ทำไมต้องวางแผนทางการเงิน

          เพราะ “เงิน” มีบทบาทสำคัญไม่เฉพาะการเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องวัดค่าสิ่งของต่างๆ แต่เงินยังสามารถสะสมเพื่อเพิ่มค่าได้ในอนาคต การวางแผนการเงินส่วนบุคคล (Personal Financial Planning) อย่างเหมาะสมจะช่วยให้เราสามารถจัดการกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุเป้าหมายชีวิต
          และเพราะ “เงิน” เข้ามามีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกในการหาซื้อสิ่งของจำเป็นสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน เราจึงควรให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินเหมือนเป็นกิจกรรมหนึ่งในชีวิตประจำวัน เพื่อให้มีชีวิตที่ดีและมีความสุขในบั้นปลายชีวิต 
          อาจเป็นเพราะคนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับ “การใช้เงิน” ก่อนที่จะ “หาเงินได้ “โดยพ่อแม่ ผู้ปกครอง ให้เงินเราใช้ตั้งแต่เรายังเป็นเด็ก เราจึงมีความสุขจากการใช้เงินทั้งที่ยังหาเงินไม่ได้ ต่อมาเมื่อเราหาเงินได้เองจากการทำงาน ปัญหาทางการเงินจึงเกิดขึ้นเพราะคิดว่าการหาเงินได้มากขึ้น จะสร้างความสุขสบายในชีวิตได้มากขึ้น แต่กลายเป็นว่าเงินที่หาได้เพิ่มขึ้นกลับไม่เคยเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกืดขึ้นเลย

          วางแผนทางการเงินเริ่มต้นอย่างไร

1. รวบรวมข้อมูลทางการเงิน
          จุดเริ่มต้นสำคัญในการวางแผนทางการเงิน คือ การตรวจสอบตนเองเพื่อให้รู้สถานะทางการเงินที่แท้จริงในปัจจุบัน โดยเริ่มจากการรวบรวมข้อมูลและเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเงินของตนเองทั้งหมด เช่น จำนวนเงินสดที่มีอยู่ในมือ เงินฝากธนาคาร ข้อมูลเงินเดือนหรือรายได้ ใบเสร็จค้าใช้จ่ายต่างๆ ข้อมูลการลงทุน คู่มือจดทะเบียนรถยนต์ สัญญาการกู้ยืมเงิน ฯลฯ แล้วให้แบ่งข้อมูลเป็น 4 ประเภท คือ

2. กำหนดเป้าหมายทางการเงินที่ดี
          เป้าหมายทางการเงินที่ดี จะต้องกำหนดให้สอดคล้องกับ “เป้าหมายชีวิต (Personal Goal)” ซึ่งเป้าหมายของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป ความหมายอย่างง่ายของเป้าหมายชีวิต คือ จุดที่เราคิดว่าตนเองประสบความสำเร็จสูงสุด ซึ่งอาจวัดที่ความพึงพอใจ ความสุขสบายใจของแต่ละคน โดยส่าวนใหญ่แล้ว ความมั่นคงทางการเงินมักจะมีส่วนในการสนับสนุนให้เราประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายชีวิต 
          การมุ่งที่จะหาเงินให้ได้มากๆ โดยที่ไม่มีเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน อาจกลายเป็นการทำงานหนักเกินความจำเป็น เราจึงควรกำหนดเป้าหมายทางการเงินก่อนการสร้างแผนปฏิบัติการทางการเงิน

เป้าหมายทางการเงินที่ดี (Financial Goal) 
          จะต้องมีลักษณะสำคัญ 3 ข้อ คือ
          1. ต้องมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้สำเร็จ (Achievable)
          2. ต้องวัดค่าเป็นจำนวนเงินได้ชัดเจน (Measurable)
          3. ต้องมีกรอบเวลาที่แน่นอน (Timeframe)
          ซึ่งอาจแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้

3. วางแผนปฏิบัติการ
          หากเปรียบเทียบการวางแผนการเงินเป็นการท่องเที่ยว

ขั้นตอนแรก
          การรวบรวมข้อมูลทางการเงิน เปรียบเสมือนการตรวจสอบว่าเรามีวันว่างกี่วัน มีเงินท่องเที่ยวกี่บาท มีเพื่อนคนไหนจะไปกับเราบ้าง ฯลฯ

ขั้นตอนที่สอง
          การกำหนดเป้าหมาย หากสมมติให้เป้าหมายการเดินทางของเราเป็นจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และมีวัตถุประสงค์ของการเดินทางก็เพื่อพักผ่อนในช่วงวันหยุด

ขั้นตอนที่สาม
          การสร้างแผนที่สำหรับการเดินทาง เราสามารถเดินทางไปเที่ยวได้หลายเส้นทางมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ชมมากมาย เราจึงควรกำหนดเส้นทางให้ชัดเจน มิฉะนั้นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นก็คือขัยบรถหลงทาง ไม่มีที่พัก ไม่ได้เที่ยวชมสถานที่สำคัญทำให้เราต้องเสียเวลา เปลืองน้ำมัน จำใจเข้าพักในโรงแรมที่มีค่าใช้จ่ายสูง เป็นต้น หากเราทำแผนการเดินทางล่วงหน้าจะทำให้เราทราบว่าควรเดินทางไปที่ใดก่อนหลัง เส้นทางใดสะดวกที่สุด เราควรเลือกไปเที่ยวที่ใด ในระหว่างการเดินทางมีที่พักที่ใดบ้าง ซึ่งในการวางแผนการเดินทางนั้นไม่ได้ใช้เวลามากและให้ผลที่คุ้มค่า

ที่มา : หนังสือประกันชีวิต ฉบับที่ 122 ประจำเดือนมกราคม – มีนาคม 2552 //edu.tsi-thailand.org

Create Date : 06 สิงหาคม 2552
Last Update : 6 สิงหาคม 2552 23:36:01 น.		0 comments
Counter : 220 Pageviews.
Share Tweet