเดียว ... แต่สำหรับนักวิจัยหรือนักศึกษาแถวนี้ ถ้าไปทำแบบนั้นที่สนามหญ้าข้างๆห้องอาหาร หรือข้างลานจอดรถ ภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คงพูดกันไปทั้งสถาบัน

"ก็คงไม่แปลกมั้ง ถ้าเค้าไม่ได้ไป 'นอน' กอดจูบกัน 'บนโต๊ะ' ทำงานของผู้ชายน่ะ"

สงวนลิขสิทธิ์บทความ ห้ามเผยแพร่ ทำซ้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร



Create Date : 26 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2554 0:03:18 น.
Counter : 670 Pageviews.

2 comments
  
Thanks,
TJ
โดย: TJ IP: 89.211.207.242 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:1:19:50 น.
  
โดย: maramba1 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:4:02:59 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Historicus
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คุณพ่อลูกสอง (ตัว)
"Have mercy, O Lord, and strengthen all broken wings." Kahlil Gibran

free counters



Waltz in B minor, Op. 69, No. 2 by Frédéric Chopin