สวัสดีค่ะ วันนี้พาไปเที่ยวและเล่าเรื่องการเดินทางไปเที่ยวที่กระบี่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาค่ะ พาแม่ น้า หลานสาว ไปเที่ยวกันเองตามประสาผู้หญิงค่ะ จองตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นถูกไว้ข้ามปี ตอนจองตั้งใจว่าจะพาหลานไปเที่ยวก่อนเปิดเทอมน่ะค่ะ ส่วนแม่กับน้าก็ไม่มีปัญหาให้ลาหยุดงานสักสองวัน ไปกันสี่คนเลยจ่ายค่าตั๋วไปสามพันกว่าบาทค่ะ เพราะระบุที่นั่งให้ติดกัน ซึงบางคนที่เซียนด้านนี้ก็คงได้โปรที่ถูกกว่านี้ แต่ถ้าใครคิดวางแผนล่วงหน้าไปเที่ยวข้ามปีแบบเราก็เลือกช่วงเวลาให้ดีนะคะ เพราะหลังเรากลับมาปุ๊บพายุก็เข้าเลยค่ะ ตามอ่านกระทู้ของคนอื่นๆมีแต่เสียงบ่นว่าฝนตกทั้งวันค่ะ

เรามาถึงสนามบินกระบี่กันประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าๆ เอ...จะเอายังไงดีนะ จะใช้วิธีไหนเป็นการเดินทางไปอ่าวนางที่ประหยัดที่สุด อ่านในเน็ตมาว่าถ้าเดินออกจากสนามบินกระบี่แล้วข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามแล้วรอขึ้นสองแถวไปลงที่ในเมืองหน้าห้างโว้ค และต่อรถสองแถวอีกครั้งไปที่อ่าวนางก็จะประหยัดมากค่ะคิดแล้วเขาว่าคนละหกสิบบาท แต่พอมาถึงเห็นแดดร้อนเปรี้ยงก็ไม่ไหวแล้วค่ะ เดี๋ยวคนแก่เป็นลม ขึ้นรถตู้ก็คิดหัวละ150บาท ถ้าเหมาแท๊กซี่ก็คันละ 600บาท แต่เราสี่คนเลือกขึ้น รถShutter Bus ค่ะ คนละ150 บาท เดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาออกจากสนามบินก็เจอรถจอดอยู่เลยค่ะ สะดวกและสบายมากๆค่ะ แต่ข้อเสียก็อาจจะมีตรงที่ถ้าใครรีบจะเสียเวลาเพราะรถจะต้องแวะจอดผู้โดยสารตามจุดต่างๆ ตามลำดับเรียงกันไปตามเส้นทางค่ะ แต่พวกเราชอบเพราะเหมือนเป็น City Tour ค่ะ

ให้เบอร์

โทรศํพท์ไว้

เผื่อใคร

สนใจ

รายละเอียด

โทรไป

                                                                                     สอบถามค่ะ

ถ้าใครต้องการประหยัด จะเดินไปขึ้นสองแถวฝั่งตรงข้ามก็ ขอกระซิบนิดหนึ่งค่ะว่าไม่ใกล้เลยนะคะ แล้วต้องไปยืนรออีกค่ะ ข้างล่างเป็นรูปถนนหน้าสนามบินกระบี่บริเวณประตูทางเข้าค่ะ

มาถึงอ่าวนางประมาณบ่ายโมงค่ะ กำลังหิวกันทีเดียว หลังจากเอาสัมภาระไปฝากไว้ที่โรงแรมที่พักแล้ว ด้วยความขี้เกียจเดินกันก็หาอะไรกินกันตรงแถวๆที่พักนี่แหละค่ะ ซึ่งส่วนมากร้านนี้ลูกค้าหลักน่าจะเป็นคนต่างชาติมากกว่าคนไทยค่ะ เพราผัดไทยก็จานละร้อยกว่าบาทแล้วค่ะ ทางร้านใจดีค่ะเห็นพวกเราเป็นคนไทยก็ทำส่วนลดมาให้เลยค่ะ และพนักงานก็ช่วยให้ข้อมูลต่างๆเป็นอย่างดีค่ะ แต่ถ้าเพื่อนๆไปเที่ยวแถวอ่าวนางแล้วก็ต้องการประหยัดหน่อย แถวนั้นมีทั้งเซเว่น เบอร์เกอร์คิงส์ เลยไปหน่อย MC Donald ก็มีค่ะ หรือจะไก่ย่างส้มตำ แถวอ่าวนาง ของกินเยอะทีเดียวค่ะ

หลังจากอิ่มหมีพีมันกับผัดไทยกุ้งสดไปคนละจานแล้ว และได้เวลาเช็คอินพอดี พวกเราก็เอากระเป๋าไปเก็บและเตรียมตัวออกทะเลกัน เพราะดูสภาพอากาศแล้วดีที่เดียว ไปติดต่อเหมาเรือหัวโทงเขาคิดราคา1800 บาท เราต่อ 1500 บาทเพราะไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงซึ่งราคา1800 บาทเป็นราคาที่เหมาทั้งวันซึ่งก็เข้าใจนะคะว่าจะเหมาเต็มวันหรือครึ่งวันก็ใช้น้ำมันเท่ากันแต่ทางความรู้สึกไม่เท่ากันค่ะ 555 ท้ายสุดก็ทิปให้คนขับเรือผู้ชำนาญการเป็นอย่างดีไปอีก 200บาทค่ะ (คนขับเรือเบอร์ 2 ค่ะ ชำนาญมากๆค่ะ แถมขากลับเจอคลื่นสูงพี่เขายังร้องเพลงกล่อมให้ฟังซะอีกแน่ะ )

เนื่องจากว่าเป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว ซึ่งโดยมากนักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับเข้าฝั่งกันแล้วค่ะ เราเลยตัดสินใจไปแค่สองเกาะคือเกาะปอดะ กับเกาะหม้อ เพื่อที่จะได้ใช้เวลาที่ชายหาดได้นานๆ แม่กับน้าก็จะได้ไม่เหนื่อยมากด้วยค่ะ

ลาหยุด มาเที่ยวพักผ่อนวันธรรมดาแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะ ชายหาดเงียบสงบ นักท่องเที่ยวน้อยดีค่ะ ถ้าเลือกได้ไม่ชอบความวุ่นวายค่ะ

เราอยู่กันบนเกาะตรงทะเลแหวกนี่ประมาณสองชั่วโมงค่ะ มาถึงน้ำทะเลขึ้นมาถึงเอวแล้วค่ะ เลยไม่ได้เห็นสันทรายโผล่ขึ้นมาเป็นทะเลแหวก เห็นแต่คนที่เดินข้ามไปอีกเกาะค่ะ ดูแล้วน่าสนุกดีค่ะ แต่พวกเราสี่คนไม่มีใครไปเดินเลยค่ะ เล่นน้ำอยู่ริมๆชายหาด นั่งมองทะเลฟังเสียงคลื่นอย่างมีความสุขกันค่ะ

อากาศที่ดูเหมือนว่าจะดีก่อนมาเริ่มมีเค้าตั้งฝน หลังจากแม่และหลานพากันไปฝึกหัดใช้หน้ากากดำน้ำที่เช่าจากคนขับเรือชุดละ50บาท พวกเราก็อำลาเกาะนี้เพื่อจะไปดำน้ำตื้นกันค่ะ

การเช่าเหมาเรือหัวโทงแบบนี้ก็ดีนะคะ ถ้าเกาะที่เราจะไปเที่ยวอยู่ไม่ไกลจากฝั่งมากเพราะเรามีอิสระที่จะใช้เวลาตามใจของเราอยากอยู่ตรงไหนนานมากน้อยแค่ไหนเราเป็นผู้กำหนด แต่ถ้าอยู่ไกลมาก็ไม่ไหวเหมือนกันค่ะ เรารู้สึกชอบเรือหัวโทงนี้มากค่ะ เมื่อก่อนมาทีไรก็ไปกับสปีทโบ๊ทตลอดค่ะ อารมณ์มันผิดกันค่ะ สักพักคนขับเรือก็พามาจอดที่จุดดำน้ำ ซึ่งแม่ น้า หลาน ชอบกันอย่างมากค่ะ แถมมีเชือกให้จับด้วยค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าคลื่นจะพัดไปไกลจากเรือ 

แมะ....แมะ...แหม....มีความสุขกันจังนะคะ

ใครไปเที่ยว สี่เกาะ ที่กระบี่ ต้องมีภาพมุม นี้กันทุกคนค่ะ อีกมุมที่สุดฮิต

เข้ามาถึงฝั่งประมาณหกโมงกว่า ชายหาดหน้าหาดนพรัตน์ธาราสวยและบรรยากาศเงียบสงบ

ขามา นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ของบริษัทเรือมา ขากลับต้องเหมารถสกายแล็บจากหาดนพรัตน์ไปที่พัก หนึ่งร้อยบาทค่ะ เปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำอาบท่า ก็เดินจากที่พักไปกินมื้อเย็นที่ร้านวังทรายค่ะ เพราะมาอ่าวนางสองครั้งที่แล้วกับคุณแฟนก็กินมื้อเย็นที่นี่ทุกครั้งค่ะ เคยเขียนรีวิวไว้ในบล๊อกตอนก่อนๆ ร้านวังทรายวันนี้ก็ยังคนเยอะเหมือนเดิมค่ะ ร้านติดอยู่ริมหาด อาหารอร่อยค่ะ เรากับแม่สั่งไวน์ขาวมาหนึ่งขวดชิลล์กันเต็มที่ น้ากับหลานก็ enjoy eating กันสุดๆ แบบไม่มียอมกันค่ะ

เช้าวันรุงขึ้น นอนพักผ่อนกันให้เต็มที่เพราะโปรแกรมเน้นความสบายเป็นหลัก เราเลือกพักที่ อ่าวนางรีสอร์ท คืนละ 1000บาทพร้อมอาหารเช้าค่ะ ที่พักเป็นแบบธรรมดาแต่ว่าไม่ไกลจากถนนใหญ่ เพราะคิดว่าเอาไว้นอนอย่างเดียวค่ะ ทานอาหารเช้าเสร็จก็ฝากกระเป๋าเอาไว้ที่ล๊อบบี้ก่อน ตอนบ่ายๆค่อยกลับมาเอา วันนี้เราจะไปนั่งเล่น นอนเล่นกันที่หาดนพรัตน์ค่ะ

นั่นค่ะ...เห็นเกาะเล็กๆที่อยู่ตรงกลางภาพไหมคะ ที่มีสันทรายเชื่อมไปถึงนั่นแหละค่ะ ที่หมายของเราวันนี้ เพราะเราเคยไปนั้งเล่นนอนเล่นกับคุณแฟน ตอนสมัยโน้นที่เคยมาด้วยกันสองคน วันนี้ก็จะพาแม่ น้า หลาน ไปที่ตรงนั้นบ้างค่ะ

ขออาศัยใต้ร่มเงาตรงชะง่อนหินนี่แหละค่ะ นังเพลิน นอนเพลินกันอยู่ตรงนี้ร่วมๆสามชั่วโมงค่ะ

ส่วนเจ้าหลาน ก็ได้เพื่อนเล่นกลุ่มใหญ่ เลยลงไปเปียกน้ำอีกรอบ หน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติมีสถานที่อาบน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยวค่ะ รวมทั้งห้องสุขาทั้งชายและหญิง ซึ่งดีมากๆค่ะ ไม่ต้องห่วงว่าเล่นน้ำเสร็จแล้วจะไปอาบน้ำที่ไหน เพราะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมแล้ว ได้ใช้บริการที่นี่เป็นประโยชน์มากค่ะ

ฝนตกเอาตอนที่พวกเราเดินกลับเข้าฝั่งเพื่อไปหาอะไรกินตอนเที่ยงพอดีค่ะ สาธุ....ยกมือพนมไหว้ขอบคุณเทวดา คุ้มครองให้ไม่เปียก พวกเราก็เลยนั่งกินข้าวเที่ยงกันที่ร้านอาหารแถวๆหน้าอุทยาน ซึ่งตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อไปปิคนิคริมหาด ฝนมาตกซะก่อนเลยกินกันในร้านแทนค่ะ จำชื่อร้านไม่ได้ค่ะ แต่เป็นร้านใหญ่ๆ หันหน้าเข้าร้านซ้ายมือจะเป็นร้านขายส้มตำ โต๊ะเก้าอี้ในร้านจะเป็นโต๊ะไม้สักทั้งร้านส้มตำ และกุ้งชุบแป้งทอดอร่อยมากๆค่ะ

หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ พักหนึ่งฝนก็หยุดตกค่ะ พวกเราก็เลย ซื้อเครื่องดื่มนิดหน่อยแล้วก็ไปนั่งอยู่ริมหาดค่ะ เพราะเราเตรียมผ้ายางไปจากบ้านผืนหนึ่ง จะไปนั่งตรงไหนก็ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้วค่ะ รอจนจวนใกล้เวลาที่จะขึ้นรถชัตเตอร์บัสจะผ่านมาที่อ่าวนางในเวลาที่กำหนด เพื่อที่จะไปขึ้นเครื่องกลับที่สนามบินค่ะ ซึ่งรถบัสนี้เขาก็จะมีเวลาจอดเป็นจุดๆ เป็นจุดไปนะคะ กี่โมง ก็ตามเวลาด้านล่างค่ะ หรือมีข้อสงสัย ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมก็โทรไปสอบถามเองนะคะ เจ้าของบล๊อกไม่ได้เป็นญาติหรือมีผลประโยชน์อันใดเกี่ยวข้องนะคะ เอามาฝากเผื่อว่าเป็นประโยชน์แก่กันเท่านั้นค่ะ

และวันนี้ขอลาทุกคนไปกับภาพหาดนพรัตน์ธารา จ.กระบี่ ยามน้ำลดช่วงบ่ายวันหนึ่งของเดือนพฤษภาคม 2555 ค่ะ อย่าลืมนะคะเพื่อนๆ ไปเที่ยวไหนๆก็ไปเที่ยวได้ ยังไงก็ไม่ลืมเที่ยวเมืองไทยบ้านเกิดพวกเรากันด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ