เล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวในต่างประเทศ
วันแรกของการเที่ยวเมืองเล็ก Salzburg



รถไฟจากเวียนนามาถึงสถานี Salzburg ประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง มองหา Tourist Information ไม่เจอ แต่หลังจากที่หิ้วกระเป๋าขึ้นลงบันไดในสถานี (ไม่มีบันไดเลื่อน) ถึง 2 เที่ยวจนเริ่มเหนื่อยแฮ่ก เพิ่งจะเห็นว่า Tourist Information ตั้งอยู่ชั้นเดียวกับชานชาลาที่ลงมาจากรถไฟ .....SmileySmileySmiley



ฉันเข้าไปขอแผนที่ พร้อมกับซื้อ Salzburg Card แบบ 48 ชั่วโมง ราคา 29 ยูโร แล้วก็ซื้อไกด์บุ๊คของเมืองนี้อีกหนึ่งเล่ม ถือโอกาสถามเส้นทางไปโรงแรม Atel Hotel Lasserhof ด้วย เจ้าหน้าที่บอกว่าอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟมาก พอออกจากสถานีแล้วให้เลี้ยวซ้าย เดินลอดอุโมงค์รถไฟแล้วก็เลี้ยวขวา ใช้เวลาเดินแค่ 5 นาทีเท่านั้นเอง






พอออกมาจากสถานีก็เจอหนุ่มวัยรุ่น 3-4 คน ตะโกนทักทายว่า "หนีห่าว" ฉันได้แต่ยิ้มให้แล้วรีบเดินจ้ำอ้าวเลย



ว่าแต่ 5 นาทีที่เจ้าหน้าที่บอกนั่น คงต้องเป็นการเดินตัวเปล่าแน่เลย เพราะฉันเดินลากกระเป๋าหนัก 16 กิโลกับเป้สะพายหลังอีกใบเนี่ย รู้สึกว่าทางไกลจัง ระหว่างที่เดินก็รู้สึกได้ว่าล้อของกระเป๋าเริ่มแตกจนได้ยินเสียง นี่ขนาดว่าเอาแซมโซไนท์ใบเก๋ามาแล้วเชียวนะ .....



เพิ่งจะลงเที่ยวที่แรกและวันแรกเองนะ ยังไปไม่ถึงประเทศเช็กที่เขาร่ำลือเรื่องพื้นทางเดินว่า กระเป๋าเดินทางที่ไม่ดีจะทำให้ล้อหลุดเป็นชิ้นๆ เลย ฉันก็เลยเดินไปก็เหลียวมองล้อกระเป๋าไปด้วยความกลัวล้อหลุดจริงๆ ค่ะ




Atel Hotel Lasserhof ที่พักใน Salzburg


สัก 15 นาทีก็เดินถึงโรงแรม เข้าเช็คอินโดยยื่นสลิปที่พิมพ์มาจากในเมล์ ค่าที่พักห้องเดี่ยวที่นี่จองมาคืนละ 58 ยูโร ห้องที่ได้อยู่บนชั้นสอง ฉันต้องแบกกระเป๋าขึ้นไปเองค่ะไม่มีเด็กยกกระเป๋ามาคอยบริการให้อย่างบ้านฉัน



แม้จะเดินทางไกลมานานกว่า 15 ชั่วโมง แต่ฉันเห็นว่าบ่ายสามกว่าๆ แล้วเกรงจะเสียเวลา จึงรีบเปิดกระเป๋าแล้วหยิบของจำเป็นใส่กระเป๋าใบเล็กอีกใบแล้วออกเดินเที่ยว พร้อมแผนที่และจีพีเอส




salzburg card ที่ถือได้ว่าเป็นบัตรสุดคุ้ม



ไม่ลืมที่จะหยิบ Salzburg Card ที่ซื้อมาทำการ Validate เมื่อจะเริ่มใช้ครั้งแรก ด้วยการเขียนชื่อ วันและเวลาที่เริ่มใช้ จากนั้นก็จะขึ้นรถราง รถเมล์ ตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆ ฟรี ถ้าหากไม่ทำการ Validate เมื่อถูกตรวจอาจเจอค่าปรับสูงถึง 60 ยูโรทีเดียว



ตั้งใจว่าจะเริ่มต้นด้วยการเดินเที่ยวตามเส้นทางในหนังสือ "คู่มือนักเดินทางออสเตรีย" ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง คือเริ่มต้นเดินจากสะพาน Staatsbrucke ->าลาว่าการเมือง -> ตลาดเก่า Alter Markt พื่อชมน้ำพุ -> จัตุรัส Residenzplatz พื่อชมน้ำพุและวังที่ประทับ -> จัตุรัส Domplatz พื่อชมมหาวิหาร -> โบสถ์ Franziskan -> าราม St.Peter -> ถสายถานนำขึ้นไปสู่ปราสาท Hohensalzburg -> สำนักชี Nonnberg -> รอก Kaigasse -> จัตุรัส Mozartplatz -> จัตุรัส Waag-Platz -> ตรอก Judengasse -> สะพาน Staatsbrucke



ปรากฏว่าเดินเรียงตามลำดับไม่ค่อยถูก วนไปวนมา ฉันก็เลยรีบขึ้นรถสายพาน (funicular) ไปชมป้อม Hohensalzburg หรือ Festung Hohensalzburg เนื่องจากกลัวจะมืดเสียก่อน




ป้อม Hohensalzburg ที่มองหา


พอขึ้นไปแล้ว ความเมื่อยและเหนื่อยก็หายปลิดทิ้งเลย เพราะบนป้อมปราการแห่งนี้จะเห็นวิวเมือง Salzburg มีแม่น้ำ Salzach ขนานเมืองทั้งสองฝั่ง ฝั่งซ้ายเป็นเมืองเก่า (old town) ส่วนฝั่งขวาจะเป็นเมืองใหม่ (new town)



วิวที่มองจากป้อม Hohensalzburg



มุมหนึ่งบน ป้อม Hohensalzburg



ฉันไปเจอคนไทยบนป้อมนี่สองคู่ แสดงว่าเมืองนี้คู่รักคงนิยมมาเที่ยวกัน ได้ทักทายเพียงคู่เดียวเพราะเห็นเขาและเธอกำลังคุยกับถ่ายรูปให้กันอยู่ ก็เลยถือโอกาสขอให้ช่วยถ่ายรูปฉันกับวิวเมืองให้บ้าง



พอเสร็จจากดูวิวและถ่ายรูปบนป้อมแล้ว ลงมาด้านล่างก็เจอจัตุรัส Kapitelplatz (Chapter Square) ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของ Cathedral หรือ Dom บริเวณนี้จะมีงานศิลปะอยู่ 2 ชิ้น ชิ้นแรกเป็นปฏิมากรรม "Sphaera" ส่วนอีกชิ้นเป็นวงหมากรุกขนาดใหญ่ ดูแปลกตาดีค่ะ



ปฏิมากรรม "Sphaera"



หมากรุกขนาดใหญ่



ทางเข้ามหาวิหาร



ภายในมหาวิหาร




หน้ามหาวิหารและบริเวณโดยรอบ



ไม่รู้ทำไมภาพนี้ทำให้นึกถึงเรื่องรหัสลับดาวินชี



เมืองท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมีขบวนรถม้าคอยรับนักท่องเที่ยว



ทางเดินไปโบสถ์ Franziskan



อนุสาวรีย์ของ Mozart อยู่นี่เอง




ฉันเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบ ตั้งใจจะซื้ออาหารมื้อเย็นกลับไปกินที่โรงแรม ปรากฏว่าหาไม่ได้ เพราะตรงตลาดเก่าในขณะนั้นมีแต่ผลไม้ รถขายชีสและแฮมสารพัด เลยหันเดินกลับ พอเดินออกมาถึงด้านนอกที่เลียบแม่น้ำเท่านั้นแหละค่ะ อากาศตอนบ่ายเมื่อตอนมาถึงที่กำลังสบายๆ ก็เปลี่ยนเป็นหนาวเย็น ที่เขาว่า "หนาวเข้ากระดูกดำ" คงเป็นอย่างนี้นี่เอง



...ลมแรงซะเหลือเกิน เดินแล้วปากสั่นตัวสั่นไปหมด เลยต้องรีบจ้ำหาทางขึ้นรถกลับที่พัก ปรากฏว่าขึ้นรถผิดฟากอีกจนได้ นั่งรถเกือบออกไปนอกเมืองแล้วจนเห็นภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ จึงเอะใจถามคนพื้นที่บนรถเมล์ เขาก็เลยบอกว่าต้องนั่งรถฝั่งตรงกันข้าม




ทัศนียภาพอันงดงามเบื้องหลังการหลงทิศทาง





กลับถึงที่พัก ก็ทนหนาวเดินออกไปข้างนอกอีกรอบหนึ่งเพื่อหาของกิน แต่ก็ไม่ได้ค่ะ คงจะด้วยความไม่คุ้นเคยทางแล้วก็ไม่รู้ร้านค้าอยู่ตรงไหน แถมฝนก็เริ่มตกพรำๆ แล้วด้วย เลยตัดสินใจรีบจ้ำกลับที่พักอีกรอบ มื้อเย็นวันแรกจึงว่างเปล่า โชคดีที่
falafel เมื่อตอนกลางวันชิ้นโตพอที่จะไม่ทำให้ท้องร้องจ๊อกๆ ยามค่ำคืน



ไม่คาดคิดมาก่อนว่าก้าวย่างแรกในการเที่ยวต่างแดนคนเดียว จะต้องกินมื้ออดมื้อเป็นการประเดิม .......แต่ประสบการณ์อย่างนี้ ก็คงหาจากชีวิตประจำวันธรรมดาไม่ได้เช่นกัน คืนนั้นจึงหลับแต่หัวค่ำด้วยความอิ่มเอมใจ แล้วรุ่งขึ้นค่อยมาว่ากันใหม่ค่ะ





Create Date : 27 มกราคม 2554
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2554 19:06:02 น. 2 comments
Counter : 4244 Pageviews.

 
ขอตามมาเที่ยวด้วยคนนะคะ น่าอิจฉาจังเลย
ได้ทำอย่างที่ตัวเองอยากทำ ได้เที่ยวไปในที่สวยๆ


โดย: คราม IP: 118.173.69.44 วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:20:24:38 น.  

 
ขอบคุณค่ะคุณคราม

กำลังทำบล็อกใหม่ ไล่จากเรื่องเก่าๆ ก่อนค่ะ


โดย: แฮปปี้มีนา วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:21:38:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แฮปปี้มีนา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]









ทำงานในองค์กรภาครัฐ ใช้เวลาพักร้อนในแต่ละปีออกไปเปิดรับและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในโลกใบนี้ตามลำพัง ...การออกไปเผชิญโลกภายนอกที่กว้างใหญ่ไม่จำเป็นต้องเก่งภาษามากมายขอแค่มีใจที่พร้อมจะเปิดรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างเดินทาง ทั้งสุข สนุก ตื่นเต้น การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น จะทำให้เรามีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่มีในหนังสือท่องเที่ยวเล่มไหนสอนไว้


New Comments
Group Blog
 
 
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
27 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แฮปปี้มีนา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.