เมษายน 2553

 
 
 
 
1
2
4
5
7
8
10
11
13
15
16
17
19
20
21
22
23
24
26
27
28
30
 
 
All Blog
บทที่ 57 ตามหาสัตว์ประหลาดใน Loch Ness
วิทและหญิงน้ำไม่ได้เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางตัวที่แสนสุภาพของน้ำยิ่งทำให้แม้แต่ในความเป็นเพื่อนก็มีช่องว่างที่ห่างกันยิ่งเข้าไปอีก ... อย่างไรก็ดี การเดินทางกว่า 3 ชั่วโมงผ่านภูมิประเทศที่สวยงามทางตอนเหนือของสก็อตแลนด์ ก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองรู้สึกว่าบรรยากาศน่าอึดอัดแต่อย่างใด ... หลังจากการพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันได้พักหนึ่ง ในที่สุดน้ำก็สมัครใจนั่งอ่านหนังสือที่ติดมาด้วยเงียบๆ ในขณะที่วิทนั่งชมวิวนอกหน้าต่าง พร้อมกับห้วงหนึ่งของหัวใจที่คิดถึงเจฟอยู่แทบจะตลอดเวลา

********************************************************************************

ชื่อเมืองอินเวอร์เนส แปลว่าปากแม่น้ำเนส ซึ่งเป็นแม่น้ำที่เชื่อมระหว่าง Loch Ness กับท้องทะเล ... น้ำและวิทมาถึงเมืองนี้ในตอนบ่ายแ่ก่ จึงพอมีเวลาเดินเล่นในเมือง และแวะเที่ยวปราสาทอินเวอร์เนส ซึ่งอยู่บนเนินเขาริมแม่น้ำ ...



เป็นเวลาเย็นกว่าที่น้ำและวิทจะมาถึงท่ารถประจำทางสำหรับการเดินทางต่อไปยังที่พักสำหรับคืนนี้ และโชคดีที่มาทันรถเที่ยวสุดท้ายที่จะไป Drumnadrochit ซึ่งเป็นเมืืองเล็กๆใกล้ Loch Ness ซึ่งเป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยว เพราะมีทั้งโรงแรม B&B และพิพิธภัณฑ์ที่แสดงข้อมูลหลักฐานต่างๆเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดในทะเลสาบ หรือเนสซี่นั่นเอง ...

รถประจำทางคันนั้นแล่นออกจากอินเวอร์เนสไปตามถนนที่เลียบไปกับ Loch Ness ในขณะที่วิทนั่งมองทะเลสาบที่มีคำล่ำลือว่ามีสัตว์ประหลาดหรือสัตว์ยุคก่อนประวัติศาสตร์อาศัยอยู่ไปตลอดทาง ... ราวๆครึ่งชั่วโมงต่อมา ถนนที่เลียบทะเลสาบนั้นก็เบี่ยงออกและนำไปสู่หมู่บ้านหรือเมืองขนาดเล็ก ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับวันนี้ ...

จากท่ารถประจำทาง น้ำและวิทต้องถามทางไป B&B ที่จองไว้ ซึ่งเป็นบ้านหลังย่อมบนถนนสายเล็กๆที่อยู่ห่างจากตัวเมืองมาไกลพอสมควร และมองเห็นภูิเขาอยู่ห่างๆทางด้านหลัง ...

********************************************************************************

วัีนรุ่งขึ้นเป็นวันที่ทั้งสองใช้เวลาเต็มวันกับ Loch Ness โดยเริ่มต้นที่พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในเมืองนั้น ซึ่งจัดแสดงหลักฐานและรูปถ่ายต่างๆของ (สิ่งที่เชื่อว่าเป็น) เนสซี่ ... นอกจากนี้พิพิธภัณฑ์ดังกล่าวยังมีรูปปั้น Plesiosaur ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นเนสซี่ อยู่ในสระน้ำด้านนอก เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้อุ่นใจว่า แม้ไม่ได้เห็นเนสซี่ตัวจริงๆ แต่อย่างน้อยได้เห็นหุ่นจำลองก็ยังดี

หลังจากนั้นน้ำและวิทนั่งรถประจำทางไปยังปราสาท Urqhart ซึ่งเป็นปราสาทร้างเก่าแก่ริมทะเลสาบ และใช้เวลาไปจนบ่าย นั่งเล่นที่สนามหญ้าในปราสาทแห่งนี้ พร้อมกับนั่งมองหาสัตว์ประหลาดใน Loch Ness ไปพลางๆ ...



ในตอนบ่าย ทั้งสองไปซื้อตั๋วนั่งเรือชม Loch Ness ซึ่งกินเวลาราวๆ 1 ชั่วโมง ปะปนไปกับนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันกลุ่มใหญ่ ... นอกจากการชมวิวภูเขาและทะเลสาบเหมือนการนั่งเรือเที่ยวทะเลสาบทั่วๆไปแล้ว หลายคนพยายามมองหาปรากฏการณ์แปลกประหลาดบนผิวน้ำที่อาจเชื่อได้ว่าเป็นเนสซี่ ... แต่ทุกครั้งที่มีคนบอกให้ดูอะไรในทะเลสาบ ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าคลื่น นก หรือขยะที่ลอยอยู่ในน้ำ

แม้ว่าการมาเที่ยว Loch Ness ในวันนี้ วิทไม่ได้เห็นเนสซี่ แต่ก็ได้ทำตามสิ่งที่ฝันไว้แล้วว่าจะมาเยือนที่นี่สักครั้ง ...

********************************************************************************

ทั้งสองใช้เวลาเย็นของวันนั้นในการกินอาหารเย็นด้วยกันเป็นมื้อแรกอย่างเป็นกิจจะลักษณะตั้งแต่มาสก็อตแลนด์ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง Drumnadrochit นั่นเอง ...

"ที่นี่มีอะไรแนะนำบ้างครับ" วิทถามพนักงานเสริฟวัยป้าที่มารอรับออร์เดอร์อยู่ หลังจากที่อ่านเมนูจบคร่าวๆ

"ก็มี ..." ป้านึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะแนะนำอาหารสก็อตแท้ๆให้นักท่องเที่ยวจากต่างแดนอย่างพวกเราสองคน "แฮกกิส ... เธอรู้จักมั้ย?" ป้าถามกลับด้วยสำเนียงสก็อต

[แฮกกิสทำจากเครื่องในแกะบด ที่ผสมกับหัวหอมสับ ข้าวโอ้ตบด เครื่องปรุงรส และเครื่องเทศต่างๆ นำไปกรอกในกระเพาะแกะ แล้วต้มจนสุก]

วิทพยักหน้ารับว่ารู้จัก แต่หันไปมองหน้าน้ำ ดูท่าจะไม่อยากกินเครื่องในแกะเป็นอาหารจานหลัก แต่วิทก็อยากลองอยู่ดี เพราะไหนๆก็มาถึงสก็อตแลนด์แล้ว ...

"ถ้าเธอไม่เคยกิน จะลองแบบที่เป็นอาหารว่างก็ได้" ป้าเสนอ ซึ่งก็คือแฮกกิสที่หน้าตาเหมือนตับบดใส่มาในถ้วย เสริฟกับขนมปังปิ้ง และรสชาติก็ไม่เลวทีเดียว ...

ส่วนอาหารจานหลักนั้นวิทลองสั่งสเต็กเนื้อกวาง แต่ด้ัวยความที่ไม่คุ้นกับกลิ่นเฉพาะของเนื้อกวางทำให้ต้องกินอาหารจานนั้นแบบพะอืดพะอม ในขณะที่น้ำสั่งสเต็กเนื้อวัวธรรมดา ...

หลังมื้ออาหาร ทั้งสองเดินตามถนนสายเล็กๆนั้นเพื่อกลับมาที่พักแห่งเดิม แม้ตะวันจะลับยอดเขาไปนานแล้ว แต่ท้องฟ้าก็ยังคงสว่างอยู่ ... ต้น thistle [ดอกไม้ประจำชาติของสก็อตแลนด์] ริมทางชูช่อดอกสีม่วง ปลิวไสวไปตามสายลมอ่อน ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบายในตอนค่ำของฤดูร้อน

สงวนลิขสิทธิ์รูปภาพและบทความ ห้ามเผยแพร่ ทำซ้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร



Create Date : 29 เมษายน 2553
Last Update : 29 เมษายน 2553 15:15:19 น.
Counter : 1323 Pageviews.

1 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Historicus
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คุณพ่อลูกสอง (ตัว)
"Have mercy, O Lord, and strengthen all broken wings." Kahlil Gibran

free counters



Waltz in B minor, Op. 69, No. 2 by Frédéric Chopin