Love Story 3 (จบ)
Love Story 3 [The End] หลังจากวันนั้นฟ้าก็มาหาผมที่หอแทบทุกวัน บางวันผมยังไม่กลับก็มานั่งกินไอติมรอกับเจ้าบิ๊กกี้ ยิ่งผมรู้จักฟ้ามากขึ้นเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้สึกว่าเธอน่ารักมากขึ้นเท่านั้น...วันนี้เป็นวันเสาร์ ผมไม่มีเรียนแต่ก็ต้องออกมาทำงานที่ร้านเหมือนเดิม พอ4โมงเย็นก็เลิกงาน เฮ้อ...นี่แหละชีวิต ไม่เรียนก็ทำงานพิเศษ ไม่ทำก็ไม่ได้ไหนจะค่าเช่าห้องค่ากินเข้าไปวันๆนึงอีก เรียนจบก็ต้องทำงานใช้หนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาอีก เฮ้อ..เมื่อไหร่รายการวงเวียนชีวิตจะเอาผมออกรายการเนี่ย... แนน! ฟ้ายืนโบกมือหยอยๆ ให้ผมอยู่หน้าร้าน อ้าวฟ้ามาทำอะไรแถวนี้หรอ ผมถามอย่างแปลกใจก็วันนี้ไม่มีเรียนนี่นา ก็มาหาแนนไง ไปเที่ยวกันนะ^^ จะไปไหนล่ะฟ้า เย็นแล้วนะ อืมมมงั้นเดินเล่นแถวๆนี้แหละ ตอนเย็นๆสวยดี อืม ก็ได้ ไปกันเถอะ ผมชวน ................................................................. หลังจากเดินเล่นได้พักใหญ่ผมกับฟ้าก็นั่งรถตุ๊กตุ๊กเที่ยวรอบเมืองกัน ตอนเย็นๆแบบนี้มันก็สวยไปอีกแบบ รวมทั้งวัดพระแก้วที่ตอนนี้สวยงามต่างจากตอนกลางวัน โชคดีที่วันนี้ท้องฟ้าสดใสฝนไม่ตก ไม่งั้นผมกับฟ้าคงไม่ได้มาเที่ยวเล่นสบายใจแบบนี้แน่ พอ6โมงครึ่งผมก็มายืนรอคุณลงคนขับรถเป็นเพื่อนฟ้าที่สนามหลวง ไม่นานรถเบนซ์สีน้ำเงินคันงามก็มาจอดเทียบข้างหน้า คุณลุงมาแล้วงั้นเราไปก่อนนะ ผมเอ่ยลา เดี๋ยวก่อนแนน อ่ะ ฟ้าให้ ฟ้ายื่นหนังสือเล่มหนึ่งส่งให้ผม ให้เราหรอ ให้ทำไมอ่ะ ไม่ใช่โอกาสพิเศษอะไรซักหน่อย ผมถามอย่างงงๆ ก็วันนี้วันเกิดฟ้านี่ เฮ้ยจริงดิ ! งั้นเราก็ต้องเป็นฝ่ายให้ของขวัญฟ้าสิ ไม่เอาอ่ะ วันเกิดฟ้า ฟ้าอยากให้ของขวัญคนอื่นมากกว่านี่..หนังสือเล่มนี้ดีมากเลยนะ ฟ้าชอบ มันเป็นหนังสือรวมภาพถ่ายสวยๆของกรุงเทพฯ ขอบใจนะฟ้า เราจะรักษาไว้อย่างดี นี่ไงดูนี่สิ ที่ที่เรายืนตอนนี้ก็มีนะ ฟ้าดึงหนังสือในมือผมไปเปิดๆก่อนจะส่งให้ผมดู มันเป็นรูปถ่ายของท้องสนามหลวงตอนโพล้เพล้มีนกพิราบกำลังบินเป็นฝูง คล้ายกับภาพข้างหลังผมในตอนนี้ สวยจริงๆด้วย เห็นมั้ยล่ะ นี่ถ้าไม่รักกันจริงไม่ให้หรอกนะเนี่ย มีเล่มเดียวในร้านด้วย คร้าบ ขอบคุณคร้าบคนสวย^^ .............................................................. หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เจอฟ้าอีกเลย ทั้งที่มหาลัย หรือที่หอพักซึ่งปกติฟ้าจะมาหาผมบ่อยๆ วันนี้หลังจากเลิกเรียนผมก็พยายามชะเง้อมองหาฟ้าตามที่ต่างๆแต่ก็ไม่เจอ มองหาอะไรของมึงวะแนน ไอ้เปิ้ลเอ่ยถามขึ้นขณะที่ผมยังคงชะเง้อคอไปมา หาฟ้าอ่ะ ผมตอบ ไมมึงไม่ลองโทรหาเค้าดูอ่ะจะได้รู้ว่าเค้าอยู่ไหน เปิ้ลเสนอ กูไม่เคยขอเบอร์เค้าไว้อ่ะ เออไอ้ควาย ! งั้นก็มองหาต่อไปเหอะ ........... สองทุ่มผมเลิกงานเดินถือถุงบะหมี่เกี๊ยวพร้อมลูกชิ้นเปล่าเดินแกว่งไปแกว่งมาจนถึงหอพัก แต่ก็ต้องแปลกใจที่เห็นฟ้านั่งเล่นกับเจ้าบิ๊กกี้อยู่ที่โต๊ะม้าหิน ฟ้า ! หายไปไหนมาอ่ะ ผมถามทันทีที่ฟ้าหันมาเห็นผม ^^ อื้ม พอดีช่วงนี้ยุ่งๆอ่ะเลยไม่ได้มาหา แนนสบายดีนะ สบายดี ฟ้าล่ะ อืม ก็ดี พรุ่งนี้ฟ้าจะบินไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่ญี่ปุ่นน่ะ วันนี้ฟ้าเลยมารอเจอแนนก่อน ...จะไปนานมั้ย ผมนิ่งไปพักนึงก่อนจะเอ่ยถามต่อ ไม่นานหรอก แค่อาทิตย์เดียวเอง หรอ..อืม ..แปะ..แปะ... ฝนเริ่มตกลงมาปรอยๆเป็นครั้งที่สองของวันนี้ งั้นฟ้ากลับก่อนนะ อืม เดี๋ยวเราเดินไปส่ง ผมบอก ฟ้ายิ้มบางๆให้และจับมือผมไว้ ไม่เป็นไร แนน..คิดถึงกันบ้างนะ ฟ้าพูดก่อนจะหันหลังเดินจากไป เดี๋ยวฟ้า ! ผมรวบรวมความกล้าเรียกฟ้าเอาไว้ เธอหันมามองหน้าผมอย่างแปลกใจเล็กน้อย ...รีบกลับมานะ มีอะไรจะบอก จ้ะ เราจะรีบกลับมาฟังนะ ........ฟ้า เราจะรอนะ รอบอกคำๆนั้นกับเธอ ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอ... ............................................................................ ฝนตกอีกแล้วว่ะ ผมบ่นกับไอ้เปิ้ลอย่างเซ็งๆ ก็นี่มันหน้าฝนนี่หว่า ทำใจเหอะ เออกูรู้ แต่มันก็อดเซ็งไม่ได้นี่หว่า ผมยังคงบ่นไม่เลิก เอาน่า เออวันนี้ร้านปิด กูไปห้องมึงดีกว่า ไอ้เปิ้ลพูดอย่างอารมณ์ดี ตามสบายเหอะ แต่รู้สึกว่ากูจะไม่ได้เชิญนะ 555 ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า กูรู้ว่ามึงอยากให้กูไป ............................................. และผมกับไอ้เปิ้ลก็พากันหอบของสดที่เพิ่งซื้อมาจากตลาดเพื่อมาทำสุกี้กินกันอย่างพะรุงพรัง มายังหอพักของผม โดยที่ผมไม่ทันสังเกตว่ามีรถเบนซ์สีน้ำเงินจอดรออยู่ เดี๋ยวครับคุณ ! มีเสียงๆหนึ่งตะโดนดังมาจากด้านหลัง ผมกับเปิ้ลจึงชะงักเท้าหันไปดูก็พบว่าเป็นคุณลุงคนขับรถของฟ้านั่นเอง คุณเป็นเพื่อนคุณฟ้ารึเปล่าครับ คุณฟ้าเคยให้ผมมาส่งที่นี่บ่อยๆ อ่อ ใช่ฮะ ผมตอบอย่างงงๆ คือเมื่อวานนี้รถที่คุณฟ้านั่งจากสนามบินที่ญี่ปุ่นเกิดอุบัติเหตุ... คุณลุงชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ ตอนนี้คุณฟ้าเธอเสียชีวิตแล้วครับ ............ ผมอึ้งพูดอะไรไม่ออก พยายามลำดับเหตุการณ์ที่เพิ่งฟังจบไป..ฟ้าตายแล้ว...ผมฟังผิดใช่มั้ย? เฮ้ยแนนทำใจดีๆนะ เสียงไอ้เปิ้ลดังแว่วๆอยู่ข้างๆผมที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่ง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตอนนี้..ถ้าขอพรได้ ผมอยากให้เรื่องทุกอย่างเป็นแค่ฝันร้าย..ไม่ใช่เรื่องจริง ฟ้ายังมีชีวิตอยู่.........เพราะผมรับความจริงที่โหดร้ายนี้ไม่ไหว... ................................................. ................................................................. นี่ก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆแล้วที่ผมได้รับข่าวร้ายเรื่องของฟ้า แต่ผมก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะไปร่วมงานศพของฟ้าที่ญี่ปุ่น เพราะฟ้าไม่มีญาติที่ไหนพ่อกับแม่ก็อยู่ที่ญี่ปุ่นหมดจึงทำให้งานศพของฟ้าถูกจัดขึ้นที่นั่น ผมเองก็ทำได้เพียงไว้อาลัยให้ฟ้าจากตรงนี้..แต่สิ่งที่ผมเสียใจที่สุดคือผมยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดคำว่ารัก...... ทุกวันหลังเลิกเรียนผมยังคงเดินผ่าน ที่ที่ผมกับฟ้าเจอกันครั้งแรก..หลังเลิกงานผมก็ยังเดินผ่านโต๊ะที่ฟ้าเคยมานั่งรอผม..ทุกๆวันเวลาเดินผ่านที่โต๊ะม้าหินตัวนั้น ภาพของเธอก็ยังคงชัดเจนอยู่เสมอ.. ....ฝน..พาเธอเข้ามาในชีวิตของผม..และฝน..ก็พาเธอจากไป..ถ้าตอนนี้ผมยังมีโอกาสอีกสักครั้งผมอยากจะบอกว่า เรารักเธอนะฟ้า... ยังเดินผ่านทุกวันที่ที่เราพบกันเมื่อก่อน ยังจำซ้ำๆได้ทุกตอน ราวกับมีใครมาหมุนย้อนเวลา ... แต่ก็คงจะหมุนย้อนได้แค่ในความคิด ในชีวิตจริงคงไม่เจอกันอีกแล้ว ยืนอยู่ตรงที่เดิมแต่ไม่มีวี่แวว เธอจากไปแล้วและคงไม่ย้อนคืนมาหา ... *ได้แต่ฝากความคิดของฉันเอาไว้เผื่อวันไหนเธอผ่านมา เห็นที่เดียวกันนี้เธอจะนึกขึ้นได้ว่า เคยมีคนหนึ่งยืนข้างเธออยู่ตรงนี้เสมอตลอดมา ให้เธอสัมผัสความคิดที่ฉันทิ้งไว้อาจไม่เห็นได้ด้วยตา ฉันจะฝากเอาไว้ออยู่ในผืนดินและท้องฟ้า... มันเป็นความคิดที่กระซิบว่า...ฉันยังรักเธอ ........................................... ............................................................ .......................................................... เจอมั้ยแก เสียงสาวน้อยวัยมัธยมต้นคนหนึ่งเอ่ยถามเพื่อนที่กำลังกวาดสายตาอยู่ที่ชั้นหนังสือ ไม่เจออ่ะ สงสัยจะหมดอีกแล้ว..นี่ฉันก็มาดูแทบทุกวันแล้วนะ สาวน้อยอีกคนตอบด้วยสีหน้าผิดหวัง ........... เอ่อ..หาเล่มนี้อยู่รึเปล่า? เสียงห้าวๆดังมาจากข้างหลังสองสาว ใช่ค่ะ สาวน้อยตอบสายตาเป็นประกายกับหนังสือตรงหน้า ที่มีหน้าปกชื่อว่า เรื่องเล่าในวันฝนตก งั้นพี่ยกให้แล้วกันนะ ขอบคุณค่ะ แล้ว..พี่ไม่เอาแล้วหรอคะ ไม่เป็นไร.. ขอบคุณพี่มากๆเลยค่ะหนูมาหาตั้งหลายครั้งแล้วก็ขายหมดทุกทีเลย พื่อนหนูที่เคยอ่านบอกว่าดีมากหนูก็เลยลองมาหาซื้อน่ะค่ะ ...รู้สึกว่าเค้าจะเขียนมาจากชีวิตจริงนี่นา... เจ้าของเสียงห้าวนั้นยิ้มให้บางๆก่อนจะเดินจากไป The End
Free TextEditor
Create Date : 31 มกราคม 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 31 มกราคม 2553 14:04:25 น. |
Counter : 622 Pageviews. |
|
|
|