All Blog
|
บทที่ 66 ความเหงามาเยือน เมื่อประตูบานนั้นปิดลงอีกครั้ง คุณแบรนดอนซึ่งเป็นชายวัยใกล้เกษียณท่าทางสุภาพนุ่มนวล ยื่นมือมาให้วิทจับ แล้วบอกให้เขานั่งที่เก้าอี้ด้านใกล้ประตู ในขณะที่คุณแบรนดอนเดินกลับไปนั่งเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานที่อยู่ตรงข้าม ... "คุณวิทยา มีอะไรให้ผมช่วยครับ?" คุณแบรนดอนพูดขึ้นด้วยเสียงเนิบๆ สมกับบุคลิก "เอ่อ ... ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี" วิทอึกอัก "คุณก็เล่าเท่าที่คุณอยากจะเล่า ... อะไรทำให้คุณตัดสินใจมาที่นี่ในวันนี้?" "ผม ... เพิ่งถูกแฟนบอกเลิก ..." และแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ค่อยๆพลั่งพรูออกจากปากของวิท โดยคุณแบรนดอนคอยซักถามในจังหวะที่เขาหยุดพัก พร้อมกับจดบันทึกลงไปในแฟ้มที่อยู่ตรงหน้า "คุณไม่ได้มีปัญหากับเพศสภาวะ [sexuality] ของตัวเองใช่มั้ย?" "ไม่มีครับ" หลังจากนั้นก็จะปล่อยใ้ห้วิทเล่าเรื่องต่อไป พร้อมกับแทรกคำถามขึ้นมาเป็นครั้งคราว ... "คุณคิดว่าเขาบอกเลิกกับคุณเพราะอะไร?" "ผมว่าคงมีหลายสาเหตุรวมๆกัน ... หลักๆก็น่าจะเป็นเรื่องดนตรีกับทางบ้าน ... เขาก็เลยหาทางออกที่ง่ายที่สุด ..." วิทรู้สึกว่าในระหว่างการสนทนานั้นเวลาเิดินไปอย่างเชื่องช้า แต่ในที่สุด 50 นาทีที่ดูเหมือนจะยาวนานก็สิ้นสุดลง ... พร้อมกับคุณแบรนดอนที่ทิ้งท้ายว่า "ทุกวันศุกร์เวลานี้ คุณว่างหรือเปล่า" "ว่างครับ" "งั้นนัดครั้งต่อไปเป็นวันศุกร์หน้า เวลาเดิม ... ไว้เจอกันใหม่ครับ" "ขอบคุณครับ" วิทเดินออกมาจากสถานที่นั้นแบบงงๆ ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ว่าการมาปรึกษานักจิตวิทยาในครั้งนี้ได้ประโยชน์มากน้อยเพียงใด แต่นี่เิพิ่งจะเป็นครั้งแรก และหนทางยังอีกยาวไกล ... ******************************************************************************** วิทเิดินลงไปที่บริเวณร้านค้าชั้นล่าง เพื่อตัดออกไปยังป้ายรถเมล์ด้านหน้ามหา'ลัย ในใจมัวแต่ทบทวนถึงเรื่องที่คุยกับคุณแบรนดอนเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ... จนกระทั่งมีเสียงเรียกดังขึ้น จึงทำให้วิทหันกลับไปมองที่มาของเสียงนั้น "หวัดดีจ้ะน้องวิท เดินก้มหน้าก้มตา จะรีบไปไหน" เจ้าของเสียงคือพี่ก้อย อาจารย์มหา'ลัยชื่อดังในกรุงเทพฯที่มาเรียนต่อปริญญาเอก ซึ่งกำลังเดินหอบหนังสือ 3-4 เล่ม เหมือนเพิ่งออกมาจากหอสมุด ... ด้วยวัยที่ห่างกันมาก และพี่ก้อยผู้มีบุคลิกเงียบขรึมเป็นผู้ใหญ่ ทำให้วิทกับพี่ก้อยไม่สนิทกันมากไปกว่าการทักทายเวลาเจอกัน หรือร่วมงานปาร์ตี้คนไทยด้วยกันเท่านั้น ... "อ้าว วิทอยู่หอนอกไม่ใช่เหรอ ลมอะไรหอบมาถึงนี่ได้" พี่ก้อยถามต่อ เพราะรู้ว่าตั้งแต่วิทไปอยู่แฟลตข้างนอกและทำงานที่สถาบันวิจัย ปกติก็แทบจะไม่ได้ย่างกรายเข้ามาภายในมหา'ลัยเลย "วิทมาติดต่อศูนย์ให้คำปรึกษาน่ะครับ" วิทไม่รู้ว่าตัวเองตอบไปแบบนั้นได้อย่างไร แต่คำตอบเรียบๆนั้นดูเหมือนจะทำให้พี่ก้อยเป็นกังวลขึ้นมา "ศูนย์ให้คำปรึกษาเหรอ? ... วิทมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า" "ไม่มีอะไรมากหรอกฮะ ... วิทก็แค่ ... อกหัก" เขาตอบไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้เป็นปกติ แต่พี่ก้อยคงจับอะไรบางอย่างได้ "น้องวิทไม่ได้ล้อพี่เล่นใช่มั้ย?" พี่ก้อยย้ำ "พูดจริงฮะ" วิทถอนหายใจ "วิทเพิ่งถูกแฟนบอกเลิก ... แล้วก็มีคนแนะนำว่าถ้ายังรู้สึกแย่ ให้มาปรึกษานักจิตวิทยาที่มหา'ลัย" วิทไม่ได้บอกต่อว่าคนที่แนะนำเป็นคนๆเดียวกับที่ทำให้วิทเสียใจอยู่ในขณะนี้ "แล้วเป็นยังไงบ้าง ... สบายใจขึ้นหรือยัง" พี่ก้อยถาม มีความห่วงใยเจืออยู่ในน้ำเสียงชัดเจน "ไม่รู้เหมือนกันฮะ ... นี่เพิ่งมาครั้งแรก ... คงต้องใช้เวลาอีกซักพัก" "เอาอย่างนี้ดีกว่า" พี่ก้อยตัดสินใจ "วิทว่างมั้ยตอนนี้ ... เข้าเมืองไปกินอาหารจีนกัน พี่เลี้ยงเอง" "ก็ว่างฮะ ... แต่ไม่รบกวนพี่ดีกว่า ..." "น่า ไปกินเป็นเพื่อนพี่หน่อยก็แล้วกัน ... หาอะไรกินอร่อยๆ จะได้สบายใจขึ้น" พี่ก้อยพูดเหมือนจะปลอบเด็กวัยอนุบาลที่กำลังร้องไห้ด้วยลูกกวาดสีสวย ... วิทรู้ดีว่าอาหารอร่อยคงไม่ได้ช่วยปลอบใจเขาได้กี่มากน้อย แต่เพราะไม่อยากขัดใจพี่ก้อยก็เลยตอบไปว่า "งั้นก็ได้ฮะั แต่พี่ไม่ต้องเลี้ยงวิทหรอก" "ไม่ได้ ... พี่บอกว่าจะเลี้ยงก็ต้องเลี้ยงสิ" พี่ก้อยยื่นคำขาด "พี่จะเอาหนังสือไปเก็บก่อนมั้ยล่ะครับ" วิทถามพลางมองไปที่อาคารหอพักของพี่ก้อยซึ่งอยู่ห่างไปชั่วสนามหญ้ากั้น "ไม่หละ ไปทั้งอย่างนี้แหละ" พี่ก้อยพูดเหมือนกลัววิทจะเปลี่ยนใจ "งั้นวิทช่วยถือให้ก็แล้วกันฮะ" ******************************************************************************** ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่วิทมากินอาหารจีนกับพี่ก้อยเพียงสองคน เพราะที่ผ่านมาถ้าไม่มากับพี่นกซึ่งสนิทกับวิทมากกว่า ก็มากับพี่คนไทยหลายๆคนจนเป็นปาร์ตี้ย่อยๆ ... "วิทสั่งอาหารเลย ตามสบาย งบไม่อั้น" พี่ก้อยพูดหลังจากที่พนักงานเอาเมนูมาส่งให้คนละเล่ม "พี่สั่งเถอะฮะ วิทไม่ค่อยรู้สึกอยากจะกินอะไร" พี่ก้อยถอนหายใจเบาๆ พลางหยิบเมนูขึ้นมาเปิดดู "กินเป็ดก็แล้วกันนะ ครึ่งตัวละกัน ... แล้วก็ติ่มซำซัก 2-3 อย่าง ... วิทอยากกินข้าวผัดหรือก๋วยเตี๋ยวผัด?" "อะไรก็ได้ฮะ" "'อะไรก็ได้' ไม่มีในเมนู" พี่ก้อยย้อนเหมือนจะให้ขำ ซึ่งถ้าเป็นเวลาทั่วๆไปวิทคงหัวเราะออกมาได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้อย่างแน่นอน พี่ก้อยสั่งอาหารกับบริกร ในขณะที่วิทนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ... ในระหว่างนั้น อัลบั้มของ Kenny G. ที่ร้านนี้เปิดเป็นประจำวนมาถึงเพลง "Forever in Love" พอดี ... วิทรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างกระทันหัน ในยามรักมีเพลงนี้คอยปลอบประโลมใจให้ระลึกถึงคนที่อยู่ห่างไกล แต่ในยามนี้เหมือนท่วงทำนองเพลงจะกลับมาเย้ยหยันต่อหัวใจที่ปวดร้าว ******************************************************************************** วิทลงจากรถเมล์ที่ป้ายหน้าหอพัก ในขณะที่พี่ก้อยนั่งต่อไปยังปลายทางที่มหา'ลัย ... แม้จะเป็นเวลาค่ำมืดแล้วแต่ผู้คนรถราก็ยังคงพลุกพล่าน หลายคนกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอกเพื่อไปสังสรรค์ในคืนวันศุกร์ ส่วนวิทกลับมาที่ห้องพักเหมือนนกที่บินกลับรัง ท่ามกลางใบไม้แห้งที่ปลิวไสวในสายลมของปลายฤดูร้อน อีกไม่นานก็จะเข้าสู่บรรยากาศเหงาๆของฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับจิตใจของวิทในยามนี้จริงๆ ... สงวนลิขสิทธิ์บทความ ห้ามเผยแพร่ ทำซ้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร |
Historicus
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] คุณพ่อลูกสอง (ตัว) Waltz in B minor, Op. 69, No. 2 by Frédéric Chopin Friends Blog
Link |
มีความสุขมากๆ นะคะ..