The time has come for us to say "Sayonara"...サヨナラ
พระบรมสาทิสลักษณ์จาก เพจ Atitaya Brrunnongtum ๑๓ ตุลาคม วันคล้ายวันสวรรคต "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช" ใต้ร่มพระบารมีแห่งการครองราชย์ด้วยทศพิธราชธรรม พระองค์จะสถิตในใจตราบนิรันดร์ น้อมศิระกรานกราบแทบพระยุคลบาท ขอเป็นข้อรองพระบาททุกชาติไป น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ข้าพระพุทธเจ้า บล็อกเกอร์ไฮกุ โอ้พระทูลกระหม่อมแก้ว หมดสิ้นแล้วคำใด จะไขขาน เบือนหน้าก้มประนมว่า สาธุการ น้ำตาพาลสะอื้นหยด รดลงดิน อยู่ใต้ร่มโพธิสมภาร จนนานเนิ่น จนหลงเพลินเป็นนิรันดร์ นั้นไม่สิ้น แต่พอรู้แม้แต่องค์ พระเจ้าแผ่นดิน ก็ต้องสิ้นสวรรคต ลงปลดปลง ได้แต่เอ่ยคำลา ฝ่าพระบาทฯ จะร้อยชาติพันชาติ มุ่งมาดประสงค์ ปรารถนาพระนิพพาน เป็นวานวงศ์ ใต้บาทบงค์พุทธภูมิ พระภูมิพลฯ จึงตั้งสัตย์ปฏิญาณ ผ่านสัมผัส ปฏิบัติ วิปัสสนา สาธุผล ฉลองคุณมุทิทาน บันดาลดล สร้างกุศลไปรองบาท ทุกชาติเอย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า บูรพ์ พละกาพย์ ประพันธ์ถวายจาก เพจคุณบูรพ์ พละกาพย์
youtube.com VIDEO JAPAN - Tribute to King Bhumibol VIDEO เมื่อคราวที่ สมเด็จพระจักรพรรดิ์ และ สมเด็จพระจักรพรรดินี แห่งญี่ปุ่น เสด็จฯ มาถวายราชสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อปลายปีที่แล้ว ข้อความที่ สมเด็จพระจักรพรรดิ์ ทรงเขียนถวายอาลัย ถึงจะเป็นประโยคสั้น ๆ แต่ให้ความรู้สึกเศร้าสร้อย อาลัยอาวรณ์อย่างลึกซึ้ง พลอยทำให้นึกถึงพระราชนิพนธ์ของสองพระองค์ที่เคยอัญเชิญมาอัพไว้บล็อก Tomobishi คราวนั้นบอกว่าไม่กล้าแปล มาหนนี้เปลี่ยนใจ พยายามแปลจนสำเร็จ แต่มีบางบทที่ไม่แน่ใจว่าจะแปลถูกเลยตัดออก ถ้าผู้รู้ท่านใดเข้ามาอ่าน เห็นว่าแปลผิดตรงไหนก็หลังไมค์บอกได้ จะรีบแก้ไขทันที ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ มีคนส่งไลน์ลิงค์ที่โหลดไฟล์หนังสือ The Standard มาให้ เนื้อหาเกี่ยวกับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ thestandard.co แต่ใช้คอมคลิกเข้าไปแล้วโหลดไม่ขึ้น ต้องเข้าลิงค์นี้แล้วค่อยกดโหลด ISSUE 15 : THE MAJESTIC FAREWELL ภาพชัดมาก ดูแล้ว น้ำตาไหล ที่จริง จนถึงเดี๋ยวนี้ เวลาเห็นหรืออ่านอะไรที่เกี่ยวกับ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทีไร เป็นต้องร้องไห้ทุกที คิดถึงพระองค์ท่านเหลือเกิน ถึงเดือนนี้ทีไร จะรู้สึกเศร้าเป็นพิเศษ รู้สึกไม่ค่อยอยากจะอัพบล็อกเท่าไหร่ แล้วช่วงนี้งานยุ่งมาก ขออนุญาตลากิจจนถึงปลายเดือนเลย คิดว่าเดือนหน้างานน่าจะซาลงบ้าง แต่ยังไงจะพยายามแวะเข้ามาใช้สิทธิ์โหวตทุกวัน อากาศแปรปรวนบ่อย เพื่อน ๆ รักษาสุขภาพด้วยค่ะพระบรมสาทิสลักษณ์จาก เพจครูเบิร์ด คุณอาทิตย์+กรรณิการ์ พระบรมฉายาลักษณ์จาก กระทู้พันทิป ภาพจาก บล็อก มหาปราชญ์ กับ การทูตหยุดโลก ประโยคสุดท้ายที่ สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ได้ลงพระนามถวายความอาลัย ต่อพระสหาย องค์พ่อหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ด้วยข้อความที่ง่าย และได้ใจความที่สุด...The time has come for us to say "sayonara" . サヨナラ (แล้วก็มาถึงเวลาที่เราจะกล่าวคำว่า ลาก่อน) ... ประโยคสั้น ๆ แต่สุดกินใจนี้ เป็นคำร้องสุดไพเราะที่มาจากเพลง Japanese Farewell Song ...ถึงเวลาแล้วที่เราจะพูดว่า "sayonara" ทางเพจ Tsuruha Drug Store ได้เผยแพร่ภาพเมื่อครั้ง สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ และ สมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ แห่งญี่ปุ่น เสด็จพระราชดำเนินประเทศไทยเป็นการส่วนพระองค์ ระหว่างวันที่ ๕-๖ มี.ค. ๒๕๖๐ เพื่อถวายราชสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท หลังทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของในหลวง ร.๙ ทั้งนี้โพสต์ดังกล่าวได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า
ทรงอาลัยลา! กว่า ๖๐ ปี! พระจักรพรรดินีญี่ปุ่น เทิด ร.๙ ดังพระเชษฐา
เปิดความหมายที่แท้ ซาโยนาระ ลึกซึ้งจนกลั้นน้ำตาไม่ไหว!!
.The time has come for us to say sayonara.
サヨナラ
คำว่า Sayōnara แท้จริงแล้ว เป็นคำที่ย่อมาจาก Sayōnara (左様ならば...) หรือ Sōnaraneba naranunonara
(そうならねばならぬのなら...) ซึ่งหากแปลตรง ๆ จะมีความหมายว่า ในเมื่อถ้ามันต้องเป็นเช่นนั้น
โดยความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดที่เหมือนการเกริ่นขึ้นต้นนี้ก็คือ ผม / ฉันยังอยากอยู่คุณเช่นนี้ต่อไปอีกเรื่อย ๆ แต่ในเมื่อถึงเวลาต้องบอกลาแล้วก็คงไม่มีทางเลือกอื่น (นอกจากแยกย้ายกัน) หรือพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นคือ เป็นการแสดงความรู้สึกเสียดายที่ต้องแยกจากอีกฝ่าย อันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของภาษาญี่ปุ่นที่มักไม่พูดแสดงความรู้สึกออกมาตรง ๆ และมักทิ้งท้ายให้เข้าใจกันเองด้วยการพูดละประโยคข้างท้าย
คุณวสันต์ วณิชชากร ช่างภาพของสำนักข่าวเอพี ที่ได้เผยแพร่เรื่องราวสุดประทับใจที่ทำให้ประชาชนชาวไทยน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งผ่านเพจส่วนตัว คำว่า Sayōnara แท้จริงแล้ว เป็นคำที่ย่อมาจาก Sayōnara (左様ならば・・・) หรือ Sōnaraneba naranunonara
(そうならねばならぬのなら・・・) ซึ่งหากแปลตรง ๆ จะมีความหมายว่า ในเมื่อถ้ามันต้องเป็นเช่นนั้น... โดยความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดที่เหมือนการเกริ่นขึ้นต้นนี้ก็คือ ผม / ฉันยังอยากอยู่คุณเช่นนี้ต่อไปอีกเรื่อย ๆ แต่ในเมื่อถึงเวลาต้องบอกลาแล้วก็คงไม่มีทางเลือกอื่น (นอกจากแยกย้ายกัน) หรือพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นคือ เป็นการแสดงความรู้สึกเสียดายที่ต้องแยกจากอีกฝ่าย อันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของภาษาญี่ปุ่นที่มักไม่พูดแสดงความรู้สึกออกมาตรง ๆ และมักทิ้งท้ายให้เข้าใจกันเองด้วยการพูดละประโยคข้างท้าย ในขณะที่หากเทียบกับหลายภาษาในโลก ที่เวลาบอกลามักอวยพรให้อีกฝ่ายโชคดี อาทิเช่นภาษาอังกฤษที่ใช้คำว่า Good Bye ที่มีรากศัพท์มาจากคำว่า God be with you (ขอให้พระเจ้าอยู่กับท่าน) โดยส่วนมาก คำว่า Sayōnara มักนิยมใช้ในกรณีที่คาดเดาแล้วว่าผู้พูดอาจไม่ได้พบหน้าคู่สนทนาอีกเป็นระยะเวลานาน (บางครั้งในคอร์สเรียนภาษาญี่ปุ่นจะสอนว่า ใช้ในกรณีที่จะไม่ได้พบกันอีกเลยชั่วชีวิต) ทว่า หากอยากตีความให้โรแมนติกอีกนิดคงต้องบอกว่า แม้ยังไม่รู้ว่าเมื่อไร แต่ขอให้แน่ใจว่าเราจะได้กลับมาพบกันอีก หนังสือพิมพ์ อาซาฮี-ชิมบุน ของญี่ปุ่น รายงานว่า ในจดหมายที่สมเด็จพระจักรพรรดินี มิชิโกะ ทรงเขียนตอบคำถามสมาคมผู้สื่อข่าว ประจำสำนักพระราชวังของญี่ปุ่น เนื่องในวันพระราชสมภพ ๘๒ พรรษา เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ มีใจความส่วนหนึ่ง ที่พระองค์ทรงตรัสถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า ในคืนวันที่ ๑๓ ตุลาคม ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง เกี่ยวกับการเสด็จสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์มีพระชนมายุมากกว่าข้าพเจ้า ๖-๗ ปี และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ดูแลข้าพเจ้ามาโดยตลอด ดุจดั่งพระเชษฐา นับตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าอายุได้ราว ๒๐ ปี
ในส่วนของระยะเวลาแห่งสายสัมพันธ์อันงดงาม ของจักรพรรดิและจักพรรดินีกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช นั้น ทางเฟสบุ๊ค japaninfo ได้เล่าไว้ดังนี้สมเด็จพระจักรพรรดิและจักรพรรดินีญี่ปุ่นทรงไว้ทุกข์เพื่อไว้อาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล
สมเด็จพระจักรพรรดิและ จักรพรรดินี ทรงไว้อาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทยอย่างไม่เคยทรงปฏิบัติมาก่อน (แปลข่าว NHK ณ เวลา ๑๕.๓๖ น วันที่ ๑๔ ตุลาคม 2016) ในค่ำวันที่ ๑๓ ที่ผ่านมา หลังจากทรงกล่าวอำลากษัตริย์เบลเยี่ยมและพระมเหสีที่เสด็จฯ เยือนประเทศญี่ปุ่นในฐานะราชอาคันตุกะ ทั้งสองพระองค์ได้สดับฟังข่าวการสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ และจากความสัมพันธ์อันยาวนานกับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ พระองค์จึงแสดงความประสงค์ที่จะไว้ทุกข์ให้แก่พระองค์ท่านรวมเป็นเวลา ๓ วันจากค่ำวันที่ ๑๓ ตุลาคม และในวันที่ ๑๔ เวลา ๑๓.๔๐ น สมเด็จพระจักรพรรดิ และ จักรพรรดินี ได้ส่งนายคาวาอิ ราชเลขาธิการประจำสำนักพระราชวังไปเพื่อถวายความอาลัยต่อการสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของไทย การถ่ายทอดความอาลัยด้วยวิธีที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยมีเอกอัครราชทูตไทยมาคอยต้อนรับที่หน้าประตูสถานทูตในเขตชินากาวา กรุงโตเกียว นายคาวาอิ ราชเลขาธิการได้ก้าวไปที่โต๊ะสำหรับลงนามที่ทางสถานทูตจัดเตรียมไว้ด้านใน ก้มศรีษะต่ำต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์หนึ่งครั้ง ก่อนที่จะนั่งบนเก้าอี้เพื่อลงนามไว้อาลัย หลังจากนั้น ได้ลุกขึ้นก้มศรีษะคำนับอีกครั้ง และได้พูดคุยทักทายกับเอกอัครราชทูตสั้น ๆ ก่อนที่จะเดินทางออกจากสถานทูตฯ และเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม๒๕๕๙ ที่ผ่านมา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์อาซาฮี ชินบุน ได้เผยแพร่ข้อความจากจดหมายของ จักรพรรดินีมิชิโกะ ที่ทรงเขียนตอบคำถามสมาคมผู้สื่อข่าวประจำสำนักพระราชวังญี่ปุ่น เนื่องในวันพระราชสมภพครบ ๘๒ พรรษา โดยนอกจากจะทรงตอบคำถามเกี่ยวกับพระราชประสงค์ในการสละราชบังลังก์ของ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ แล้ว ในส่วนท้ายของจดหมายยังทรงเขียนรำลึกถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีเนื้อความดังนี้ในคืนวันที่ ๑๓ ตุลาคม ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวร้ายถึงการเสด็จสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ไทย ที่ทรงมีพระชนมายุมากกว่าข้าพเจ้า ๖-๗ พรรษา พระองค์ทรงดูแลข้าพเจ้าราวพี่ชายผู้แสนดี นับตั้งแต่ข้าพเจ้าอยู่ในวัย ๒๐ กว่าปี แม้ข้าพเจ้าจะทราบข่าวพระอาการประชวรของพระองค์ แต่ก็ยังมีความหวังว่าจะได้เข้าเฝ้าพระองค์อีกสักครั้ง ทั้งนี้ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ รวมถึงพสกนิกรชาวไทยทุกคน และ สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ และ สมเด็จจักรพรรดินี ได้ทรงนิพนธ์บทกลอน วะกะ เพื่อบอกเล่าพระราชกรณียกิจตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ในวาระวันขึ้นปีใหม่ปี ๒๕๖๑ สำนักพระราชวังแห่งญี่ปุ่นได้คัดเลือกบทกลอนจำนวน ๘ บทเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยเป็นบทกลอนพระราชนิพนธ์ของ สมเด็จพระจักรพรรดิ ๕ บท และของ สมเด็จพระจักรพรรดินี ๓ บท กลอนบทหนึ่งที่ สมเด็จพระจักรพรรดิ ทรงนิพนธ์ขึ้น ได้ระลึกถึงสัมพันธภาพที่ยาวนานกว่า ๕๐ ปีกับ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไว้ว่า 〈タイ国前国王弔問〉亡き君のみたまの前に座りつつ睦(むつ)びし日々を思ひ出でけり There lies the late king I sit before his coffin As I remember
The many days and years Of our warm and close friendship.
(คำแปลภาษาอังกฤษ โดย อาซาฮี ชิมบุน) "องค์กษัตริย์ทรงบรรทมอยู่ที่นั่น ข้าพเจ้านั่งอยู่หน้าพระบรมโกศ ย้อนรำลึกนึกถึง ความอบอุ่นและมิตรภาพ ตลอดวันและปีอันยาวนานของเรา"
ในปี ๑๙๖๔ เมื่อครั้งที่สองพระองค์เสด็จฯ ไปเยือนประเทศไทยในฐานะผู้แทนพระองค์ ของ สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโต ทรงได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล นับแต่นั้นมา ทรงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดต่อกันมาโดยตลอด ในปี ๑๙๙๑ เมื่อพระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ ก็ได้เสด็จฯ เยือนประเทศไทยเป็นประเทศแรกพร้อมประเทศอื่นรวม ๓ ประเทศ และในปี ๒๐๐๖ เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล ทรงฉลองการครองราชย์ครบ ๖๐ ปี ทั้งสองพระองค์ก็ได้เสด็จฯ มาร่วมพิธีด้วยพระองค์เองพระบรมฉายาลักษณ์ ภาพและข้อมูลจาก tnews.co.th เพจ Ar-pae.com janghetchumphon.com บล็อกนิทรรศการเทิดพระเกียรติและถวายอาลัย ณ ประเทศญี่ปุ่น ข้อความปกด้านใน ซ้ายเป็นปกหน้า ขวาเป็นปกหลัง มีที่คั่นหนังสือเป็นกระดาษอ่อนให้มาด้วย หนังสือ "Tomobishi" จัดพิมพ์เนื่องในวโรกาส การสถาปนาขึ้นครองราชสมบัติขององค์พระจักรพรรดิ์ Akihito และพระจักรพรรดินี Michiko ทั้งสองพระองค์ทรงนิพนธ์บทกวีไว้เมื่อครั้งยังดำรงพระอิศยยศเป็น องค์มกุฏราชกุมารและเจ้าหญิง ในเล่มประกอบด้วยบทกวี "Waka" (วะกะ) ขององค์พระจักรพรรดิ์ ๑๖๖ บท และขององค์พระจักรพรรดินี ๑๔o บท พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษที่แปลจากภาษาญี่ปุ่น โดยองค์พระจักรพรรดินีและคณะผู้แปลชาวญี่ปุ่นและชาวต่างประเทศ แยกกันแปลถวายคณะละ ๗ ท่าน ท้ายเล่มพิมพ์พระราชนิพนธ์ภาษาญี่ปุ่น พร้อมคำอ่านภาษาอังกฤษเอาไว้ด้วย รวบรวมจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Weatherhill ทั้งใน New York และ Tokyo "Waka" เป็นบทกวีชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "Tanka" บทหนึ่งมีสามสิบเอ็ดพยางค์ แบ่งเป็นห้าบรรทัด บรรทัดหนึ่งและสามมีห้าพยางค์ บรรทัดที่สอง สี่และห้ามีเจ็ดพยางค์ นับเป็นบทประพันธ์ที่มีประวัติอันยาวนานย้อนหลังไปกว่าพันปี เป็นที่นิยมในหมู่ราชวงศ์และพระจักรพรรดิ์และจักรพรรดินี โดยเฉพาะองค์พระจักรพรรดิ์ Meiji ทรงนิพนธ์ไว้มากถึง ๑oo,ooo บท พระราชนิพนธ์ในองค์พระจักรพรรดิ์ Akihito At Lake Yu The mountain ash Has turned red By the roadside. Autumn has certainly arrived At the shore of Lake Yu.ณ ทะเลสาปยู ต้นแอชภูเขา ตามริมถนน เปลี่ยนเป็นสีแดง ริมฝั่งทะเลสาปยู เข้าฤดูใบไม้ร่วงแน่แล้ว Unawares The larch leaves Have turned yellow. So softly on them The rain is falling. ไม่ทันรู้ตัว ใบต้นสน เปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้ว ฝนกำลังพรมสายอย่างแผ่วเบา บนใบของมัน At Yakushiji Verdant is the wood Of Yakushiji, Wherein towers The three-storied pagoda, Its vermilion now faded.ณ วัดยาคุชิจิ ป่าเขียวขจี ของวัดยาคุชิจิ ทำให้สีแดงชาด ขององค์พระเจดีย์ที่สูงสามชั้น ดูจางลงไปFireflies over the Paddy Fields A gentle night breeze Blows over the paddy fields And flitting fireflies, Mirrored in the water, Become twinkles stars.หิ่งห้อยเหนือทุ่งข้าว สายลมแผ่วยามค่ำคืน พัดโชยเหนือทุ่งข้าว และหิ่งห้อยกระพือปีก สะท้อนเงาลงในน้ำ ดูราวกับดาวกระพริบพร่างThe capital in Fresh Verdure The morning sunlight Brightens the row of trees Fresh in their verdure By the roadsides Of the capital.เมืองหลวงในความเขียวขจี แสงอาทิตย์ยามเช้า ทำให้ทิวแถวของต้นไม้สว่างขึ้น สดด้วยสีเขียวของแมกไม้ ริมถนน ของเมืองหลวงIn Edinburgh On the surface Of the deserted lake, A swan was alone. As I lingered there, It drew near to me.ณ เอดินเบอระ เหนือผิวน้ำ ของทะเลสาปร้างไร้ หงส์เดียวดายตัวหนึ่ง ว่ายเข้ามาใกล้ ขณะที่ฉันเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้นWoods Having returned from my journey, I sojourn in Karuizawa, Where the woods In autumn tints overflow With the atmosphere of my homeland.ในป่า หลังจากกลับจากท่องเที่ยว ฉันพักค้างที่คารุอิซาว่า ฤดูใบไม้ร่วงของป่าที่นั่น อบอวลไปด้วย บรรยากาศของบ้านเกิดฉันRecalling the United Kingdom Since I went To the United Kingdom For the coronation, How quickly The one year has passed!รำลึกถึงสหราชอาณาจักร เมื่อคราวที่ฉัน ได้ไปสหราชอาณาจักร เพื่อร่วมพิธีราชาภิเษก เวลาผ่านไปเร็วนัก หนึ่งปีแล้วสินะ! How beautiful it must be At this time of the year! Occasionally, I remember London in early summer. จะต้องงดงามมากแน่ ในห้วงเวลานี้ของปี! บางครั้งบางครา ฉันจดจำรำลึก ลอนดอนช่วงต้นฤดูร้อนA Fountain Green is the moss At the bottom of the fountain Its crystalline water Welling forth Into a silent stream.น้ำพุ ต้นมอสเขียวครึ้ม ที่ด้านล่างของน้ำพุ น้ำใสราวกระจก พวยพุ่งออกมา ไหลไปยังลำธารอันสงบเงียบFire As the fires Quietly burn at Shinkaden, In a low tone I hear the singing voices echo To the strains of the koto.ไฟ ขณะที่ไฟกำลังลุกไหม้ อย่างเงียบ ๆ ที่ศาลเจ้าชินคาเด็น ในโทนเสียงต่ำ ฉันได้ยินเสียงร้องสะท้อนก้อง คลอไปกับเสียงของโคโตะIn Hokkaido Out in the suburbs, Leaves of trees are light green, Making me feel As if we were driving Through mountain of Honshu.ในฮอกไกโด ออกนอกชานเมืองไป ใบไม้เปล่งสีเขียวจาง ๆ ทำให้ฉันรู้สึก ราวกับว่าเรากำลังขับรถ ผ่านภูเขาที่ฮอนชู Having passed over A mountain in hazy rain I come to a valley, Where a mining town Is crowded with houses. ผ่านไปทาง ภูเขาที่ฝนลงหนัก ฉันมาถึงหุบเขา ที่เมืองเหมืองแร่ แออัดไปด้วยบ้านเรือนWindow Seen from the window Leaves of mokkoku, Shining white in the light Of the wintry sun, Sway in the breeze.หน้าต่าง ที่เห็นอยู่นอกหน้าต่าง คือใบของต้น mokkoku แกว่งไกวในสายลมอ่อน เป็นประกายขาวในแสง ของอาทิตย์หน้าหนาวIn Thailand Looking down On forest after forest I see the single thread Of the Mekong flowing White and glittering.ณ เมืองไทย มองลงไป ตรงป่าดงพงไพร ฉันเห็นสายธารเดี่ยว ของลำน้ำโขงไหลเรื่อย ส่องประกายขาวสว่าง Together with The King and Queen of Thailand It is towards A village of the tribe of Miao That we are setting forth. เสด็จฯ พร้อมกับ กษัตริย์และพระราชินีของเมืองไทย เป็นเส้นทางไปยัง หมู่บ้านของชาวเขาเผ่าม้ง ที่เรากำลังออกเดินทางไป By the mountain pass Leading to the village Of the tribe of Miao, My wife found Tsurifume flowers. ผ่านตรงช่องเขา ที่เป็นทางไปถึงหมู่บ้าน ของชนเผ่าม้ง ภริยาของฉันได้พบ ดอก Tsurifume Walking down hill Enjoying mountain flowers In bloom along the pass, We came to a hamlet With all the trees burnt down. เดินลงเนินเขามา เพลินเพลินกับดอกไม้ภูเขา ที่เบ่งบานตามรายทาง เราได้เจอหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ต้นไม้ทั้งหมดถูกเผาจนเรียบNear Lake Chuzenji Swimming upstream In a brook which flows Into the lake, A trout takes a rest Under a bridge.ใกล้ทะเลสาบชูเซ็นจิ ว่ายทวนน้ำ ในลำห้วยที่ไหลเรื่อย ไปยังทะเลสาป ปลาเทร้าท์ตัวหนึ่งพักอยู่ ใต้สะพานA Slope Along the slope of Mabuni Thirty years have flowed In this time of peace I feel that there is nothing So precious as life.เนินลาดเขา ตรงเนินลาดเขามาบูนิ เวลาผ่านไปสามสิบปีแล้ว ในห้วงเวลาแห่งความสงบนี้ ฉันรู้สึกว่าไม่มีอะไร เทียบค่าได้เท่าชีวิต As I continue My talks with her, I become aware That, in my heart A window is opening. ขณะที่ฉัน คุยกับเธอต่อ ในใจฉัน รู้สึกได้ว่า หน้าต่างกำลังเปิดอยู่พระราชนิพนธ์ใน สมเด็จพระจักรพรรดินี Michiko Spring Sky As I look up At the plum blossoms My face turns upward To the gentle sky of spring. Becoming tinged with colour.ท้องฟ้าฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่ฉันมองขึ้นไป เห็นดอกพลัมบานอยู่ แล้วผินหน้าไปยัง ท้องฟ้าฤดูใบไม้ผลิอันอ่อนโยน เริ่มถูกแต้มสวยด้วยสีสันEarth Awakened at midnight Suddenly I feel a fondness For the smell of the earth in spring, While I listen to frosty leaves Scattering all night long. ผืนดิน ตื่นตอนเที่ยงคืน ฉับพลันฉันรู้สึกพึงใจ กลิ่นของพื้นดินฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่ฉันฟังเสียงใบไม้ที่จับตัวแข็ง ปลิวกระจัดกระจายตลอดคืนA Flower-drift Stretching both arms out To the sky, trying to catch The cherry blossom petals Snowdrifting in the wind; My child, too, dancing in the spring.ดอกไม้-ปลิดปลิว ชูแขนสองข้างขึ้นสูง ไปยังท้องฟ้า พยายามจะคว้า กลีบดอกซากุระ หิมะลอยคว้างในสายลม ลูกของฉันก็กำลังเต้นรำในฤดูใบไม้ผลิOn the New Palace Happiness wells up In my heart As I look up at the Emperor Standing to greet the people From the high, newly built balcony. พระราชวังแห่งใหม่ ความสุขเอ่อท้นขึ้นมา ในหัวใจฉัน เมื่อมองขึ้นไปเห็นองค์พระจักรพรรดิ์ กำลังประทับยืนโบกพระหัตถ์ให้พสกนิกร บนระเบียงสูงของพระราชวังใหม่Withered Grass On the vast meadow Ruffled with withered grass In late autumn, I've come With my little one-amusing ourselves Stepping on each other's shadow. หญ้าแห้ง ในทุ่งกว้างใหญ่ รกไปด้วยหญ้าแห้ง ฉันมาที่นี่เมื่อปลายฤดูใบไมร่วง รื่นเริงกับเจ้าตัวน้อยของฉัน ด้วยการเหยียบเงาของกันและกัน On the Birth of Princess Sayako Within the room Where the twilight creeps So softly in, Like a fragile petal lying Lo! my little daughter sleeps.ในวันประสูติของเจ้าหญิงซายาโกะ ภายในห้อง ที่ยามพลบค่ำคืบคลานเข้ามา อย่างนุ่มนวล ราวกลีบดอกไม้บอบบางเอนนอน โอ! ลูกสาวตัวน้อยของฉันหลับพลิ้ม Meiji Shrines Golden Anniversary The light-blue sky That I am now gazing at! Is this not the scenery of the heart Which His Majesty Wished for us in his poem? วันครบรอบ ๕๐ ปีของการบูชาศาลเจ้าเมจิ ท้องฟ้าสีฟ้าใส ที่ฉันกำลังมองอยู่ นี่ไม่ใช่ทิวทัศน์ในหัวใจ ซึ่งองค์พระจักรพรรรดิ์ทรงปรารถนา ให้พวกเราเห็นในบทกวีของพระองค์หรอกหรือ?Child In the garden Where the fragrance Of summer grass floats So gently there falls a star Into the eyes of my child. เด็กน้อย ในสวน ที่กลิ่นกรุ่นหอม ของหญ้าหน้าร้อนที่ปลิวสะบัด ดาวดวงหนึ่งตกลงอย่างนุ่มนวล ในดวงตาลูกของฉัน The Milky Way in Winter In the wintry sky The Milky Way lets flow its stream of milk. Oh, to think of you as still a babe Soundly asleep Under a sky like this. ทางช้างเผือกหน้าหนาว ท้องฟ้าหน้าหนาว สายธารน้ำนมของทางช้างเผือกเป็นแนวยาว พลอยให้คิดถึงเธอเมื่อเป็นทารก ยามหลับสนิทนิทรา ภายใต้ท้องฟ้าเฉกเช่นเดียวกัน Magnolias Upon uplifted petals Of half-blow magnolia blossoms Floating in the sky, The moon continues To shed her gentle beam. ดอกแมกโนเลีย เหนือกลีบดอก ของเจ้าแมกโนเลียบานสะพรั่ง ที่ลอยล่องอยู่บนฟากฟ้า คือพระจันทร์ เปล่งแสงอันอ่อนนวล Winter Haze Those white flowers In the tea fields of Saga Must be quietly blooming In the misty haze Of Winter. หมอกหน้าหนาว มวลดอกไม้ขาว ในทุ่งชาของเมืองซางะ คงเบ่งบานอย่างเงียบเงียบ ในหมอกครึ้ม ของฤดูหนาว The Morning Star Oh, this tranquility Of the garden at dawn! The morning star above Shed a soft, clear light In the cloudless sky. ดาวประกายพรึก โอ
ความสงบเช่นนี้ ของสวนในยามอรุณรุ่ง ดาวประกายพฤกษ์เบื้องบน เปล่งแสงอ่อนโยน แจ่มชัด ในท้องฟ้าไร้เมฆ The Autumn Equinox At last, The autumn equinox Is drawing near. How quiet is the mountain, Capped by a wisp of white cloud! ศารทวิษุวัต ในที่สุดศารทวิษุวัต ก็ใกล้เข้ามา ภูเขาช่างเงียบงัน ปกคลุมด้วยกลุ่มเมฆขาว Higurashi There was a gentle look In my daughters eyes As she listened to the higurashi, Murmuring that she loves The fall of evening. จักจั่น มีแววอ่อนโยน ในดวงตาลูกสาวฉัน เมื่อได้ฟังจักจั่น กระซิบเสียงที่เธอรัก ยามเย็นโรยตัวลง New Years Eve For a long time I shall remember The silence of night Of this special year, When my son is away In another land.วันก่อนปีใหม่ นานแล้วที่ฉันยังจดจำ ราตรีอันสงัดงัน ของปีอันพิเศษนี้ เมื่อลูกชายต้องจากไป อยู่ที่แผ่นดินอื่นJourney The ship of sails Waits in the moonlit harbour For the young mariners, About to set out a journey, Seeking the sea breeze. การเดินทาง เรือใบ ในท่าเรือที่อาบด้วยแสงจันทร์ เฝ้ารอเหล่ากลาสีหนุ่ม ที่กำลังออกเดินทาง ไปเสาะหาสายลมทะเลThunder I recall those days Of early childhood When, in the countryside I would count the moments between The flash of lightning and the thunderclap. ฟ้าร้อง ฉันจำวันเวลา ในช่วงวัยเยาว์ เมื่อคราวไปชนบท ฉันจะคอยนับช่วงเวลา ฟ้าแลบและฟ้าร้อง บีจีจากคุณชมพร ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ ebaemi
Create Date : 09 ตุลาคม 2561
0 comments
Last Update : 5 เมษายน 2566 8:49:20 น.
Counter : 2824 Pageviews.
ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณtoor36 , คุณฟ้าใสวันใหม่ , คุณnewyorknurse , คุณสายหมอกและก้อนเมฆ , คุณmambymam , คุณSweet_pills , คุณInsignia_Museum , คุณภาวิดา คนบ้านป่า , คุณหอมกร , คุณวลีลักษณา , คุณJinnyTent , คุณlovereason , คุณโอพีย์ , คุณruennara , คุณSertPhoto , คุณกะว่าก๋า , คุณkae+aoe , คุณสันตะวาใบข้าว , คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน , คุณผีเสื้อยิปซี , คุณสาวไกด์ใจซื่อ , คุณตะลีกีปัส , คุณALDI , คุณก้นกะลา , คุณจอมใจจอมมโน , คุณเกศสุริยง , คุณอุ้มสี , คุณRananrin , คุณmcayenne94 , คุณmariabamboo , คุณล้งเล้งลัลล้า , คุณที่เห็นและเป็นมา , คุณJim-793009 , คุณมยุรธุชบูรพา , คุณtuk-tuk@korat , คุณThe Kop Civil , คุณเริงฤดีนะ , คุณkatoy , คุณนกสีเทา , คุณRinsa Yoyolive , คุณเนินน้ำ , คุณอาจารย์สุวิมล , คุณ**mp5** , คุณmoresaw , คุณสองแผ่นดิน , คุณไวน์กับสายน้ำ , คุณชีริว , คุณลุงแมว , คุณญามี่ , คุณmastana , คุณTui Laksi , คุณหงต้าหยา , คุณNoppamas Bee