[hip_ib ] >>>"It is never too late to be what you might have been." <<<<
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
ไร้เดียงสา บ่อนทำลายเศรษฐกิจ

เรื่อง:: ไร้เดียงสา บ่อนทำลายเศรษฐกิจ
อ้างอิง:: นสพ.มติชน 26 พ.ค. 50

ไม่มีใครรู้ชัดเจนว่า อะไรจะเกิดขึ้นบ้างหลังตุลาการรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์ แต่พอคาดเดากันได้ว่า ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างกลุ่มอำนาจเก่ากับรัฐบาลและ คมช.จะถูกยกระดับขึ้น หมากเกมชิงไหวชิงพริบทางการเมืองจะถูกงัดออกมาเล่นงานซึ่งกันและกัน ความเร่าร้อนทางการเมืองจะเพิ่มขึ้นจนกระทั่งเลือกตั้งได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งผมคาดคะเนบนพื้นฐานไม่มีการใช้อำนาจทำปฏิวัติซ้ำ

ขณะที่ไฟการเมืองกำลังร้อนแรง ประกอบกับปัญหาใครจะมาเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป งบลับพันล้านบาทที่ถูกเบิกไปหลังปฏิวัติจะเคลียร์กันอย่างไร เพราะกฎหมายใหม่ซึ่งที่แก้ไขสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย คนเบิกงบลับต้องสำแดงภารกิจ ยังไม่สามารถคำตอบหรือทางออกยังไม่ลงตัว ปัญหาเศรษฐกิจเหมือนไฟสุมขอนรอลมพัดผ่าน

สัญญาณที่เป็นรูปธรรมบ่งบอกถึงเศรษฐกิจไทยกำลังเข้าสู่ช่วงขาลงจะเห็นได้จากรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จำนวน 511 บริษัท ระบุว่า ยอดขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีที่แล้วก็จริง แต่ผลกำไรโดยรวมกลับลดลง 3 หมื่นล้าน หรือลดลง 21%

หรือกรณีกระทรวงการคลังเลือกกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วยการเพิ่มค่าลดหย่อนภาษี จากอัตราดอกเบี้ยซื้อที่อยู่อาศัยจาก 5 หมื่น เป็น 1 แสนบาท แทนที่จะลดค่าโอน ค่าภาษีเฉพาะ

ทั้งสองกรณีนี้สะท้อนถึงแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในอนาคต สะท้อนถึงภาวะจ้างงาน

การจับจ่ายใช้สอยของบุคคลและบริษัทห้างร้าน ทิศทางลงทุนของเอกชน และยังมีปัจจัยราคาน้ำมันขยับตัวสูงขึ้นเข้ากดดันอีกแรงหนึ่ง ล้วนไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องทำหน้าที่หาทางแก้ไขฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ได้ตามกำลังความสามารถ

แต่ขณะนี้มี "ภัยเงียบ" ที่กำลังคุกคามเศรษฐกิจของชาติภัยหนึ่งที่เกิดจาก ความคิดที่ไร้เดียงสาของเจ้าของไอเดีย นั่นคือ ความคิดยกเลิกสัมปทานหรือสัญญาของภาคเอกชนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มอำนาจเก่า อาทิ การยกเลิกสัมปทานของคิงเพาเวอร์ แนวคิดยกเลิกสัมปทาน 3 บริษัทโทรคมนาคม AIS True Dtac หรือยกเลิกสัญญาแอร์พอร์ตลิงก์ เป็นต้น

บริษัทเอกชนเหล่านั้นใช้เงินของสถาบันการเงินมาหล่อเลี้ยงโครงการ แต่ละรายเป็นลูกหนี้รายใหญ่ของแบงก์ทั้งนั้น ลูกหนี้เหล่านี้นำสัมปทานและสัญญาไปวางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ เมื่อมีการยกเลิกสัญญาหรือสัมปทาน ปัญหาที่ตามมาคือ ลูกหนี้เหล่านี้มีสิทธิที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารได้ทันที

เมื่อเป็นดังนี้เผือกร้อนจะมาอยู่กับสถาบันการเงินทันที

ปีนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่มใช้มาตรฐานทางบัญชี IAS 39 แม้ว่าจะผ่อนผันเพื่อให้เอกชนปรับตัวให้เข้ากับความเข้มงวดของ IAS 39 เพื่อจะได้โชว์กับต่างชาติได้ว่า เมืองไทยศิวิไลซ์มีมาตรฐานเทียบเท่านานาชาติ แล้วฝากบอกถึงแบงก์ชาติว่า กฎหมายมีไว้เป็นเครื่องมือนะครับ ไม่ใช่มีไว้เป็นไบเบิล

หลักการ IAS 39 เจ้าหนี้ต้องดูเรื่องกระแสเงินสดของลูกหนี้ด้วย ไม่ใช่ดูแค่มูลค่าหลักทรัพย์ที่นำมาวางค้ำประกันสินเชื่อ เมื่อไหร่แบงก์เห็นว่าลูกหนี้มีปัญหา กระแสเงินสดธนาคารจะต้องหยุดปล่อยกู้ หรือแบงก์ชาติมีความเห็นว่ากระแสเงินสดของลูกหนี้แบงก์ไม่ดี สามารถสั่งธนาคารให้หยุดปล่อยกู้ได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งแบงก์จะตีราคาหลักทรัพย์ต่ำกว่าในอดีตด้วย

ลูกหนี้ทุกรายบ่นด่า IAS 39 กดราคาหลักทรัพย์แบบมหาโหด

ลองนึกภาพดู หากเจ้าของไอเดียไม่ว่าจะเป็น คตส. คมช. หรือสมาชิกพันธมิตร ประสบความสำเร็จในการยกเลิกสัญญาหรือสัมปทาน อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง

ลูกหนี้ไม่มีเงินทำธุรกิจหรือโครงการต่อ ขีดความสามารถในการชำระหนี้ต่ำจนต้องถูกจัดชั้นหนี้ เจ้าของแบงก์ต้องเติมเงินเพื่อสำรองหนี้จัดชั้นเหล่านั้นให้เพียงพอ

ถ้าพิจารณารายละเอียดลงไปจะพบทุกโครงการที่กล่าวถึงล้วนมีธนาคารที่กำลังมีปัญหาเรื่อง NPL รวมอยู่ด้วยทั้งสิ้น ลูกหนี้แต่ละรายใหญ่พอที่จะทำให้แบงก์ล้มได้

ผมอยากจะบอกว่า ความไร้เดียงสา หรือมิจฉาทิฐิ เหล่านี้มันบ่อนทำลายเศรษฐกิจของชาติเหมือนกันนะครับ

แนวทางแก้ไขปัญหาสัญญาหรือสัมปทานไม่เป็นธรรม เมื่อมองเห็นว่ารัฐถูกเอาเปรียบเขาไม่ใช้วิธีการ "ทุบทำลาย" เพียงอย่างเดียว การเจรจาแก้ไขเป็นหนทางที่ได้ประโยชน์ที่สุด แต่รัฐบาลต้องไปหาทางเอาผิดเล่นงานทางอาญาหรือแพ่งกับคนของรัฐเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

ถ้านโยบายเอื้อประโยชน์เอกชนเล่นงานรัฐมนตรีผู้กุมนโยบาย ถ้าปฏิบัติงานตามนโยบายผิดพลาดเล่นงานข้าราชการประจำที่เกี่ยวข้อง

หรือกรณีคนเลี่ยงภาษี รัฐบาลจะต้องตั้งธงเอาเงินไม่ใช่เอาคนเข้าคุก ถ้าเอาคนทำมาหากินเก่งเข้าคุกหมด ชาติบ้านเมืองไม่มีรายได้มาพัฒนา

บริหารบ้านเมืองมันมีศาสตร์การบริหาร ไม่ใช่เอาแต่ "มันสะใจ" อย่างเดียว


Create Date : 28 สิงหาคม 2550
Last Update : 28 สิงหาคม 2550 18:43:57 น. 1 comments
Counter : 365 Pageviews.

 
^^


โดย: mui (tsubai ) วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:13:52:13 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

hip_ib
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add hip_ib's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.