happy memories
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
4 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
Gerolamo Emilio Gerini





กระทรวงกลาโหม สร้างในปี ค.ศ. ๑๘๙๑


Write To Me From Naples - Elvis Presley








Gerolamo Emilio Gerini (1860 - 1913)
เจอโรลาโม เอมีลีโอ เจรีนี (พ.ศ. ๒๔o๓ - ๒๔๕๖)


เจอโรลาโม เอมีลีโอ เจรีนี เกิดในครอบครัวฐานะดี่ที่เมืองซีซาโน ซูล เนวา แค้วนลิกูเรีย เมื่อพ.ศ. ๒๔o๓ หลังจากที่อิตาลีได้รวมเข้าเป็นประเทศได้ไม่นานนัก เจรีนีเข้าศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยทหารบกแห่งเมืองโมเดนา และสำเร็จการศึกษาได้รับยศร้อยโทเมื่ออายุได้เพียง ๒๑ ปี

เป็นธรรมเนียมปฎิบัติของโรงเรียนนายร้อยแห่งนี้ที่จะจัดหาครูซึ่งพูดภาษาต่างประเทศได้ให้แก่ประเทศที่แจ้งจำนงไป เจรีนีจึงได้เดินทางมายังประเทศไทย และเข้ารับราชการเป็นครูฝึกทหารในกองพันทหารรักษาพระองค์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงไว้วางพระราชหฤทัยให้เจรีนีก่อตั้งโรงเรียนทหารขึ้นตามแบบโรงเรียนนายร้อยทหารบกที่โมเดนา




ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเจรีนีที่จะนำระเบียบวินัยอันเข้มงวดที่ใช้สร้างเหล่านายทหารแห่งโมเดนามาใช้ในที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นด้านภูมิอากาศหรือวัฒนธรรม การนำหลักการที่ว่า "จิตอันผาสุกย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง" มาใช่ปฏิบัติกับนักเรียนนายร้อยชาวไทย

ผู้มีเรือนร่างบอบบางอาจเป็นปัญหาสำหรับเจรีนี แต่ก็ไม่เท่ากับการฝึกพวกเขาให้เข้าโจมตีโดยใช้ดาบและหอก อันเป็นอาวุธประจำกายของทหารม้าอิตาเลียน

นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่เป็นภาคทฤษฎีต่าง ๆ เช่น จริยศาสตร์ทางการทหาร และส่วนที่เกี่ยวกับการวางตัว เช่น มารยาททางสังคม ซึ่งเจรีนีก็หาทางออกด้วยการประนีประนอม ปรับเปลี่ยนการสอนให้เข้ากับลูกศิษย์ชาวไทย




การเดินสวนสนามของทหาร


อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การที่โรงเรียนนายร้อยแห่งแรกและมีชื่อเสียงที่สุดในราชอาณาจักรสยาม ก่อตั้งขึ้นตามแบบโรงเรียนนายร้อยของอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่เพิ่งจะได้รับเอกราชหมาด ๆ ขนบทางการทหารของอิตาลีเป็นอย่างไร จะเห็นได้จากตำราวิชาการทหารที่เจรีนีเขียนขึ้นเป็นภาษาไทย นับแต่ "คู่มือยุทธวิธี" ไปจนถึง "การทำแผนที่ทหาร" และจาก "ศิลปะการสงคราม" ไปจนถึง "คู่มือการขี่จักรยานทหาร" นั่นคือการนำหลักยุทธศาสตร์ของกองทัพอิตาเลียนเข้ามาสู่กองทัพไทย เพื่อจะรักษาดินแดนและอธิปไตยของไทยให้คงอยู่ตลอดไป




นอกจากด้านการทหารแล้ว เจรีนียังมีผลงานเขียนด้านอื่นอีกมากมาย ไม่มีชาวอิตาเลียนที่ฝากผลงานไว้ในเมืองไทย คนใด ยกเว้นคอร์ราโด เฟโรชี จะทิ้งรายการหนังสือไว้มากเท่าเขา เจรีนีเขียนเรื่องต่าง ๆ ได้ทุกเรื่อง ซึ่งยืนยันถึง "ความกระหายใคร่รู้" อันไม่รู้สุดสิ้นที่ชักนำเขาไปยังแหล่งความรู้ต่าง ๆ และทำให้ความรอบรู้ของเขาแผ่ขยายไปในเกือบทุกสาขา ไม่ว่าจะประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ภาษาศาสตร์ โบราณคดีหรือมนุษยวิทยา อันเป็นผลจากการศึกษาภูมิศาสตร์แบบอิตาเลียน และจากวัฒนธรรมแบบโปซิติวิสม์ซึ่งปลุกเร้าสังคมอิตาเลียนในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ผ่านมา




ภาพทหารเมืองสยามบนซองบุหรี่


โดยที่โปซิติวิสม์เป็นลัทธิที่ยึดถือเหตุผล ความจริงและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เจรีนีจึงนำหลักการนี้ไปใช้ในการผลิตงานวิขาการ ไม่ว่าจะเป็นด้านธรรมชาติวิทยา ชาติพันธุ์วิทยา หรือวรรณคดี และความที่เป็นนักนุรุกติศาสตร์ เจรีนีจึงสามารถอ่านเรื่องราวในภาษาต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งคัมภีร์โบราณทางพุทธศาสนา วีรกรรมการรบของไทย พงศาวดารพม่า และศิลาจารึกภาษาทมิฬ




Siamese Catalogue โดย G.E. Gerini
จัดแสดงในงานนิทรรศการนานาชาติที่ตูริน อิตาลี


เจรีนีเป็นนักวิชาการผู้ผลิตผลงานมากมาย แต่ค่อนข้างเป็นบุคคลลึกลับที่รู้จักกันแต่ในวงวิชาการเท่านั้น อาจกล่าวได้ว่า เจรีนีทำตัวเป็นปริศนาเหมือนกับเกมส์ต่าง ๆ กันในหลายที่ เช่น เอาโซนีอุสสำหรับหนังสือพิมพ์ "บางกอกไทม์" เฮลเปอร์โน "สยามฟรีเพรส" และนามปากกาไทย "พระสารสาส์นพลการ" ในการเขียนเรื่องทางวรรณคดี การทหารและประวัติศาสตร์




แสตมป์ที่ระลึก ภาพกระทรวงกลาโหม


เรนาโด โนเวลลี ผู้สอนวิชาสังคมวิทยาแห่งความสัมพันธ์ที่มหาวิทยาลัยอังโกนา กล่าวถึงเจรีนีว่า ถ้าเจรีนีเป็นแชมป์จักรยานสมัยแรก ๆ ก็คงจัดอยู่ในพวกโดดเดี่ยว ไม่มีคนหนุนหลัง

โนเวลมีความเห็นอีกว่า นอกจากนักมนุษยวิทยาและนักโบราณคดีเช่นเฟิร์ธ (Firth) และเซเดส์ (Coedes) เจรีนีเป็นอีกผู้หนึ่งที่ทำให้การศึกษาประวัติศาสตร์ของเอเชียได้แจ่มชัดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องความคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจการค้าในบริเวณหมู่เกาะมาเลย์ที่เป็นทะเลปิด หรือส่วนที่อยู่ระหว่างอารยธรรมของอินเดียกับจีน




ขบวนพาเหรดที่สนามหลวง


ในภูมิภาคนี้ ทะเลจึงเป็นศูยน์กลางการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์และสังคม เบื้องหลังภาพชีวิตของหมู่บ้านเช่นที่ปรากฎในงานเขียนของคอนราดหรือเมลวิลล์ คือภาพการคิดต่อค้าขายระหว่างหมู่บ้านที่มีขนบธรรมเนียม การประพฤติปฏิบัติต่าง ๆ กัน โดยมีศูยน์กลางอยู่ที่ช่องแคบมะละกา

ในแง่ของการเข้าถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น เราอาจเปรียบเจรีนีได้กับตัวละครที่ชื่อสไตน์ในเรื่อง "ลอร์ด จิม" สไตน์เป็นนักวิทยาศาสตร์ ผู้ศึกษาค้นคว้าเรื่องผีเสื้อเขตศูยน์สูตรในป่าบนเกาะบอร์เนียว และอยู่ฝ่ายชาวพื้นเมืองในการต่อสู้กับชาวต่างชาติที่มาติดต่อค้าขาย ปล้นสดมภ์ หรือแย่งชิงสิ่งที่พวกเขาครอบครอง ความคล้ายคลึงอีกประการหนี่งก็คือ สไตน์แต่งงานกับสตรีพื้นเมืองชาวมาเลย์ ส่วนเจรีนีหลงรักหญิงสาวชาวไทย




กองบัญชาการทหาร


ในหนังสือภาษาอังกฤษชื่อ "จุฬากันตมงคล หรือพิธีโกนจุกในสยาม" ซึ่งเจรีนีประพันธ์ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๓๘ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงดำรงพระยศเป็นเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์นั้น เจรีนีกล่าวไว้ในคำนำว่า เขาพยายามบรรยายพิธีนี้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด ทั้งลำดับขั้นตอน ที่มาและสัญญลักษณ์ของพิธีดังกล่าว และเขาเชื่อว่าข้อมูลเก้าในสิบส่วนในหนังสือเล่มนี้เป็นของใหม่ ซึ่งยังไม่เคยมีผู้ใดกล่าวถึงมาก่อน




หนังสือ "จุฬากันตมงคล" ที่เจรินีเขียน จัดพิมพ์ในปี ค.ศ. ๑๘๙๓




เครื่องต้นในพระราชพิธีโสกันต์ที่เจรินีวาด (อ่านคำบรรยายภาพแล้ว ถ้าแปลตรง ๆ คือพิธีโกนจุก แต่ดูจากภาพแล้วน่าจะเป็นพระราชพิธีมากกว่าเนาะ)


เจรีนีอธิบายพิธีโกนจุกอย่างละเอียดละออ แสดงถึงความรอบรู้อย่างหาตัวจับยาก มีการเปรียบเทียบกับพิธีที่ใกล้เคียงกันในศาสนาฮินดู และในอารยธรรมกรีก ประกอบด้วยการวิเคราะห์รายละเอียดต่าง ๆ โดยพิสดาร

ต่อมา หนังสือเล่มนี้และหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยอีกหลายเล่ม ได้กลายเป็นเอกสารสำคัญ ที่ผู้ต้องการค้นคว้าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยจะพลาดเสียมิได้




เจรีนีพำนักอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลาร่วม ๒o ปี และได้ร่วมก่อตั้ง "สยามสมาคม" ขึ้น เดิมสมาชิกของสยามสมาคมมักชุมนุมกันในห้อง ลอร์ด จิม ของโรงแรมโอเรียนเต็ล หลัง พ.ศ.๒๔๔๗ จีงมีที่ทำการถาวรเพื่อจัดกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน




แสตมป์ที่ระลึกครบรอบ ๘๔ ปีของการก่อตั้งสยามสมาคม


ในงานเขียนเกี่ยวกับเหมืองทองที่บางสะพาน (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งโรงงานเหล็กกล้า ซึ่งร่วมดำเนินงานโดยชาวอิตาเลียน) เจรีนีเขียนไว้ว่า

"ประเทศสยามจัดอยู่ในลำดับที่สอง รองจากญี่ปุ่นเท่านั้น ในบรรดาประเทศในภาคตะวันออกไกลที่รู้สึกว่าพร้อมที่จะรับความเจริญจากอารยธรรมตะวันตก และรักความก้าวหน้า เพื่อก้าวต่อไปตามเส้นทางเดียวกับที่ยุโรปได้พยายามก้าวเดินมาแล้วเป็นเวลานาน ทั้งนี้เพื่อให้สามารถอยู่ในฐานะที่เคียงบาเคียงไหล่กับชาติที่ศิวิไลซ์ได้"




แผนภูมิการเดินทางมายังโลกตะวันออกของเจรินี


อันที่จริงความปารถนาของเจรีนีคือ ต้องการสนับสนุนการพัฒนาสยามประเทศให้ทันสมัย ซึ่งดูเป็นสิ่งที่จำเป็นในขณะนั้น เพื่อให้รอดจากการเป็นเหยื่ออันโอชะของบรรดามหาอำนาจที่กำลังล่าเมืองขึ้นอยู่ในแถบนี้ แต่ทั้งนี้ต้องรักษาคุณค่าความเป็นไทยไว้ด้วย




ภาพสเก็ตช์ของเจรินี


หนังสืออีกเล่มหนึ่งซึ่งพิมพ์โดย Royal Asiatic Society และ Royal Geographic Society แห่งลอนดอน ในพ.ศ. ๒๔๕๒ และมีความหนานับพันหน้า ทำให้เจรีนีมีชื่อเสียงมาก แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย เนื้อหาเป็นผลงานที่เจรีนีใช้เวลาค้นคว้าอยู่หลายปี เกี่ยวกับแนวความคิดทางภูมิศาสตร์ของพโทเลมี เจรีนีตั้งสมมุติฐานว่า ชื่อสถานที่ต่าง ๆ ที่พโทเลมีระบุว่าอยู่ในทวีปเอเชียแต่ครั้งโบราณนั้น สามารถหาชื่อปัจจุบันได้ โดยอาศัยระบบพิกัดภูมิศาสตร์ ร่วมกับการสำรวจทางโบราณคดี เช่น ที่พโทเลมีเรียกว่า Chersoneso Aureo คือคาบสมุทรมะละกาในปัจจุบัน และ "emporium" คือตำบลตะกั่วป่า บนเกาะภูเก็ตในปัจจุบัน




ภาพสเก็ตช์ของเจรินี


ทฤษฎีของเจรีนีจะถูกหรือผิดอย่างไรก็ตาม ก็นับได้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นเอกสารอันทรงคุณค่า ซึ่งจะหาไม่ได้อีกแล้ว ผลงานชิ้นนี้ทำให้เจรีนีนั้น อาจเปรียบได้กับผู้เรียบเรียงสารานุกรมของฝรั่งเศสในอดีต หรือกับเครื่องประมวลผลในปัจจุบัน




ภาพสเก็ตช์ของเจรินี


ข้อมูลลักษณะนี้จะพบได้ในหนังสืออีกเล่มหนึ่งของเจรีนี ชื่อ "Old Time in Phuket" ซึ่งปัจจุบันยังหาซื้อได้ตามรัานขายหนังสือในกรุงเทพฯ Old Times เป็นความเรียงสั้น ๆ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงวิธีการทำงานของเจรีนีได้เป็นอย่างดี จากข้อเขียนของเจรีนี ภูเก็ตในสมัยนั้นซึ่งต่างจากภูเก็ตในปัจจุบันโดยสิ้นเชิง เป็นแหล่งความเชื่อทางเวทย์มนต์ไสยศาสตร์ ผู้คนยังกราบไหว้บูชาเทพยดาฟ้าดินตามป่าเขา และมีการพบรอยพระพุทธบาทบนพื้นทราย เจรีนีบรรยายสภาพของภูเก็ตอย่างตรงไปรงมาโดยไม่มีการตีความ แต่ได้อ้างข้อความที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนภูเก็ต ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ ได้เขียนไว้ เป็นหน้าที่ของผู้อ่านที่จะลงความเห็นเองจากข้อมูลอื่นมากมายที่เขาเสนอไว้ในหนังสือ




หนงสือ "Old Phuket" ฉบับตีพิมพ์ใหม่


เจโรลาโม เอมีลิโอ เจรีนี เดินทางกลับไปใช้ชีวิตอยู่ ณ ประเทศอิตาลีเป็นการถาวรใน พ.ศ. ๒๔๔๙ ระหว่างที่รับราชการอยู่ในราชอาณาจักรสยาม เจรีนีได้ปฏฺิบัติภารกิจที่สำคัญหลายประการ เขาเคยเป็นผู้แทนประเทศสยามในการประชุมทางวิชาการนานาชาติหลายครั้ง ถ้าหากระลึกว่าในสมัยนั้นทุกครั้งที่มีผู้เดินทางไปต่างประเทศจะเป็นข่าวสำคัญยิ่งเสมอ ก็จะตระหนักได้ว่า เจรีนีมีชื่อเสียงกิตติคุณมากเพียงใด

สุขภาพของเจรีนีไม่ค่อยแข็งแรงนัก เนื่่องจากเคยป่วยด้วยโรคไข้เหลือง ซึ่งติดมาจากป่าในมาเลเซีย พม่า กัมพูชา และไทย อันเป็นแหล่งแห่ง "ความกระหายใคร่รู้" ของเขา




สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธในพระราชพิธีโสกันต์


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตอบแทนเจรีนีด้วยการพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูง และเงินบำนาญที่เขาสามารถเลี้ยงชีพโดยไม่ขัดสนไปได้จนตลอดชีวิต ใน พ.ศ. ๒๔๕๖ คือ ๒ ปีหลังจากเขาทำหน้าที่ "ผู้อำนวยการทั่วไป" ประจำศาลไทยในงาน "นิทรรศการ" ซึ่งเขาเป็นผู้เรียบเรียงแคตตาลอกนำชมเอง




เจรีนีคือผู้เปิดยุคของการเข้ามาทำงานและตั้งหลักแหล่งในเมืองไทยของศิลปินชาวอิตาเลียน แม้เจรีนีเองจะมิใช่ศิลปิน และชีวิตนักวิชาการของเขาจะไม่น่าตื่นเต้นเท่าบรรดาศิลปินรุ่นหลัง ๆ ก็ตาม แต่หากปราศจากชื่อเสียงและอำนาจของนายทหารจากโรงเรียนนายร้อยแห่งโมเดนา ผู้สวมแว่นตาหนีบจมูกและไว้หนวดเคราแบบพระเจ้าอุมแบร์โตผู้นี้แล้วไซร้ ก็คงจะไม่เกิดชุมนุมศิลปินชาวอิตาเลียนอันน่าทึ่งขึ้นในสยามประเทศนี้อย่างแน่นอน




ศาลาไทยในงานนิทรรศการนานาชาติที่ตูริน เมื่อค.ศ. ๑๙๑๑


ภาพและข้อมูลจากหนังสือ "ชาวอิตาเลียนในราชสำนักไทย"


บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ ไลน์จากคุณญามี่

Free TextEditor





Create Date : 04 กรกฎาคม 2553
Last Update : 18 กันยายน 2556 8:41:28 น. 33 comments
Counter : 4772 Pageviews.

 
สวัสดีจ้า
แวะมาเจิมยามดึก ท่านจขบ.สบายดีไหมเอ่ย รักษาสุขภาพด้วยนะ

ลงชื่อว่าอ่านจบแล้วนะคะ อ่านแล้วมีหลากหลายความรู้สึกเกิดขึ้น

ได้ทำความรู้จักท่านเจรีนีชาวอิตาเลียนที่ฝากผลงานไว้ในเมืองไทยมากมาย น่าทึ่งมากค่ะ พออ่านถึงตรงที่ท่าน เจรีนีเขียนไว้ว่า "ประเทศ สยามจัดอยู่ในลำดับที่สอง รองจากญี่ปุ่นเท่านั้น..." ทำให้ต้องหยุดคิดนานเลยว่า เหตุใดตอนนี้เป็นเพราะเหตุใดปท.เพื่อนบ้านหลายปท.ก้าวนำบ้านเราไปแล้ว? น่าคิดนะ

ปล.ไฮกุได้ดูบอลโลกบ้างหรือเปล่าคะ เราเพิ่งเริ่มมาดูเมื่อวานเอง ใกล้รอบชิงแล้ว คงจะติดตามอย่างใกล้ชิดไปเรื่อยๆ


โดย: Noshka วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:24:29 น.  

 


โดย: คนสาธารณะ วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:1:30:38 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณไฮกุ


ท่านเจรีนีมีความเป็น "ปราชญ์" ในทุกอณูเชียวครับ

ท่านได้มอบภูมิปัญญา
ให้กับบ้านเมืองของเรามากมายเลยนะครับ









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:5:51:09 น.  

 


หวัดดีค่ะคุณไฮจ๋า
เหมือนเรียนหนังสือเลยค่ะ อิอิ ขอบคุณข้อมูลนะ
มินอ่ะ มีข้อมูลเพียบแต่เรื่องดาราตาตี๋ ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ อิอิ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจเรื่องนั้นนะคะ ชื่นใจจังค่ะ
อันที่จริงมินก็ไม่ได้สนเท่าไรหรอก
มันปรี๊ดขึ้นมาตอนเห็นตอนแรกก็เท่านั้น
หลัีงจากนั้นก็เฉย ๆ ค่ะ บางทียังคิด ๆ เห็นใจเค้าด้วยซ้ำ
ที่มินอาจทำให้เค้าเดือดร้อนหรือป่าว เค้าถึงได้เป็นแบบนั้นอ่ะนะ เฮ๊อ...
ปล. ฝนฟ้าตกทุก ๆ วัน ไปไหนมาไหน ขับรถระวัง ๆ ไว้บ้างนะคะ
มีความสุขมาก ๆ น๊า...จุ๊บ ๆ ๆ ๆ ค่ะ


โดย: มินทิวา วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:50:19 น.  

 
หวัดดีครับคุณไฮกุ

อ่านเรื่องเก่าๆแล้วทำให้เข้าใจวิวัฒนาการของชาติเรามากขึ้นเนาะ
ความพยายามที่จะพัฒนาประเทศในแต่ละสมัยแสนยากลำบาก
อยากให้เยาวชนของเราได้รับรู้และภาพภูมิใจกันมากๆนะครับ
ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆมาแบ่งปันครับ


โดย: Dingtech วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:36:18 น.  

 
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ค่ะ
อ่านแล้วทึ่งในความสามารถท่านเจรีนี

ความกระหายใคร่รู้อย่างท่านนี้แหละ สมกับเป็นนักปราชญ์ และท่านได้ฝากผลงานเอาไว้อย่างมากมาย



โดย: jan_tanoshii วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:10:47 น.  

 
แวะมาทักทายตอนค่ำค่ะ... ความรู้เพียบเลยนะคะ


โดย: namfaseefoon วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:23:59 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณไฮกุ









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:6:45:11 น.  

 
มาจิ้มรายงานไว้ก่อนนะคะ อิอิ
มิไม่มีเน็ตให้ใช้ซะนานเรยยย .....


โดย: nompiaw.kongnoo วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:33:50 น.  

 

สวัสดีตอนเช้าของ เนเธอร์แลนด์ จ้า



คำทักทาย ส่งตามบล็อกว่า คิดถึง
ความห่วงใย ซ่อนมาตาม ตัวอักษร
คำคำนี้ เขียนให้ซึ้ง เป็นบทกลอน
ความรู้สึกนี้ ที่ลอยล่อง มาตามลม...

* ขอให้มีความสุขกับคนที่คุณรักนะจ้า *

แวะมาทักทายคุณไฮคุคราวนี้ถือว่าได้เยี่ยมยอดอีกครั้งกับเรื่องราวสมัยก่อน
นัทไม่เคยรู้เรื่องราวเล่านี้เลยและขอนับถือท่านเจรินี ที่ท่านได้มอบสติปัญญาให้กับคนรุ่นหลังต่อๆๆกันมา


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:10:22 น.  

 
นอร์ช...จุ๊บ จุ๊บ ขอบคุณจ้า แวะมาเจิมให้ก่อนใครเลย ช่วงนี้แถวบ้านเราฝนตกแทบทุกวัน ทำท่าจะเป็นหวัดเหมือนกัน แต่รอดตัว สบายดีแล้วจ๊ะ

ท่านเจรีนีถึงกับออกปากชมว่าเราเป็นรองแค่ญี่ปุ่น แสดงว่าช่วงนั้นประเทศสยามต้องเจริญมาก ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ ทั้งที่ประเทศไทยยังเป็นเมืองทอง ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์แท้ ๆ แต่คนในชาติไม่สามัคคี บ้านเมืองแตกแยก ทำให้เสียโอกาสที่จะพัฒนาประเทศ จนเพื่อนบ้านแซงหน้าเราไปหลายขุมแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าคนไทยจะเลิกทะเลาะกัน แล้วหันหน้ามาร่วมมือกันทำให้ประเทศเดินหน้าซะที

ปล. สงสัยว่าเราคงเป็นชนกลุ่มน้อยนะเนี่ย ช่วงนี้ไปไหน ๆ ก็ได้ยินแต่คนเชียร์บอลกันสนั่นเมือง ที่บ้านก็ดูกัน แต่เราไม่ได้ตามดูบอลโลกเลยจ๊ะ แต่ถึงไม่ได้ดู เราก็แอบเชียร์เยอรมันน้า

คุณคนสาธารณะ...

คุณก๋า...ไม่แค่ท่านเจรีนีเท่านั้น แต่ชาวอิตาเลียนท่านอื่น ๆ ในหนังสือจะเก่งฉกาจฉกรรจ์ทั้งนั้นเลยค่ะ ทุกคนทำงานด้านศิลปะกันหมด เว้นแต่ท่านเจรีนีนี่แหละที่เป็นนักการทหาร แต่ก็ทำประโยชน์และสร้างความเจิรญให้เมืองไทยไม่แพ้กันเลยค่ะ

คุณมิน...เม้าท์ถึงเรื่องเล่น ๆ ประจำ มาบล็อคนี้เลยทำตัวเป็นประโยชน์ หาเรื่องจริง ๆ จัง ๆ มาให้เพื่อน ๆ อ่านกันมั่ง แต่คุณมินอย่าซีเรียสน้า จะเม้าท์เรื่องอะไรก็ตามสะดวกเลยจ๊ะ

ดีแล้วค่ะที่คุณมินหายเครียดเรื่องเม้นท์บ้า ๆ บอ ๆ พวกที่ชอบป่วนแบบนี้น่าเบื่อมาก ว่างนักหรือไงไม่รู้เนาะ คุณแบม (yadegari) เพื่อนบล็อคเรายิ่งแย่กว่าอีก มีคนเข้ามาต่อว่าแบบหยาบคาย เธอเลยเซ็งจัด เอาเม้นท์ที่ว่ามาอัพบล็อคแล้วอำลาวงการไปเลย เรายังนึกเสียดายจนเดี๋ยวนี้ คุณแบมเก่งการฝีมือมาก ๆ บล็อคเธอมีประโยชน์กับคนที่ชอบเย็บปักถักร้อยจริง ๆ ค่ะ

คุณDingtech...เห็นด้วยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องเก่า ๆ ในหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนเป็นคนอิตาเลียน มีการค้นข้อมูลจากฝั่งอิตาลีค่อนข้างละเอียด ได้รู้ชีวิตและความคิดของแต่ละท่านในแง่มุมที่ไม่เคยได้อ่านมาก่อน แถมมีรูปเก่า ๆ เยอะแยะ เห็นรูปยุคบ้านดีเมืองดีแล้วมีความสุขมาก

คุณjan_tanoshi...ยินดีต้อนรับเพื่อนบล็อคคนใหม่ค่ะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านเรื่องราวของท่านเจรีนีนะคะ

คุณฝน & คุณมิจัง...ขอบคุณมากที่แวะมาเยี่ยมกันจ้า

นัท...ไม่ได้เห็นคำกลอนฝากความคิดถึงของนัทซะนาน อ่านแล้วชื่นใจดีจัง ขอบคุณมากค่ะ ถ้าชอบเรื่องเก่า ๆ แบบนี้ ยังมีให้อ่านอีกหลายบล็อคเลยจ๊ะ


โดย: haiku วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:09:35 น.  

 
หมื่นตาวางแผงประมาณปลายเดือนสิงหาครับคุณไฮกุ
เดี๋ยวถ้าหนังสือออกมาจริงๆ
ผมจะนำมาบอกกล่าวในบล็อกอีกครั้งนะครับ

emoemoemo


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:47:25 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณไฮกุ







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:00:15 น.  

 

ชอบอ่านเรื่องราวย้อนหลังมากๆ ค่ะ



โดย: อุ้มสี วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:00:34 น.  

 
หนูเคยทึ่งกับศิลปินอิตาเลียนที่มาสร้างความดีในประเทศสยามคนหนึ่ง คือ ศ.ศิลป์ พีระศรี

ไม่รู้ว่า เคยมีชาวอิตาเลียนชืิ่อGerolamo Emilio Gerini ซึ่งมีความดีงามคล้ายกัน

ขอบคุณที่หม่อมป้านำความรู้มาแบ่งปันค่ะ



โดย: angy_11 วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:03:08 น.  

 
~สวัสดีตอนเช้าจ้า ฝนตกทุกวันรักษาสุขภาพด้วยนะ ขอให้วันนี้เป็นวันทำงานที่แสนสุขอีกวันของไฮกุนะคะ

ที่นี่อากาศร้อนจัด เราก็เพิ่งจะมาเริ่มติดตามบอลโลกตอนแปดทีมสุดท้าย ร่วมเชียร์กับเพื่อนชาวบล็อกสนุกมากเลย แอบเชียร์ทีมเดียวกับเราเลย อิ อิ พรุ่งนี้เยอรมันแข่งกับสเปน เสียดายตรงกับเวลาที่เราทำงาน

แอบไปเยี่ยมบ้านคุณแบม (yadegari)มาด้วย อ่านแล้วตกใจมาก ไม่น่าเชื่อนะว่าจะมีคนใจร้ายแบบนั้น ทำกับเธอคนที่ตั้งใจให้ความรู้กับผู้อื่นได้ลงคอ เรียกว่ามือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ดีใจที่คุณแบมไม่ลบกระทู้ทั้งหลายทิ้ง ยังเหลือไว้ให้เป็นวิทยาทานแก่คนที่สนใจงานฝึมือ นับถือน้ำใจค่ะ

ขออนุญาตไฮกุแปะหนึ่งลิงก์นะคะ อยากฝากถึงมือร้ายๆทั้งหลาย ภาพนี้ถ่ายไว้ตอนไปเยี่ยม The Tech Museum, San Jose, CA จากนิทรรศการที่สอนเด็กๆรู้จักถึงมารยาทในการใช้ Internet
» "Good manners apply to the Internet, too"


โดย: Noshka วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:27:02 น.  

 
ไม่เคยได้ยินชื่อทั่นเจอโรลาโมเหมือนกัน ดูรูปคนไทยนุ่งโจงกระเบนดิ สงสัยตอนนู๊นคงอินเทรนด์น่าดูเนอะ น่าเอ็นดู๊น่าเอ็นดู

เด๋วเดี๋ยนไปค้นก่อนว่าโรคไข้เหลือง กับดีซ่านมันเหมือนกันป่าว หุหุ


โดย: Million Stars วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:47:30 น.  

 
ไข้เหลืองน่ะมาลาเรีย ส่วนดีซ่านน่ะไวรัสลงตับย่ะ


โดย: angy_11 วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:58:49 น.  

 
จะเที่ยวเมืองไทยครับ อาหาร ภาษาพูด มองดูแล้วไม่ตอแหล กินได้อยู่ได้ ปลาเป็นปลา


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:26:31 น.  

 


มาแล้วคำทำนายของปลาหมึก"พอล"


คืนนี้เชียร์บอลกันค่ะ..


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:37:54 น.  

 
มีสาระดีๆมีคุณค่ามาให้อ่านอีกแล้วสำหรับบล็อกคุณไฮกุ

ในสมัยนั้น เท่าที่จำได้ตอนเรียนหนังสือ

มีชาวต่างชาติเข้ามาทำประโยชน์ให้ประเทศไทยหลายท่าน

วันนี้ได้มารู้จักเจรีนีเพิ่มอีกหนึ่งท่าน

ขอบคุณคุณไฮกุมากค่ะ

.
.

คืนนี้เอาใจช่วยทีมเยอรมันเหมือนกันหรือเปล่าคะ

ส่วนป๋าเชียร์อาร์เจนติน่าค่ะ

ตกรอบไปแล้ว

กร๊ากกกกก



โดย: หยุ่ยยุ้ย IP: 61.90.74.82 วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:22:38 น.  

 
อ่านสนุกจังเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ แต่ทำให้เพิ่มคำถามในใจอีกแล้วค่ะว่าชาวอิตาลีทำประโยชน์ให้เราใหญ่หลวง แต่ดูเหมือนว่าสมัยนี้เราไม่ค่อยให้ความสำคัญเขาเลยนะคะ


โดย: chinging วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:48:04 น.  

 
ว้าวววววววว

เป็นภาพที่น่าชมมากๆครับ

อดีตช่างน่าจดจำ แม้จะขาวดำ ก็น่าตะลึงครับ



โดย: มนุษย์ต่างดาว..ผมยาว..ปากหวาน... (เป็ดสวรรค์ ) วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:09:38 น.  

 
แวะมาทักทายกันตอนดึกๆ ค่ะ


โดย: namfaseefoon วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:32:30 น.  

 
คิดว่าคุณไฮกุไม่ดูบอลแต่ว่าคิดถึงนะคะเลยแวะมาหาเรื่องคุยด้วยคะ

"อินทรีเหล็ก"ปะทะ"กระทิงดุ"หนนี้ จะเกิดการ"ย้ำแค้น"หรือ"ล้างแค้น"เกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร2008 เกิดขึ้นหรือไม่ แล้วเจ้าหมึกยักษ์ "พอล" จะทายถูกเป็นนัดที่ 6 ติดต่อกันหรือเปล่า
ใครรักใคร เชียร์ใคร ก็ไม่ต้องกั๊ก ตะโกนออกมาดัง ๆ ไปเลย...

"อันตัวเองนั้น ขอเป็นนางพญาเทครัวนะคร้า รักทั้ง พี่ เสียดาย น้อง เลยหละ555
ขอยืมวลีเด็ดจาก"peeam"หน่อยคะ
"มัดไว้ด้วยเชือกเส้นใหญ่หรือล่ามไว้ด้วยสายใยแห่งรัก" อิอิ เข้าทางเลยคะ

ชอบลีลาพริ้วไหวการเล่นของสเปน แต่ชอบความเป็นแรงและเร็วของ เยอรมันเหมือน BMW 555


โดย: cengorn วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:35:09 น.  

 
คุณก๋า...ดีจัง จะได้อ่านหมื่นตาเล่มใหม่อีกแล้ว วางแผงเดือนสิงหา ก็อีกแค่เดือนกว่า ๆ เอง เรตติ้งคงดีไม่แพ้เล่มแรกแน่ ๆ ไว้จะสั่งซื้อกะคุณก๋า จะได้ให้เซ็นชื่อมาให้ด้วย

คุณอุ้ม...ถ้าชอบเดี๋ยวอัพให้อ่านต่ออีกสักบล็อคค่า

หลานจี้...ตะก่อนป้าก็รู้จักแค่ครูศิลป์คนเดียวเหมือนกัน พออ่านหนังสือเล่มนี้แล้วถึงได้รู้ว่ามีชาวอิตาเลียนที่เข้ามาทำงานในเมืองไทยกันหลายคนเลยแหละ ดูสารบัญแล้ว มีช่างใหญ่ทั้งหมดตั้งสิบคน แล้วจะค่อย ๆ กระดึ๊บ ๆ พิมพ์ให้อ่านจนครบคนเลยจ๊ะ

กะลังจะหาคำตอบให้หลานพจเรื่องไข้เหลืองกะดีซ่านอยู่ พอดีหลานจี้แวะมาตอบให้ ขอบคุณจ้า

นอร์ช...บอสตันเข้าหน้าร้อนแล้ว กทม.ก็ร้อนเหมือนกันค่ะ แต่ช่วงนี้ดีหน่อยที่ฝนลงทุกวัน อากาศเลยเย็นลงเยอะ เราไม่ได้ดูบอลเลย แต่เชียร์ตามพี่สาวน่ะ ชอบทีมเยอรมัน ฝีเท้าดี ทีมเวิร์คก็เจ๋ง คืนนี้จะออกหัวหรือก้อยยังไม่รู้ เรามาเอาใจช่วยเยอรมันกันนะ

คุณแบมบอกว่า คนใกล้ตัวโกรธยิ่งกว่าอีกค่ะ ยื่นคำขาดให้เลิกเล่นบล็อคไปเลย ดีที่เธอยังเปิดบล็อคให้เพื่อน ๆ เข้าไปหาความรู้ได้ตลอด ก็ได้แต่หวังว่าคุณแบมจะกลับมาเล่นบล็อคอีก

เข้าไปอ่านข้อความในลิงค์ที่นอร์ชเอามาฝากแล้ว สองเม้นท์สุดท้ายในบล็อคของคุณแบมนั่น เขียนทุกอย่างที่เขาห้ามไว้หมดเลย กลับไปอ่านเม้นท์แย่ ๆ นั่นก็ยังปรี๊ดแตกได้อีก มะโหแทนคุณแบมเธอจริง ๆ ค่ะ

หลานพจ...คนไทยคงไม่ค่อยรู้จักช่างชาวอิตาเลียนสมัยนั้นเท่าไหร่หรอก ป้าเห็นว่าน่ารู้ดีก็เลยอยากอัพให้อ่านกันน่ะ

ชุดประจำชาติเราสวยแล้วก็มีเอกลักษณ์ดีนะคะ มีหลายสไตล์ เห็นเป็นผ้าถุงหรือโจงกระเบน แต่จะแต่งให้เรียบร้อยหรือเซะซี่ก็ได้ แบบเรียบร้อยถึงจะปิดคอหมด แต่เป็นชุดที่ตัดเข้ารูป เน้นรูปร่างผู้หญิงชัดเจน ออกแนวเรียบร้อยแต่แฝงความเซะซี่ด้วย

จริง ๆ แล้วชุดไทยเนี่ยแหละเหมาะกับอากาศบ้านเราที่สุด แต่ไม่ค่อยมีคนนิยมใส่ กลายเป็นแค่ชุดออกงานเท่านั้น อ่านกระทู้ ทำไมดาราไม่ใส่ชุดแบบนี้ออกงานกันบ้าง แล้วก็นึกอยากเห็นคนจัดงานแจกรางวัลออกธีมเสื้อผ้า ให้ใส่ชุดไทยกันทั้งงานสักหน คงจะงามสุด ๆ เลยเนาะ

ลุงกล้วย...เมืองไทยเราดีที่ซู้ดดดด ถึงจะรถติด อากาศแย่ และมีข้อติอื่น ๆ อีกมากมาย แต่เอาอะไรมาแลกก็ไม่ย้อมมมม

คุณอ้อ...เพิ่งดูข่าวเมื่อกลางวันนี้ เห็นบอกว่ามีคนตัดต่อคลิปเจ้าพอล เลยไม่แน่ใจว่าคำทำนายจะแม่นหรือเปล่า ไว้รอดูผลบอลคืนนี้ก่อนค่ะ

คุณยุ้ย...เชียร์เยอรมันเหมือนคุณยุ้ยจ๊ะ แต่คงไม่ตามดูหรอก แค่ลุ้นและเชียร์แบบห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ก็พอ อิ อิ

คุณเค็น...คงเพราะคนไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์ที่ควรมั้งคะ เราว่าหาคนที่รู้จักศิลปินชาวอิตาเลียนที่เข้ามาทำประโยชน์ให้เมืองไทยได้น้อยมาก ก็หวังว่าบล็อคนี้จะทำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักท่านเหล่านี้ให้มากขึ้นค่ะ

คุณแดหวา...ภาพขาวดำนั่นแหละสุดคลาสสิคเลยแหละ เราว่ามีเสน่ห์กว่าภาพสีนะคะ

คุณอร...ขอบคุณที่แวะมาเม้าท์เรื่องบอลให้ฟังนะจ๊ะ ขนาดเราไม่ได้ดู ยังอดลุ้นตามไม่ได้เลยค่ะ อีกไม่กี่ชม.ก็รู้แล้วว่าใครหมู่ใครจ่า คุณอรรวบเชียร์ทั้งสองทีมแบบนี้คงไม่อกหัก ทีมไหนชนะก็ยิ้มได้

คุณฝน...ขอบคุณมากที่แวะมาทักทายกันจ้า



โดย: haiku วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:10:29 น.  

 
เป็นครั้งแรกที่ Spain ชิงแชมป์คะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เจ้า หมึก Paul นี้ของแรงจริงๆคะ

เจ้าหมึก Paul ถ้าไม่มี อารักขา มีหวังเป้นเมนูใดเมนูหนึ่งแน่ๆ เลยคะ พวกเยอรมันขู่เอาไว้เลย


โดย: cengorn วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:3:48:02 น.  

 


มาส่งอาหารเช้า พร้อมกาแฟหอม ๆ ให้คุณไฮค่ะ อิอิ ทานด้วยกันเน๊อะ
เมื่อ 6 โมงกว่า ๆ มินเข้ามาทีแล้วค่ะ
แต่เลยไปอ่านบล๊อคคุณแบมตามลิงค์ก่อนอ่ะ
ตกใจเลยค่ะ และเข้าใจความรู้สึกของเธอด้วย
แต่ เธอโดนหนักหว่ามินอีกอ่ะนะ เฮ๊อ...
เมื่อเช้าจะคุยแล้ว พอมองนาฬิกา เดี๋ยวยาวค่ะ
เลยขับรถออกไปทำงานก่อน นี่ก็เพิ่งถึงที่ทำงาน
ยังไม่ได้ทำงานหรอก เปิดบล๊อคคุยกับเพื่อน ๆ ก่อนซะงั๊น
ก็อันนี้มันด่วนกว่างานนี่นา นะ ฮ่า ๆ ๆ

ช่วงนี้ ก็ยังไม่ได้ดูซีรี่ส์อาไรเลยค่ะ เพราะเวลายังไม่ลงตัว
แต่ เมื่อเสาร์ หรือ อาทิตย์ที่ผ่านมาไม่รู้ พอดีได้เปิดทีวี
ไปเจอเรื่อง thank you หรือ ขอบคุณจากใจ อาไรนั่นอ่ะค่ะ
ก็เกิดอยากดูขึ้นมาอีก อันที่จริงเรื่องนี้มินดูไปตั้งนานแล้วอ่ะนะ
ชอบ จางฮ๊อค ค่ะ รู้สึกว่าค่อยมองแล้วเป็นแมนหน่อย
ในขณะที่คนอื่น ๆ หล่อแบบหน่อมแน๊มอ่ะนะมินว่า ฮ่า ๆ ๆ

เสาร์ อาทิตย์นี้ ว่าจะดูซีรี่ส์ของพี่ชายเรื่องใหม่อ่ะ ไม่รู้จะได้ดูหรือป่าว
เพราะมีเสียงร่ำ ๆ ร้อง ๆ อยากไปพัทยาอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
แต่ อันที่จริงเอาไปก็ได้นะมินว่า เพราะเดี๋ยวนี้ รร.ใหญ่ ๆ เขาจะมีเครื่องดีวีดี ไว้ให้เราด้วยอ่ะนะ
แต่ สงสัยว่ามันจะอ่านแผ่นโลโซ (แผ่นก๊อบ) ได้หรือป่าวเท่านั้นเองอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ

ปล. ทานเช้าให้อร่อย ๆ นะคะ เมื่อวันก่อนมินได้ไปธุระแถว ๆ สยาม
เลยแวะไปดูร้านที่สมัยก่อนเคยซิ้อซีดีหนังเกาหลีดูในยุคแรก ๆ เมื่อราว ๆ ปี 46 โน่น
ก็พบว่าร้านยังอยู่ดี ชื่อร้าน โอเค อ่ะค่ะ สมัยก่อนซื้อหนังดู 4 เรื่องเนี่ย ต้องรูดถึงครึ่งหมื่นอ่ะนะคุณไฮ
เพราะเรื่องนึงก็พันกว่าบาททั้งนั้นเลยอ่ะนะคะ
คิดขึ้นมาทีไรยังขนลุกทุกทีว่า ช๊านนี่ถ้าจะเป็นเอามาก ๆ อ่ะนะคะ ฮ่า ๆ ๆ


โดย: มินทิวา วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:22:38 น.  

 
ทักทายยามเช้าครับ
แวะอ่านเรื่องราวประวัติศาสตร์เมื่ออดีตของเจรีนีกับกองทหารไทยแล้วรู้สึกประทับใจมากๆ รวมทั้งภาพสมัยก่อนๆ เลือดรักชาติสูบฉีดขึ้นมาทันที อิ อิ


โดย: pragoong วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:00:48 น.  

 
โห..ได้ความรู้เพียบเลยค่ะ

ขอบคุณที่เอามาแบ่งปันกันนะคะ

ไม่ได้แวะมานาน เปลี่ยนธีมบล็อกอีกแล้วเหรอคะ? ชอบนะนี่ สวยจังค่ะ ชอบๆ


นมตุ๋นก็อร่อยดีนะคะ เราชอบหละ แต่เราชอบนมตุ๋นร้อนค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:22:39 น.  

 
คุณอร...เยอรมันแห้วกินซะแล้ว เสียดาย ไปไม่ถึงดวงดาว แต่ไม่เป็นไร ไว้รอลุ้นที่สามก็ยังดีค่ะ

ดูข่าวแล้วแอบฮา คนเยอรมันแค้นหนัก จะจับเจ้าพอลหม่ำ โทษฐานที่ทายแม่นเกินเหตุ แต่สเปนคงอยากขอไปบูชา นี่ถ้าทายทีมที่ได้แชมป์แม่นอีกละก็ คงได้มีคนแย่งกันปิดทองให้อร่ามไปทั้งตัวเลยเชียว

คุณมิน...น่ารักจริงจริ๊ง แวะมาเสิร์ฟของกินแต่เช้าเลย แต่งวดหน้าขอเป็นข้าวแทนละกัน แค่จิบกาแฟ กินไข่ดาวกะหม่ำขนมปังไม่พอฮ่ะ อย่างเราตอนเช้าต้องกินให้เป็นหลักเป็นฐาน ต้องหม่ำข้าว ไม่งั้นไม่อยู่ท้องค่ะ ต้องขอบคุณแทนคุณแบมด้วยนะคะที่เห็นใจเธอ ถ้าเธอได้มาอ่านต้องดีใจแน่ ๆ เลยค่ะ

ตอนนี้ได้ดูซีรีส์เกาหลีใหม่อยู่สองสามเรื่องค่ะ ทางทรูเพิ่งเริ่มฉายเรื่อง City Hall กับ Love You Thousand Times เราชอบเรื่องหลังมากกว่า ออกแนวดราม่าดี แล้วก็ชอบนางเอกด้วย ติดใจเธอจากเรื่อง The Lawyers of The Great Republic Korea พระรองหน้าตาก็โอเค แต่ไม่ถูกตาทรงผมเล้ย เรื่อง Thank You ก็น่ารักดีค่ะ ดูท่าจะสนุก คุณมินปิ๊งหนุ่มคนเดียวกันอีกแล้ว เราก็ชอบจางฮ๊อค (เสียดายแต่งงานไปซะแระ ) นางเอกมาเล่นเรื่องนี้ดูสวยขึ้นเยอะ ได้บทเหมาะกับตัวเธอดี ตอนที่เล่น Biscuit Teacher ไม่ไหว ขี้เหร่จัดเลย คนที่เล่นเป็นแฟนพระเอกเคยเล่นเป็นนางเอก มาเรื่องนี้ออกมาได้ไม่กี่ฉากก็ตายซะแล้ว ลูกนางเอกแก้มยุ้ย น่ารักมั่ก ๆ แถมเล่นเก่งชะมัด

อ้าว นึกว่าคุณมินดูซีรีส์ของพี่ชายแล้วซะอีก กะลังรอให้คุณมินมาเม้าท์ให้ฟังอยู่นะเนี่ย ช่วงนี้ทรูเอาเรื่อง EOE มารีรันอีกรอบ เลยได้ดูคู่รักชาวประมงไปพลาง ๆ ระหว่างรอหนังใหญ่ของพี่ชาย อยากดูจะแย่แล้ว ไม่รู้ว่าจะได้ฉายในบ้านเราเมื่อไหร่

ดีจัง ร้านโอเคยังโอเคอยู่ นึกว่าโดนเผาเรียบไปแล้ว (เจ้าของร้านเข้าใจตั้งชื่อเนาะ ) หลังเหตุการณ์เผาเวิร์ดเทรด เรายังไม่ได้ไปเดินแถวสยามสักทีเลยค่ะ ได้แต่นั่งรถไฟฟ้าผ่านไปมา

คุณpragoong...ขอบคุณมากที่แวะมาทักทายและอ่านบล็อคนี้นะคะ

สาวไกด์...บล็อคเราเปลี่ยนบีจีไปเรื่อย ๆ ค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าอัพเรื่องอะไร แต่ละบล็อคก็ใช้เวลาเลือกอยู่นานกว่าจะหาได้ถูกใจ เพราะงั้นเลยหน้าบานทุกทีเวลาเพื่อน ๆ ชมว่าบีจีสวย อิ อิ


โดย: haiku วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:32:09 น.  

 

เมื่อคืนก็ลุ้นบอลจนสว่างเหมือนกันค่ะ (แถวนี้สว่างไว )

ก่อนหน้านี้หลายคนเดาๆ ว่าเมืองเบียร์น่าจะได้เข้ารอบชิงชัย แต่สุดท้ายได้ไปรอลุ้นที่สามแทน

แต่ดูเกมส์เมื่อคืนแล้วดูแผ่วๆ ไม่เหมือนวันที่แข่งกับอาเจนติน่าเลย


ลป. 1 ขอบคุณสำหรับกำลังใจอีกครั้งนะคะ

ลป. 2 ว่าอยู่บีจีเข้าเนื้อเรื่องอย่างมาก ดูขลังดีค่ะ



โดย: jan_tanoshii วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:06:06 น.  

 
Oh my goodness! Amazing article dude! Thank you, However I am having issues with your RSS. I don't understand why I cannot subscribe to it. Is there anybody having similar RSS issues? Anyone that knows the solution can you kindly respond? Thanks!!
cyber monday ipad deals //www.deondecoracoes.com.br/media/mailto/shopping3/FGAOUXGuBj/


โดย: cyber monday ipad deals IP: 192.99.14.34 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2557 เวลา:22:29:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.