space
space
space
<<
มกราคม 2559
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
space
space
8 มกราคม 2559
space
space
space

เข้าใจ มุขภาษาอังกฤษ ใน Social (part 2)
 มาต่อกันจากภาคที่แล้ว?
"เวลาอ่านเนื้อหา ใน Social Network เป็นภาษาอังกฤษ
เค้า Comment อะไรกัน?" 

อยากรู้ ตามไปดูอีก 5 ข้อ!!


6.  I'm this and I found that (Offensive)

    เป็นวลีที่ฮิตที่สุดตลอดกาล หนึ่งในโพสต์/comment ของชาวฝรั่ง ต้องมีประโยคนี้
แปลตรงตัวว่า "ฉัน คือ บางสิ่ง และ ฉันเห็นว่ามัน บางอย่าง" *0* งงเข้าไปใหญ่ ใช่มั้ย? เอาสถานการณ์มาเลยดีกว่า

Case 6.1  จุดกำเนิดมุข เป็นกรณีใช้ตรงตัว หมายความตามความรู้สึกที่สุด
                  - Post นึงในเฟสบุ๊ค เป็นภาพมุขแซวคนญี่ปุ่นซักเรื่อง (อาจจะเป็น Culture Shock บางอย่าง)
                    ใต้คอมเม้นท์ จึงมีชาวญี่ปุ่นคนนึงเม้นท์ว่า
                    I'm Japanese and I find this offensive. "ชั้นเป็นคนญี่ปุ่น และชั้นคิดว่าประเด็นนี้(มุขนี้) แรงเกินไป"

 (offensive แปลว่า ล่วงละเมิด/ก้าวร้าว ก็ได้ แต่ถ้าพูดในบริบทไทย น่าจะหมายความแบบนี้จะฟังลงตัวกว่า)


Case 6.2  รู้สึกขำขัน เลยใช้มุขนี้แบบกลับคำในประโยค

                  - ณ Post เดียวกันกับข้อด้านบนเลย เพียงแต่ผู้อ่าน(อาจจะเป็นคนญี่ปุ่นหรือไม่ก็ได้)รู้สึกไม่ซีเรียสในมุข 
                    เป็นคนสบายๆ ขำๆ แต่กลัวคนญี่ปุ่นจะคิดมาก เลยเม้นท์ชิงตัดหน้าให้บรรยากาศเปลี่ยนว่า
                     I'm offensive and I find this Japanese. !@#$% แปลไม่ได้ แปลไม่ออกใช้มั้ยล่ะ 

อารมณ์เหมือนกับที่เราแกล้งเขียน/พูดประโยคในภาษาไทยผิดน่ะแหละ ทำให้บรรยากาศขำขึ้น ไม่ซีเรียส (เช่น "กราบสวัสดี เขียดผู้มีแกก ทุกท่าน" เย้ย! ตึ่งโป๊ะ!)


Case 6.3  ใช้ประโยคตามความหมาย แต่รู้สึกขำขัน

                  เหล่าผู้ใช้ภาษาอังกฤษ อารมณ์เค้า Advance มากครับ ถึงเค้าจะโพสต์ว่า offensive ในความหมายนั้นจริง แต่อาจจะไม่ซีเรียสก็ได้
เช่น มีมุขว่าผู้หญิงแต่งหน้า vs ผู้หญิงหน้าสด >>> ผู้หญิงก็เม้นท์ว่า "แรงงงงงงงงงงงงงงงส์ อ่าาาา!" 

นั่นหมายถึง ชีรู้สึกว่าถูก offensive แล้ว แต่อารมณ์ไม่ได้อยากเอาเรื่องเอาราวซีเรียสอะไร พอจะเห็นภาพรึยังล่ะครับ 


Case 6.4  ใช้แพร่หลาย ตามอัธยาศัย และครีเอทสุดๆ 

Example : I'm an internet explorer anddddddddddd iiiiiiii finnddddd thhhhisss ....*error 403
              I'm a Seeker and I find the Golden Snicht. 

              I'm no one and I find this funny. 

และอีกมากมาย แล้วแต่จะสรรค์สร้าง (ขอไม่แปลเป็นไทย เด๋วจะเสียอรรถรสมุขฝรั่ง)


7. Incoming!  / Brace yourselves!

    Incoming!!! ใช้แบบคำอุทาน ถ้าใครเคยเล่นเกมส์ Worm ซี่รียส์ จะคุ้นเคยกันดี 
คือ การตะโกนบอกทีมในหน่วยทหารว่า มีระเบิดหรือเครื่องบินกำลังมา
คล้ายๆ เล่น CS แล้วบอกว่า "มีไฟอยู่ในรู" ตอนปาระเบิด (แปลซะน่าเกลียดเชียว -*-)
...
   เวลาใช้ใน Social Network เอาไว้ใช้ดัก คอมเม้นท์ทุกประเภท ที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
แต่ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า Comment "Incoming" ไม่ต่างอะไรกับ Comment สู่รู้ล่อเป้า 

Example7.1
                อารมณ์ให้นึกประมาณว่า อยู่หน้าเฟสบุ๊คไทย มีการโพสต์รูปอะไรกันซักอย่างนึง
               แล้วมีคอมเม้นท์นึงลั่นขึ้นมาก่อนเพื่อนว่า...

"เด๋ว กรูว่าต้องมี คอนเม้นท์ประเภท มุข รู้หมื่อไร่ มาแน่ๆ ปัญญาอ่อน"

 ซึ่งถ้าไม่พูดหยั่งงี้  อาจจะไม่มีใครเล่นมุขนี้เลยก็ได้ แต่ในเมื่อลั่นมาแล้ว เกรียนเห็นก็ต้องจัดสิ

ส่วน Brace yourselves! ตามความหมายจริงใช้ในแง่ดีปลุกใจ ออกสมัยโบราณๆ หน่อย
แปลตามความรู้สึก คือ จงเตรียมขวัญและกำลังใจให้พร้อมสรรพ 
(เผื่อสิ่งที่กำลังจะมาในกาลข้างหน้า)

...แต่ ใน Internet สามารถใช้ได้คล้ายคลึง กับ Incoming!

Example 7.2

สถานการณ์  : ในโพสต์มีผลการต่อสู้ของ มาริโอ้ กับ ร็อคแมน สมมุติว่าร็อคแมนแพ้
การนำไปใช้  : "Megaman's Fanboy comments incoming in 3,2,1"
แปลไทยver   :  "เด๋วซักพัก แมร่งต้องมีติ่งร็อคแมน มาดิ้น ชัวร์"

สถานการณ์  : ในโพสต์มีภาพ คนหลายเชื้อชาติยืนจับมือกัน โอบกอดกัน
การนำไปใช้  : "Brace yourselves thats racist comments incoming"
แปลไทยver   :  "เด๋วมีคอมเม้นท์เหยียดผิวแน่ๆ ต้มมาม่ารอเลย"


8. Grab popcorn / ...tard / A vs B

Grab popcorn เป็นสัญลักษณ์ในการดูหนังให้ฟินสุดๆ ทั้งในโรงและหนังแผ่นที่บ้าน 
                   ของชาวอเมริกา เมื่อเอามาเม้นท์ในโซเชียล จะสื่ออารมณ์ประมาณว่า
                   ขอเหยียดแข่งเหยียดขา หยิบป๊อนคอร์น กิน สบายๆ 
                   แล้วเสพย์คอมเม้นท์ ดราม่า พวกเมิงจะทำอะไรกันก็เต็มที่เลยแจ้!

ไทยversion ที่ใกล้เคียง แปลว่า ปูเสื่อรอ/ต้มมาม่ารอ/ปักหมุด/ต้มชาเผือกแป๊บ

มุขนี้เป็นวัฒนธรรมของตะวันตกจ๋าเลย 
ในประเทศแถบเอเชีย จีน ญี่ปุ่น ไทย ไม่มีถามชงมุขแบบนี้แน่ กลบหลุมฝังตัวเองชัดๆ

เพราะอะไร? เพราะว่าเค้าใช้มุขนี้ถามเปรียบเทียบกันระหว่าง 2 สิ่งเลย
              แถมบางประโยค ตั้งใจพูดเพื่อให้เกิดดราม่า

Example 8.1 (แปลไทยverไม่ได้จริงๆ เพราะคนไทยจะไม่ถามล่อตีนหยั่งงี้)

ประโยค       : "DC vs Marvel" grab popcorn.
อธิบาย        : ปัญหาระดับโลกแตกจักรวาลแตก 
                   ระหว่างสองค่ายผลิตฮีโร่ ดีซี ยูนิเวิร์ส และมาร์เวล
                   แฟนๆ ผู้ติดตามมักชอบเอามาถามกันเสมอ ตัวนี้ vs ตัวนั้น ใครชนะ?
                   คือ ถ้าถามปกติแบบ "Superman VS ฺHulk ,who win?"   
                   อันนี้ เจตนาอาจจะอยากทราบ อยากวิเคราะห์ อยากดิสคัสกันจริงๆ
                   แต่ถ้าเมื่อไหร่ถามคำถาม แล้วใส่ grab popcorn ต่อท้ายประโยค
                        หมายถึง อารมณ์คนถาม แค่อยากจะก่อกวนพวก fanboys ครับ 
                        ใครชนะช่างมันส์ กรูอยากเห็น comment พวกเมิงตีกัน ดราม่ากัน

ระโยค        : "Putin > Obama" grab popcorn 
 (ยั่วอเมริกา แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ผล เพราะ คนอเมริกา ด่าประเทศตัวเองแหลกเละอยู่แล้ว)
                  "Avatar > Starwar" grab popcorn (ยั่วแฟนสตาร์วอ)
                  "Vegan = Herbivore" grab popcorn (กวนทรีนคนกินมังสวิรัต)

อธิบาย   :  ต้องบอกก่อนนะครับว่า การล้อเล่นฝรั่งไม่มีที่สิ้นสุดครับ 
                เล่นได้ทุกอย่าง บางคนเอามุข grab popcorn ไปโยงประเด็น ศาสนา 
                ประเทศ เชื้อชาติ ก็มี จะเล่นอะไรก็ไม่ต้องตามเค้าหมดก็ได้ครับ

grab popcorn สามารถเล่นอีกรูปแบบนึงได้ด้วย คือ การสลับคำ (ทำให้ลดความแรงในการกวนตีนได้ -*- เหรอ?)

เช่น "Marvel VS Popcorn" grab DC. (ขำนิดๆ)
คำเฉพาะกลุ่มที่อาจเจอ
...tard เป็นส่วนหนึ่งของคำว่า RETARDED ที่แปลว่า ปัญญาอ่อน ..ใช่! ด่าแรง อารมณ์เท่าภาษาไทยเลย
ทีนี้ เวลาจะด่าพวกติ่งต่างๆ แบบ Stereotype(เหมารวม) ฝรั่งเค้าก็สร้างสรรค์ คิดคำ ด่า โดยเอา tard เนี่ยแหละครับไปต่อท้าย

เช่น Naruto's Fanboy >>> Narutard = พวกติ่งนารูโตะกากๆ (แปลให้เข้าอารมณ์คนไทยด่าที่สุด)
ถ้าเอามาใช้รวมๆ กันกับมุขอื่นๆ ที่เคยบอก ก็จะเป็น "Brace yourselves, Narutard comments incoming, Grab popcorn" (*0*)


9. I'm vegan

ต้องแยกให้ออกก่อนว่า Vegan กับ Vegetarian เป็นคนละคำกัน 
Vegan จะเคร่งกว่ามาก ไม่กินอาหารทุกสิ่งอย่างที่ทำจากสัตว์ หรือส่วนนึงของสัตว์ (รายละเอียดช่างมัน ไปถาม อากู๋ ต่อ)

ประเด็น คือ จะกินอะไร ไม่กินอะไร ย่อมเป็นสิทธิเสรีภาพ เต็มที่ 
              ไม่ควรบอกว่า ใครเป็นคนดีกว่า เหมารวม คนที่กินไม่เหมือนตัวเอง ว่าไม่ดี

คนที่เป็น Vegan ก็มีหลายประเภท เช่นกัน คนที่กินเงียบๆ ของเค้าก็ไม่แสดงออก 
ส่วนอีกจำพวก จะชอบแสดงทัศนคติว่าคนกินเนื้อ กระทบกระทั่งแม้ในโลกโซเชี่ยล(ของฝรั่งเนี่ยแหละ)

เลยมีกลุ่ม ที่เรียกว่า Anti-Vegan คอยออกมา เล่นมุขแกล้ง แขวะ ประชด เสียดสี ทุกจังหวะ ได้อย่างเจ็บแสบ อยู่ทุกเมื่อ
ไม่ว่าอะไรก็ลากเข้าเรื่อง "I'm/you're vegan" = (นั่นเพราะชั้นเป็นมังสวิรัตไงล่ะ/นั่นเพราะนายเป็นมังสวิรัตไงล่ะ)

เนื่องจากประเด็นค่อนข้างดราม่า จึงไม่ขอยกตัวอย่างแล้วกัน ให้จำเอาไว้ว่า เวลามี comment หรือโพสต์อะไร ลั่นขึ้นมาก่อน นั่นเค้าแซวพวก Vegans ครับ

ปล. พวก Vegans ที่แท้จริงจะใช้ชีวิตกินไปตามปกติเงียบสงบครับ แต่ Vegans อีกประเภทจะหาโอกาสประกาศให้คนอื่นทราบว่าตนเองเป็น Vegans 
ไม่ใช่ทัศนคติผู้เขียน แต่เป็นฝั่งคนกินเนื้อบางท่านได้กล่าวไว้


10. John Cena , You can't see me

ปัจจัยที่ควรทราบ(ที่มา)

10.1 John Cena คือ นักมวยปลํ้า ของค่าย WWE

10.2 ค่าย WWE สำหรับคนที่ไม่รู้ เค้าทำธุรกิจมวยปลํ้า เป็นแบบโชว์ คือ ทุกอย่างในนั้นเป็น สคริปหมด ใครชนะ ใครแพ้ ใครแชมป์

มุมมองของ Fanboys มวยปลํ้า WWE (ไม่ใช่มุมมองผู้เขียนนะ)
10.3 John Cena เป็นนักมวยปลํ้า ที่ทางบริษัท WWE ปลุกปั้นมาก 
       ความรู้สึกเปรียบดั่งประมาณ นักย่างไก่ของอาหลอง / พี่บี้ เดอะสตาร์ที่ คุณบอย ดันชิบหายวายป่วง 
       ทั้งๆ ทีฝีมือ และความสามารถไม่ถึง แต่จัดบทบาทให้ชนะเว่อร์ทุกนัด
       - ชนะตำนานนักมวยปลํ้าหลายๆ คน(ทุกอย่างเป็นสคริป ก็จริง แต่ไม่สมเหตุ สมผล ก็ดูไม่สนุก)
       - โดนท่าไม้ตาย ไปสองสามครั้ง ลุกขึ้นมากดชนะ (ฝืนกฏมวยปลํ้า WWE แฟนๆ ที่เคยดูจะรู็)
       - ท่าไม้ตายของ John Cena มันดูไม่รุนแรง แต่วางบทให้ใช้ทีเดียวชนะ (ยกวางบนบ่า และทุ่มลงมาเบาๆ พวกตำนานโดนทีเดียวแพ้-*-)

10.4 ส่วนตัวเป็นคนดี ขยัน อดทน ทำเพื่อผู้ชม (ข้อนี้ไม่เกี่ยว ใส่มาใไว้ ให้เห็นว่า กรูแยกเรื่องออก..อ้าว-*-)

10.5 แฟนๆ มวยปลํ้า เลยเริ่มนำไปเล่นมุข เอะอะไร ก็ John Cena จึงแพร่มาจนถึงปัจจุบัน
       เพราะฉะนั้น ถ้าเห็น มุขพูดอะไรเกี่ยวกับ John Cena ก็ง่ายๆ ไม่ต้องเข้าใจอะไรทั้งนั้น 
       มันจะพูดชื่อขึ้นมาเฉยๆ ก็ได้ คล้ายๆ มุข "Becuz I'm Batman" อ่ะ
สโลแกนของ John Cena คือ You can't see me คนส่วนใหญ่จะชอบเล่นมุขกับสโลแกนนี้บ่อยๆ

เช่น  A : "Error 403 Money not found" (เอามาจากมุขภาคที่แล้ว)
B : "Becuz, Your money is John Cena. You can't see him" <<< ขนาดมุขไม่เกี่ยวอะไรกันเลย ยังจะเล่น

ข้อสังเกต : มุข John Cena ใช้กันเกร่อ ดูเผินๆ ไม่ให้เน้นเรื่องขบขัน แต่เน้นทำให้รำคาญ เสียมากกว่า




Create Date : 08 มกราคม 2559
Last Update : 8 มกราคม 2559 17:02:42 น. 0 comments
Counter : 4432 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

จิ้งจกราตรี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]






space
space
[Add จิ้งจกราตรี's blog to your web]
space
space
space
space
space