happy memories
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
1 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๕๗




ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto









"ปริศนาธรรมจากวัดบวร”


"ผู้ที่ตายด้วยโรคภัยทางกาย ดีกว่าผู้ที่ตายแล้วในทางชื่อเสียงและคุณงามความดีด้วยโรคภัยทางใจ คือ กิเลส"


หนึ่งใน "วลีทอง" ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ที่พุทธศาสนิกชนถึงนำมาใคร่ครวญ สังวรและสำรวจตนอยู่เป็นนิจ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนยอมพ่ายแพ้ต่อกิเลส พาชื่อเสียงย่อยยับ ด้วยยอมสยบยอมในอำนาจและเงินตราเป็นใหญ่





อาคารมนุษยนาควิทยาทาน สถาปัตยกรรมศิลปะแบบโกธิค




จำลองบรรยากาศห้องบันทึกเสียง โดย สมเด็จพระญาณสังวร ทรงบันทึกเสียงบทบรรยาย
ในรายการวิทยุ "บริหารจิต" ออกอากาศทางสถานีวิทยุ อส.พระราชวังดุสิต เมื่อปี ๒๕๑๑



เดิมทีตั้งใจจะไปชมภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถฝีมือขรัวอินโข่งที่ซ่อนนัยยะปริศนาธรรมไว้อย่างแยบยล หาก พระโสภณคณาภรณ์ เมตตาเปิด พิพิธภัณฑ์และห้องสมุดเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร โดยมี พระวันสรรค์ชุติสโร จุลโพธิ์ นำชม กล่าวได้ว่าเป็นการเปิดโลกทางปัญญาที่เต็มไปด้วยความรู้ทางธรรม ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รวมไปถึงสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจยิ่ง








ชุดเครื่องยาไทยของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
ทรงมีความรู้เรื่องสมุนไพรและการปรุงเครื่องยาไทยเป็นอย่างดี



เริ่มตั้งแต่อาคารพิพิภัณฑ์ "มนุษยนาควิทยาทาน" ลักษณะสถาปัตยกรรมเลียนแบบศิลปะโกธิค ลักษณะคล้ายป้อมปราสาทในยุโรป หากอาคารหลังนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (พระนามเดิม พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ - พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามนี้ เนื่องจากในวันประสูติเกิดมีฝนตกหนัก ราวกับพญานาคให้น้ำทั่วกรุงเทพฯ)








กระจกสีประดับอาคารงดงามยามสะท้อนกับแสงแดด



นอกจากจะเป็นตัวอย่างของอาคารที่ได้รับรูปแบบสถาปัตยกรรมมาจากตะวันตกที่นำมาปรับใชักับบ้านเราได้เป็นอย่างดี ยังประกอบไปด้วยศิลปะการตกแต่งอันงดงามทั้งภายในและภายนอก เดิมทีเคยใช้เป็นอาคารเรียนของนักเรียนโรงเรียนวัดบวรนิเวศ จึงมีร่องรอยของห้องเรียนหลงเหลืออยู่บ้าง ปัจจุบันปรับใช้มาเป็นห้องจัดแสดงพระราชประวัติ พระเกียรติคุณ ผลงาน อัฐบริขารและสิ่งของเครื่องใช้ของเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารตั้งแต่พระองค์แรก คือ


พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงผนวช
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
พระพรหมมุนี (ผิน วสุวโจ ธรรมประทีป)
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก









ห้องโถงภายในอาคารพิพิธภัณฑ์



นิทรรศการถ่ายทอดพระราชประวัติของแต่ละพระองค์ได้อย่างน่าสนใจ ประกอบกับสิ่งของที่นำมาจัดแสดงกล่าวได้ว่าเป็น "ชิ้นเอก" และ "ชิ้นประวัติศาสตร์" ทั้งสิ้น หากเหนือสิ่งอื่นใด นิทรรศการได้พาเราย้อนกลับไปสัมผัสถึงพระอัจฉริยภาพของทุกพระองค์ที่มีคุณูปการแก่ชาติบ้านเมืองสืบมากระทั่งปัจจุบัน








อักษรอริยกะ ตัวหนังสือที่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงประดิษฐ์ขึ้นโดยได้เค้าโครงมาจากอักษรโรมัน





อุปกรณ์ทางดาราศาสตร์กับแผนที่ดวงดาว



เนื่องในวโรกาสคล้ายวันประสูตของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เจริญพระชันษา ๑oo ปี ในวันที่ ๓ ตุลาคม ศกนี้ วัดบวรนิเวศวิหาร จะเปิดพิพิธภัณฑ์และห้องสมุดเจ้าอาวาสวัดบรวนิเวศวิหาร ณ อาคารมนุษยนาควิทยาทาน ให้ชมระหว่างวันที่ ๑ - ๗ ตุลาคม พร้อมจัดนิทรรศการ "พระชันษา ๑oo ปี สดุดีพระสังฆบิดร" ณ อาคารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วัดบวรนิเวศวิหาร


นับเป็นโอกาสอันดีที่เหล่าพุทธศาสนิกชนจะได้มีโอกาสลงนามถวายพระพร ที่พระตำหนักเพ็ชร และศึกษาพระราชประวัติพร้อมชมนิทรรศการที่จัดแสดงในอาคารต่าง ๆ พร้อมกัน








"จดหมายเหตุบัญชีน้ำฝน" ของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวิรยาลงกรณ์
บันทึกสถิติน้ำฝนตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๘๙-๒๔๓๓ รวม ๔๕ ปี





ต้นฉบับตำราแมว พระนิพนธ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์



ภาพและข้อมูลจากเวบ
นสพ.กรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์ ๒๙ ก.ย. ๒๕๕๖
เฟซบุคกรุงเทพธุรกิจ
komchadluek.net













"ผ้าและฉลองพระองค์ในราชสำนัก”


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ ไปทรงบรรยาย ในงานประชุมวิชาการนานาชาติเรื่อง “ผ้าและฉลองพระองค์ในราชสำนัก” จัดโดยพิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อเป็นการร่วมแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับผ้าในราชสำนักไทย และราชวงศ์ต่าง ๆ ทั่วโลก ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ตลอดจนผ้าทอในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นของสะสมส่วนบุคคลที่หาโอกาสชมได้ยาก






พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง จึงเตรียมจัดงานประชุมวิชาการนานาชาติครั้งที่ ๑ เรื่อง “ผ้าและฉลองพระองค์ในราชสำนัก” ระหว่างวันที่ ๖-๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ซึ่งจะประกอบด้วยงานประชุมวิชาการ ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ รวมถึงการทัศนศึกษาเยี่ยมชมสถานที่สำคัญรอบเกาะรัตนโกสินทร์ อาทิ พระบรมมหาราชวัง พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ และกลุ่มเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ พร้อมทั้งชมการแสดงโขนพระราชทานจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งสิ้นเป็นระยะเวลา ๔ วัน และจะเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้สนใจได้เข้าร่วมรับฟังด้วย งานประชุมครั้งนี้จัดขึ้นโดยมุ่งหวังที่จะนำเสนอพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ให้เป็นที่รู้จักแก่นานาประเทศ เปิดโอกาส ให้นักวิชาการไทยและต่างชาติได้มีโอกาสเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความสำคัญของสิ่งทอในราชสำนัก และ ผ้าชาติพันธุ์ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเสริมสร้างความรู้เรื่องผ้า รวมถึงประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกาย ตลอดจนเผยแพร่พระราชกรณียกิจอันใหญ่หลวงของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ






พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นหน่วยงานหนึ่งภายใต้ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เป็นศูนย์กลางการเก็บรักษาและจัดแสดงผ้าประเภทต่าง ๆ ซึ่งเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติ ก่อตั้งขึ้นตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมุ่งหวังให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแหล่งความรู้ที่ยั่งยืนเกี่ยวกับผ้า ตลอดจนประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกายของไทย โดยได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมตั้งแต่วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ทั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมงานประชุมวิชาการนานาชาติครั้งนี้ นอกจากจะได้ชมฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และผ้าทอประเภทต่าง ๆ ที่จัดแสดงในนิทรรศการปัจจุบันแล้ว ยังจะมีโอกาสได้ชมงานอนุรักษ์และจัดเก็บวัตถุของพิพิธภัณฑ์อีกด้วย






งานประชุมวิชาการนานาชาติครั้งนี้ได้รวบรวมนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญชาวไทยและชาวต่างชาติ จากสาขาต่าง ๆ ในสายงานพิพิธภัณฑ์ ด้านประวัติศาสตร์ผ้า เครื่องแต่งกาย และงานอนุรักษ์ มาร่วมให้ความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน สำหรับเนื้อหางานประชุมครอบคลุมหัวข้อเกี่ยวกับผ้าจากต่างประเทศที่ใช้ในราชสำนักไทย ได้แก่ ผ้าจากอินเดีย จีน และกัมพูชา ผ้าบาติกจากอินโดนีเซียในสมัยศตวรรษที่ ๑๙ ซึ่งเป็นชุดสะสมของราชสำนัก ฝ่ายในของไทย อิทธิพลของไทยที่ปรากฏในเครื่องแต่งกายในราชสำนักของประเทศพม่า ผ้าและเครื่องแต่งกายต่าง ๆ ซึ่งเป็นเครื่องราชบรรณาการของราชสำนักจีน ไทย พม่า รัฐฉาน และล้านนาในศตวรรษที่ ๑๙ ตลอดจนการเก็บรักษาชุดสะสมผ้าในราชสำนักและฉลองพระองค์ในยุคปัจจุบัน เป็นต้น นอกจากนี้ภายหลังงานประชุม พิพิธภัณฑ์ยังได้จัดให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมทัศนศึกษา ณ หมู่บ้านทอผ้าที่มีชื่อเสียงในแถบตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย อาทิ หมู่บ้านสมาชิกส่งเสริมศิลปาชีพฯ กลุ่มทอผ้าจันทร์โสมา เป็นต้น






ในการนี้ พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธาน เปิดงานและทรงร่วมบรรยายในงานประชุมวิชาการนานาชาติครั้งนี้ด้วย


นอกจากนี้ยังจะมีคณะวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญเรื่องเครื่องแต่งกายในราชสำนัก ผ้า และแฟชั่น ที่เข้าร่วมนำเสนอผลงาน อาทิ จอห์น กาย ภัณฑารักษ์อาวุโส แผนกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา จาก The Metropolitan Museum of Art ประเทศสหรัฐอเมริกา แพทริเซีย ชีสแมน ผู้เชี่ยวชาญผ้าชาติพันธุ์ กลุ่มไท-ลาว จากสตูดิโอแน่นหนา จังหวัดเชียงใหม่ ไมเคิล พิค ภัณฑารักษ์พิเศษของนิทรรศการ “Hartnell to Amies : Couture by Royal Appointment” ปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๖ ณ พิพิธภัณฑ์แฟชั่นและสิ่งทอ (Fashion and Textile Museum) ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อลิซาเบธ ธอมป์สัน นักอนุรักษ์ผ้าประจำ Historic Royal Palaces ที่ทำงานด้านอนุรักษ์ฉลองพระองค์ในราชสำนักแห่งสหราชอาณาจักร (Royal Ceremonial Dress Collection) เชริง อูเดน เปนยอร์ ภัณฑารักษ์ประจำพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ แห่งประเทศภูฏาน และประภัสสร โพธิ์ศรีทอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร รวมทั้ง เผ่าทอง ทองเจือ วีรธรรม ตระกูลเงินไทย และดร. อนุชา ธีรคานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผ้าไทยและเครื่องแต่งกายในราชสำนัก ซึ่งเป็นคณะที่ปรึกษา ด้านวิชาการของทางพิพิธภัณฑ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ภัณฑารักษ์และเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ของพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ที่จะร่วมบรรยายในครั้งนี้ด้วย






พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จึงขอเรียนเชิญประชาชนทั่วไปที่สนใจฟังการบรรยาย (ดำเนินรายการเป็นภาษาอังกฤษ) และร่วมงานประชุมวิชาการนานาชาติในครั้งนี้

สามารถสอบถามราคาบัตรเข้างานและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร : o๒-๙๖๕-๘๙๐๙
โทรสาร : ๐๒- ๙๖๕-๘๙๑๙
อีเมล์ : qsmt2013@cdmthailand.com
เว็บไซต์ : qsmtsymposium2013.com



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com
dailynews.co.th













"สะกดอารมณ์สุนทรีย์กับสุดยอดนักแสดง”


ช่วงนี้หลายคนคงมีนัดในช่วงค่ำ ด้วยมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ ๑๕ เปิดฉากขึ้นแล้วอย่างสุดตระการตาและยิ่งใหญ่สมเป็นการแสดงระดับโลก สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมอย่างล้นหลาม การแสดงที่ยิ่งใหญ่จะสมบูรณ์แบบไปไม่ได้ หากขาดนักแสดงอันเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักที่ถ่ายทอดความบันเทิงสู่ผู้ชม วันนี้จะพามารู้จักดาวดวงเด่นที่จะจรัสแสงในงานมหกรรมฯ ครั้งนี้


อย่างวันเปิดตัวดาวดวงเเรก "ชิค คอเรีย” (Chick Corea) นักเปียโนแจ๊สเจ้าของรางวัลแกรมมี อวอร์ดถึง ๒o รางวัล ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นศาสดาคีย์บอร์ด และเป็นหนึ่งในตำนานที่ยิ่งใหญ่ของวงการเพลงเเจ๊สที่ยังมีลมหายใจ ดื่มด่ำกับทักษะระดับศาสตร์และศิลปะแห่งดนตรีเเจ๊สผ่านผลงานกว่า ๕o ปีของชิคกันอย่างเต็มอิ่ม เท่านั้นยังไม่พอยังรื่นรมย์อย่างต่อเนื่องกับดาวกลุ่มที่สอง “เดอะ เท็น เทเนอร์สและเฮลิคอน ออร์เคสตรา” (The Ten Tenors and Helikon Orchestra) คณะนักร้องผู้ผสมผสานดนตรีคลาสสิกและดนตรีร็อกได้อย่างกลมกล่อม โดยการนำบทเพลงร่วมสมัยของเฟรดดี เมอร์คิวรี วงควีน และมีตโลฟมานำเสนอในรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ จากกลุ่มเพื่อนระดับมหาวิทยาลัยที่รวมตัวกันร้องเพลงเพื่อหารายได้พิเศษจนกลายเป็นกลุ่มดาวจรัสเเสง ที่มีตารางโชว์ถึง ๒๕o โชว์ต่อปีและขายบัตรคอนเสิร์ตได้มากกว่าสี่ล้านใบ เสียงปรบมือกึกก้องกับโอเปร่าร็อกสุดไพเราะ






ตามติดมาด้วยดาวจรัสแสง “โจอานา เมโล” (Joana Melo) ราชินีเสียงทองผมแดงฉาน เธอจะมาพร้อมกับวงดนตรีและแดนเซอร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะที่มาแสดงคอร์เรอร์ โอ ฟาดู, โควรัม บัลเลต์ (Correr O Fado, Quorum Ballet) เจ้าของน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ย้ำยวนนี้ จะถ่ายทอดอารมณ์ด้วยการแสดงอันน่าทึ่ง แต่ละเสียงที่เธอเปล่งออกมาเป็นท่วงทำนองนั้นปลุกเร้าและมากด้วยความรู้สึก และล่าสุดเหล่าผู้หลงใหลในเสียงเพลงจะถูกสะกดด้วยเสียงอันทรงพลังของสองดาวผู้ยิ่งใหญ่ สุดยอดนักร้องอุปรากรร่วมสมัยที่จะร่วมกันขับขานบทเพลงของเเวร์ดี “บรูโน รีเบอีโร” (Bruno Ribeiro) นักร้องเสียงเทเนอร์ชาวโปรตุเกส เจ้าของเสียงร้องสื่ออารมณ์ที่ถ่ายทอดทุกความหมายของบทเพลงได้อย่างลึกซึ้งและ ทรงพลัง มาพร้อมกับ “อันนามาเรีย เดล รอสเต” (AnnamariaDell'Oste) นักร้องเสียงโซปราโนผู้มีความสามารถในการแสดงไม่เป็นรองใครมาร่วมต้องมนต์สะกดแห่งเสียงได้ในการแสดงของ“ออร์เคสตราเดลตีอาโตรเรโจดิปาร์มา” (Orchestra Del TeatroRegio Di Parma)






สำหรับคนที่ชอบการโยกย้ายส่ายสะโพกดาวแห่งการเต้น “อินากิ อูร์เลซากา” (InakiUrlezaga)ไททันแห่งวงการบัลเลต์ชายชาวอาร์เจนตินาผู้ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกในฐานะนักเต้นและนักออกเเบบท่าเต้นผ่านผลงานบนเวทีระดับโลกอย่างบอลชอยเธียเตอร์ในกรุงมอสโกรวมถึงได้แสดงในงานเวิลด์เอ็กซ์โป ๒o๑o เซียงไฮ้ ด้วยรูปแบบการเต้นที่เต็มไปด้วยความสง่างามและแข็งแกร่งในแบบนักกีฬาทำให้ผู้ชมเคลิบเคลิ้มในการแสดงของเขาด้วย พร้อมๆ กับการรำลึกถึงดาวลับแสงกับการแสดงชุด“คอนเสิร์ตรำลึกแด่ไมเคิลแจ็กสัน” (Michael Jackson Tribute Memory Concert) ด้วยคณะศิลปินหลากสัญชาติมาร่วมกันปลุก “เดอะ คิง ออฟ พ็อป”ให้ฟื้นคืนชีพ โดยนำบทเพลงยอดนิยมของเขามานำเสนอพร้อมลีลาการเต้นอันน่าประทับใจและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา


เก็บความประทับใจกับ“จีเซลล์” (Giselle) การแสดงที่ยิ่งใหญ่ของนักบัลเลต์คณะ State Ballet of Karlsruhe กว่า ๙o ชีวิตด้วยผลงานการอำนวยการบัลเลต์โดย “เบียร์จิตคีล”(Birgit Kiel)อดีตดาราบัลเลต์หญิงที่ได้รับการยกย่องว่า“เยอรมนีต้องรอคอยอยู่นานมากกว่าจะมีนักบัลเลต์หญิงที่เก่งกาจอย่างคีลขึ้นมาประดับวงการ” เธอเคยแสดงนำให้การแสดงบัลเลต์มากมายและได้รับการยอมรับฝีมือในระดับนานาชาติ ภายใต้การอำนวยการของเธอ ทำให้คณะสเตทบัลเลต์ออฟคาร์ลสรูห์ได้พัฒนางานแสดงที่ผสมผสานความคลาสสิกและร่วมสมัยเข้ากันอย่างลงตัว






ปิดท้ายกับดาวที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ “ศรวณีย์ ธนะธนิต”นักบัลเลต์ไทยหนึ่งเดียวในคณะ Grande Ballet de Geneveในการแสดง“ROMEO & JULIET” สาวไทยหนึ่งเดียวคนนี้ เมื่อรู้ว่าบัลเลต์คือชีวิตของเธอ เธอจึงมุ่งมั่นฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยได้ร่วมแข่งขันในระดับโลกหลายรายการ และได้รับรางวัลชนะเลิศในรายการปรี เดอ โลซานน์ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์รวมถึงได้รับการเสนอชื่อให้เป็น ๒๕ นักเต้นที่ต้องจับตามองจากนิตยสาร Dance Magazine และในปี ๒๕๕๑ เธอได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งนักเต้นของคณะ Grande Ballet de Geneveเตรียมพบกับเธอได้ในงานมหกรรมฯ ครั้งนี้


“งานมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ ครั้งที่ ๑๕ (Bangkok's 15th International Festival of Dance & Music)” จัดแสดงระหว่างวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๖ – ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซื้อบัตรเช้าชมได้ที่ thaiticketmajor.com สนใจข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ bangkokfestivals.com หรือ เฟซบุคงานมหกรรม


ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net












"อารยะที่ยั่งยืน" ศิลปิน สุขุม เขื่อนศิริ
สีอะคริลิคบนผ้าใบ ขนาด ๘o x ๖๕ ซม.



นิทรรศการ "สายน้ำอิง"


แม่อิง สายน้ำแห่งสายสัมพันธ์ตั้งแต่ครั้งพ่อขุนเม็งรายมหาราช พ่อขุนงำเมือง และพ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้ทำสัญญาไมตรีต่อกันและกัน และในสายน้ำแห่งนี้ได้ไหลหลากเลี้ยงกาย เลี้ยงชีวิตสัพสัตว์ผ่านพ้นคืนวัน ปีเดือน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไหลผ่านบ้านเมือง ความรุ่งเรืองทางสังคม ความเสี่ยมโทรม และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาเนิ่นนาน....





"พายุอารยะแห่งความยั่งยืน" ศิลปิน สุขุม เขื่อนศิริ    
สีอะคริลิคบนผ้าใบ ขนาด ๖๕ x ๘o ซม.





"ยั่งยืน" ศิลปิน สุขุม เขื่อนศิริ    
สีอะคริลิคบนผ้าใบ ขนาด ๘o x ๘o ซม.



แม่อิง ไหลผ่านเรื่องราวบ้านเมืองจนไหลผ่าน “ เมืองเทิง” เมืองซึ่งเป็นบ้านเกิดของกลุ่มสมาชิกการกระตุ้นเพื่อการอนุรักษ์และความห่วงใยบ้านเกิดของสามาชิกทุกคนที่มีต่อแม่อิงนั้นมากมายนัก แม่น้ำสายนี้ได้ไหลหล่อเลี้ยงหมุนคลื่นแห่งจิตรใต้สำนึกที่มีต่อบ้านเกิดจนทำให้เกิดการรวมกลุ่มกันเป็นครั้งแรกในพื้นแผ่นดินเมืองเทิงแห่งนี้และด้วยประสบการณ์ชีวิตหลังจากผ่านพ้น





"รอยเท้าช้าง ๓" ศิลปิน จักรพันธ์ จันทะแบน    
สีอะคริลิคบนผ้าใบ ๘o x ๘o ซม.





"บัว" ศิลปิน จักรพันธ์ จันทะแบน    
สีอะคริลิคบนผ้าใบ ๖o x ๗๔ ซม.





"บัวสี่เหล่า" ศิลปิน จักรพันธ์ จันทะแบน    
สีอะคริลิคบนผ้าใบ ๑๔o x ๑๕๙ ซม.



จากรั้วมหาวิทยาลัยสมาชิกทุกคนต้องดิ้นรนในการใช้ชีวิตอย่างหลากหลายผ่านพ้นวันคืนรับรู้เรื่องราวหลายรูปแบบเป็นประสบการณ์ซึ่งได้สั่งสมและกลั่นกรองเพื่อถ่ายทอดและแสดงออกมาซึ้งผลงานศิลปะเป็นผลลัพธ์และแรงบันดาลใจผ่านเรื่องราวและเจตจำนงของแต่ละคนด้วยจิตนาการอันบริสุทธิ์ต่อไปในการกลับมาพบกันอีกครั้งสมาชิกทุกคนต่างมีความคิดเห็นเป็นแง่เดียวกัน





"วิถีชีวิต" ศิลปิน วิทยา ฐานะกอง    
สีอะคริลิคบนผ้าใบ ๗o x ๘o ซม.





"กบ" ศิลปิน วิทยา ฐานะกอง    
สีอะคริลิคบนกระดาษสา ๖o x ๘o ซม.





"กบ" ศิลปิน วิทยา ฐานะกอง    
สีอะคริลิคบนกระดาษสา ๔o x ๕o ซม.



เพื่อเป็นก้าวแรกในการเผยความคิดทัศนคติของแต่ละคนสู่ผืนแผ่นดินบ้านเกิด ซึ่งเรียกว่า “ เชียงราย”และอีกอย่างหนึ่งทุกคนมีแรงกระตุ้นในการรวมตัวกันเพื่อแสดงศักยภาพของคนลุ่มแม่น้ำอิงเมืองเทิง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของสมาชิกแต่ละคนส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวอันเป็นสายใยสัมพันธ์และมิตรภาพ ให้เกิดแก่แผ่นดินเกิดเกื้อหนุนผู้ที่สนใจรักในงานศิลปะเพื่อตราตรึงไว้บนแผ่นดินของพ่อสืบต่อไป





"คิดถึง ๑" ศิลปิน ศัจกร แก้วกุลา    
สีอะคริลิคบนผ้าใบ ๑๗๖ x ๗๕ ซม.





"คิดถึง ๒" ศิลปิน ศัจกร แก้วกุลา    
สีอะคริลิคบนผ้าใบ ๑๗๖ x ๗๕ ซม.





"คิดถึง ๓" ศิลปิน ศัจกร แก้วกุลา   
สีอะคริลิคบนผ้าใบ ๑๗๖ x ๗๕ ซม.



นิทรรศการ"สายน้ำอิง " โดย

สุขุม เขื่อนศิิริ / Sukhum Kuensiri
จักรพันธ์ กันทะแบน / Jakkapan Kantaban
วิทยา ฐานะกอง / Wittaya Tanakong
ศัจกร แก้วกุลา/ Sujakorn Kaewkula
ฉัตรฤดี หล่ายนาสาร / Chartrudee Lainasarm

๕ - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖

จะมีพิธีเปิดนิทรรศการศิลปกรรม ในวันเสาร์ ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๙.oo น. โดย คุณพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ) หอการค้า10 จังหวัด ภาคเหนือ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการ





"ไผ่ ๒" ศิลปิน ฉัตรฤดี หล่ายนาสาร    
สีอะคริลิคบนกระดาษสา ๖o x ๔o ซม.





"ไผ่ ๓" ศิลปิน ฉัตรฤดี หล่ายนาสาร    
สีอะคริลิคบนผ้าใบ ๕o x ๗o ซม.





"วิถีชีวิต ๑" ศิลปิน ฉัตรฤดี หล่ายนาสาร    
สีอะคริลิคบนกระดาษสา ๔๕ x ๔๕ ซม.




ภาพและข้อมูลจากเวบ
9artgallery.com













"สิงเมือง : A Tale of Phantom”


นิติม่อนขอเชิญร่วมชมนิทรรศการ “สิงเมือง : A Tale of Phantom” นิทรรศการของปีศาจและผู้ถูกจองจำทางความคิด ภาคต่อจาก “เรื่องเล่าของมนุษย์ล่องหน” ในปีที่แล้ว โดยครั้งนี้นิติม่อนได้ย้ายฐานบัญชาการจากเชียงใหม่ สู่พื้นที่ใจกลางกรุง ณ WTF Gallery


“สิงเมือง : A Tale of Phantom” ศิลปินผู้ร่วมขบวนการตีความประเด็นจากครั้งก่อนว่า “นักโทษการเมือง คือผู้ที่กระทำความผิดในฐานะที่มีความคิดที่เป็นภัยต่อรัฐ” นั่นทำให้เกิดคำถามต่อมาที่ว่า “อะไรทำให้ความคิดหรืออุดมการณ์หนึ่ง ๆ ถูกมองว่าเป็นภัย เป็นปีศาจร้าย?” ทำให้ต้องมองย้อนกลับไปสู่ต้นตอของปัญหา พร้อมกับการเปิดโอกาสหรือกระตุ้นเร้าให้เกิดการตีความ และนับรวมประเด็นอื่นที่เป็นไปได้มากกว่าปัญหาของตัวบทกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม


นิติม่อนจึงขอเชิญทุกท่านร่วมหาคำตอบ จากการลอบมองกระบวนการการทำให้สิ่งหนึ่งกลายเป็นเรื่องเลวร้ายหรือ “ปีศาจ” ในสังคมนั้น ๆ ใน


ร่วมเปิดงานนิทรรศการวันที่ ๔ ตุลาคม เวลา ๑๘.oo น.

“สิงเมือง : A Tale of Phantom”
วันที่ : ๔ – ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖
สถานที่ : WTF gallery สุขุมวิท ๕๑
รายละเอียดเพิ่มเติมโทร : o๘๑-๓๗๕-๖๒๙o
เฟสบุ๊ค : เฟซบุคนิทรรศการ



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com













"เรื่องส่วนตัว – It’s Personal”


ทุกวันนี้ที่เรื่องราวด้านลบของพระสงฆ์ไทยกำลังเป็นข่าวเผยแพร่และถกเถียงกันในสังคมไทย ประเด็นเรื่องความเหมาะสมระหว่างพระสงฆ์กับโลกศิวิไลซ์ได้ถูกยกขึ้นมาวิพากษ์อย่างมาก


เอกรัตน์ ปัญญะธารา ช่างภาพสารคดีรุ่นใหม่ ใช้ช่วงเวลาที่อยู่นิวยอร์คปี ๒๕๕๓-๕๔ เมืองศิวิไลซ์ที่ผู้คนนิยามว่าเป็นเมืองหลวงของโลก บันทึกเรื่องราววิถีชีวิตกับการปรับตัวของพระสงฆ์ไทยกลุ่มหนึ่งในต่างแดน ภายใต้ชื่องานว่า ‘เรื่องส่วนตัว – It’s Personal’






ตลอดหนึ่งปีของการบันทึกภาพ เฝ้ามองและแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างเอกรัตน์กับพระสงฆ์ที่เขาเรียกว่า “ครู” ทำให้เขามีความเข้าใจพระพุทธศาสนาและความหมายของทางสายกลางมากขึ้น ซึ่งเขานิยามว่า การเดินทางส่วนบุคคล ในการสำรวจห้วงอารมณ์และความรู้สึกนั้นๆของตนในทุกชั่วขณะที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้ถูกควบคุมโดยอารมณ์ มีสติตระหนักรู้อยู่กับตัวทุกขณะ


‘เรื่องส่วนตัว – It’s Personal’ มองผ่านมายาคติที่สังคมไทยมีต่อพระสงฆ์ ภาพของความศักดิ์สิทธิ์สูงส่งและขาวสะอาด โดยเอกรัตน์ตั้งใจถ่ายทอดวิถีชีวิตความเป็นอยู่จริง การปรับตัวของพระสงฆ์ต่อปัจจัยแวดล้อม ในฐานะของมนุษย์หรือนักเรียนที่กำลังศึกษาเส้นทางของพระพุทธเจ้า ผ่านชีวิตประจำวันสู่การเดินทางส่วนบุคคลของอารมณ์และสติ






เอกรัตน์เชื่อว่า เราต่างใช้ชีวิตอยู่โดยมีสิ่งเร้าอารมณ์รอบตัว ทุกคนจึงน่าจะเข้าใจได้ถึงความท้าทายที่ถาโถมเข้ามาให้เราคำนึงถึงการมีสติ ในการเดินทางของแต่ละคน ที่ปรากฏอยู่ในภาพชุด‘เรื่องส่วนตัว – It’s Personal’


ขอเชิญร่วมเปิดงานนิทรรศการ เสาร์ที่ ๕ ตุลา เวลา ๑๘.๓o – ๒๑.oo น.


เอกรัตน์ ปัญญะธารา เกิดและเติบโตกรุงเทพ จบภาพถ่ายจากมหาวิทยาลัยราชมงคลกรุงเทพ ปัจจุบันเป็นช่างภาพประจำนิตยสาร National Geographic Magazine (ฉบับภาษาไทย)


นิทรรศการ : “เรื่องส่วนตัว – It’s Personal”
ศิลปิน : เอกรัตน์ ปัญญะธารา
วันที่ : ๕ ตุลาคม – ๑o พฤศจิกายน ๒๕๕๖
สถานที่ : Kathmandu Photo Gallery
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : o๒-๒๓๔-๖๗oo
อีเมล์ : kathmandu.bkk@gmail.com
เว็บไซต์ : kathmandu-bkk.com



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com













"ศิลปะของกลุ่มจันทร์กระพ้อ”


หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยินดีนำเสนอ นิทรรศการ “ความอบอุ่นของวันวาน วิถีทางเเห่งสังคมเมือง สู่ธรรม เเละปรัชญากวี” ของกลุ่มจันทร์กระพ้อ


ความอบอุ่นของวันวาน ดั่งจินตนาการถูกเล่าขานเมื่อกาลครั้งหนึ่ง สร้างสรรค์ความงามที่ถ่ายทอดในบริบทของความสุข ผ่านกาลเวลาหวนสู่ปัจจุบัน วิถีทางแห่งสังคมเมือง ที่ดำรงอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน ปลุกพลังอันซ่อนเร้น และตัวตนให้ปรากฏพบ แรงบันดาลใจจากชีวิตต่างคนต่างเส้นทาง ต่างค้นหาความสมดุลธรรมชาติ สู่ความจริง สู่ธรรมและปรัชญา


พิธีเปิดนิทรรศการ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๗.oo น.


นิทรรศการ : “ความอบอุ่นของวันวาน วิถีทางเเห่งสังคมเมือง สู่ธรรม เเละปรัชญากวี”
ศิลปิน : กลุ่มจันทร์กระพ้อ ๖ คน
นายวิริยะพร จิตราภิรมย์, นายอานนต์ พงษ์ภาพ, นายอาทร บุตรสีทัด, นายชนัญพงษ์ ถี่ป้อม, นาย สรศักดิ์ รักเพ็ชร์, นางสาวณัฐชา โพธิ์อุดม
วันที่ : ๒๙ พฤศจิกายน – ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๖
สถานที่ : ห้องนิทรรศการชั้น ๒ หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ติดต่อศิลปิน : o๘๙-๙๖๒-๔๗๘






















ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com













"ศิลปกรรมสมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๖”


กลุ่มศิลปินจากสมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติ แห่งประเทศไทย นำโดย คุณสมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ นายกสมาคมฯ ได้ร่วมแรงร่วมใจจัดนิทรรศการขึ้นอีกครั้ง ซึ่งในปี ๒๕๕๖ เป็นครั้งที่ ๖ นับตั้งแต่ได้ก่อตั้งสมาคมฯขึ้น เมื่อปี ๒๕๕๒






การแสดงนิทรรศการศิลปะครั้งนี้เป็นการแสดงผลงานของศิลปินกิตติมศักดิ์ ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินชั้นแนวหน้า และศิลปินรุ่นใหม่ของไทย จำนวนกว่า ๒oo ท่าน มีผลงานศิลปะรวมทั้งสิ้นกว่า ๔oo ชิ้นงาน ถือได้ว่าเป็นการร่วมแรงร่วมใจครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์ในการเชิดชูเกียรติศิลปิน และเผยแพร่ผลงานศิลปะของศิลปิน การเสริมสร้างความเข้าใจ อันดีระหว่างศิลปินไทยและนานาชาติ โดยรายได้จากผู้ให้การสนับสนุนและจำหน่ายผลงานจะนำไปช่วยเหลือศิลปินในด้านต่าง ๆ ดังที่สมาคมฯได้เคยทำไปแล้วตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา






การแสดงนิทรรศการศิลปะครั้งนี้นอกจากจะก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในหมู่ศิลปินด้วยกัน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่จะสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่สวยงาม มีความหมายให้แก่สังคมต่อไป ในขณะเดียวกัน ผู้รักศิลปะที่ได้เข้าชมงานก็จะได้รับความรื่นรมย์อันก่อให้เกิดความสุขสงบที่มีความหมายยิ่งในการดำรงชีวิตในสังคมอันเต็มไปด้วยความเร่งรีบ สับสนในปัจจุบัน






งานนิทรรศการศิลปกรรมสมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติ แห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๖ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๔ – ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ณ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยพิธีเปิดนิทรรศการจะมีขึ้นในวันอังคารที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๘.๓o น. หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เกียรติเป็นประธานเปิดนิทรรศการ






นิทรรศการ :“ศิลปกรรมสมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๖”
ศิลปิน : กลุ่มศิลปินในนามสมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติ แห่งประเทศไทย
วันที่ : ๔ – ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖
สถานที่ : หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร : o๒-๒๘๑-๕๓๖o-๑



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com













"ธรรมดา – ธรรมชาติ”


ด้วยแรงบันดาลใจจากความงดงามที่เรียบง่ายของภาพทิวทัศน์ในธรรมชาติ ความนิ่งเงียบของผิวน้ำ พืชพรรณ และบรรยากาศอันสงบสุขของท้องฟ้าหมู่เมฆ นำมาซึ่งการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสวยงามอันเป็นปกติของสิ่งแวดล้อมเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัวเรา


เพื่อถ่ายทอดความประทับใจอันเกิดขึ้นจากการเฝ้าสังเกตสาระแห่งความจริงในความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ผลงานจิตรกรรมที่งดงามอย่างเรียบง่ายให้ความรู้สึกอ่อนโยนอันอบอุ่นสร้างสรรค์โดยศิลปินหนุ่ม ชัชวาลย์ วรรณโพธิ์


นิทรรศการ :“ธรรมดา – ธรรมชาติ”
ศิลปิน : ชัชวาลย์ วรรณโพธิ์
วันที่ : ๑๙ กันยายน – ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๖
สถานที่ : อาร์เดลเธิร์ดเพลส แกลเลอรี (สุขุมวิท ๕๕ ทองหล่อซอย ๑o)
รายละเอียดเพิ่มเติมโทร: o๒-๔๒๒-๒o๙๒
แฟกซ์: o๒-๔๒๒-๒o๙๑
เว็บไซต์: //www.ardelgallery.com






















ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com













"งานประมูลศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑”


กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เชิญผู้สนใจชมผลงานศิลปะจากหลากหลายศิลปิน ก่อนที่จะถูกนำขึ้นประมูลใน"งานประมูลศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑" ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย (MOCA BANGKOK) วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เวลา ๑๔.oo น. โดยสามารถชมได้ ๒ ช่วงเวลาและ ๒ สถานที่ ดังต่อไปนี้


ระหว่างวันที่ ๑-๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ณ อีเดนโซน ชั้น ๓ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

และ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย(MOCA BANGKOK) ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. o๒-๒๔๗-oo๑๓ ต่อ ๑๔o๗ หรือ o๙๔-๔o๑- ๙๒o๙



ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th













"เตรียมไป ‘ตีท้ายครัว’ ตะวัน วัตุยา”


จากชื่อเสียงในเรื่องเทคนิคการใช้สีน้ำอันมีเอกลักษณ์และหัวข้องานที่กระตุ้นต่อมความคิด ตะวัน วัตุยา ได้รับการยอมรับว่าเป็นจิตรกรที่มีความสำคัญที่สุดคนหนึ่งในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง เพศสภาพ หรือ อัตลักษณ์ ซึ่งศิลปินประสบความสำเร็จในการนำเสนอประเด็นต้องห้ามต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในสังคมไทย


ตลอดเวลาการทำงานที่ผ่านมา ตะวันได้เขียนรูปคนจากแบบจริงน้อยชิ้นมาก รูปส่วนใหญ่ได้แบบมาจากภาพที่ปรากฏในอินเทอร์เน็ตและหน้านิตยสารทั้งเก่าและใหม่ เขาเขียนรูปการรวมกลุ่มคนในแบบต่าง ๆ มาสักพักใหญ่ ๆ ทั้งรูปผู้ประกวดนางงาม แก๊งเด็กวัยรุ่น ลูกเสือและเนตรนารี นักเรียนนักศึกษา หรือแม้แต่ทีมนักฟุตบอล แต่นิทรรศการศิลปะครั้งล่าสุดนี้ จะเป็นครั้งแรกที่เขาจะทำการเขียนรูปคนจากแบบจริง และถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับนิทรรศการ






คนเหล่านี้เป็นกลุ่มสังคมที่เกี่ยวพันกับตนเองโดยตรง นั่นก็คือเหล่าผู้คนในวงการศิลปะร่วมสมัยของประเทศ จากแรงบันดาลใจที่ได้จาก ภาพเขียนรูปครอบครัวที่มีให้เห็นกันมาตลอดประวัติศาสตร์วงการศิลปะ ครั้งนี้ตะวันจะเขียนภาพขนาดใหญ่เพื่อจำลองวงการศิลปะของไทย คล้าย ๆ กับผลงาน SUPER(M)ART Bangkok Survivors (ปี ๒๕๔๗) ของนาวิน ลาวัลย์ชัยกุล ซึ่งเป็นภาพศิลปินและภัณฑารักษ์ที่มีชื่อเสียงที่อัดแน่นกันอยู่ในเฟรมแบบรูปของ Paolo Veronese


ศิลปินจะวาดภาพสีน้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ทำงานในวงการศิลปะร่วมสมัยของกรุงเทพฯ โดยจะสอดแทรกการวิจารณ์อย่างขบขัน จากการใช้รูปแบบการทำงานและหัวข้อที่เป็นคลาสสิค ศิลปินท้าทายประวัติศาสตร์ศิลปะที่มีมานานเกี่ยวกับภาพเหมือนครอบครัว ภาพพระสาทิศลักษณ์ของพระราชวงศ์ และภาพกลุ่มบุคคลที่มีความสำคัญทางศาสนา เช่น ครอบครัวของพระเยซูและนักบุญต่าง ๆ






โครงการศิลปะ “ตีท้ายครัว” จะประกอบไปด้วยงาน ๒ ส่วน ส่วนแรก(๑๖ ก.ย. - ๘ ต.ค.) จะเป็นการเชิญบุคคลในวงการศิลปะเพื่อมาเป็นแบบให้เขาเขียน และเปิดให้เฉพาะผู้ที่ได้รับคำเชิญ ซึ่งในระหว่างนี้ หอศิลปฯ จะถูกแปลงสภาพให้เป็นสตูดิโอของศิลปิน


ส่วนที่ ๒ (๑o ต.ค. - ๑ พ.ย.) จะเป็นการแสดงผลงานให้กับสาธารณชนทั่วไป โดยแสดงภาพผลงานที่แล้วเสร็จในบรรยากาศสตูดิโอขอบศิลปิน


นอกจากนี้ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในสตูดิโอก่อนหน้านั้นจะถูกบันทึกเป็นภาพ time lapse และจัดแสดงตลอดช่วงแสดงผลงานสำหรับสาธารณชน


ชื่อนิทรรศการ “ตีท้ายครัว” เป็นคำกล่าวในภาษาไทยที่มีความหมายว่า “การผูกมิตรกับภรรยาหรือครอบครัวของคนกลุ่มหนึ่งเพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตัว” ชื่อนิทรรศการจะช่วยเพิ่มความคลุมเครือ (อย่างขบขัน) ให้กับความสัมพันธ์ที่เหล่าศิลปิน ภัณฑารักษ์ นักสะสมงาน และบุคคลผู้มีอิทธิพลในวงการศิลปะมีต่อกัน


นิทรรศการศิลปะ ‘ตีท้ายครัว’ โดย ตะวัน วัตุยา ณ หอศิลปะวิทยนิทรรศน์ ชั้น ๗ สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โทร.o๒-๒๑๘-๒๙๖๕ หอศิลป์เปิดทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา o๙.oo-๑๙.oo น. เสาร์ เวลา o๙.oo-๑๖.oo น. ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์


วันที่อังคารที่ ๑o ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เชิญฟังการบรรยายโดยศิลปิน เวลา ๑๗.๓o-๑๘.๓o น. จากนั้นร่วมงานเปิดนิทรรศการอย่างเป็นทางการ เวลา ๑๘.๓o - ๒o.๓o น.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th













"ดวงตาเห็นทำ”


๑oo ต้นสนแกลเลอรี่ ภูมิใจเสนอนิทรรศการ Karma Police: ดวงตาเห็นทำ นิทรรศการเดี่ยวโดย ยุรี เกนสาคู ศิลปินหญิงร่วมสมัยที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในปัจจุบัน และครั้งนี้ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ปีที่ ๑๑ อย่างสมเกียรติกับการเป็นศิลปินหญิงรุ่นใหม่ ที่ทุ่มเทความสนใจของเธอทั้งหมดให้กับการทำงานศิลปะ ยุรี เกนสาคู คือศิลปินที่มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ความน่าสนใจของผลงาน ที่ไม่เคยหยุดพัฒนาทั้งรูปแบบ และวัสดุ ทำให้หลาย ๆ คนมองว่า เป็นความฉลาดของการหยิบจับเอาวัสดุ ที่มีความหลากหลายมาใช้ได้อย่างลงตัว ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยุรียังได้มีโอกาสฝึกฝนการทำงานของเธอ ผ่านการทดลองการทำงานด้วยเทคนิคใหม่ๆเพิ่มเติม อย่างการดัดแปลงการวาดรูปบนผืนผ้าใบในแบบเดิม ๆ ด้วยการใส่รายละเอียดให้กลายเป็นผ้าม่าน การทำงานแอนิเมชัน งานมิวสิควีดีโอที่ทำร่วมกับนักดนตรี การทำงาน Graffiti หรือการทำงานบนไฟเบอร์กลาสขนาดใหญ่ สิ่งเหล่านี้เองทำให้ผลงานของยุรี ถูกพูดถึงในระดับนานาชาติ และกลายเป็นศิลปินรุ่นใหม่อีกหนึ่งคนที่น่าจับตามอง เพราะมีผลงานอยู่ใน Permanent Collection ในพิพิธภัณฑ์ระดับนานาชาติ เช่น Singapore Art Museum (ประเทศสิงคโปร์) Mori Art Museum และ Yokohama Museum of Art (ประเทศญี่ปุ่น) เป็นต้น






นิทรรศการ Karma Police : ดวงตาเห็นทำ เป็นการบอกเล่าเรื่องราว ประสบการณ์ และสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของยุรี ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเล่าเรื่องผ่านผลงานศิลปะของยุรี ในครั้งนี้ยุรีต้องการสื่อสารหนึ่งในความเชื่อของเธอ ซึ่งได้แก่ “เรื่องกฎแห่งการกระทำ” หนึ่งในแรงบันดาลใจของผลงานชุดนี้เกิดจากประสบการณ์ร้ายๆของตัวยุรีเอง ที่ถูกโกงโดยผู้รับเหมาในการปรับปรุงบ้าน และสตูดิโอทำงานศิลปะของยุรี ทำให้พื้นที่ที่เป็นทั้งบ้าน และสตูดิโอทำงานถูกทิ้งร้างเอาไว้ โดยยุรีแสดงออกผ่านตัวงานที่คงความเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องการใช้ฟอร์ม และสีสันที่สดใส นอกเหนือไปจากการวาดรูปบนผืนผ้าใบ ยุรีได้นำเอาวัสดุไฟเบอร์ กลาสเข้ามาใช้เป็นส่วนประกอบในการสร้างเรื่องราวผ่านจินตนาการของเธอ อาจกล่าวได้ว่า ยุรีได้ทำให้เส้นแบ่งงานจิตกรรม และประติมากรรมบางลงไปแล้ว





งานเปิดนิทรรศการจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เวลา ๑๙.oo น.เป็นต้นไป พร้อมกับการแสดงประกอบ Animation ที่วาดโดยยุรี เกนสาคู และดนตรีโดย เมธี น้อยจินดา มือกีตาร์วง Modern Dog


นิทรรศการ : Karma Police: ดวงตาเห็นทำ
ศิลปิน : ยุรี เกนสาคู
วันที่ : ๒๙ สิงหาคม - ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
สถานที่ : ๑oo ต้นสนแกลเลอรี่
รายละเอียดเพิ่มเติมโทร : o๒-๖๘๔-๑๕๒๗, o๘๔-๓๘๘-๑๔๘๘
โทรสาร : o๒-๒๕๔-๗๒๒๗
เว็บไซต์ : //www.100tonsongallery.com
เฟสบุ๊ค : เฟซบุค 100TonsonGallery



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com





บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะค่ะ




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




Create Date : 01 ตุลาคม 2556
Last Update : 1 ตุลาคม 2556 0:06:24 น. 0 comments
Counter : 7527 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.