X'masเที่ยวฮ่องกง เซินเจิ้น มาเก๊า ลัลล้าที่ดิสนีย์แลนด์

@@@@ 25-28 ธันวาคม 2553 ไปเที่ยวฮ่องกงไปเที่ยวในช่วงเทศกาลแบบนี้

ต้องทำใจคนเยอะแยะตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิ และถ้าคุณเลือกที่จะไปถึงที่

ฮ่องกงช่วงเช้านั่นก็แปลว่าคืนนั้นคุณจะไม่ได้นอนเพราะต้องมาถึงสนามบินตี2

แต่การได้ไปเที่ยว ไม่ว่าเจอเหตุการณ์อะไร ดิฉันก็ยัง Happy ได้ตลอด



+++....สองชั่วโมงก็มาถึงสนามบินฮ่องกง นั่งรถไฟฟ้าเข้ามาอีกทอดระบบการ

จัดการของสนามบินเค้าดีทีเดียว เราไปกับ SmileThaillandTour คุณเนตรเป็น

หัวหน้าทัวร์ตัวเล็กน่ารักเป็นคนมีService mind ดีเหมาะกับอาชีพนี้ กรุ๊บเรามีแค่

11 คน (ดีจัง)ไปกับทัวร์ก็ดีอย่างและก็เสียบางอย่างเนอะ นี่เป็นการไปฮ่องกง

ครั้งแรกของเราแต่คุณแฟนไปมาหลายครั้งแล้วก่อนที่จะได้รู้จักกับเรา (แต่ไม่

ยอมพาไปเองบอกว่าไปครั้งแรกไปกับทัวร์จะสะดวกกว่าไว้ครั้งหน้าค่อยมาเอง

:-) หลังออกจากสนามบินฮ่องกงขึ้นรถโค้ชไปตามทางถนนไฮเวย์(ไม่มีไฟ

แดงเลย)ข้ามสะพานซิงหม่า(จำง่ายๆว่าชิงหมา) สะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลก

ประมาณชั่วโมงครึ่งก็มาถึงเซินเจิ้น พาซิตี้ทัวร์ ที่มีแต่ตึกสูงที่แสดงถึงการเจริญ

เติบโตของเมือง พาไปกินอาหารมื้อเที่ยงมื้อแรกที่เซินเจิ้น ที่ร้านนี้เราว่าอาหาร

อร่อยทีเดียว (เมนูอาหารทุกมื้อจะคล้ายๆกัน)



...:-)หลังจากอิ่มดีแล้วก็ไปพิพิธภัณฑ์หยก และ ไข่มุก ก็คือร้านขายของที่ระลึก

นั่นเอง เราไม่ชอบที่เสียเวลาที่นี่นานโดยไม่มีการบังคับเวลาอิสระเต็มที่ ก็เข้าใจ

นะว่าเพราะไกด์ท้องถิ่นเค้าจะได้ัรายได้จากตรงนี้



....... :-( ใช้เวลาเมื่อกี๊นานเลยทำให้ไปถึงจุดหมายต่อไปช้าลงไปมาก ที่ต่อไป

ตลาดLowu Cityเลยให้เวลาชั่วโมงหนึ่ง ที่ตลาด Lowu นี้ เราว่าเป็นการซื้อขายที่

ดูกดดันมากเลย เพราะไม่รู้ราคากลางไงถ้าต่อแล้วไม่เอาเดี๋ยวอาตี๋ อาหมวย จะ

ด่าเอาให้แต่ถ้าเอาก็กลัวว่าร้านข้างหน้าจะถูกกว่า พ่อค้าแม่ค้าทุกที่ที่นี่ถ้าถาม

ราคาปุ๊บ เค้าจะถามกลับเลยว่าจะต่อเท่าไหร่ ซึ่งควรจะต่ออย่างน้อยแปดสิบ

เปอร์เซนต์ เราถามผ้าพันคอร้านหนึ่ง บอกมา180เค้าถามกลับมาเลยว่าให้เท่าไร

เราก็เลยบอกคิดก่อนเค้าก็ให้กลับมา 100เราก็เฉย บอกเดี๋ยวขอเดินดูก่อนเค้า

บอก80เอาเปล่านี่ขนาดยังไม่ได้ต่อนะ เลยไม่ได้ซื้ออะไรซักอย่าง หนึ่งชั่วโมง

หมดแล้ว อาจจะเป็นเพราะเรารู้ตัวว่าต่อไม่เก่งมั๊งเลยไม่ได้ซื้ออะไรเลย อีกอย่าง

ที่ต้องระวังอย่างมากคือมิจฉาชีพ



แล้วการไปกับทัวร์นะคะถ้าในกลุ่มมีคนที่ไม่รักษาเวลา(คนนั้นก็มักจะเป็นคนเดิม

ที่สายตลอดทั้งทริป หุ หุ ) ก็เลยทำให้ไปถึง Window of the world มืดแล้ว



ซึ่งเราคิดว่าควรจะมาถึงที่นี่ซักบ่ายสี่โมงได้เดินเที่ยวรอบๆ ถ่ายรูปรอบๆ เลยอด

ไม่ได้เดินดูรอบๆเพราะไปถึงได้เดินเที่ยวไม่นานก็ถึงเวลาโชว์แล้ว







ซึ่งก็โชคไม่ดีอีกครั้งเพราะนอกจากจะหนาวแล้วฝนก็ดั๊นมาตกอีก อุตส่าห์นั่งแบบ

สู้บ่ยั่นแล้วแต่ฝนดั๊นตกแรงขึ้น แรงขึ้น เม็ดใหญ่ขึ้น(หนาวสุด สุุด)พวกเราก็เลย

ต้องถอยทัพกลับออกมา แล้วไปกินมื้อเย็นก่อนเข้าโรงแรมที่พัก (จำชื่อไม่ได้

แต่ดูใหม่สะอาด ห้องกว้างพอสมควร Cal หรือเปล่าไม่แน่ใจ่ะ)



....ขอชม SmileThailandTour ว่าเลือกโรงแรมที่พักได้ดี ที่พัก ที่กินทั้งสามคืน

และทุกมื้อ เรียกได้ว่าดีทีเดียว กินหรูอยู่สบายดี

@@@@@วันที่สอง หลังอาหารเช้าที่โรงแรม ขึ้นรถเิดินทางเพื่อที่จะข้ามไปยัง

มาเก๊า ให้เวลาเดินเล่น 45นาทีที่ตลาดจูไห่นี้ก่อนที่จะข้ามแดนไปฝั่งมาเก๊าตลาด

นี้บรรยากาศเดินสบายๆกว่า เหมือนร้านทั่วไปบ้านเรา ส่วนเรื่องราคาแพงหรือ

ถูกกว่าไม่อาจตอบได้



๐๐ๆเราซื้อขนมปังกับทาร์ตไข่ลองชิมดู ขนมปังไม่ได้กินเช้าอีกวันเลยทิ้งไว้ที่

โรงแรมเืผื่อแม่บ้านเอาไปกินได้ ร้านขนมปังมีขนมให้เลือกหลากหลายดี (เป็น

คนที่ชอบเข้าร้านขนมปังค่ะซื้อสักชิ้นก็มีความสุขแล้ว)



๐๐๐มาถึงมาเก๊าแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มาถ่ายรูปกับวิหารเซนต์ปอลล์ เย้ เย้

ดีใจ วุ้ย เห็นแต่ในทีวีมานานแล้ว วันนี้ได้มาเห็นของจริงแล้วเรา (แค่เนี้ยะ)



๐๐๐เดินผ่านจตุรัสเซนาโด และถนนช้อปปิ้งเพื่อไปยังร้านอาหารสำหรับมื้อเที่ยง

ชอบถนนนี้จังแฮะ มีกระเบื้องปูพื้นเป็นรูปลอนคลื่นเปรียบเสมือนท้องทะเล



๐๐๐หลังมื้อเที่ยงให้เวลาชั่วโมงครึ่งหรือสองชั่วโมงไม่แน่ใจอิสระเต็มที่ เราใช้

เวลาหมดกับการไปรอคิวซื้อทาร์ตไข่ที่ร้านเจ๊ Margaret's cafe E Nata ซึ่งเดิน

ไปจากจตุรัสเซนาโดไม่ไกลประมาณ5นาที



๐๐๐สำหรับเราถือคติว่า ไม่ลองจะรู้ได้ไงว่าอร่อยจริงหรือเปล่า ขอบอกว่าสำหรับ

เราแล้วอร่อยจริง ขนาดไม่ร้อนยังอร่อยเลย





๐๐๐จตุรัสเซนาโด วันนี้ผู้คนล้นหลาม



๐๐๐ไปเที่ยวกับทัวร์ก็ดีอย่างถึงเวลากิน กิน ถึงเวลาไป ไป ระหว่างทางมีเกร็ด

ความรู้ต่างๆ เรื่องราวต่างๆที่ไกด์เล่าให้ฟังไปด้วย ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรตามๆ

เค้าไปแล้วก็มาถึง ศาลเจ้าอาม่า หรือ เจ้าแม่ทับทิมเพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์





๐๐๐และเยี่ยมชมเจ้าแม่กวนอิมที่คล้ายพระแม่มารี (หรือสับกันไม่แน่ใจค่ะ)



๐๐๐ไกด์ท้องถิ่นพาไปเลือกซื้อขนมของฝากที่ร้านๆหนึ่งได้ขนมนิดหน่อยกลับ

บ้านและเช็คอินเข้าสู่ Rio Hotel และไปทานมื้อเย็น หลังจากนั้นรถพาไปส่งที่

The Venetian อยากเดินกันแบบสบายๆ จึงให้รถกลับไปก่อนพวกเรากลับกัน

เองได้ ไม่ได้ซื้ออะไรหลอกค่ะเดินเล่นถ่ายรูป ที่นี่มีร้านแบนด์เนมมากมาย





๐๐๐สองคนไปยืนกอดคอกันดู เค้าเล่นการพนันชนิดต่างๆกัน เราจะหาโซนที่

เล่นป๊อกเด้ง ก็ไม่มี ป๊อก21 ก็ไม่มีเลยไม่ได้เล่นอะไร ที่สำคัญใจไม่ถึงค่ะ

เสียดายตังค์ ชิพหนึ่ง100เหรียญฮ่องกง ตกเป็นเงินไทยเกือบสี่ร้อยบาท

มีคนเสนอให้งบเรา1000เหรียญให้เล่น เราบอกเก็บเอาไว็ซื้ออะไรอร่อยๆ

กินดีกว่า เห็นหญิงไทยบางคนเล่นแบบหน้าตาเฉยๆเลย เก็บอารมณ์เก่งว่ะ

เป็นเราเสียทีละร้อยคงตื่นเต้นมาก(เพราะเดิมเป็นคนขี้ตื่นเต้นอยู่แล้ว)



แต่เราสืบทราบมาแล้วว่า แอ่น แอน แอ๊น ที่นี่มี ร้านทาร์ตไข่ที่อร่อยซึ่งเป็นสามี

เก่าของเจ๊ Margaret ต้นตำรับทาร์ตไข่ของฮ่องกง คือ ท่าน Lord เราเลยไปลุย

ร้านนี้ดีกว่า ทาร์ตไข่ อบออกมาร้อนๆ แถมไม่ต้องรอคิวนาน สุดยอดเลย (ร้าน

นี้เป็นสาขาที่มาเปิด)



ได้เวลานัดหมาย มาเจอกันกับคนอื่นๆ ไปที่ท่ารถของVenetian เพื่อขึ้นรถบัสฟรี

ไปลงที่ท่ารือเฟอร์รีและเรียกแท๊กซี่ไปโรงแรม (ประหยัดค่าแท๊กซี่ไปหน่อย)

@@@@@วันที่สาม หลังจากกินอาหารเช้าที่โรงแรมเหมือนเดิม ก็อพยพถิ่นฐาน

ข้ามเรือเฟอร์รี่เพื่อไปยังฝั่งฮ่องกงใช้เวลาประมาณ45นาที ขอบอกว่ามาเที่ยว

ช่วงเวลาเทศกาลแบบนี่ชาวจีน มาเก๊า ฮ่องกง เค้าก็เที่ยวเหมือนกับเราๆเช่นกัน

เพราะฉะนั้นจะข้ามผ่านแดนแต่ละจุด กว่าจะผ่านตม.รอคิวนานมากค่ะ

เอากระเป๋าเข้าโรงแรม(ฺBP Hotel)และขอกินบะหมี่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมคนละชาม

และไปลุยกันต่อเลยที่ ดิสนีย์แลนด์ มาถึงประมาณเที่ยงกว่า





๐๐๐๐มาถึงดิสนีย์แลนด์ เพื่อเติมเต็มความฝันในวัยเด็กค่ะ ตอนเด็กไม่เคยได้ไป

เที่ยวสวนสนุกเพราะทางบ้านฐานะไม่ดี แม่พาไปแ่ต่เขาดิน และบ้านคุณตาคุณ

ยายที่นครนายก



๐๐๐อากาศเย็นถึงหนาวทำให้เดินสบายๆ ไม่ร้อน ไม่เบื่อ เบื่อก็ตรงรอคิวนานค่ะ

เข้าไปเล่นรถไฟเหาะ Space Moutain โดยความเข้าใจผิด ออกมาจะอ้วก เห็น

สังหรณ์ใจตั้งแต่ตอนรถไฟจอด แล้วมียายเจ๊คนหนึ่งหัวฟูออกมาแล้ว จะถอย

หลังกลับก็ไม่ได้เกิดมาในชีวิต มิเคยคิดอยากขึ้นรถไฟเหาะเลย...รูปเราสองคน

ที่เค้าถ่ายไว้เอาหัวชนกัน ตาล๊ก ตลก ไม่ซื้อหลอก ไม่สวย หุ หุ

๐เคยอ่านเจอในเน็ตว่าที่นี่มีขาไก่งวงรมควันอร่อย หิวแล้ว ลองซื้อมากินดูอร่อย

ดีแฮะขาละ40เหรียญ ร้อนๆควันฉุยเลย มีถุงมือให้ใส่กันมือเปื้อนด้วย





เดินเที่ยวดูรอบๆ เหนื่อยก็แวะพักนั่งไปเรื่อย แป๊บเดียวจะมืดแล้ว





๐ใจอยากจะถ่ายรูปให้ครบกับตัวการ์ตูนทุกตัวนะคะ แต่รอคิวแต่ละจุดนานมากๆ

เลยตัดสินใจเลือกตัวที่ชอบที่สุด ก็คือพี่มิกกี้เมาส์



๐พอมืดแล้ว แสงสีก็เริ่มเปลี่ยนไปอีกแบบสวยและโรแมนติคมากๆค่ะ เดินกุมมือ

กันสองคน(เพราะหนาวไง) รอเวลาสองทุ่มที่จะมีการจุดพลุปิดท้าย





๐หากใครไปแล้วจะรอดูจุดพลุตอนช่วงท้าย ขอแนะนำว่าให้เดินไปนั่งหาที่ดูตรง

บริเวณหน้าปราสาทเลยค่ะจะได้ภาพที่สวยงามกว่า เรากลัวว่าจะเดินกลับไปขึ้น

รถตอนขากลับที่จุดนัดพบไม่ทันเลยเลือกมาดูที่ตรง Main Street มุมไม่สวยค่ัะ



๐๐๐กลับมาถึงที่โรงแรมห้าทุ่มต้องชาร์จแบตเตอรี่กล้องแบตหมด ห้าทุ่มครึ่งเดิน

จากโรงแรมไปริมอ่าวเพื่อดูแสงสียามค่ำคืน (อันนี้ไปกันเองไม่มีในโปรแกรม)





@@@@@วันที่สี่มื้อเช้าวันนี้กินติ่มซำ โจ๊กไข่เยี่ยวม้า แล้วไปขึ้น The Peak

Tram เพื่อขึ้นไปชมวิวมุมสูงของฮ่องกง หลายคนสงสัยถามว่าแล้วคนที่ยืนเฝ้า

กุมมืออยู่นี่ใคร เค้าคือคนที่รวยที่สุดในฮ่องกงไง ชื่อ ลี กา ซิง





๐๐๐ไกด์เราลุงเล้ง ไม่ธรรมดาเลยนะ



๐๐๐หลังจากนั้นพาไปอ่าวรีพลัสเบย์เพื่อกราบขอพรจากเจ้าแม่กวนอิม และ

เทพเจ้าแห่งโชคลาภ



เดินข้ามสะพานแดงเพื่อต่ออายุอีก 3 ปี(ห้ามเดินย้อนกลับมา) โยนเหรียญให้

เข้าปากปลาถ้าเข้าสิ่งที่ขอพรจะสมหวัง นั่งระหว่างสิงห์สองตัวเพื่อขอให้มีชีวิต

คู่ที่ยืนยาว (เอ..อันนี้ไม่แน่ใจเพราะเห็นเค้าเอาริบบิ้นมาผูกไว้เหมือนไม่ให้นั่ง)



หลังจบมื้อเที่ยงที่ภัตตาคารแล้วก็เดินทางไปสู่เกาะลันตา เพื่อขึ้นกระเช้า เคเบิ้ล

ไฟฟ้า ที่ดีคือลุงเล้ง เป็นไกด์ท้องถิ่นที่ชำนาญและคงมาบ่อยและซื้อตั๋วแบบกลุ่ม

เลยได้สิทธิ์ใช้ช่องทางพิเศษ ไม่อย่างนั้นวันนั้นคงกลับมาขึ้นเครื่องบินไม่ทันแน่



๐๐๐แต่เดินไปไม่ถึงพระใหญ่เพราะว่าเวลาไม่ทันแน่นอน ได้แต่ยกมือไหว้อยู่

ไกลๆ เพราะต้องเผื่อเวลาไว้รอคิวขาลง (ไม่มีช่องทางพิเศษ)



๐๐๐กินมื้อเย็นมื้อสุดท้ายที่ฮ่องกง ที่ฟู๊ดคอร์ทของห้างซิตี้เกท เอาท์เลต เป็น

บะหมี่เกี๊ยวชามใหญ่ยักษ์ แต่อร่อยนะขอบอก ที่นี่ึคงเป็นประมาณห้างชานๆเมือง

ทำนองนี้ จำได้ว่าเคยอ่านเจอมาว่าชั้นล่างของ ห้างนี้เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีไวน์

ถูกๆขาย อิสระหนึ่งชั่วโมงที่นี่เลยเพลิดเพลินกับการซื้อสตอเบอรี่ญี่ปุ่น ลูกใหญ่

ยักษ์ 168 เหรียญมี 12 ลูกตกลูกละประมาณห้าสิบกว่าบาท (โอ้แม่เจ้า) แต่ก็ขอ

กินซักทีไม่ได้กินทุกวันนี่นะ เนื้อมันหวานฟูนุ่มจริงๆแฮะ อร่อย ติดใจ ได้ไวน์อีก

ขวดหนึ่ง และที่เหลือเป็น ขนมของญี่ปุ่นที่มีแพคเก็จจิ้งโดนใจไว้เป็นของฝาก

เพื่อนๆ



๐๐๐การเดินทางครั้งนี้ที่ประทับใจที่สุดคือ ได้เจออากาศหนาวสมใจ ได้ไปเที่ยว

ดิสนีย์แลนด์ทั้งวัน ได้กินทาร์ตไข่สุดแสนอร่อย ได้ไปเห็นบ่อนคาสิโนของจริง

ได้กินสตอเบอรี่ญี่ปุ่นลูกใหญ่ยักษ์ และที่สำคัญได้ไปกับคนที่เรารักและใช้เวลา

ร่วมกันอย่างมีความสุขค่ะ

Create Date : 20 มกราคม 2554 Last Update : 16 กรกฎาคม 2555 21:01:43 น. Counter : 2312 Pageviews.		24 comments
Share Tweet