ทำที่นอนสัตว์เลี้ยงขายได้ทั้งใน-นอกประเทศ

อาชีพอิสระ รายได้ดี ‘ที่นอนสัตว์เลี้ยง’ ขายได้ทั้งใน-นอกประเทศ

แม้เศรษฐกิจจะถดถอย แต่สินค้าประเภทที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนรักสัตว์ก็  ยังมาแรง แม้สินค้ากลุ่มนี้จะมีการผลิตออกมาจำหน่ายอย่างหลากหลาย แต่ “ช่องทางทำกิน” ด้วยสินค้ากลุ่มนี้ก็ยังไม่ตันง่าย ๆ และวันนี้ลองมา  ดูข้อมูล “ที่นอนสัตว์เลี้ยงแฟนซี” สินค้าที่จับจุดขายเอาใจกลุ่มคนรักสัตว์ได้อย่าง   น่าสนใจ...

วาสนา ตั้งพงศ์ภัคสกุล เจ้าของไอเดีย “ที่นอนสัตว์เลี้ยง” ยี่ห้อ Rabb เล่าว่า มีอาชีพผลิตสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ให้สัตว์เลี้ยง มาตั้งแต่ปี 2540 ภายหลังได้คิดขยายชนิดสินค้าเพิ่มขึ้น โดยมองว่าในกลุ่มที่นอนสำหรับสัตว์นั้น ในตลาดยังมีคู่แข่งขันไม่มาก มีไม่กี่ราย อีกทั้งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาค่อนข้างแพง จึงคิดว่าศักยภาพที่ตนมีอยู่ พร้อมความชำนาญด้านการออกแบบ น่าจะผลิตสินค้าขึ้นมาได้ไม่ยาก จึงเริ่มทำและวางจำหน่ายในปี 2552

เจ้าของผลงานบอกว่า รูปแบบระยะแรกจะเริ่มจากเป็นที่นอนธรรมดา ต่อมาเริ่มพัฒนารูปแบบให้มีความเป็น “แฟนซี” มากขึ้น อาทิ แบบบ้าน สัตว์ประหลาดหรือตัวก๊อตซิลล่า รถยนต์ ลูกเต๋า และแบบโซฟา โดยจะมีการผลิตรูปแบบใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอยู่เรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกจำเจ ส่วนขนาดก็มีตั้งแต่ขนาด    S, M, L และ XL โดยลูกค้ากลุ่มใหญ่จะเป็นผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์ชิทสุและพู
เดิ้ลเป็นหลัก แต่ถ้าต้องการขนาดที่ใหญ่มากกว่านี้ก็สามารถสั่งให้ผลิตขึ้นได้ตามความต้องการ ขึ้นกับความพอใจของลูกค้าเป็นหลัก
“เราจะพยายามไม่เน้นการสต๊อกสินค้าไว้จำนวน มาก ๆ แต่จะคาดการณ์จากความต้องการของลูกค้าไว้ก่อน โดยดูจากเรื่องของเวลา เรื่องของฤดูกาล แต่จะเน้นให้มีแบบที่หลากหลายจากการเลือกใช้วัสดุและลวดลายให้ดูแปลกตา เพื่อสร้างความแปลกใหม่ ให้ลูกค้ารู้สึกว่าไม่จำเจ”

ถึงแม้จะให้ความสนใจในเรื่องรูปแบบที่ต้องการตอบสนองเอาใจลูกค้า ทว่าในเรื่องคุณภาพ และความคงทนในการใช้งานก็เป็นเรื่องสำคัญ อาจถือเป็น “เคล็ดลับ” สำหรับคนที่คิดจะผลิตสินค้ากลุ่มนี้ขาย ที่ควรคำนึงถึง โดยวาสนาบอกว่า เนื่องจากลักษณะของสัตว์เลี้ยงจะไม่ค่อยอยู่นิ่งและชอบกัดแทะ  หากเลือกใช้วัสดุที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ใส่ใจใน ขั้นตอนการผลิต สินค้าก็จะมีอายุใช้งานได้ไม่นาน โดย ที่นอนสัตว์เลี้ยงที่ผลิตอยู่นั้นจะมีอายุการใช้งานได้ระหว่าง 3-5 ปี และสามารถถอดออกมาซักมือและซักด้วยเครื่องซักผ้าได้

“นอกจากแบบและความคงทนแล้ว อีกจุดที่เราคิดเผื่อให้ลูกค้าด้วยก็คือเรื่องของวัสดุที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ ซึ่งที่นอนที่ใช้ปูให้สัตว์เลี้ยงนอนจะสามารถกลับด้านได้ตามสภาพอากาศ ใช้ผ้า 2 ชนิดเป็นวัสดุตัดเย็บ พลิกด้านกลับไปมาตามสภาพอากาศร้อนหรือหนาวได้ทันที” วาสนากล่าว
ทุนเบื้องต้นสำหรับทำอาชีพนี้ เจ้าของงาน บอกว่า ใช้ประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป ส่วนใหญ่เป็นค่าอุปกรณ์การตัดเย็บ เช่น จักรอุตสาหกรรม และค่าวัตถุดิบ โดยทุนวัสดุ ไม่รวมค่าแรง และทุนอื่น ๆ ต่อชุดอยู่ที่ประมาณ 30% จากราคาขาย ซึ่งราคาขายที่นอนสัตว์เลี้ยงก็เริ่มตั้งแต่ 350-950 บาท

วัตถุดิบที่ใช้ในงาน มีไม่มาก อาทิ ฟองน้ำหนาเกรดเอ (สำหรับทำโครงที่นอนหรือบ้าน), ผ้าสำหรับตัดเย็บ (ที่ใช้อยู่มี 2 ชนิดคือ ผ้าโทเรธรรมดา และผ้าขนสัตว์), หนังเทียม สำหรับใช้ตกแต่ง เป็นต้น

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากร่างแบบลงกระดาษเพื่อใช้เป็นแบบสำหรับตัด หรือแพทเทิร์น จากนั้นนำ   แพทเทิร์นหรือแบบที่ได้ร่างไว้และตัดเป็นชิ้นส่วนมาทาบกับฟองน้ำ ทำการตัดให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ

ขั้นตอนต่อมา นำแพทเทิร์นเดิมมาทาบลงบนผ้าที่เลือกไว้และทำการตัดเหมือนกับขั้นตอนแรก เมื่อได้แล้วนำทั้งสองส่วนมาประกอบเข้าด้วยกัน จากนั้นทำการเย็บขึ้นรูป ใช้วัสดุตกแต่งที่เตรียมไว้ตกแต่ง ส่วน ต่าง ๆ ของที่นอนสัตว์เลี้ยง เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำที่นอนสัตว์เลี้ยงหนึ่งหลัง

วาสนาบอกว่า ที่นอนสัตว์เลี้ยงจะไม่มีส่วนประกอบที่เป็นโครงลวดที่อาจเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง แต่ที่เป็น  โครงอยู่ได้เนื่องจากการเลือกใช้ฟองน้ำ อย่างดีที่มีความแข็ง พอที่จะขึ้นเป็นรูปร่างของที่นอน อีกทั้งวิธีการประกอบก็ใช้การเย็บแทนการติดกาวหรือใช้กระดุม ซึ่งตัวที่นอนจะฉีกขาดหรือเสียหายได้ยากกว่า

สำหรับตลาดจำหน่ายสินค้านั้น ไม่ จำเป็นต้องมีหน้าร้าน เพราะเน้นการขายส่งให้กับ ลูกค้าเป็นหลัก และปัจจุบันมีลูกค้ารับไปจำหน่ายต่อ  ในต่างประเทศด้วย อาทิ มาเลเซีย, ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, ออสเตรเลีย เป็นต้น นอกเหนือจากนี้ก็คือการนำสินค้าออกไปจำหน่ายตามงานแสดงสินค้าต่าง ๆ
“เป็นสินค้าที่เล่นกับอารมณ์ของลูกค้า ซึ่งตลาดยังเติบโตได้ แต่ต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพ และคิดงานให้มีจุดขายเป็นเอกลักษณ์ด้วย ไม่ใช่เอาแต่ก๊อบปี้” เจ้าของผลงานกล่าวทิ้งท้าย

ปัจจุบันวาสนาสร้างสรรค์ผลงานอยู่ที่ กลุ่มที่นอน สัตว์เลี้ยง 45/62 หมู่ 5 ซอย 4 แยก 7 ถนนบางบอน 3 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ โทร. 0-2445-5203 ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่ง “ช่องทางทำกิน”  ที่เกี่ยวกับ “สัตว์เลี้ยง” ที่เห็นได้ชัดว่าถ้าทำได้ดี มีคุณภาพ มีจุดเด่น-จุดขายน่าสนใจ  ก็ยังมีโอกาสเสมอ.

ที่มาของบทความ เดลินิวส์ www.dailynews.co.th

Create Date : 03 เมษายน 2552		0 comments
Last Update : 3 เมษายน 2552 21:53:08 น.
Counter : 5322 Pageviews.
Share Tweet