บทสรุปการเดินทาง ...อยู่ที่ใจจะไขว่คว้า
ไม่น่าเชื่อว่าประเดี๋ยวเดียว ฉันจะเที่ยวมาจนครบสองอาทิตย์แล้ว รู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วจัง เช้าวันสุดท้ายในเวียนนา ฉันไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนแต่แวะไปที่โคลัมบัสชอปปิ้งมอลล์ซึ่งอยู่ใกล้ๆ โรงแรมที่พักนี่ล่ะค่ะ คิดว่าคงจะต้องหาซื้อของฝากเป็นช็อกโกแล็ตกลับไปฝากญาติสนิทมิตรสหายสักหน่อย ถึงแม้ว่าจะบอกใครต่อใครแล้วว่า ไปเที่ยวคนเดียวอย่างนี้ คงไม่สะดวกที่จะหาซื้อของฝากใครแน่ๆ แต่อย่างไรเสียฉันก็อดไม่ได้อยู่ดีค่ะ ช็อกโกแล็ตจึงเป็นของฝากอย่างเดียวที่ฉันคิดว่าสะดวกและเบาสำหรับคนที่ไปตะลุยเที่ยวแบบนี้
ฉันรีบกลับมาแพ็คกระเป๋าเดินทาง ปรากฏว่าเกือบจะปิดกระเป๋าไม่ลง เพราะช็อกโกแลตที่เป็นกล่องๆ กินเนื้อที่ในกระเป๋าเหมือนกันค่ะ และสุดท้ายก็ต้องรื้อจัดใหม่ แยกช็อกโกแลตมาใส่กระเป๋าเป้สะพายหลังสำหรับนำติดตัวขึ้นเครื่องไปด้วย หลังจากชำระเงินค่าที่พักและเช็คเอ๊าท์แล้ว ก็ลากกระเป๋าทุลักทุเลขึ้นลงแทรมอีกแล้วค่ะ แต่เที่ยวสุดท้ายของการนั่งรถรางวันนี้ ฉันไม่หลงทิศทางแล้วนะคะ
พอไปถึงสถานีรถไฟ Wien Sudbahnhof ก็มองเห็นรถบัสที่จะไปสนามบินจอดรออยู่ มีผู้โดยสารเต็มคันรถแล้ว ฉันลากกระเป๋าไปใกล้ๆ ก็มีหนุ่มฝรั่งหน้าตาดีถามว่าจะไปสนามบินหรือเปล่า พอฉันตอบว่าใช่ เขาก็อาสายกกระเป๋าขึ้นวางในที่เก็บให้ แล้วเขาจึงเดินขึ้นไปบนรถ แหม!!!... หล่อแล้วยังนิสัยน่ารักอีกซะด้วยค่ะ เมื่อจ่ายค่าโดยสารให้คนขับก่อนขึ้นรถแล้ว ก็เห็นว่าที่นั่งแถวหน้าว่างอยู่หนึ่งที่ แต่ผู้ชายที่นั่งอยู่เล่นเอากระเป๋าของเขาวางไว้ นิสัยอย่างนี้ออกจะน่าเกลียดจังเลยนะคะ ฉันคิดว่านั่งรถไปสนามบินใช้เวลาไม่นานก็เลยขี้เกียจบอกให้เขาช่วยขยับกระเป๋าขึ้นไว้กับตัวหน่อย
แฮ่ะๆ อันที่จริง กลัวว่าอีตาคนนี้จะเป็นพวกเกเรเกตุงเสียมากกว่า ฉันก็เลยไม่กล้าตอแย ยอมเป็นคุณห้อยโหนที่เสียตังค์ 6 แล้วยังต้องมายืนซะอีกแน่ะ ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงสนามบิน ฉันยืนสูดอากาศและบรรยากาศของออสเตรียด้วยความสุขและอาลัยอาวรณ์ ก่อนที่จะเข้าไปเช็คอินด้านใน ....
หลังจากรีบเช็คอินเสร็จก็เดินดูของในสนามบิน แล้วแวะรองท้องด้วยเค้กอร่อยๆ สักชิ้นกับกาแฟรสโปรดก่อนขึ้นเครื่อง ตอนที่เดินไปให้ ตม.และศุลกากรตรวจก่อนออกไปนั่งรอที่ gate นั้น เจ้าหน้าที่ ตม.และศุลกากรของเวียนนาน่ารักมากเลยค่ะ เพราะจะบอกให้ฉันถอดเข็มขัดหัวโลหะออก ให้หยิบโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป นาฬิกา เงินเหรียญ กุญแจ ฯลฯ ที่เป็นโลหะออกวางในตระกร้า แล้วถามซ้ำให้แน่ใจว่าฉันไม่มีอะไรที่เป็นโลหะติดตัวแล้วนะ หน้าตาก็ยิ้มแย้มจนฉันเองอดแซวเล่นไม่ได้
วิธีการเช่นนี้ ทำให้ผู้โดยสารขาออกไม่ต้องเจอเสียงร้องปิ๊ดๆ เมื่อเดินผ่านเครื่องหรือเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องตรวจสแกน แล้วก็ไม่เสียเวลาของทั้งสองฝ่ายด้วยค่ะ นี่ล่ะค่ะ ความแตกต่างระหว่างขามาและขากลับ ซึ่งตอนที่ฉันถูกเจ้าหน้าที่การท่าตรวจตอนขาออกจากกรุงเทพฯ กระเป๋าก็ผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ แต่เพราะใส่นาฬิกาข้อมือ มีเหรียญและกุญแจติดตัว เครื่องก็เลยร้อง จึงถูกเจ้าหน้าที่รื้อกระเป๋าสะพายหลังที่ถือติดตัวขึ้นเครื่อง เมื่อไม่เจออะไรก็ไม่มีคำขอโทษหรือรอยยิ้มแจกให้สักนิดเดียว
ฉันชักจะบ่นถึงความแตกต่างมากไปแล้วกระมังคะเนี่ย!! เครื่องบินของสายการบินอีวีเอแอร์ ออกจากเวียนนาตอนบ่ายโมงครึ่งค่ะ เที่ยวกลับมีทารกลูกครึ่งไทยขึ้นเครื่องด้วยนะคะ แอร์โฮสเตสดูแลเด็กได้ดีเลยค่ะ ฉันเองไม่ค่อยได้หลับเพราะเลือกจะดูหนังและเล่นเกมสลับกันไป เนื่องจากขณะนั้นยังเป็นเวลาบ่ายอยู่ ร่างกายยังปรับเวลาไม่ทันก็เลยนั่งฆ่าเวลาด้วยการนำกล้องมาดูรูปที่ถ่ายมาทั้งหมด อดคิดถึงความสุขในช่วงสั้นๆ สองอาทิตย์ที่ผ่านไปไม่ได้
.....นี่ถ้าหากว่า ฉันไม่กล้าที่จะก้าว ไม่ลองเริ่ม single step หรือก้าวย่างแรกในการท่องเที่ยวคนเดียว มัวแต่รอคนอื่น มัวแต่ห่วงภาษาว่าไม่แข็งแรง กลัวนั่น กลัวนี่ ป่านนี้ก็คงจะไม่ได้พบเจอกับประสบการณ์ต่างๆ หลากหลายอารมณ์ โดยเฉพาะความสุขและความสนุกสนาน ถึงจะเพียงลำพังก็ตาม แม้ว่าจะเหนื่อยในการเตรียมหาข้อมูลก่อนไปมาก ทว่าค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่าไปเที่ยวกับบริษัททัวร์เกือบครึ่งหนึ่งเชียว ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีตัวช่วยในการหารค่าใช้จ่ายเลยก็ตาม
....ทริปยุโรปสองอาทิตย์ของฉัน 14 วัน 12 คืน นอนโรงแรมระดับ 2-4 ดาว ค่าใช้จ่ายประมาณ 85,000 บาท (เจอค่าโทรศัพท์อายัดบัตรเครดิตไปหลายพันบาท) ทัวร์ต่างประเทศส่วนใหญ่ ถ้าเป็นราคาประมาณนี้ก็จะได้เที่ยวและนอนค้างในยุโรปเพียงแค่ไม่กี่คืนเท่านั้นเอง แถมยังไม่ได้เจอประสบการณ์ชีวิตสนุกๆ แบบฉันด้วย
การได้ออกไปท่องโลกกว้างอย่างนี้ นอกจากจะได้รับความสุขแล้ว ยังได้เปิดโลกทัศน์และมุมมองใหม่ๆ ให้กับชีวิต ได้ชิมอาหารแปลกๆ ได้สัมผัสกับคนท้องถิ่นและคนต่างเมือง รวมถึงการเปิดใจรับสิ่งต่างๆ ที่ไม่คุ้นเคยอีกมากมาย
ไม่คิดว่าตัวเองจะชอบในการดูศิลปะและวัฒนธรรมที่แฝงอยู่ตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ พอมีโอกาสได้สัมผัสก็รู้สึกชอบ เนื่องจากอยู่เมืองไทยช่างหาเวลาและโอกาส ไปเดินพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ได้ยากเหลือเกิน ใครจะไปคิดว่าความรู้ภาษาอังกฤษก็แค่หางอึ่ง ฟุตฟิตฟอไฟได้แค่งูๆ ปลาๆ ก็ยังสามารถเที่ยวยุโรปเองได้ แถมยังได้พบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิด เห็นสารพัดเรื่องราวกับคนต่างชาติได้อีกตั้งเยอะ
ไม่เคยรู้เลยค่ะว่าตัวเองจะสามารถผจญภัยในโลกกว้างได้ด้วยตัวคนเดียวแบบนี้ ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้หยุดพักจากโลกใบเดิมๆ ที่เผชิญอยู่ทุกวี่วัน ทั้งจากหน้าที่การงานและภาระส่วนตัว เป็นการเติมเต็มความสุข เติมเชื้อไฟ และเติมพลังให้กลับไปทำงานต่อได้อย่างเต็มที่
จากก้าวแรกที่มีความสุขและสนุก ....ทำให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันตั้งใจที่จะเที่ยวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เติมไฟฝันให้กับชีวิตในทุกๆ ปี ต่อไปจนกว่าจะหมดแรงและหมดไฟ หากใครมีโอกาสและเวลามากพอ อาจจะลองเริ่มจากทริปสั้นๆ และไม่ไกลนัก ไปๆ มาๆ ก็อาจจะหลงรักการตะลุยเดี่ยวเที่ยวเมืองนอกดังเช่นฉันก็ได้
ทุกอย่างอยู่ที่ใจจะไขว่คว้านะคะ แล้วจะได้รู้จักตัวของเราเองมากขึ้นเลยค่ะ
Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2554 |
|
14 comments |
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2554 10:03:22 น. |
Counter : 2560 Pageviews. |
|
|
|
ติดตามมาเที่ยวด้วยตลอด ทุกตอนเลยค่ะ
สนุก มีสาระมาก ๆ เลยค่ะ
ทำให้มีกำลังใจอยากไปเที่ยวเองบ้างแล้วค่ะ
ขอบคุณมาก ๆ นะคะ สำหรับรีวิว และข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก ๆค่ะ