happy memories
Group Blog
 
<<
เมษายน 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
26 เมษายน 2559
 
All Blogs
 

เสพงานศิลป์ ๒๕o





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










มหกรรมศาสน์ศิลป์ ถิ่นพญามังราย



งานมหกรรมศาสน์ ศิลป์ ถิ่นพญามังรายเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีจัดชม ชิม ช็อป สินค้าและผลิตภัณฑ์วัฒนธรรม วันที่ ๒๖-๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ ที่ลานรำวงย้อนยุคสวนตุงและโคมนครเชียงราย

เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๘.๓o น.ที่สวนตุงและโคมนครเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย โดยมีนายอาคม สุขพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายอมร กิตติกวางทอง วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายจรูญ ไชยจิตต์ ประธานกลุ่มสล่าแกะสลักไม้เชียงราย นายอภิรักษ์ ปันมูลศิลป์ เลขาสมาคมขัวศิลปะเชียงราย นายทรงเดช ทิพย์ทอง ศิลปินเชียงรายและนายณรงค์ศักดิ์ เตือนสกุล รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้ร่วมกันแถลงข่าวในการเตรียมจัดงานมหกรรมศาสน์ ศิลป์ ถิ่นพญามังรายเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เฉลิมพระชนมพรรษ ๖๑ พรรษา วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๙

ภายใต้โครงการสืบสาน สร้างสรรค์ ภูมิปัญญาหัตถกรรมแกะสลักไม้สล่าเชียงราย และโครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมเพื่อสร้างสรรค์สังคมเกิดสันติสุขอย่างยั่งยืน กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๖-๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ รวมงาน ๔ วันในช่วงเวลา ๙.oo น.- ๒๓.oo น. ที่ลานรำวงย้อนยุคสวนตุงและโคมนครเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย

ภายในงานจัดกิจกรรม
- นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ
- แสดงผลงานและจำหน่ายผลิตภัณฑ์
- สาธิตกิจกรรมศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ หมู่บ้านรักษาศิลห้า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
- ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมจาก ๑๘ อำเภอของจังหวัดเชียงราย
- จัดนิทรรศการศาสนิกสัมพันธ์ประกอบด้วย คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ ฮินดู และซิกซ์
- จัดชม ชิม ช็อป สินค้าและวัฒนธรรม การจัดถนนศิลปินหรือ ART LANE
- การแสดงดนตรี ศิลปะ วัฒนธรรม
- และจัดประกวดร้องเพลงพระราชนิพนธ์

ทั้งนี้เพื่อส่งเสริม เผยแพร่ ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาแกะสลักไม้ และผลิตภัณฑ์นำไปสุ่การสร้างคุณค่าทางสังคม มูลค่าทางเศรษฐกิจ เพื่อสืบสานต่อยอด ในการอนุรักษ์ ศึกษา การท่องเที่ยว และสร้างสรรค์นำสู่เศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย

กำหนดเปิดงานในวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๘.oo น.จัดเสวนาหัวข้อ ศาสน์ ศิลป์ ถิ่นพญามังรายโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ พร้อมการแสดงชุดไหว้ครูเชียงราย พม่าแก้วเชียงราย และมอบโล่และเกียรติบัตรบุคคลและองค์กรดีเด่น ตลอดจนยกย่องเชิดชูเกียรติคนดีศรีเชียงราย ประจำปี ๒๕๕๙

ดังนั้น จังหวัดเชียงราย ขอชวนประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมชม ชิม ช็อป สินค้าและผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมในงานมหกรรมศาสน์ ศิลป์ ถิ่นพญามังรายวันที่ ๒๖-๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ ที่ลานรำวงย้อนยุคสวนตุงและโคมนครเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย

นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสพระชนมายุ ๖๑ พรรษา วันที่ ๒๖-๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ นี้ ณ สวนตุงและโคม เชียงราย



ภาพและข้อมูลจาก
chiangraifocus.com














คอนเสิร์ต ๙๓ ปี ชาลี อินทรวิจิตร เพลงหนังคู่แผ่นดิน



ชาลี อินทรวิจิตร เกิดเมื่อวันที่ ๖ กรกฏาคม พุทธศักราช ๒๔๖๖ ที่ จังหวัดสมุทรสาคร ปัจจุบันอายุ ๙๓ ปี เป็นบุคคลที่สนใจเรื่องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ทุกครั้งที่มีการจัดงานของวัดต่าง ๆ จะต้องไปประกวดร้องเพลงทุกหน และมักจะได้รับรางวัลที่ ๑ อยู่ตลอดมา จากนั้นได้เข้าสู่วงการแสดงละคร วงการนักร้อง วงการภาพยนตร์ ซึ่งจากประสบการณ์ทำให้มีความสามารถสูงเด่นทั้งเรื่องการร้องเพลง การประพันธ์เพลง การกำกับการแสดงภาพยนตร์ โดยเฉพาะด้านการประพันธ์เพลง มีผลงานสร้างสรรค์เกือบ ๑,ooo เพลง ผลงานเพลงที่สร้างชื่อเสียงเป็นอมตะมาจนปัญจุบันมีเป็นจำนวนมาก เช่น เพลงสดุดีมหาราชา, แสนแสบ, ท่าฉลอม, สาวนครชัยศรี, ทุ่งรวงทอง, มนต์รักดอกคำใต้, แม่กลอง, หยาดเพชร, เรือนแพ, ป่าลั่น ฯลฯ

นอกจากจะเป็นผู้ประพันธ์เพลงที่มีความสามารถสูงแล้ว ยังมีผลงานกำกับการแสดงภาพยนตร์ที่มีคุณภาพจำนวนมาก ซึ่งผลการสร้างสรรค์งานที่ทำต่อเนื่องอย่างยาวนาน ทำให้ได้รับรางวัลเกียรติยศจำนวนมากทั้งรางวัลตุ๊กตาทอง สุพรรณหงส์ทองคำ รางวัลกิติคุณสังข์เงิน รางวัลเมขลา รางวัลแผ่นเสียงทองคำ เป็นบุคคลที่สร้างสรรค์งานด้วยศรัทธาในวิชาชีพโดยมิได้คำนึงถึงเรื่องธุรกิจ ให้ความช่วยเหลือบุคคลและสังคมตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

คำประกาศเกียรติคุณ นายชาลี อินทรวิจิตร ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้ประพันธ์คำร้อง-ผู้กำกับภาพยนตร์)

จากที่สุดแห่งบทเพลงเหนือกาลเวลากว่า ๑,ooo บทเพลง ผ่านท่วงทำนองเพลงรักสุดคลาสสิค
ที่สะกดทุกหัวใจกับที่สุดแห่งความไพเราะและความคุ้มค่า ในคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ "คอนเสิร์ต ๙๓ ปี ชาลี อินทรวิจิตร เพลงหนังคู่แผ่นดิน"

บริษัท โคลีเซียม อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด โดย คุณคมน์ อรรฆเดช และ คุณพรพิมล มั่นฤทัย ประธานกรรมการ ในฐานะผู้ครอบครองลิขสิทธิ์ทุกบทเพลงอมตะของครูชาลี อินทรวิจิตร อย่างถูกต้องตามกฏหมาย ได้จัดคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบขึ้นเป็นครั้งแรก

คอนเสิร์ตครั้งนี้ ถือว่าเป็นคอนเสิร์ตที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด เพราะเป็นคอนเสิร์ตที่เต็มไปด้วยการแสดง แสง สี เสียงที่มีความสมบูรณ์แบบจริงๆ ทั้งนี้ได้เรียนเชิญศิลปินแนวหน้าของเมืองไทย ซึ่งศิลปินทุกท่านตอบรับด้วยความยินดีและตั้งใจที่จะมาร่วมงานคอนเสิร์ตครั้งนี้อย่างมาก ร่วมร้อยความสุขโดย ๕ ศิลปินแห่งชาติ คุณสุเทพ วงศ์กำแหง, คุณสวลี ผกาพันธ์, คุณจินตนา สุขสถิตย์ , คุณเศรษฐา ศิระฉายา และคุณสันติ ลุนเผ่ พร้อมด้วยสุดยอดศิลปินคุณภาพ คุณธานินทร์ อินทรเทพ, คุณนันทิดา แก้วบัวสาย, คุณสินจัย เปล่งพานิช

เดอะ ฮอทเปปเปอร์ คอรัส, คุณตวงสิทธิ์ เรียมจินดา, คุณเอกชัย ศรีวิชัย, คุณอัญชุลีอร บัวแก้ว และคุณแก้ม-คุณกัน เดอะสตาร์ ซึ่งทุกคนมีความปราถนาที่จะสืบสานงานเพลงอมตะสุดยอดครูเพลงอย่างครูชาลี ให้ยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน

การจัดงานคอนเสิร์ตครั้งนี้จะมีขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๔.oo น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บัตรราคา ๓,ooo / ๒,๕oo / ๒,ooo/ ๑,๕oo / ๑,ooo / ๘oo บาท จำหน่ายบัตรที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา //www.thaiticketmajor.com โทร. o-๒๒๖๒-๓๔๕๖ รายได้ส่วนหนึ่งสมทบกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม





ผศ.ดร.ญาดา อรุณเวช อารัมภีร และ คุณบูรพา อารัมภีร





คุณจิรวุฒิ กาญจนะผลิน (วงกาญจนะผลิน)





คุณอรรภพร กำภู ณ อยุธยา (วงมิตรต่างวัย)



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th
thaiticketmajor.com














๕o ปีธนาคารกรุงไทย Presents สำแดงสดเสภาวายุภักษ์



การแสดง “๕o ปีธนาคารกรุงไทย Presents สำแดงสดเสภาวายุภักษ์” จัดขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าคนสำคัญในวาระครบรอบ ๕o ปีธนาคาร ด้วยคอนเสิร์ตวัฒนธรรมเต็มรูปแบบ เพลิดเพลินไปกับบทเพลงสุดไพเราะจากศิลปินแนวหน้าของประเทศ ผสานการแสดงวัฒนธรรมบันเทิง เฮฮาไปกับครั้งแรกของจำอวดเสภาโดย ๓ น้า และซาบซึ้งไปกับเสภาออร์เคสตรา โดยผู้ชนะเลิศ "ศิลปินเสภาวายุภักษ์" ในวันเสาร์ที่ ๓o เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๙.oo น. ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ ศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดาภิเษก

ธนาคารกรุงไทยขอบคุณลูกค้าคนสำคัญ จัดคอนเสิร์ตวัฒนธรรมเต็มรูปแบบ โดยศิลปินชั้นแนวหน้าของประเทศ พร้อมการแสดงจำอวดเสภาขุนช้างขุนแผน โดยสามน้า และเสภาแผ่นดินทองออร์เคสตราจาก ผู้ชนะเลิศ ศิลปินเสภาวายุภักษ์ เสาร์ที่ ๓o เมษายนนี้ ที่เมืองไทย รัชดาลัยเธียเตอร์

นางศิริพร นพวัฒนพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ ๕o ปีธนาคาร เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจใช้บริการธนาคาร และเติบโตเคียงข้างกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ธนาคารจึงจัดการแสดง "๕o ปี ธนาคารกรุงไทย Presents สำแดงสดเสภาวายุภักษ์" สำหรับลูกค้าโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตวัฒนธรรมเต็มรูปแบบ ที่ผสมผสานการแสดงทางวัฒนธรรมรูปแบบต่างๆ เช่น การขับร้องเพลงไทยสากลร่วมสมัย จากศิลปินชั้นแนวหน้าของประเทศ ได้แก่ เศรษฐา ศิระฉายา วิยะดา โกมารกุล บุรินทร์ Groove Rider โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เก่ง ธชย การขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งจาก ตุ๊กกี้ นัท ไมค์ทองคำ และการแสดงจำอวดเสภาขุนช้างขุนแผน โดยน้าโย่ง น้านงค์ น้าพวง รวมทั้ง เพลงเสภาแผ่นดินทองออร์เคสตราจากผู้ชนะเลิศ ศิลปินเสภาวายุภักษ์ร่วมกับศิลปินชั้นนำ ดำเนินรายการโดย เท่ง เถิดเทิง และ พัน พลุแตก สองพิธีกรคู่หูจากรายการ คุณพระช่วย

การแสดงจะจัดเพียง ๑ รอบ คือในวันเสาร์ที่ ๓o เมษายน ๒๕๕๙ ตั้งแต่เวลา ๑๙.oo น ที่เมืองไทย รัชดาลัย เธียเตอร์ ศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดาภิเษก



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
ktb.co.th














มูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ฯ มอบรางวัลเชิดชูเกียรติ ๔ คนไทย



มูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถือฤกษ์ ๒o เมษายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของ ศาสตราจารย์ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช จัดงานประกาศผลรางวัล "วันคึกฤทธิ์" เพื่อระลึกถึงและสืบทอดเจตนารมณ์ในการอนุรักษ์และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมให้เคียงอยู่เป็นมรดกชาติต่อไป

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ประธานกรรมการมูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ฯ กล่าวว่าในโอกาสครบรอบ วันคล้ายวันเกิดของ ศาสตราจารย์ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ครบรอบ ๑o๕ ปีชาตกาล ได้มีการคัดเลือกศิลปินผู้มีผลงานดีเด่นและสร้างคุณประโยชน์แก่ชาติ เข้ารับรางวัลเชิดชูเกียรติความดีในทุก ๆ ปี ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๗ ในรูปแบบ ของโครงการอนุเคราะห์ศิลปิน และปรับเปลี่ยน มาเป็น รางวัลศิลปินคึกฤทธิ์ในปี ๒๕๕๓ กระทั่งปัจจุบันปี ๒๕๕๙ ได้มีมติพิจารณาเปลี่ยนชื่อ "รางวัลศิลปินคึกฤทธิ์" เป็น "รางวัล คึกฤทธิ์"

"ซึ่งการเปลี่ยนชื่อในครั้งนี้ ทางสถาบัน เล็งเห็นว่าคนทำงานเบื้องหลังนั้นมีบทบาทสำคัญอย่างมากที่จะทำให้งานต่างๆ ประสบผลสำเร็จ ซึ่งไม่เฉพาะศิลปินเท่านั้น ทั้งยังเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีผลงานน่าชื่นชม และเป็นที่ยอมรับในวงการศิลปะไทย สอดคล้องกับแนวคิดหรือแนวทางการส่งเสริม ที่ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ดำเนินการไว้ จึงมีการพิจารณาเปลี่ยนชื่อเป็น "รางวัลคึกฤทธิ์" ให้มีโอกาสถูกพิจารณาเสนอชื่อเข้ารับรางวัล คึกฤทธิ์ได้เช่นกัน"

โดยศิลปินที่ได้รับการเชิดชูเกียรติรางวัลคึกฤทธิ์ ประจำปี ๒๕๕๙ ได้แก่ นายสงบศึก ธรรมวิหาร สาขา ดุริยางค์ไทย, นางสาววรางคณา วรรณประเก สาขา นาฏศิลป์ และ รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ดวงพัตราสาขาศิลปะการแสดง และในโอกาสนี้ได้มีการเพิ่มรางวัล "สาขาวรรณศิลป์" ขึ้นเป็นปีแรก โดยพิจารณาเลือก นางดารกา วงศ์ศิริ ให้ได้รับการเชิดชูเกียรติในครั้งนี้

อาจารย์สงบศึก ธรรมวิหาร ศิลปินผู้ได้รับรางวัลคึกฤทธิ์ สาขาดุริยางค์ไทยได้กล่าวถึงการได้รับรางวัลครั้งนี้ว่า "รู้สึกว่าภาคภูมิใจมากที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ เพราะผมนิยมนับถือหม่อมคึกฤทธิ์มานานแล้ว ตอนแรกก็อ่านหนังสือท่านและก็มาร่วมกันทำโขนธรรมศาสตร์เลยสนิทสนมกัน สำหรับเด็กรุ่นใหม่วันนี้ผมดูเขามีความรักทางด้านศิลปะดนตรีไทยมาก ถ้าปลูกฝังอะไรให้เขารัก แล้วไม่มีพลาด แต่อีกอย่างก็ขึ้นอยู่ที่ดวงของชาติ ด้วยนะ เพราะสิ่งเร้ามันเยอะ ก็อาจทำให้เขามองข้ามไป"

ทางด้านอาจารย์วรางคณา วรรณประเกศิลปินผู้ได้รับรางวัลคึกฤทธิ์ สาขานาฏศิลป์บอกว่า "รู้สึกดีใจเป็นปลื้ม เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลมาก ปัจจุบันเด็กก็ให้ความสนใจในการเรียนการแสดงและดนตรีไทยเยอะ มันก็ทำให้มรดกภูมิปัญญาเหล่านี้ได้รับการสืบทอดต่อไป อีกอย่างก็ไม่อยากให้เด็กสนใจโซเชียลมากนัก พอวันอาทิตย์เขามาเรียนการแสดงและคนตรีไทยกับทางสถาบัน คึกฤทธิ์ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เพราะที่นี่ ก็เรียนฟรี เด็กๆ สนุกสนานกับการฝึกซ้อม และก็ได้แสดงออก ก็นับว่าเป็นการตอบรับจากเด็ก ๆ ที่จะเป็นผู้สืบต่อลมหายใจของศิลปะไทยได้อย่างดีเยี่ยม"

สำหรับรางวัล "สาขาวรรณศิลป์"ซึ่งเพิ่มขึ้น เอื้อ-เอื้ออาทร วงศ์ศิริ บุตรสาว ของนางดารกา ผู้เข้ารับรางวัลแทนคุณแม่ได้กล่าวถึงความภูมิใจของคุณแม่ในครั้งนี้ว่า "คุณแม่ท่านรู้สึกภูมิใจมากกับการได้รับมอบรางวัลในครั้งนี้ ท่านก็เป็นผู้หนึ่งที่ทำงานเบื้องหลังมานาน ท่านได้สอนเอื้อเสมอว่า "ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน" ฉะนั้น เวลาที่ท่านทำงานอะไรท่านจะตั้งใจทำให้ดี บทที่ ท่านเขียน คุณแม่ท่านก็จะพยายามสอดแทรก ความเป็นวัฒนธรรม สังคม หรือว่าความเชื่อต่าง ๆ ลงไปเพื่อมอบแง่คิดแก่ผู้อ่านผู้ชม"

ทั้งนี้ นอกจากบรรยากาศในงาน ที่เต็มไปด้วยความปีติยินดีของศิลปินและบุคคลที่ได้รับการมอบ รางวัลเชิดชูเกียรติแล้ว ทางมูลนิธิคึกฤทธิ์ยังมีการแสดงจากศิลปินคึกฤทธิ์ คณะครู และศิษย์จากสถาบันคึกฤทธิ์ ให้แขกผู้มาเยือนได้ชื่นชมการแสดงอันงดงาม เช่น รำถวายมือบูชาครู, บรรเลงดนตรี เพลงแขกสาหร่าย (ประพันธ์เนื้อร้องโดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช) รำคล้องหงส์ โดย ผศ.ธรรมนิตย์ นิคมรัตน์ (โนราธรรมนิตย์)

ผู้ที่สนใจหรือต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของมูลนิธิคึกฤทธิ์ เช่น การเยี่ยมชมห้องสมุด, ห้องชมนิทรรศการ, ศูนย์ศิลปะการแสดง, คณะโขนสถาบันคึกฤทธิ์ ฯลฯ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ //www.kukrit-pramoj.com หรือที่ /kukritinstitute



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
กระทู้พันทิป














บูรณะภาพสลักม้าสีขาวบนเนินเขา ฉลอง ๙o พรรษา ควีนเอลิซาเบ็ธที่ ๒



เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ ๒ พระประมุขแห่งราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งจะทรงมีพระชนมพรรษา ๙o พรรษา ในวันที่ ๒๑ เมษายนนี้

ภาพสลักม้าสีขาวบนเนินเขาลูกใหญ่ในเมืองเวสต์เบอรี่ (Westbury) มณฑลวิลท์เชอร์ ประเทศอังกฤษ ถูกบูรณะซ่อมแซมด้วยการทำความสะอาดและทาสีใหม่ เป็นเวลานานเกือบหนึ่งอาทิตย์โดย เหล่าอาสาสมัครและผู้มีทักษะในการปีนป่ายลงเขาด้วยเชือก ที่ต่างต้องใช้พละกำลังมหาศาลในการทำความสะอาดม้าตัวนี้ ซึ่งมีความสูงราว ๑๘o ฟุตและกว้าง ๑๗o ฟุต ที่ถูกสาหร่ายและไลเคนเกาะมาเป็นเวลานานหลายปี หลังจากที่เคยมีการทำความสะอาดครั้งสุดท้ายเมื่อปี ค.ศ. ๒o๑๒

ม้าขาวแห่งเมืองเวสต์เบอรี่ มีอายุเก่าแก่นับพันปี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของกษัตริย์อัลเฟรดในสงคราม

โครงการบูรณะ ม้าขาวเวสต์เบอรี่ ครั้งล่าสุดนี้ เป็นโครงการของ สโมสรโรตารี่แห่งเมืองเวสต์เบอรี่ แม้จะมีข้อมูลว่าเคยมีการบูรณะภาพม้านี้เมื่อปี ค.ศ. ๑๗๗๘ แต่มีคนจำนวนมากที่เชื่อว่านานกว่านั้นที่มันไม่ได้ถูกบูรณะ

ปัจจุบันภาพม้าขาวเวสต์เบอรี่ ถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองเวสต์เบอรี่ และยังถูกทำเป็นโลโก้ ของศูนย์ให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวของที่นี่ด้วย











ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














“คุมะมง” หมีดำแก้มแดง ประชาสัมพันธ์จังหวัด “คุมาโมโตะ”
ที่คนทั่วโลกใช้เป็นสัญลักษณ์ pray for kumamoto



คุมะมง (Kumamon) คือมาสคอตประจำจังหวัดคุมาโมโตะ (ตั้งอยู่ตรงกลางของเกาะคิวชู ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น )ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นไหว จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ดังที่กำลังเป็นข่าวในขณะนี้

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ผู้คนทั่วโลกจะใช้มันมาเป็นส่วนหนึ่งของแสดงออกเพื่อร่วมแสดงความเสียใจและส่งกำลังใจไปให้ชาวคุมาโมโตะ

คุมะมง ออกแบบโดย โคยามะ คุนโด (Kundo Koyama) ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกภายใต้โครงการ Kumamoto Surprise เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนหันมาสนใจในเมืองเล็ก ๆ ที่เป็นแค่ทางผ่านให้มากขึ้น และถือเป็นส่วนหนึ่งในแผนการพัฒนาเมือง เพื่อต้อนรับการมาถึงของ รถไฟความเร็วสูงชินกันเซน (Shinkansen) ที่เพิ่งมีให้บริการไปถึงเกาะคิวชูในปี ค.ศ. ๒o๑๑

จังหวัดคุมาโมโตะ ถือได้ว่าเป็นเมืองคุมะมง เพราะประชาสัมพันธ์ของจังหวัดแสนน่ารักรายนี้ จะมีกระจายให้เห็นอยู่ทั่วเมือง ทั้งตาม สถานีรถไฟฟ้า ร้านค้า ถนนหนทาง ฯลฯ โดยเฉพาะที่ คุมะมงสแควร์ (Kumamon Square) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองคุมาโมโตะ ว่ากันว่าเป็นทั้งสถานที่ทำงานของคุมะมง ที่ซึ่งคุมะมงจะมีกิจกรรมมาพบปะกับแฟนๆทุกสัปดาห์ และมีสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับคุมะมงไว้คอยจำหน่าย

เพียงปีแรกที่เปิดตัว คุมะมงเคยได้รับการโหวตให้เป็นสุดยอดมาสคอต นำมาสคอตอีกหลายร้อยตัวในญี่ปุ่น





จงเข้มแข็งไว้ เจ้าหมีแก้มแดง! ผลงานโดยศิลปินไทยเจ้าของนามปากกา "อาลู่"
เพื่อร่วมแสดงออก pray for kumamoto ชมผลงานเพิ่มเติมได้ที่ หน้าเพจ ‘อาลู่’
https://www.facebook.com/CabbageBrand/?fref=ts






หายไวๆนะเจ้าหมี ผลงานร่วม pray for kumamoto โดยศิลปินรุ่นใหม่ของไทย
AnimaToey ชมผลงานเพิ่มเติมได้ที่ หน้าเพจ
'AnimaToey' https://www.facebook.com/AnimaToey2/?fref=ts






ลายเส้นน่ารักๆแทนความห่วงใยจาก Cyrano Design
ติดตามผลงานได้ทาง หน้าเพจ ‘Cyrano Design งานดีไซน์จาลายเส้น’
https://www.facebook.com/cyranodesign/?fref=photo




ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














6 มิวเซียมจิ๋วแต่แจ๋วในกรุงเทพฯ สำหรับคนเบื่อห้าง



กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรของเรามีห้างผุดขึ้นเยอะมากในช่วง ๒-๓ ปีที่ผ่านมา ยิ่งเยอะเหมือนจะยิ่งดี แต่ความจริงแล้วยิ่งเยอะเรายิ่งเบื่อ เพราะก็มีแต่ร้านเดิมๆ เหมือนกันทุกห้าง พอดีได้เห็นข่าวบ้านไม้สักอายุกว่า ๑oo ปีของนายเลิศแห่งโรงแรม Swissotel ปาร์คนายเลิศ เปิดให้คนนอกเข้าชม เราเลยถือโอกาสหันมาเที่ยวมิวเซียมเล็ก ๆ เจ๋ง ๆ ที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง ตามเรามาดูเลยว่าในกรุงเทพฯ มีที่ไหนน่าไปบ้าง






๑. บ้านปาร์คนายเลิศ


ถ้าชอบบ้านเก่ามาก ๆ ชอบเฟอร์นิเจอร์สุดคลาสสิค ชอบข้าวของเครื่องใช้เก่า ๆ พอได้ยินข่าวว่าบ้านปาร์คนายเลิศเปิดให้เข้าชม เราจึงมุ่งตรงไปทันที! เจ้าของบ้านเรือนไม้สักอายุกว่า ๑oo ปีแห่งนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพระยาภักดีนรเศรษฐ (นายเลิศ เศรษฐบุตร) มหาเศรษฐีผู้บุกเบิกกิจการหลายอย่างในประเทศไทย เช่น โรงน้ำแข็ง รถเมล์ เรือเมล์ รวมทั้งเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนเศรษบุตรบำเพ็ญ






ไฮไลท์เด็ดของบ้านอยู่ที่ของสะสมนานาชนิดของสมาชิกตระกูลเศรษบุตรกว่า ๓ ยุค ไม่ว่าจะเป็น เหรียญและเครื่องราชฯ เครื่องปั้นดินเผาจากบ้านเชียง ภาชนะเครื่องเคลือบจากจีน ของสะสมจากการเดินทางรอบโลก และอื่น ๆ อีกมากมาย รับรองว่าคนที่ชอบของเก่าเดินเพลินแน่ๆ และนอกจากนี้รอบนอกตัวบ้านยังมีโรงจอดเรือ ‘สมันเตา’ และ ‘ฆ์ง’ (อ่านว่า คะ-งอ) ซึ่งเป็นเรือที่นายเลิศขับขี่เป็นประจำ รวมทั้งรถเมล์ขาวสายพระโขนง-กษัตริย์ศึก รถเมล์สายแรก ๆ ของไทยอีกด้วย บ้านปาร์คนายเลิศ ถ.วิทยุ เวลาทำการ พฤหัสบดี-ศุกร์ นำชมโดยมัคคุเทศก์ ๓ รอบต่อวันคือ ๑๑.oo น., ๑๔.oo น. และ ๑๖.oo น. โทร. o๒-๖๕๕-๔๗๗๕-๖ บัตรราคา 5oo บาท






๒. พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้


ในฐานะคนที่เห็นพวงมาลัยในชีวิตประจำวันจนชินตา เราไม่ได้รู้สึกว่ามันพิเศษอะไรนัก แต่พอได้ไปพิพิธภัณธ์วัฒนธรรมดอกไม้ เราถึงได้เข้าใจว่ามีเรื่องราวและความพิถีพิถันซ่อนอยู่ในดอกไม้ที่ร้อยเรียงต่อกันเป็นเส้นสาย ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง เราอยากแนะนำให้ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมบนถนนสามเสน ซึ่งก่อตั้งโดย สกุล อินทกุล นักจัดดอกไม้ชื่อดังผู้เคยฝากฝีมือไว้ในงานอันทรงเกียรติอย่างงานเฉลิมฉลองครองสิริราชสมบัติครบ ๖o ปีของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อพ.ศ. ๒๕๔๙ ภายในบ้านไม้สักโบราณอายุกว่า ๑oo ปีแบ่งเป็น ๖ ห้อง จัดแสดงงานฝีมือจากดอกไม้ทั้งของไทยและต่างชาติ เช่น อินเดีย ญีปุ่น จีน ฯลฯ






เมื่อดูเสร็จ อย่าลืมพักจิบชาที่ Dok Mai Thai Salon du Thé ความพิเศษคือชาแต่ละชนิดได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินทางรอบโลกของคุณสกุล เช่น Turkish Promegranate Cinnamon Tea และ Kashmiri Spiced Milk Tea (๑๒o บาท/กา) หรือจะเลือกสั่งเป็นเซ็ต ๒๔o บาท ก็จะได้ขนมไทยมาทานเล่นคู่กับชา นอกจากนี้ ทางพิพิธภัณฑ์ยังจัดเวิร์กช็อปเกี่ยวกับดอกไม้อยู่เป็นประจำ เช่น ม่านมาลัยดอกไม้ มาลัยแขก กระทง (๑,๗oo บาท) เช็ควันเวลาเวิร์กช็อปได้ที่หน้าเพจ Museum of Floral Culture พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ ถ.สามเสน ซอย ๒๘ เวลาทำการ อังคาร-อาทิตย์ ๑o.oo-๑๘.oo น. โทร. o๒-๖๖๙-๓๖๓๓ บัตรผู้ใหญ่ ๑๕o บาท เด็ก ๗๕ บาท






๓. พิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพฯ


เราเชื่อว่าตอนเด็ก ๆ ทุกคนต้องเคยเล่นเก็บเปลือกหอยที่ริมชายหาดกันทั้งนั้น ถ้าใครอยากเดินทางย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กตัวน้อยในชุดว่ายน้ำและอุปกรณ์ขุดทราย เราอยากแนะนำให้ไปพิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพฯ ซึ่งรวบรวมเปลือกหอยสวยงามจากทั่วโลกรวมถึง ๖๒๔ ชนิด ราว ๑o,ooo ตัวบนอาคาร ๓ ชั้นริมถนนสีลม ไฮไลท์เด็ดที่ต้องไปดูคือ เปลือกหอยมีเสือยักษ์จากประเทศอินโดนีเซียซึ่งหนักกว่า ๓oo กิโลกรัม! ฟอซซิลแอมโมไนต์อายุมากกว่า ๑oo ปีจากประเทศเยอรมัน และเปลือกหอยทากมรกตซึ่งสูญพันธ์ไปแล้วส่งตรงมาจากเกาะปาปัว ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองให้ได้นะ!






พิพิธภัณฑ์หอยกรุงเทพฯ ๑o๔๓-๑o๔๓/๑ ซอยสีลม ๒๓ เวลาทำการ ทุกวัน ๑o.oo-๑๘.๓o น. โทร. o๒-๒๓๔-o๒๙๑ บัตรผู้ใหญ่ ๑oo บาท เด็ก/นักเรียนนักศึกษา (แสดงบัตร) ๕o บาท






๔. พิพิธภัณฑ์เครื่องถ้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้



ห็นคำว่าเครื่องถ้วยแล้วหลายคนอาจจะถอนหายใจ คิดไปถึงเรื่องราวน่าเบื่อในชั้นเรียนประวัติศาสตร์ แต่ต่อให้เป็นคนที่ไม่อินกับเครื่องปั้นดินเผา เราก็ยังอยากแนะนำให้ไปพิพิธภัณฑ์เครื่องถ้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะประสบการณ์การเดินเข้าไปในอาคารที่ซ่อนตัวอยู่ในชั้นใต้ดินห่างไกลจากคำว่าน่าเบื่อไปมากโข! และภายในก็จัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาโบราณทั้งที่ผลิตในไทยและในต่างประเทศ ซึ่งอาจารย์สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยกรุงเทพเป็นผู้เก็บสะสมไว้ จุดที่เราประทับใจมาก ๆ คือที่นี่มีโซน ‘หยิบฉัน สัมผัสฉัน’ ที่เปิดโอกาสให้เราได้ใช้มือสัมผัสเครื่องปั้นดินเผาโบราณแบบไม่มีหวง แต่ยังไงก็ต้องระมัดระวังนะ! พิพิธภัณฑ์อาจจะเล็กหน่อย แต่เราว่าคุ้ม!






พิพิธภัณฑ์เครื่องถ้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต ถ.พหลโยธิน เวลาทำการ จันทร์-เสาร์ ๙.oo-๑๖.oo น. โทร. o๒-๙o๒-o๒๙๙ ต่อ ๒๘๙o






๕. บ้านหมอหวาน


เด็กๆ รุ่นเราอาจไม่คุ้นเคยกับยาหอมซักเท่าไหร่ ใกล้เคียงที่สุดก็คงเคยเห็นปู่ย่าตายายชงน้ำกิน แต่รู้ไหมว่าสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นผง ๆ อะไรไม่รู้นั่นคือสมุนไพรชั้นดีที่ช่วยบำรุงร่างกายได้นะ บ้านหมอหวานเป็นผลผลิตจากความตั้งใจที่จะ ‘บำรุงชาติสาสนายาไทย’ ของนายหวาน รอดม่วง แพทย์แผนโบราณซึ่งมีชีวิตอยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๕-๘ หมอหวานมุ่งมั่นจะสืบทอดแพทย์แผนไทยเอาไว้ สวนกระแสสังคมในยุคหลังพ.ศ. ๒๔๖๖ (หลังมีพระราชบัญญัติการแพทย์ฉบับแรก) ที่ผู้คนคนหันไปพึ่งแพทย์แผนตะวันตกจนวิชาแพทย์แผนไทยเกือบสูญหาย






ปัจจุบันบ้านบ้านสไตล์โคโลเนียลแห่งนี้เปิดประตูต้อนรับผู้ที่มาซื้อยาหอม รวมทั้งผู้ที่สนใจเข้าชมอุปกรณ์ปรุงยาแบบโบราณและขวดยาเก่า ๆ ซึ่งได้รับการดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี ถ้าไปแล้วอย่าลืมซื้อยาหอมสูตรโบราณฝากญาติผู้ใหญ่ด้วยล่ะ หรือจะซื้อมากินเองก็ไม่ผิดนะ ลองเลือกจาก ๔ สูตรเด็ด สุรามฤทธิ์ อินทรโอสถ ประจักร์ หรือสว่างภพ (๕๗๕-๒,๕๖๕/กล่อง) ได้เลย บ้านหมอหวาน ๙ ซอยเทศา ถ.บำรุงเมือง เวลาทำการ ทุกวัน ๙.oo-๑๗.oo น. โทร. o๒-๒๒๑-๘o๗o ไม่มีค่าเข้าชม






๖. บ้านพิพิธภัณฑ์


เราชอบสโลแกน ‘เก็บวันนี้ พรุ่งนี้ก็เก่า’ ของบ้านพิพิธภัณฑ์มาก เพราะมันกำลังบอกเราให้ดูแลรักษาของดีๆ จะได้เอาไว้ให้ลูกหลานดูเพื่อศึกษาวิถีชีวิตของคนสมัยก่อน รวมทั้งตัวเราเองยามแก่ตัวไปจะได้รำลึกถึงวันเก่าๆ ด้วย เอนก นาวิกมูล นักเขียนและนักวิชาการคนสำคัญของไทย เป็นผู้ก่อตั้งบ้านพิพิธภัณฑ์ขึ้นโดยรวบรวมของใช้ในชีวิตประจำวันจากยุคตั้งแต่ ๔o-๕o ปีก่อน ทั้งของตัวเองและเพื่อน ๆ มาจัดแสดงในอาคาร ๓ ชั้นซึ่งเป็นเสมือนไทม์แมชชีนที่จะพาเราข้ามเวลาไปในอีกยุคหนึ่ง






ที่นี่มีของน่าสนใจเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ตู้ เตียงป้ายโฆษณา แก้วน้ำ หนังสือเรียน ของเล่น ของแถม และอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีกิมมิคการจัดแสดงเป็นห้องต่าง ๆ เช่น ร้านขายยา โรงหนัง ร้านทำฟัน ห้องเรียน ร้านกาแฟ เด็กวัยรุ่นอาจจะทันแค่บางอย่าง แต่ถ้าผู้ใหญ่เดินเข้าไปก็ต้องมีนอสตาลเจียคิดถึงวัยเด็กกันบ้างแหละน่า บ้านพิพิธภัณฑ์ ๑๗o/๑๗ หมู่ ๑๗ ถ.ศาลาธรรมสพน์ ซอย ๓ เวลาทำการ เสาร์-อาทิตย์ ๑o.oo-๑๗.oo น. บัตรผู้ใหญ่ ๔o บาท เด็ก ๑o บาท



ภาพและข้อมูลจาก
soimilk.com












นาขั้นบันไดที่ตำบลหลงจี อำเภอหลงเซิ่ง เขตปกครองตัวเองชนชาติจ้วงมณฑลก่วงซี
ภาพวันที่ ๑๑ เม.ย. ๒๕๕๙ (ภาพ ซินหวา/ โดย หวัง ซง)



อลังการงดงาม! ศิลปะนาขั้นบันไดจีน



จีนมีประวัติศาสตร์นับพันๆปีในการทำนาขั้นบันได นับเป็นความสำเร็จในการปรับตัวเข้ากับสภาพภูมิประเทศ สร้างอู่ข้าวอู่น้ำที่ให้ผลผลิตสูงในเขตที่ขาดแคลนที่ราบสำหรับทำนา ทั้งยังเป็นเทคนิกการปลูกข้าวที่ช่วยรักษาน้ำรักษาดิน เป็นแบบอย่างของการดำรงอยู่ร่วมระหว่างคนกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน นอกไปจากนี้ยังได้สร้างทัศนียภาพสวยงาม กลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกด้วย

ช่างภาพชาวจีน นาย หวัง ซง ได้ติดตามเก็บภาพนาขั้นบันไดในช่วงหลายปีมานี้ เขาได้บันทึกภาพ แสดงศิลปะแห่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีชีวิตชีวา ชื่นตาชื่นใจ

ชมทัศนียภาพนาขั้นบันไดในเขตต่าง ๆ ของประเทศจีน โดยช่างภาพชาวจีน หวัง ซง





นาขั้นบันไดที่ตำบลหลงจี อำเภอหลงเซิ่ง เขตปกครองตัวเองชนชาติจ้วงมณฑลก่วงซี
ภาพวันที่ ๑๑ เม.ย. ๒๕๕๙ (ภาพ ซินหวา/ โดย หวัง ซง)






นาขั้นบันไดที่ตำบลหลงจี อำเภอหลงเซิ่ง เขตปกครองตัวเองชนชาติจ้วงมณฑลก่วงซี
ภาพวันที่ ๑๑ เม.ย. ๒๕๕๙ (ภาพ ซินหวา/ โดย หวัง ซง)






นาขั้นบันไดที่ตำบลหลงจี อำเภอหลงเซิ่ง เขตปกครองตัวเองชนชาติจ้วงมณฑลก่วงซี
ภาพวันที่ ๑๑ เม.ย. ๒๕๕๙ (ภาพ ซินหวา/ โดย หวัง ซง)






นาขั้นบันไดที่หมู่บ้านเจียงหลิง อำเภออู่หยวน มณฑลเจียงซี
ภาพวันที่ ๓๑ มี.ค. ๒๕๕๘ (ภาพ ซินหวา/ โดย หวัง ซง)






นาขั้นบันไดที่หมู่บ้านเจียงหลิง อำเภออู่หยวน มณฑลเจียงซี
ภาพวันที่ ๓๑ มี.ค. ๒๕๕๘ (ภาพ ซินหวา/ โดย หวัง ซง)






นาขั้นบันไดที่ตำบลซั่งเป่า เมืองกันโจว มณฑลเจียงซี ภาพวันที่ ๒๘ พ.ค. ๒๕๕๖
((ภาพ ซินหวา/ โดย หวัง ซง)






นาขั้นบันไดที่ตำบลซั่งเป่า เมืองกันโจว มณฑลเจียงซี ภาพวันที่ ๒๘ พ.ค. ๒๕๕๖
((ภาพ ซินหวา/ โดย หวัง ซง)






นาขั้นบันไดที่อำเภออวิ๋นเหอ มณฑลเจ้อเจียง ภาพวันที่ ๕ เม.ย. ๒๕๕๘
(ภาพ ซินหวา/ โดย หวัง ซง)






นาขั้นบันไดที่เมืองติ่งซี มณฑลกันซู่ ภาพวันที่ ๔ ก.ค. ๒๕๕๗
(ภาพ ซินหวา/ โดย หวัง ซง)






นาขั้นบันไดที่เมืองติ่งซี มณฑลกันซู่ ภาพวันที่ ๔ ก.ค. ๒๕๕๗
(ภาพ ซินหวา/ โดย หวัง ซง)






นาขั้นบันไดที่อำเภอหยวนหยัง
เขตปกครองตัวเองแห่งหงเหอของชนชาติอี๋และฮาหนี มณฑลอวิ๋นหนัน (ยูนนาน)
ภาพวันที่ ๒๕ ม.ค. ๒๕๕๘ (ภาพ ซินหวา/ โดย หวัง ซง)






นาขั้นบันไดที่อำเภอหยวนหยัง
เขตปกครองตัวเองแห่งหงเหอของชนชาติอี๋และฮาหนี มณฑลอวิ๋นหนัน (ยูนนาน)
ภาพวันที่ ๒๕ ม.ค. ๒๕๕๘ (ภาพ ซินหวา/ โดย หวัง ซง)






นาขั้นบันไดที่อำเภอหยวนหยัง
เขตปกครองตัวเองแห่งหงเหอของชนชาติอี๋และฮาหนี มณฑลอวิ๋นหนัน (ยูนนาน)
ภาพวันที่ ๒๕ ม.ค. ๒๕๕๘ (ภาพ ซินหวา/ โดย หวัง ซง)




ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














๙๓ ปี ชาลี อินทรวิจิตร เพลงหนังคู่แผ่นดิน



ด้วยบริษัท โคลีเซียม อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด โดยคุณคมน์ อรรฆเดช และคุณพรพิมล มั่นฤทัย ประธานกรรมการ ในฐานะผู้ครอบครองลิขสิทธิ์ทุกบทเพลงอมตะของครูชาลี อินทรวิจิตร ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้ประพันธ์คำร้อง-ผู้กำกับฯ ภาพยนตร์) ปี ๒๕๓๖ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้จัดคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบขึ้นเป็นครั้งแรก

โดยใช้ชื่อคอนเสิร์ตว่า “๙๓ ปี ชาลี อินทรวิจิตร เพลงหนังคู่แผ่นดิน” จุดเริ่มต้นคอนเสิร์ตครั้งนี้มาจากความตั้งใจของคุณ “คมน์ อรรฆเดช” โดยมีคุณ “พรพิมล มั่นฤทัย” ในฐานะผู้สานต่อความฝันของสามี และได้เล่าให้ฟังถึงคอนเสิร์ตครั้งนี้ให้ฟังว่า

“คุณคมน์นับถือครูชาลีมากๆ เป็นครูกับลูกศิษย์กันมาตั้งแต่เข้าวงการ ชื่อ “คมน์ อรรฆเดช” ครูชาลีท่านก็ตั้งให้ ครูชาลีท่านจึงส่งมอบลิขสิทธิ์เพลงให้ทางบริษัท โคลีเซียม อินเตอร์ กรุ๊ป ดูแลแต่เพียงผู้เดียว เป็นเวลากว่า ๑o ปีแล้ว และในปีนี้ เพื่อสานต่อความตั้งใจตามที่คุณคมน์เคยรับปากครูชาลีไว้ และต้องการที่จะสืบสานงานเพลงอมตะของครูเพลง ๙๓ ปีแห่งชีวิตหัวใจคิดแต่เรื่องเพลงอย่างครูชาลี ให้ยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน จึงควรมีการจัดคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ขึ้นสักครั้ง โดยใช้ชื่อว่า “๙๓ ปี ชาลี อินทรวิจิตร เพลงหนังคู่แผ่นดิน” ได้คัดเลือกบทประพันธ์เพลงไพเราะของครูชาลีที่มีมากกว่า ๑,ooo เพลง เพื่อจะนำมาใช้ในคอนเสิร์ตครั้งนี้มากกว่า ๔o เพลง เช่นเพลงสายชล จาก ภ.เรือนแพ, เพลงหยาดเพชร จาก ภ.เงินเงินเงิน และอีกหลายบทเพลง

“คอนเสิร์ตครั้งนี้ถือว่าเป็นคอนเสิร์ตที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด เพราะเราตั้งใจจัดการแสดงครั้งนี้ด้วยความรู้สึกและด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความศรัทธา ครูชาลีท่านเองก็พอใจมากเพราะเป็นคอนเสิร์ตที่เต็มไปด้วยการแสดง แสง สี เสียงที่มีความสมบูรณ์แบบจริง ๆ ทั้งนี้ได้เรียนเชิญศิลปินแนวหน้าของเมืองไทย ซึ่งศิลปินทุกท่านตอบรับด้วยความยินดีและตั้งใจที่จะมาร่วมงานคอนเสิร์ตครั้งนี้อย่างมาก”

การจัดงานคอนเสิร์ตครั้งนี้จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๕ มิ.ย. ๒๕๕๙ เวลา ๑๔.oo น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยจะเริ่มเปิดขายบัตรในวันที่ ๒๑ เม.ย. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ทางไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา



ภาพและข้อมูลจาก
banmuang.co.th














นิทรรศการถาวรเรื่อง “รากแห่งวัฒนธรรมอาเซียน"



วันพุธที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๘.๐๐ น. พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดนิทรรศการ “รากแห่งวัฒนธรรมอาเซียน” (Roots of ASEAN’s Culture) โดยมีนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมพิธีเปิด ณ อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

นิทรรศการถาวรเรื่อง “รากแห่งวัฒนธรรมอาเซียน” จัดแสดงศิลปะเอเชีย ศิลปะลพบุรี (ศิลปะเขมรในประเทศไทย) และศิลปะอินโดนีเซีย (ศิลปะชวา) ณ อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร มุ่งเน้นส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจวัฒนธรรมอาเซียนที่มีความเหมือนและแตกต่างอันหลากหลายโดยผ่านงานปฏิมาเลอค่า งดงาม ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ รวมทั้งประติมากรรมที่ได้รับมอบจากกลุ่มประเทศอาเซียนและในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งล้วนเป็นสมบัติของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร มาแต่เดิม

ปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้ดำเนินการปรับปรุงอาคารและนิทรรศการภายในอาคารมหาสุรสิงหนาทแล้วเสร็จ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จึงได้เปิดนิทรรศการสู่สายตาประชาชน อันสอดคล้องกับโอกาสที่กระทรวงวัฒนธรรมจัดกิจกรรมมหกรรมวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Cultural Expo’2016) ณ กรุงเทพมหานคร โดยนิทรรศการ “รากแห่งวัฒนธรรมอาเซียน” จะเป็นสื่อสำคัญในการสร้างความตระหนักถึงสัมพันธภาพอันยาวนานนับแต่อดีตกาลระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งมีความเป็นมิตรที่ดีต่อกันเสมอมาจวบจนปัจจุบัน ตลอดจนตระหนักถึงคุณค่าของมรดกศิลปวัฒนธรรมของแต่ละประเทศและร่วมกันอนุรักษ์ให้คงสืบไปเพื่ออนุชนในอนาคต

ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ “รากแห่งวัฒนธรรมอาเซียน” ได้ทุกวันพุธ – อาทิตย์ (ปิดจันทร์ – อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร โทรศัพท์ ๐-๒๒๒๔-๑๓๗๐, ๐-๒๒๒๔-๑๓๓๓







ภาพและข้อมูลจาก
hunsa.com
finearts.go.th














‘ดวงฤทธิ์ บุนนาค’ เปิดตลาดงานศิลป์กลางแจ้งโชว์เจ๋งผลงาน ๑๔ ศิลปิน



เริ่มต้นเดินหน้าสร้างค่านิยมให้ศิลปะเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนไทย กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และมุมมองใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยสถาปนิกและนักออกแบบมากฝีมือของเมืองไทย ‘ดวงฤทธิ์ บุนนาค’ ผู้อำนวยการบริหารพื้นที่สุดอาร์ต 'เดอะแจมแฟคตอรี่’ (The Jam Factory) ร่วมด้วย ‘นนทวัฒน์ เจริญชาศรี’ ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ และ ‘สิริมา ไชยปรีชาวิทย์’ บรรณาธิการบริหารนิตยสาร ‘เดอะ แจม แฟคทอรี่’ (The Jam Factory) ได้เปิดพื้นที่แสดงงานศิลปะรูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ ‘อาร์ตกราวด์’ (ART GROUND) ตลาดงานศิลปะที่รวมตัวศิลปินดังของประเทศไทย พร้อมด้วยเหล่าศิลปินหน้าใหม่มากฝีมือ มาสร้างสรรค์ผลงานชิ้นพิเศษพร้อมจัดเวิร์คช็อปให้คนรักงานอาร์ตได้ชมกันอย่างใกล้ชิด ในบรรยากาศยามเย็นริมแม่น้ำเจ้าพระยาของ โครงการเดอะ แจม แฟคทอรี่ (The Jam Factory) คลองสาน

นอกจากคนรักงานศิลป์ทั้งนักศึกษาและประชาชนทั่วไปจะให้ความสนใจเข้ามาชมผลงานแล้ว ยังได้รับความสนใจจากเหล่าเซเลบริตี้หัวใจอาร์ต มาร่วมงานกันคับคั่ง อาทิ “หมู” จุฬาลักษณ์ ปิยะสมบัติกุล, “เมย์” ไพพรรณี เตชะณรงค์, “โต” พัชรวัฒน์ ตระกาลสันติกูล, “แองจี้ สุนทรีย์ บาเลก รวมไปถึงเหล่านักแสดงชื่อดัง อาทิ “อาย” กมลเนตร เรืองศรี, นท พนายางกูร, “จูนจูน” พัชชา พูนพิริยะ, “กราฟ” โอสธี ซุ่นมงคล และอีกมากมาย






สำหรับ ๑๔ ศิลปินชื่อดังที่มาร่วมโชว์ฝีไม้ลายมือในงานครั้งแรกนี้ ได้แก่ โลเล-ทวีศักดิ์ ศรีทองดี, โน้ต-กฤษดา ภควัตสุนทร, ปอม ชาน-ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง, รักกิจ ควรหาเวช, เล็ก เกียรติศิริขจร, มะลิ จุลเกียรติ, เตย-สุทธิภา คำแย้ม, จี๊ป-ภาสินี คงเดชะกุล, ตั้ม-วิศุทธิ์ พรนิมิตร, กนิษฐรินทร์ ไทยแหลมทอง, กนกนุช ศิลปวิศวกุล, จิรายุ คูอมรพัฒนะ, ตุลยา ตุลย์วัฒนจิต และ มานิตา ส่งเสริม

‘ดวงฤทธิ์ บุนนาค’ ในบทบาทผู้อำนวยการบริหารพื้นที่ 'เดอะแจมแฟคตอรี่’ เผยที่มาของ ‘อาร์ตกราวด์’ (ART GROUND) ว่าเกิดจากความต้องการสร้างคอมมูนิตี้สร้างสรรค์งานศิลปะของคนรุ่นใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราวของศิลปะโดยไม่จำกัดประเภท เป็นตลาดงานศิลปะแห่งแรกแห่งเดียวที่รวบรวมเหล่าศิลปินดังระดับประเทศมาไว้ด้วยกัน รวมถึงการเปิดพื้นที่ให้ศิลปินรุ่นใหม่ที่กำลังมีผลงานเป็นที่น่าสนใจ ได้มาแสดงออกถึงตัวตนอย่างไรข้อจำกัด






“ผมมองว่าสังคมเมืองตอนนี้ด้วยความเร่งรีบ เหนื่อยล้า ทำให้เรามองข้ามงานศิลปะไป จริง ๆ แล้วศิลปะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะบอกว่าตัวเราเป็นใคร เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ‘อาร์ตกราวด์’ (ART GROUND) เป็นความตั้งใจ จากการที่ผมได้เห็นอาร์ต แฟร์ มาทั่วโลก ผมชอบรูปแบบงานที่สามารถซื้อขายงานศิลปะกันได้ในราคาไม่แพงมาก คนเสพงานศิลป์ก็ได้งานที่ดีในราคาย่อมเยา ศิลปินหน้าใหม่ก็มีกำลังใจที่จะสร้างผลงาน เมื่อขายงานได้ เขาก็อยู่ได้ด้วยศิลปะที่เขาทำ ไม่ว่าจะคุณจะเป็นใคร เป็นนักดนตรี เป็นคนเขียนภาพ ผมเชื่อว่าถ้าทุกคนมีศิลปะในชีวิตประจำวัน สังคมก็จะดีขึ้น เพราะศิลปะมีผลกับความคิดการแสดงออกที่ดี ฟังดูอาจไม่น่าเชื่อแต่สองอย่างนี้เป็นเรื่องเดียวกันได้” ผู้อำนวยการบริหารพื้นที่อาร์ตกราวด์ กล่าว

โดยหลังจากแนะนำรูปแบบงานเสร็จสิ้นเจ้าบ้านแห่งเดอะ แจม แฟคทอรี่ “ด้วง” ดวงฤทธิ์ และ “ป่าน” สิริมา ก็ได้พาเดินชมการจัดแสดงผลงานศิลปะในงาน ที่แบ่งออกเป็นจำนวน ๕ โซนด้วยกัน โดยเริ่มจาก ‘อาร์ตนาว’ (ART NOW) กับการรวมตัวกันของ ๑๔ ศิลปินชื่อดังระดับประเทศที่จะนำชิ้นงานศิลปะของตนเองมาเปิดขายภายในงาน รวมถึงสร้างสรรค์ผลงานชิ้นพิเศษขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ

ถัดมาที่ ‘อาร์ต ฟาวด์’ (ART FOUND) พบกับการรวมตัวของ ๓o ศิลปินหน้าใหม่ ที่มีไอเดียไม่ซ้ำใครกับการสร้างผลงานอย่างสนุกสนานไร้ข้อจำกัด ซึ่งกำลังมีผลงานเป็นที่น่าสนใจในขณะนี้

ต่อมาที่ ‘อาร์ต ฮาว’ (ART HOW) เวิร์คช็อปเรียนรู้กระบวนการถ่ายภาพด้วยแสงธรรมชาติ เสมือนยกห้องมืดออกมาอยู่ในที่โล่งแจ้ง ซึ่งจะได้เรียนรู้กระบวนการ และขั้นตอนการใช้สารเคมีต่างๆ ประหนึ่งนักวิทยาศาสตร์ในห้องทดลอง

และอีกหนึ่งเวิร์คช็อปที่น่าสนใจจากสตูดิโอ ‘ดิ อาร์คะวิสท์’ (The Archivist) ที่ทุกคนจะได้เรียนรู้ทุกกระบวนการสร้างสรรค์งานภาพพิมพ์สกรีน ปริ๊นจากผลงานออกแบบได้ด้วยตนเอง

ถัดมาที่ ‘อาร์ต ซาวด์’ (ART SOUND) พื้นที่สุดชิคของเหล่าศิลปินสุดแนวที่จะมาสร้างบรรยากาศให้งานครั้งนี้อบอวลไปด้วยเสียงดนตรี อาทิ มูฟวิ่ง แอนด์ คัท (Moving and Cut), ยูธ บรัช (Youth Brush), ฟรีแฮนด์ (Free Hand) และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมี ‘FOOD TOWN’ (ฟู้ด ทาวน์) กับเหล่าบรรดาร้านอาหารและฟู้ดทรัคจาก ‘เดอะ แน็ค มาร์เก็ต’ (The Knack Market) ที่พร้อมจะมาเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มให้กับทุกคนอย่างเต็มอิ่ม






นอกจากจะมีการรวบรวมเอาผลงานของเหล่าศิลปินมาจัดแสดงและเปิดขายอย่างเสรีแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่เปิดโอกาสให้กลุ่มคนที่ชื่นชอบในงานศิลปะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ อาทิ การเวิร์คช็อปเรียนรู้กระบวนการถ่ายภาพเชิงทดลองกับการถ่ายภาพลงบนผ้าด้วยแสงธรรมชาติ หรือการเรียนรู้กระบวนการการสร้างสรรค์ภาพพิมพ์สกรีนจากผลงานการออกแบบของผู้มาร่วมงานเอง

นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่น่าสนใจสำหรับคนไทยที่รักงานศิลปะ ที่จะได้มาแสดงออกความคิดเห็นในงานคอมมูนิตี้อาร์ตที่รวบรวมงานศิลปะหลากหลายรูปแบบและศิลปินชื่อดังเอาไว้มากมายครั้งแรกในเมืองไทย ที่บริเวณ โครงการเดอะ แจม แฟคทอรี่ (The Jam Factory) คลองสาน




























































ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














รางวัล'คึกฤทธิ์'ยกย่องครูดนตรีละครรำไทย



ผศ.สงบศึก ธรรมวิหาร ครูดนตรีไทยอาวุโสผู้มีฝีมือยอดเยี่ยม ครั้งหนึ่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เอ่ยปากชมฝีมือการบรรเลงประกอบการเล่นโขนธรรมศาสตร์ว่า "ตีระนาดได้อารมณ์" ปีนี้คณะกรรมการมูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คัดเลือกเป็น ๑ ใน ๔ ผู้มีผลงานดีเด่นได้รับรางวัลคึกฤทธิ์ ประจำปี ๒๕๕๙

ในวันคึกฤทธิ์ วันที่ ๒o เม.ย.ที่ผ่านมา นอกจากรับมอบรางวัล ศิลปินรางวัลคึกฤทธิ์ท่านนี้ร่วมตีระนาดในเพลงแขกสาหร่าย ซึ่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ บุคคลสำคัญของโลก อดีตนายกรัฐมนตรีและศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประพันธ์เนื้อร้องไว้ กิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องในโอกาส ๑o๕ ปีแห่งชาตกาลของ ศ.พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช โดยมูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ฯ เพื่อแสดงความระลึกถึงและสืบทอดเจตนารมณ์ในการยกย่องศิลปินผู้มีคุณงามความดีและถ่ายทอดความรู้สู่คนรุ่นหลัง

ทุกปีมูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ฯ จะดำเนินการมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้กับศิลปินในแขนงต่าง ๆ ความพิเศษของรางวัลปีนี้ได้ขยายความสำคัญของกลุ่มคนที่ร่วมเป็นรากฐานและอยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จของงานศิลปะ มีการพิจารณาเปลี่ยนชื่อ "รางวัลศิลปินคึกฤทธิ์" เป็น "รางวัลคึกฤทธิ์"

คณะกรรมการได้สรรหาผู้มีผลงานและผู้ที่อยู่เบื้องหลังด้านนาฏศิลป์-การละคร ดุริยางคศิลป์ คีตศิลป์ ศิลปะการแสดง ตามแนวนิยมของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ให้ได้รับการเชิดชูเกียรติอย่างเท่าเทียมกัน นอกจากครูสงบศึก ที่ได้สาขาดุริยางค์ไทยแล้ว ยังมี วรางคณา วรรณประเก ครูละครรำ ได้รางวัลคึกฤทธิ์ สาขานาฏศิลป์-ละคร และ รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ดวงพัตรา ผู้รู้ด้านศิลปะแสดงละครสมัยใหม่ และผู้ก่อตั้งคณะละครคึกฤทธิ์ รับรางวัลสาขาศิลปะการแสดง

ปีนี้ยังเพิ่มรางวัลสาขาวรรณศิลป์ เพราะเป็นสาขาศิลปะที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ มีความเชี่ยวชาญและมีผลงานโดดเด่น โดย ดารกา วงศ์ศิริ ได้รับรางวัลสาขาวรรณศิลป์ (บทละคร) เป็นปีแรก ในวงการชื่อเสียงของเธอเป็นที่ยอมรับว่า มีชั้นเชิงการเขียนบทละครขั้นเทพ ยากหาใครทัดเทียม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ประธานกรรมการมูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ฯ กล่าวว่า วันคึกฤทธิ์จัดขึ้นวันที่ 20 เม.ย.ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเกิดของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปีนี้เลือก ๔ ผู้มีผลงานคุณภาพรับรางวัลเชิดชูเกียรติ นอกจากนั้นในปีนี้โครงการรวบรวมภาพและฟิล์มชุดการแสดงของโนราขุนอุปถัมภ์นรากร หรือโนราพุ่มเทวาบรรจุในเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว สามารถชื่นชมและใช้อ้างอิงเป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ได้ เช่นเดียวกับสื่อมัลติมีเดียเรื่องรามเกียรติ์ที่สถาบันคึกฤทธิ์เคยจัดการแสดงก็ดำเนินการแล้วและจะมีโครงการใหญ่เปิดโอกาสให้นักแสดงโขนรุ่นหนุ่มสาวจากศูนย์ศิลปะการแสดงสถาบันคึกฤทธิ์แสดงโขนเฉลิมพระเกียรติราชินี ๘๔ พรรษา วันที่ ๘ มิ.ย. ๒๕๕๙ ปีที่แล้วเราปรับเป็นโขนยุคใหม่ ปรับบทพากย์โขน

ให้เข้าใจง่ายขึ้น คนดูชื่นชอบมาก กำหนดเปิดจองบัตรวันที่ ๑ พ.ค.นี้ สงบศึก ธรรมวิหาร สาขาดุริยางค์ไทย กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้รับรางวัลนี้ ตนชื่นชอบอาจารย์คึกฤทธิ์เป็นอย่างมาก วันนี้รู้สึกปลื้มใจได้เห็นคนรุ่นใหม่ให้ความรักและเอาใจใส่ในศิลปวัฒนธรรมไทย เพราะการสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยขึ้นอยู่กับคนรุ่นใหม่จะเอาใจใส่สานต่อให้อยู่คู่ชาติไทยได้สำเร็จหรือไม่

วรางคณา วรรณประเก สาขานาฏศิลป์ไทย กล่าวว่า ภาคภูมิใจที่ได้รับการยกย่องให้ได้รับรางวัลคึกฤทธิ์ ปีนี้จะสืบสานเจตนารมณ์ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ในการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมไทย ตนจะถ่ายทอดความรู้การแสดงนาฏศิลป์ให้กับเด็กรุ่นหลัง ปัจจุบันนอกจากเป็นครูชำนาญการสาขาละครนาง สังกัดสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์วิทยาลัยนาฏศิลป์ ทุกวันอาทิตย์จะมาเป็นครูละครรำของศูนย์ศิลปะการแสดงสถาบันคึกฤทธิ์ตั้งแต่แรกจนทุกวันนี้ มีทั้งเด็กจากครอบครัวยากจนไปจนถึงมีฐานะ สอนทั้งนาฏศิลป์และมารยาทไทย ปลูกฝังไปพร้อม ๆ กัน ลูกศิษย์ที่เรียนจบจากศูนย์ก็กลับมาทำหน้าที่ครูสอนน้อง ๆ ต่อ

"ปัจจุบันนาฏศิลป์ไทยพัฒนาก้าวไกลและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เพราะเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ มีคนสนใจและชอบดูการแสดงรำของไทย ฝากถึงศิลปินละครรำทุกคนให้ตั้งใจฝึกฝนท่ารำ เล่นให้ถึงบทแล้วการแสดงจะเข้าไปอยู่ในใจคนดู เติบโตเป็นศิลปินคุณภาพ แม้แต่ครูเองก็พัฒนา ตัวเองเสมอ" ครูละครผู้มากความสามารถ กล่าว

รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ดวงพัตรา สาขาศิลปะการแสดง เผยว่า ศิลปะการแสดงของไทยในปัจจุบันได้รับความนิยมจากเยาวชนคนรุ่นใหม่มากขึ้น สิ่งที่สำคัญคือ ทำให้เด็ก ๆ ได้รู้จัก เล่นเป็นและสามารถวิจารณ์เป็น การเริ่มต้นศึกษาศิลปะการแสดงนั้นสามารถเริ่มต้นได้จากการเรียนรู้ทั่ว ๆ ไป ไม่จำเป็นต้องเรียนเพื่อประกอบอาชีพอย่างจริงจัง เพียงแค่รู้จัก เล่นเป็น ก็สามารถสืบสานศิลปะการแสดงของไทยเราสืบต่อไปได้

นอกจากนี้ ในงานวันคึกฤทธิ์ยังจัดการแสดงรำและดนตรีโบราณจากศิลปินคึกฤทธิ์และคณะครูของศูนย์ศิลปะการแสดงสถาบันคึกฤทธิ์ชุดใหญ่ ทั้งรำถวายมือบูชาครู, รำโนราคล้องหงส์โดย ผศ.ธรรมนิตย์ นิคมรัตน์ หรือโนราธรรมนิตย์ ที่รู้จักกันดี ตลอดการแสดงได้รับความสนใจจากผู้ชมแน่นโรงละครภายในสถาบันคึกฤทธิ์ ซอยงามดูพลี เขตสาทร กรุงเทพฯ.



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
siamrath.co.th














รวมดาวศิลปินแห่งชาติ ในคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติพระราชินี



เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมกับมูลนิธิอุบลรัตน์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และสวลี ผกาพันธุ์ ศิลปินแห่งชาติ จัดคอนเสิร์ต "รวมใจถวายพระพร มหาราชินีนาถ" คอนเสิร์ตจากศิลปินแห่งชาติ เพื่อเผยแพร่ผลงานของศิลปินแห่งชาติและนำรายได้ส่วนหนึ่งสมทบทุน สวลี ผกาพันธุ์ ในกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านวัฒนธรรมของชาติ และสม ทบทุนมูลนิธิอุบลรัตน์ฯ เพื่องานสาธารณกุศล

สุนันทา มิตรงาม รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ และยกย่องเชิดชูเกียรติและเผยแพร่ผลงานของศิลปินแห่งชาติ เป็นอีกหนึ่งพันธกิจของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม คอนเสิร์ตในครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการรวบรวมศิลปินแห่งชาติในสาขาวรรณศิลป์ สาขาทัศนศิลป์ และสาขาศิลปะการแสดง มาอยู่บนเวทีเดียวกัน ซึ่งต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

"แนวเพลงของคอนเสิร์ตในครั้งนี้ก็จะเป็นไปตามความถนัดของศิลปินแห่งชาติแต่ละท่าน ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นถึงประสบการณ์ ความสามารถของคนแถวหน้าของประเทศที่ไม่ได้หาดูกันง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สนใจในเพลงไทยสากล เพลงไทยเดิม หรือแม้แต่เพลงดังๆ แต่ละยุคสมัยก็มีการทำใหม่อย่างออกรส จึงเชื่อว่าผู้ที่มาชมจะต้องประทับใจและได้ความสุขกลับบ้านไปอย่างแน่นอน"

ภายในงานแถลงข่าวยังมีการแสดงในคอนเสิร์ต "รวมใจถวายพระพร มหาราชินีนาถ" ที่บรรเลงโดยวงดนตรีกาญจนะผลิน กำกับการบรรเลงโดย จิรวุฒิ กาญจนะผลิน มาโชว์เรียกน้ำย่อย สร้างความอิ่มเอมและตื่นตา

อีกด้าน รศ.ดร.วีณา เชิดบุญญชาติ เลขาธิการมูลนิธิอุบลรัตน์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าวว่า นอกจากการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้จะเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แล้ว รายได้ส่วนหนึ่งยังได้สบทบทุนมูลนิธิอุบลรัตน์ฯ เพื่อนำไปจัดการศึกษาให้กับเยาวชนที่ขาดแคลนที่อยู่อาศัยและอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ให้ได้รับทุนการศึกษาสูงสุดตามความสามารถ โดยเพลงที่จะใช้ในคอนเสิร์ตครั้งนี้จะต้องเป็นเพลงที่งดงามและมีความหมาย ซึ่งไม่แต่เฉพาะคนรุ่นเก่าๆ ที่ฟังได้ ถ้าคนรุ่นใหม่ลองเปิดใจฟังก็จะพบกับความไพเราะที่หาได้ยากในดนตรีสมัย นี้

คอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติพระราชินี จะจัดแสดง ๒ รอบ ในวันเสาร์ที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๙ รอบ ๑๔.oo น. และ ๑๙.oo น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจาก ๔ ศิลปินแห่งชาติคือ สวลี ผกาพันธุ์, สุเทพ วงศ์กำแหง, จินตนา สุขสถิตย์, สันติ ลุนเผ่ และนักร้องรับเชิญอีกคับคั่ง อาทิ วินัย พันธุรักษ์, สุดา ชื่นบาน, ชัยรัตน์ เทียบเทียม, สุชาติ ชวางกูร, สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล, ศรีไศล สุชาตวุฒิ เป็นต้น ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสำรองบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา.















ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
culture.go.th
thaiticketmajor.com














นิทรรศการวิถีทะเลใต้



นิทรรศการ “วิถีทะเลใต้ : Way of the Southern Sea” ผลงานโดย สุจิตรา พาหุการณ์ (Sujittra Pahukan) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๗ เมษายน - ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ ARDEL's Third Place Gallery : อาร์เดลเธิร์ดเพลสแกลเลอรี่

วิถีทะเลใต้
โดย สุจิตรา พาหุการณ์
๗ เมษายน - ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙
ณ อาร์เดลเธิร์ดเพลส แกลเลอรี (ทองหล่อซอย ๑o)

นิทรรศการ “วิถีทะเลใต้” นำเสนอผลงานจิตรกรรมลายรดน้ำซึ่งเป็นเทคนิคกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอันทรงคุณค่าแบบไทยโบราณ ด้วยความละเอียดอ่อนงดงามจากกรรมวิธีและวัสดุสุดประณีตมากมาย ภายใต้แนวความคิดแบบร่วมสมัยผสมผสานกับรูปทรงสัญลักษณ์เชิงประเพณี เกี่ยวกับวิถีชีวิตของผู้คนชาวใต้ในชนบทซึ่งยังคงสืบสานวัฒนธรรมและอาชีพการทำประมงในท้องทะเลไทยไว้ด้วยความซื่อตรง การใช้ชีวิตของชาวบ้านพื้นถิ่นริมทะเลท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ถูกถ่ายทอดผ่านเส้นสายสีทองสุกสว่างและลายไทยลายทองอันอ่อนหวาน สื่อแสดงให้เห็นถึงความรักความผูกพันที่ศิลปินมีต่อความงดงามอย่างเรียบง่ายในวิถีวัฒนธรรมจากทะเลใต้ของไทย























ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














Shadow of Truth



นิทรรศการ "Shadow of Truth" ผลงานโดย อนันต์ ปาณินท์ (Anand Panin) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๔ เมษายน - ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ ARDEL Gallery of Modern Art : หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล

"Shadow of Truth"
โดย อนันต์ ปาณินท์
ระหว่างวันที่ ๔ เมษายน - ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙
ณ หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล (ถนนบรมราชชนนี)

นิทรรศการ Shadow of Truth โดย อนันต์ ปาณินท์ นำเสนอผลงานจิตรกรรมแบบกึ่งนามธรรมที่งดงาม ภายใต้เรื่องราวเนื้อหาเกี่ยวกับประสบการณ์จากการเดินทาง ซึ่งสามารถสร้างความประทับใจและความรู้สึกอันหลากหลายให้กับผู้พบเห็น เมื่อการเดินทางมิได้เป็นไปเพียงเพื่อพบความแตกต่างของบ้านเมืองหรือผู้คน หากแต่เปี่ยมล้นไปด้วยประสบการณ์แห่งการตระหนักรู้ในสัจธรรมของความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน เส้นสีฝีแปรงอันหมดจดงดงามจึงแผ่พลังแห่งการสร้างสรรค์และความเคลื่อนไหวอันเต็มไปด้วยจินตนาการ















ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














นิทรรศการผลงานศิลปะสะสม ของรัก ครั้งที่ ๒



นิทรรศการผลงานศิลปะสะสม ของรัก ครั้งที่ ๒ จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๘ เมษายน - ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และจะมีพิธีเปิดในวันพฤหัสบดีที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๔.๓o น. ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ขอเชิญร่วมเปิดนิทรรศการผลงานศิลปะสะสม ของรัก ครั้งที่ ๒
ผลงานศิลปะสะสมจากประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ๒๘ เมษายน ๒๕๕๙

จากศรัทธาสู่การสะสมพระพุทธรูปและพระบรมสารีริกธาตุ โดย รศ.ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล

ศิลปวัตถุ ภาพถ่ายมรดกโลก ถ่ายทอดวัฒนธรรมจากประเทศญี่ปุ่น โดย The Japan Foundation, Bangkok

การละเล่นคารูตะ โดยชมรมคารูตะ บริษัทจัดหางานเพอร์ซัลแนล คอนซัลแตนท์ (ประเทศไทย) จำกัด

เปิดนิทรรศการวันพฤหัสบดีที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๙
เวลา ๑๔.๓o น.-๑๘.oo น.
จัดแสดงผลงานถึง ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙
ในวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา ๑๑.oo น.-๑๘.oo น.
หยุดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

ณ หอนิทรรศการ g23
ชั้น ๒ อาคารนวัตกรรม : ศาสตราจารย์ ดร.สาโรช บัวศรี
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สุขุมวิท ๒๓ กรุงเทพฯ
Facebook : Art Gallery g23
สอบถามรายละเอียด โทร. o๒-๒๖๑-๒o๙๖



ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














นิทรรศการ "เรื่อง – บรัช – สี : Contend – Brush – Color"



นิทรรศการจิตรกรรม "เรื่อง – บรัช – สี : Contend – Brush – Color" ผลงานโดย เกรียงไกร ทำนาเมือง (Kriangkrai Thamnamueang) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๗ เมษายน - ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และจะมีพิธีเปิดในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๘.oo น. ณ ห้องนิทรรศการชั้น ๒ Chamchuri Art Gallery : หอศิลป์จามจุรี

นิทรรศการ “เรื่อง – บรัช – สี” (Contend – Brush –Color)
ศิลปิน เกรียงไกร ทำนาเมือง (Kriangkrai Thamnamueang)
ลักษณะงาน จิตรกรรม
ระยะเวลาที่จัดแสดง วันที่ ๒๗ เมษายน - ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙
พิธีเปิดนิทรรศการ วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๘.oo น. ดร.จุติรัช อนุกูล ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการ
ห้องนิทรรศการ ห้องนิทรรศการชั้น ๒
ติดต่อศิลปิน เกรียงไกร 0879298540

แนวความคิด

การนำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากแปรงและพู่กันที่แต่งแต้ม ผสมผสานสีอันสดใส ก่อให้เกิด จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว จนเกิดรูปทรงใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอันมีเสน่ห์ สีแสงที่เพริศพรายต่างเปล่งพลังอันเร้าร้อนผลักดันให้เกิดผลพลังแห่งอารมณ์ที่แสดงออกอันฉับพลันบ้างแผ่วเบา ผสมผสานกับความบาง หนาของเนื้อสีตามจังหวะลีลาของฝีแปรงจากปลายพู่กันไปสู่ผืนผ้าใบอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตามสไตล์อิมเพรสชั่นนิสที่หลงใหลและชื่นชอบผ่านวิธีการ เรื่อง – บรัช – สี



















ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com














นิทรรศการ "บางรอด"



นิทรรศการ "บางรอด" ผลงานโดย เอกลักษณ์ สาธิตธวัช (Ekkalak Satidtawat) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙ – ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และจะมีพิธีเปิดในวันศุกร์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๗.oo น. ณ เพลินวาน พาณิชย์

๒๑ เมษายนนี้ เพลินวานพาณิชย์ขอเชิญทุกคนมาร่วมสนุกกันที่ชุมชนบางรอด สยามสแควร์วัน!

พบกับนิทรรศการ "บางรอด" ผลงานโดย เอกลักษณ์ สาธิตธวัช (King Nowhere) งานภาพเขียนสีอคลีลิค แนว Pop – Art ที่การบอกเล่าความเป็นเพลินวานพาณิชย์ ตอนชุมชนบางรอด ผ่านมุมมองของศิลปินที่หยิบเอาเรื่อง ราวในอดีตมาผสมผสานกับความเป็นปัจจุบัน ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพ เขียนหลากสีสัน เปิดกว้างให้ผู้ชมได้ใช้ประสบการณ์ส่วนตน ได้ร่วมสัมผัสความงามของชุมชนและความเป็นไทยไปด้วยกัน

จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙ – ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙

พิธีเปิดวันศุกร์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙ ตั้งแต่เวลา ๑๗.oo น. ณ เพลินวาน พาณิชย์ สยามสแควร์วัน ชั้น ๓ ทางเชื่อมรถไฟฟ้า BTS สถานีสยาม เปิดให้เข้าชมทุกวัน ๑o.oo – ๒๒.oo น.



ภาพและข้อมูลจาก
contestwar.com




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





 

Create Date : 26 เมษายน 2559
0 comments
Last Update : 26 เมษายน 2559 23:12:54 น.
Counter : 3591 Pageviews.


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.