คุ้มสมุนไพร "ภูมิปัญญาไทย เพื่อสุขภาพและความงามคุณ" บริการ อยู่ไฟ หลังคลอด ถึงบ้าน และจำหน่ายชุด อยู่ไฟ ด้วยตนเอง
อยู่ไฟ, สาระน่ารู้สำหรับคุณแม่
อยู่ไฟ-สินค้าแนะนำ
สมุนไพรเพื่อสุขภาพ
ลดความอ้วน, Diet
อยู่ไฟ, บริการ อยู่ไฟ ถึงบ้าน
สาระสุขภาพ, Healthy
สาระความงาม, Beauty
เครื่องสำอาง, Cosmetics
การดูแลสายตา, Vision Care
สาระแม่และเด็ก
ดูดวง
การตลาด, 4P
ฟรี Blog
การหาเงินทางอินเทอร์เน็ต
อาหาร
ยารักษาโรค
บ้านและที่อยู่อาศัย
การท่องเที่ยว
ธรรมะ และ EQ
<<
กุมภาพันธ์ 2551
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
11 กุมภาพันธ์ 2551
เหตุเกิด...หลังคลอด
จัดการ ผื่น รุม ลูกอ่อน
กำจัดน้ำมูก ให้เจ้าจอมซน
เมื่อต้องลงโทษลูก
ผู้หญิงมีครรภ์ควรดื่ม ชา กาแฟ และโค้ก ให้น้อยที่สุด
ชวนคุณแม่ตั้งครรภ์กินผลไม้ ... แก้ท้องผูก
เพลงช่วยลดความกดดันให้หญิงตั้งครรภ์ได้
ทำอย่างไร ทารกในครรภ์จึงจะมีฟันที่แข็งแรง ?
เทคนิคช่วยลูกอึง่ายสไตล์คุณแม่
แคลเซียมแก้กระดูกอ่อนในเด็ก
เภสัชกรเตือนคุณแม่มือใหม่ กินรสจัด ส่งผลน้ำนมเปลี่ยนรส
ฝีที่เต้านม
หญิงตั้งครรภ์ทานน้อยมีแววได้ลูกสาว
กินยาอย่างไร ขณะให้นม
หลังคลอด...จำเป็นต้องอยู่ไฟไหม
เคล็ดวิธีเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพดี
6 วิธีบรรเทาอาการแพ้ท้อง
ปัสสาวะบ๊อย บ่อย
ปวดหลังระหว่างตั้งครรภ์ทำยังไงดี
เคล็ดลับ...กันแท้ง
รอบรู้เรื่อง "นอน" ของเจ้าตัวเล็ก
ทำไมคนท้อง...ต้องทานหลาย ๆ มื้อ
ดื่มน้ำมะพร้าวช่วงท้อง ดีจริงหรือ ?
คุณแม่มือใหม่ควรรู้
เริ่มเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างไรให้สำเร็จ
อย่าวางใจ! "ท่านอน"ฆาตกรบริสุทธิ์ฆ่าทารก
7 เหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยงน้ำตาลทราย
อยู่ไฟนั้น... สำคัญไฉน??
เหตุเกิด...หลังคลอด
ท้องนี้ไม่มีลาย (แน่นอน)
9 วิธี ช่วยให้คุณแม่สวยปิ๊งๆ จากภายในสู่ภายนอก
โภชนาการสำหรับหญิงตั้งครรภ์
เรื่องอ้วนกับการตั้งครรภ์
เมื่อคลอดลูกรกค้างต้องทำ อย่างไร?
ท้องแบบไหนถึงผ่าคลอด
แผลฝีเย็บกับการขับถ่าย
บำรุงสายตาของลูกรักอย่างไรดี
น้ำนมที่ปรับเปลี่ยน
ปัญหาในทารกแรกเกิด
เทคนิค...ฟื้นตัวหลังคลอด
รับมือภาวะหลังคลอด
ลูกน้อยร้องไม่หยุด...จะทำไงดี
Body & Mind ที่เปลี่ยนไป (หลังคลอด)
เต้านมดูดี ยามท้อง ไม่ยาก
รู้จักลูกน้อยวัยอุแว้
เคล็ดวิธีบอกลาท้องผูก
10 เรื่องที่ต้องเช็คของเบบี๋เดือนแรก
เตรียมของใช้ไว้ให้ลูก
สบายยามท้องด้วย 7 วิธี
ขจัดความเครียดขณะตั้งครรภ์
ท้อง เวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง
ไอเดียใหม่ใช้กะหล่ำปลีประคบ ลดปวดเต้านมตึงหลังคลอด
ทำยังไงให้เป็น คุณแม่คนสวย
การดูแลผิวพรรณขณะตั้งครรภ์
4 ท่า 4 สเต็ป เฟิร์มหุ่นหลังคลอด
ตัดไขมันหน้าท้อง และแก้ไขหน้าท้องลาย
นมแม่ชั่วโมงแรกดีอย่างไร
น้ำคาวปลา ผิดปกติ
9 อาการเด่นกวนใจแม่มือใหม่
ผิดปกติหลังคลอดเรื่องที่แม่มือใหม่กลัว
มื้อนี้มีดีที่แคลเซียม
10 อันดับ ผักไทยให้ธาตุเหล็กสูง
ออกกำลังกายในน้ำทางเลือกของหญิงตั้งครรภ์
Top 5 ... ข้อสงสัยเรื่องนมแม่
เลือกชุดชั้นในเพื่อรักษาหุ่นอย่างไร
เตรียมพร้อม 1 เดือน ก่อนคลอด
ลดหุ่นหลังคลอด
หน้าท้องไม่ยุบหลังคลอด
ให้นมลูกจะเสียทรงหรือเปล่านะ
ปวดแผลผ่าตัด
ผดผื่น เรื่องธรรมดาของทารก
ปัญหานมแม่ แก้ไขได้
ของแสลงแม่หลังคลอด
อบสมุนไพรหลังคลอด
มดลูกแม่ หลังคลอด
คุยเฟื่อง 13 เรื่องหลังคลอด
แม่ท้อง อย่าทำ
10 ความเชื่อยอดฮิต ยามตั้งท้อง
วิถีธรรมชาติเพื่อการคลอดธรรมชาติ
ดูแลผิวพรรณขณะตั้งครรภ์
อาการ บวมมือ บวมเท้า
รู้หลักเลี้ยงลูกด้วยนมขวด
สายสะดือของหนู น่าห่วงแค่ไหน?
เตรียมหัวนมอย่างไรก่อนคลอด
พาเบบี๋ไปอาบน้ำ
อาหารสำหรับว่าที่คุณแม่
มหัศจรรย์แห่งนมแม่
10 สวยต้องห้ามสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
เรื่องคัน คัน ของคนตั้งครรภ์
คุณแม่ยุคใหม่ฟื้นอยู่ไฟหลังคลอด
อยู่ไฟเข้าตะเกียบ
เหตุเกิด...หลังคลอด
นับจากวินาทีที่ทารกน้อยคลอดออกมาคุณแม่ก็ต้องพบกับ "ภาระใหม่" ในการดูแลทารกน้อยและการเปลี่ยนแปลงสภาพของร่างกายตนเอง อาทิเช่น รูปร่างเปลี่ยนแปลงไป เต้านมขยายโตขึ้น หน้าท้องใหญ่ เจ็บปวดแผล เป็นต้น
เริ่มตั้งแต่หลังคลอด แพทย์จะเย็บแผลบริเวณช่องคลอดและฝีเย็บซึ่งเกิดจากการคลอดปกติ กล่าวคือ ในระหว่างการคลอดขณะที่ทารกโผล่ศีรษะออกมาภายนอก แพทย์จะช่วยตัดฝีเย็บ เพื่อขยายปากช่องคลอดให้กว้างออก เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อเยื่อรอบๆ ปากช่องคลอดยืดขยายจนอักเสบ เมื่อคลอดเสร็จแล้ว แพทย์จะเย็บฝีเย็บนี้กลับเข้าที่เดิม ดังนั้นในวันแรกหลังคลอด แผลนี้อาจจะมีอาการบวมอักเสบและเจ็บปวด แพทย์จึงมักจะให้รับประทานยาแก้ปวดและยาปฏิชีวนะ เพื่อลดอาการอักเสบบวมดังกล่าว
อีกทางหนึ่งที่ท่านสามารถจะบรรเทาอาการเจ็บแผลและลดอาการบวมได้ คือ การใช้น้ำแข็งประคบในวันแรกและต่อไปใช้วิธีอบแผลด้วยความร้อน ส่วนการรับประทานยาแก้ปวดควรเลือกเป็นพาราเซตามอลครั้งละ 2 เม็ดทุก 4-6 ชั่วโมง และยาแก้อักเสบห้ามใช้ยากลุ่มเตตร้าซัยคลิน เพราะจะมีผลต่อทารกที่รับนมแม่ ส่วนใหญ่แพทย์มักจะใช้ยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนนิซิลิน
ถ้าดูแลอย่างถูกต้องอาการเจ็บปวดแผล ควรจะหายได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ และแผลจะหายสนิทภายใน 3 สัปดาห์หลังคลอด กรณีที่แผลมีแนวโน้มจะอักเสบ ท่านควรเช็ดทำความสะอาดแผลด้วยสำลีสะอาดชุบน้ำอุ่น โดยเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังวันละ 2 ครั้งหลังอาบน้ำ ยิ่งในรายที่มีน้ำคาวปลาออกมากควรใช้ผ้าอนามัยรองรับและเปลี่ยนบ่อยๆ อย่าให้แผลอับชื้น เพราะจะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้
เมื่อกล่าวถึงน้ำคาวปลา คุณแม่ท้องแรกอาจจะงงๆ ว่าคือ อะไรกันแน่ น้ำคาวปลาก็คือ เลือดที่คล้ายๆ ประจำเดือนไหลออกมาทางช่องคลอดจากตำแหน่งผนังมดลูกที่รกเคยเกาะตัวอยู่ เมื่อรกหลุดลอกตัวออกมาเลือดก็จะซึมมาจากรอยนี้ เรียกว่า "น้ำคาวปลา" แต่จะมีสีจางลงเรื่อยๆ ตามวันเวลาที่ผ่านไปและจะหยุดไหลเองภายในเวลา 2 สัปดาห์
อวัยวะอีกอย่างที่ได้รับความกระทบกระเทือนในระหว่างคลอดก็คือ "กระเพาะปัสสาวะ" ซึ่งจะมีอาการบวมช้ำ ผนังกระเพาะปัสสาวะบวมแดงกว่าปกติ ท่านจะไม่ค่อยปวดปัสสาวะหลังคลอด ปัสสาวะยาก ปัสสาวะไม่ออกหรือออกไม่หมด ปัสสาวะกะปริดกะปรอย เนื่องจากระหว่างที่ท่านเบ่งคลอด กระบังลมจะหย่อนลงมากกระเพาะปัสสาวะทำให้เก็บปัสสาวะไม่ค่อยอยู่ บางคนขณะจามออกมาจะมีอาการปัสสาวะเล็ดก็ได้ การปฏิบัติที่ถูกต้องก็คือ ไม่ควรอั้นปัสสาวะเพราะจะยิ่งทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรหมั่นบริหารร่างกาย บริหารช่องคลอดและกระบังลมให้ถูกต้อง อาการเหล่านี้จะดีขึ้น เมื่อช่องคลอดและกระบังลมเข้าที่แล้วคือประมาณ 3 เดือนหลังคลอด
นอกจากนี้ร่างกายของคุณแม่หลังคลอด จะมีการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง นอกเหนือจาก "ความอ้วน" "หน้าท้องหนา" ที่หลายๆ ท่าน "รับไม่ได้" นั่นเป็นผลมากจาก "มดลูก" ของคุณแม่ซึ่งเป็นที่อยู่ของทารกระหว่างที่อยู่ในครรภ์หลังคลอดจะมีขนาดเล็กลง แต่ยังไม่เล็กลงจนเท่ากับก่อนตั้งครรภ์ ซึ่งหากลองคลำดูท่านจะรู้สึกว่าเป็นก้อนแข็งๆ กลมๆ ที่บริเวณหน้าท้องโดยส่วนยอดบนสุดของมดลูก จะอยู่ในระดับสะดือของท่านและจะค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ จนสามารถกลับเข้ามาอยู่ในอุ้งเชิงกรานได้ ท่านจะไม่สามารถคลำพบได้อีก
โดยทั่วไปมดลูกจะลดขนาดจนเท่าปกติใช้เวลาประมาณ 1 เดือน สำหรับท่านที่เคยมีประสบการณ์ จะสงสัยว่าเหตุใด จึงมีอาการปวดท้องน้อยคล้ายๆ กับที่ปวดประจำเดือน และมักจะปวดมากเมื่อลูกดูดนมของท่าน คำตอบง่ายๆ กรณีนี้ก็คือ อาการปวดเกิดจากมดลูกบีบเกร็งตัว เพื่อห้ามเลือดไม่ให้ไหลออกมาอีกในระยะหลังคลอด มีกลไกที่ทำให้ร่างกายไม่เสียเลือดมาก และที่ท่านปวดมากขึ้น เมื่อลูกดูดนมก็เนื่องมาจากการที่ลูกดูดนมแม่ จะกระตุ้นให้สมองหลั่งฮอร์โมนชนิดหนึ่งออกมากระตุ้นให้มดลูกบีบรัดตัวมากขึ้น จึงปวดท้องน้อยมากขึ้น แต่การหดรัดตัวของมดลูกนี้กลับมีประโยชน์ ในด้านที่ทำให้มดลูกลดขนาดจนเข้ามาอยู่ในอุ้งเชิงกรานได้เร็วขึ้น ที่เรียกว่ามดลูกเข้าอู่ได้เร็วกว่านั่นเอง และหน้าท้องของคุณแม่ก็จะยุบลงไปเร็วขึ้นด้วย
ถัดจากมดลูกจะเป็นอวัยวะที่อยู่ต่อเนื่องกันต่ำลงมาที่เรียกว่า "ช่องคลอด" ซึ่งโดยปกติก่อนที่จะตั้งครรภ์ ผนังช่องคลอดจะมีรอยย่น แต่ระหว่างตั้งครรภ์ ผนังช่องคลอดจะเรียบไม่มีรอยหยัก เมื่อคลอดแล้วก็จะกลับมาเป็นรอยหยักเช่นเดิม แต่ขนาดช่องคลอดจะเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากช่องคลอดจะต้องขยายตัวอย่างมาก ระหว่างที่ศีรษะของทารกโผล่ออกมาออกมาขยายกว่าเดิม 5-8 เท่าเลยก็ว่าได้ ส่งผลให้เนื้อเยื่อต่างๆ บริเวณนี้ยืดขยายออกคล้ายหนังสติ๊ก เช่น กล้ามเนื้อต่างๆ ภายในอุ้งเชิงกราน เป็นต้น
แต่ถึงแม้ว่าช่องคลอดจะยืดขยายออกไปได้ เราก็สามารถทำให้มันหดตัวกลับคืนมาได้ ด้วยการออกกำลังกาย "ขมิบก้นและขมิบช่องคลอด" วันละประมาณ 30 ครั้ง ทำทุกวันช่องคลอดจะกระชับขึ้นและจะแข็งแรงเป็นปกติภายในระยะเวลา 3 เดือน
ในกรณีที่คุณแม่รักสวยรักงาม มักจะยอมไม่ได้ถ้าหน้าท้องมีสีคล้ำดำขึ้นจากเดิมอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ ทำให้ไปเสียเงินเสียทองด้วยการอบผิว ขัดผิว หรือหาซื้อยาต่างๆ มาทา แต่ผลสุดท้ายก็หายพร้อมๆ กับคุณแม่ที่ไม่ได้สนใจทำอะไรเช่นนั้น เพราะสีคล้ำนั้นจะค่อยๆ หลุดลอกออกมาเป็นขี้ไคลจนหมดภายใน 4-5 เดือน พร้อมๆ กับร่างกายผิวหนังชุดใหม่ขึ้นมาทดแทนที่มีสีธรรมชาติ
อีกอวัยวะหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ "เต้านม" โดยที่ในช่องน้ำนมเริ่มไหล เต้านมจะคัดตึงขยายโตขึ้นจนเห็นได้ชัด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่จะไม่ปกติเมื่อนมคัดตึงจนเกิดอาการไข้ขึ้น เมื่อท่านไม่ดูแลให้ถูกวิธี การดูแลที่ถูกก็คือ เมื่อท่านมีอาการ "นมคัด" ให้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นประคบรอบๆ เต้านม พร้อมๆ กับบีบนวดเบาๆ ทั่วทั้งเต้า แล้วบีบเอาน้ำนมออกมาบ้าง จนเมื่อน้ำนมออกมาจนเกลี้ยงเต้า แล้วท่านจึงใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นมาประคบเต้านมทั้งสองข้าง นอกจากนี้ยังต้องใส่เสื้อยกทรงไว้เสมอ เพื่อประคองทรงป้องกันไม่ให้เต้านมหย่อนยาน เนื่องจากการขยายใหญ่โตกว่าปกติของเต้านมหลังคลอด ในกรณีที่ปวดเต้านมมาก ให้ท่านรับประทานยาพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัม ครั้งละ 2 เม็ด ทุกๆ 6 ชั่วโมงจนกว่าจะหายปวด แต่ถ้ามีอากรบวมแดงกดแล้วเจ็บหรือไข้สูงมากควรไปพบแพทย์
และเมื่อลูกเริ่มดูดนม แม่ไม่ทราบวิธีให้นมที่ถูกต้อง เช่น ให้ลูกคาบหัวนมตื้นๆ เหงือกของลูกจะกดตรงบริเวณหัวนมทำให้ไม่มีน้ำนมไหล ลูกก็จะออกแรงดูดมากจนทำให้หัวนมของท่านแตกและเป็นแผล วิธีแก้ไขก็คือ ให้นมลูกให้ถูกวิธี โดยให้ลูกดูดนมให้ลึกจนริมฝีปากและเหงือกกดบนลานนม ทำให้แรงกดของเหงือกรีดน้ำนมออกมาได้ง่าย ท่านก็จะไม่รู้สึกเจ็บด้วย
ส่วนแผลที่หัวนม หากไม่มากให้ท่านเช็ดทำความสะอาดด้วยสำลีชุบน้ำอุ่นหลังให้นมลูก แล้วทาด้วยวาสลินครีม หรือลาโนลินครีม เพื่อให้ผิวบริเวณที่เป็นอ่อนนุ่มลง และหายแตกโดยเร็วก่อนที่จะให้นมลูกครั้งถัดไป ก็ให้เช็ดทำความสะอาดเอาครีมออกให้หมดก่อน พอลูกดูดนมเสร็จก็ทำเช่นเดิมจนกว่าจะหาย
ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดเป็นเพียง "เหตุ" ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณแม่หลังคลอดที่มักพบอยู่เสมอๆ เท่านั้น อาจมีอาการผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้น ท่านควรใช้วิจารณญาณในการพิจารณา หากอาการนั้นมีผลกระทบต่อตัวท่านและลูกน้อยของท่าน เช่น เลือดออกมาทางช่องคลอด เป็นต้น ท่านควรรีบไปพบแพทย์อย่านิ่งนอนใจ
นอกจากนี้สำหรับคุณแม่ที่เพิ่งผ่านการคลอดครั้งแรก ผู้เขียนขอแนะนำให้ท่านนอนหลับพักผ่อนหลังการคลอด 6 ชั่วโมง เมื่อตื่นขึ้นมาท่านจะแข็งแรง ไม่มีอาการหน้ามืดเป็นลมเพราะความอ่อนเพลีย แต่ถ้าหากท่านเสียเลือดมากในระหว่างคลอด ต้องการการพักผ่อนที่มากกว่านั้น และควรมีคนเฝ้าไข้ ในระหว่างที่ท่านยังอยู่รักษาตัวในโรงพยาบาลไม่ควรจะเอาแต่นอน ควรฝึกหัดเลี้ยงลูกหัดเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก เรียนรู้ถึงวิธีการให้นมที่ถูกต้อง การทำความสะอาด-อาบน้ำให้ลูก การอุ้มที่ถูกต้อง ฯลฯ จากพยาบาล เมื่อท่านกลับถึงบ้านจะได้ทำได้เองด้วยความคล่องตัว พึ่งระลึกเสมอว่า ถ้าท่านยังเลี้ยงลูกหรือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองจะยิ่งทำให้ท่านฟื้นตัวกลับสู่สภาพเหมือนก่อนตั้งครรภ์ได้เร็วขึ้น
ขอแถมท้ายด้วยเรื่องอาหารการกินและยาสำหรับท่านในช่วงหลังคลอด ท่านควรรับประทานยาแก้อักเสบที่แพทย์จัดให้จนหมดอย่างเคร่งครัดรับประทานยาบำรุง พวกวิตามินผสมธาตุเหล็ก คล้ายๆ กับที่ท่านรับประทานระหว่างตั้งครรภ์ต่อไปอีก 4 สัปดาห์ เพื่อช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดที่ต้องเสียไปในระหว่างการคลอด และช่วยบำรุงร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง แคลเซียมเสริมหรือรับโดยการดื่มนมสดวันละ 2 แก้ว แต่ถ้าท่านมีอาการท้องผูก ไม่ควรรับประทานยาระบายให้ดื่มน้ำมาก ๆ และรับประทาน อาหารที่มีกาก เช่น ผักและผลไม้ปริมาณมากขึ้นแทน การรับประทานยาในระหว่างให้นมลูก ต้องระลึกอยู่เสมอว่าลูกของท่านจะได้รับยาผ่านทางน้ำนมด้วย ดังนั้นปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานยานะคะ
ที่มา...นิตยสารแม่และเด็ก
Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2551 16:45:15 น.
0 comments
Counter : 1363 Pageviews.
Share
Tweet
Healthy Service
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
คุ้มสมุนไพร
บริการอยู่ไฟ คุณแม่หลังคลอด
จำหน่าย ชุดอยู่ไฟ และสมุนไพร
สายด่วน 08-5426-7578 (24 ชม. ทุกวัน)http://www.KUMsamunpai.com/
จำนวนผู้เข้าเว็บ
Best Free Hit Counters
Maternity Wear
Healthy Service
Webmaster - BlogGang
[Add Healthy Service's blog to your web]
สาระสุขภาพ
สาระความงาม
สาระลดความอ้วน
KUMsamunpai.com
บริการอยู่ไฟ
สินค้าสมุนไพร
ชุดอยู่ไฟด้วยตนเอง
แม่และเด็ก
Gmail Free
Sanook.com
Manager.co.th
Bloggang.com