Bloggang.com : haiku :

เสพงานศิลป์ ๑๔๓

ภาพจากเวบ deviantart.com


	"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ บางสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย ในงานศิลปของฉัน ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี

Romance - Yuhki Kuramoto

Toong Collection เครื่องใช้ที่ทำจากไม้มะม่วงเพ้นท์ลายตุง

ยลงานฝีมือชั้นสูงของไทย

สยามเซ็นเตอร์ ร่วมกับ นิตยสาร Wallpaper* Thai Edition จัดนิทรรศการ “Wallpaper* x Siam Center present Handmade Exhibition 2014” (วอลล์เปเปอร์ ไทย อิดิชั่น x สยามเซ็นเตอร์ พรีเซนต์ วอลล์เปเปอร์ แฮนด์เมด เอ็กซ์ซิบิชั่น 2014) นำผลงานที่มาจากอัจฉริยภาพของศิลปินช่างฝีมือท้องถิ่น นักออกแบบ และนักพัฒนาผู้เป็นเจ้าของทักษะและเทคโนโลยีทันสมัย จำนวน ๑๙ ศิลปิน รวมทั้งสิ้นกว่า ๔๘ ชิ้นงาน มาจัดแสดงในคอนเซ็ปต์ “Handmade” (แฮนด์เมด) นอกจากจะได้ชื่นชมงานฝีมือชั้นสูงของคนไทยแล้ว ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้คนหันมาเห็นคุณค่าของงานช่างฝีมือ รวมถึงนำมาตีความด้วยทัศนคติของโลกสมัยใหม่ โดยนิทรรศการจัดแสดงระหว่างนี้จนถึงวันที่ ๓o กันยายน ๒๕๕๗ ณ ไอเดีย อเวนิว ชั้น ๑ สยามเซ็นเตอร์

Kenya Seating สตูลกึ่งม้านั่งยาวจากแบรนด์ Osisu (โอซิซู)

ไชยยง รัตนอังกูร บรรณาธิการนิตยสาร Wallpaper* Thai Edition กล่าวว่า กว่า ๕ ปีแล้วที่นิตยสาร Wallpaper* มุ่งมั่นทำโครงการ Handmade เชื่อมต่องานดีไซน์ ช่างฝีมือ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เพื่อเฉลิมฉลองทักษะและความแข็งแกร่งของงานออกแบบและงานฝีมือช่าง ซึ่งปีนี้นอกจากต้องการนำเสนอมุมมองใหม่ของงาน Handmade แล้ว ยังพยายามชี้ให้เห็นการตีความใหม่ของงานที่ก่อให้เกิด Business Model ใหม่ด้วย เช่น งานฝีมือที่คนในครอบครัวรุ่นใหม่ เข้ามารับสืบต่อกิจการ ได้มีการใช้มุมมองใหม่ในการออกแบบ ปรับการผลิต ทำให้ได้สินค้าใหม่ ตลาดใหม่ เพื่อสร้างไอเดียที่จะทำให้เรามองเห็นอนาคตใหม่ ๆ ร่วมกัน

Brass Jewellery Collection เครื่องประดับทองเหลืองจากผ้าซิ่น

ทั้งนี้ ศิลปินและนักออกแบบชื่อดังที่มารวมพลังสร้างสรรค์ผลงาน จำนวน ๑๙ ศิลปินทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมทั้งสิ้นกว่า ๔๘ ชิ้นงาน อาทิ ผศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต ผู้ก่อตั้งแบรนด์เฟอร์นิเจอร์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Osisu (โอซิซู) นำผลงาน “Kenya Seating” (เคนยา ซีตติ้ง) สตูลกึ่งม้านั่งยาว ทำจากเศษไม้และพู่ทำผ้าม่าน เน้นการทำงานด้วยมือและใช้เศษวัสดุ เพื่อใช้ประโยชน์จากพลังงานในการผลิตครั้งแรกเป็นสำคัญ, “Toong Collection” (ตุง คอลเลคชั่น) เครื่องใช้ที่ทำจากไม้มะม่วงเพ้นท์ลายตุง ซึ่งเป็นมนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรมล้านนา โดยนักออกแบบชาวนิวยอร์ก Craig Anczelowitz (เครก อันเซลโลวิทส์) และ แบรนด์เครื่องใช้ที่ทำจากไม้ United Art (ยูไนเต็ด อาร์ต), “มุ้งผ้าใบกัญชง” มุ้งป้องกันยุงที่นำใยกัญชงมาถักเป็นหลังคา โดย พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร และกลุ่มผลิตภัณฑ์ใบกัญชงห้อยทราย แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

มุ้งผ้าใบกัญชง มุ้งป้องกันยุงที่นำใยกัญชงมาถักเป็นหลังคา

“Tote Bag with Jade Buckles” (โท้ต แบค วิท เจด บัคเคิล) กระเป๋าหนังตัดเย็บด้วยมืออย่างประณีต เพิ่มความล้ำค่าด้วยการนำหยกแกะสลักมาเป็นหูกระเป๋า โดย Francois Russo (ฟรองค์ซัวส์ รุซโซ)ผู้ก่อตั้ง Maison Takuya (เมซง ทาคุยะ) แบรนด์เครื่องหนังที่เน้นการผลิตด้วยมือ, “Brass Jewellery Collection” (บราส จิวเวอรี่ คอลเลคชั่น) เครื่องประดับทองเหลืองที่นำผ้าซิ่นมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ และใช้เทคโนโลยี 3D Printing มาช่วยสร้างชิ้นงานให้สมบูรณ์ โดย พิชญา ศรีระพงษ์ นักออกแบบเครื่องประดับเจ้าของแบรนด์ Pitch (พิชญ์), “Tango Boots” (แทงโก้ บู๊ท) รองเท้าบู๊ทที่ตัดเย็บจาก Vertical Textile วัสดุสิ่งทอโลหะที่นำมาออกแบบเป็นแฟชั่นไอเทมครั้งแรก โดยแบรนด์สิ่งทอเฉพาะทาง Ausara (อุสรา) และแบรนด์แฟชั่นไทยดีไซเนอร์ที่เน้นการตัดเย็บด้วยมืออันประณีตอย่าง Tango (แทงโก้) เป็นต้น

ภาพและข้อมูลจากเวบ
naewna.com

เศรษฐา ๗o ยังแจ๋ว

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ดารานักแสดงอาวุโสที่ยังคงมีผลงานมากมายก่ายกองอย่าง อาต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา กำลังจะมีอายุครบ ๗o ปีในวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ วันนี้คุณเศรษฐามีผลงานมากที่สุดเมื่อเทียบกับคนดังในวัยไล่เลี่ยกัน ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของการเป็นนักแสดงละครทีวี ภาพยนตร์ พิธีกรและนักร้องนำวง "ดิอิมพอสซิเบิ้ล" ซึ่งทุกวันนี้คุณเศรษฐาก็ยังไม่เคยวางไมค์จากการร้องเพลง

หลังจากที่ว่างเว้นการเปิดคอนเสิร์ตใหญ่ในเมืองกรุงไป ๒ ปี ปีนี้คุณเศรษฐาขอกลับมาคืนความสุขให้แก่แฟนเพลง ด้วยการเปิดคอนเสิร์ตใหญ่ฉลองอายุครบ ๗o ปี และยังเป็นของขวัญให้ตัวเองหลังคว้าปริญญาดุษฎีบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ที่เพิ่งรับไปหมาด ๆ กลายเป็น "ดอกเตอร์" คนใหม่ของวงการบันเทิง

คอนเสิร์ตครั้งนี้มีชื่อว่า "๗o ยังแจ๋ว" เป็นคอนเสิร์ตที่เล่าเรื่องราวช่วงชีวิตสำคัญตลอดอายุ ๗o ปีของ ดร.เศรษฐา ศิระฉายา และเหล่าเพื่อนสนิท โดยจะพาแฟนเพลงพันธุ์แท้ย้อนเวลากลับไปในช่วงยุค ๗o คือ ค.ศ. ๑๙๗o-๑๙๗๙ เป็นยุคทองของวง "ดิอิมพอสซิเบิ้ล" วงดนตรีสตริงคอมโบที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจนกลายเป็นวงดนตรีระดับตำนานที่จุดประกายหรือสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักร้องนักดนตรีรุ่นหลัง

สาเหตุที่ตั้งชื่อคอนเสิร์ตว่า "๗o ยังแจ๋ว" เพราะคุณเศรษฐากำลังจะมีอายุครบ ๗o ปี และมีชื่อเสียงโด่งดังในยุค ๗o ก่อนจะก้าวสู่โลกมายาอย่างเต็มตัว มีบทบาทโดดเด่นทั้งงานแสดงละคร ภาพยนตร์และพิธีกรตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน จนกระทั่งได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีสากล-ขับร้อง) ประจำปี ๒๕๕๔

แม้ว่าจะมีอายุ ๗o ปี แต่เรื่องอายุเป็นเพียงตัวเองสำหรับอาต้อยที่ยังคงทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทั้งงานพิธีกรบนเวทีคอนเสิร์ตของทรู อคาเดมี แฟนเทเชีย และงานละครที่กำลังออนแอร์อยู่ในขณะนี้คือเรื่อง "ทรายสีเพลิง" ทางช่อง ๓ โดยรับบทเป็นพ่อพระเอก (ป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ) ขณะที่ผลงานภาพยนตร์อยู่ระหว่างการถ่ายทำเรื่อง "ขรัวโต อมตะเถระกรุงรัตนโกสินทร์" โดยรับบทเด่นเป็น "สมเด็จโต" วัดระฆัง ที่คาดว่าจะได้ชมกันช่วงต้นปีหน้า

นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตของอาต้อย ซึ่งเขาเองยอมรับว่า "มีงานเยอะจนน่าเกลียด" แล้วก็หัวเราะ เพราะปีนี้เพิ่งสำเร็จการศึกษาปริญญาเอกหลังจากทุ่มเทการเรียนอย่างหนัก แล้วยังไปบวชที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย เพื่อปฏิบัติธรรมและเทิดพระเกียรติในหลวง รวมทั้งเป็นการขอขมาสมเด็จโตหลังต้องรับบทแสดงเป็น "พระเถระรูปสำคัญ" ที่ได้รับความนับถืออย่างสูงยิ่งของคนไทย

นอกจากนี้ คุณเศรษฐาในฐานะประธานมูลนิธินักแสดงอาวุโส ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในด้านอื่น ๆ เพื่อพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครก่อนส่งรายชื่อต่อไปยัง คสช.คัดเลือกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยอาต้อยแสดงความเป็นห่วงวงการบันเทิงในเรื่องลิขสิทธิ์งานดนตรีที่ยังคงต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อบุคลากรในวงการเพลง

ผมกล่าวถึงอาต้อยยาวเหยียดขนาดนี้ เพื่อจะเชิญชวนแฟนเพลงไปร่วมชมคอนเสิร์ต "๗o ยังแจ๋ว" วันที่ ๕ พฤศจิกายนนี้ เวลา ๑๙.oo น. ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน จะแจ๋วจริงหรือไม่ก็ต้องไปพิสูจน์.

ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
manager.co.th
เฟซบุคVoiceTV

INSON WONGSAM

เป็นระยะเวลากว่า ๕o ปี ที่ อินสนธิ์ วงค์สาม ศิลปินอาวุโสวัย ๘o ปีจากจังหวัดลำพูนได้ทุ่มเทและพิสูจน์ให้เห็นถึง ความศรัทธาและการยืนหยัดของศิลปินในฐานะผู้สร้างสรรค์ งานศิลปะนามธรรมตามคติแบบตะวันออกมาอย่างยาวนาน โดยไม่เคยหวนกลับไปสร้างสรรค์งานแบบ เหมือนจริง ในวัย ๒๘ ปี ศิลปินหนุ่มล้านนานักผจญภัยขี่รถสกู๊ตเตอร์คู่ใจจากประเทศไทย สู่จุดหมายอันยาวไกลในทวีปยุโรป เพื่อแสวงหาประสบการณ์ทางศิลปะ การแสดงงานและการพบปะศิลปินนักวิจารณ์ต่างวัฒนธรรมขับเคลื่อนให้ประติมากรไทยผู้มีไฟสร้างสรรค์สามารถพัฒนาผลงานของตนสู่งานแบบนามธรรมในระดับสากลได้ เมื่อเดินทางกลับมายังบ้านเกิด ศิลปินอิสระผู้มุ่งมั่นไม่ได้นำสิ่งใดติดตัวกลับมาด้วยนอกจากประสบการณ์ด้านศิลปะจากต่างแดนร่วม ๑๒ ปี เต็ม ด้วยจิตวิญญาณแห่งนักสร้างสรรค์ผู้แสวงหาและการได้กลับมาพบ อินสนธิ์ วงค์สาม ได้ผูกโยงวิถีวัฒนธรรมพื้นถิ่นทางภาคเหนือเข้ากับศิลปะนามธรรมได้อย่างกลมกลืน

นิทรรศการ “อินสนธิ์ วงค์สาม : จิตวิญญาณอิสระ” จัดแสดงผลงานประติมากรรม (๒๕๑๗- ปัจจุบัน) ภาพพิมพ์แกะไม้ (๒๕๔๒-ปัจจุบัน) และงานจิตรกรรมชุดใหม่ (๒๕๕๖-ปัจจุบัน) ของ อินสนธิ์ วงค์สาม ร่วมร้อยชิ้น ผลงานมักถ่ายทอดลักษณะพิเศษหลายอย่างที่ล้วนแต่มีความสัมพันธ์กับความล้ำลึกจากจิตใจภายในของมนุษย์ รวมถึงศิลปกรรมชิ้นสำคัญอื่น ๆ เช่น ประติมากรรมไม้ชุดห้วยไฟ (๒๕๑๗-๒๕๒o) ที่สร้างสรรค์จากเศษซากตอไม้สักขนาดใหญ่ แสดงถึงการโหยหาความบริสุทธิ์ในสภาวะธรรมชาติ ช่วยโน้มนำชุมชนให้ระลึกถึงต้นไม้และผืนป่า ที่สูญเสีย ผลงานประติมากรรมโลหะจำลอง ขนาดเล็กชุดใต้ทะเล (๒๕๑๑-๒๕๑๗) ที่แสดงถึงความตระหนักในปัญหา สิ่งแวดล้อมและวิกฤตทางธรรมชาติ ซึ่งผลงานบางส่วนจะได้รับการถ่ายทอดให้เป็นจินตภาพที่สมบูรณ์ในรูปแบบวิดีโออาร์ตโดยศิลปินร่วมสมัย จิรศักดิ์ แสงพลสิทธิ์ และผลงานประติมากรรมถอดได้ (๒๕๔o-ปัจจุบัน) ที่นำเศษไม้รูปทรงแปลกมาประกอบกันด้วยวิธีการเข้าไม้สลักเดือย สามารถจับปรับขยับทิศทางรูปทรงได้ เป็นต้น

ศิลปินผู้เป็นต้นแบบของนักสร้างสรรค์ที่สามารถเชื่อมโยงคติ และวิถีวัฒนธรรมพื้นถิ่นให้สัมพันธ์กับศิลปะนามธรรม ที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะตะวันตกอย่าง อินสนธิ์ วงค์สาม นั้นเป็นบุคลิกพิเศษที่จะปรากฏอยู่น้อยนักในปัจจุบัน เรื่องราวของท่านได้ให้แรงบันดาลใจกับศิลปินรุ่นใหม่ วชร กัณหา ในการสร้างงานภาพยนตร์เชิงสารคดีจากชีวิต การแสวงหา การฝึกตน การค้นพบตนเองของอินสนธิ์ วงค์สาม ซึ่งได้ทิ้งร่องรอยไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ ในวงการศิลปกรรมของไทย

นิทรรศการ : อินสนธิ์ วงศ์สาม : จิตวิญญาณอิสระ
ศิลปิน : อินสนธิ์ วงศ์สาม
ศิลปินรับเชิญ : จิรศักดิ์ แสงพลสิทธิ์ และ วชร กัณหา
ภัณฑารักษ์รับเชิญ : ทักษิณา พิพิธกุล
วันที่ : ๑๒ กันยายน – ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
สถานที่: ห้องนิทรรศการหลัก ชั้น ๙
จัดโดย : ฝ่ายนิทรรศการ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ติดต่อสอบถามสำนักงานหอศิลปกรุงเทพฯ : o๒-๒๑๔-๖๖๓o – ๘
อีเมล : exhibition@bacc.or.th

ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com

The Mall Japan Discovery 2014

๑๒-๒๒ ก.ย. ๕๗ "The Mall Japan Discovery 2014" งานแสดงศิลปวัฒนธรรมในช่วงเทศกาลใบไม้ ๕ สีของชาวญี่ปุ่น เช่น ชุดกิโมโนเจ้าสาวตามแบบฉบับดั้งเดิม 'ชุดอูชิคาเคะ' ตัดเย็บจากผ้าไหม ประดับดิ้นไหมสีทองและเงิน ลวดลายดอกไม้หรือนก, ชุดกิโมโนสำหรับสาวโสด, การแสดง Yosakoi Dance ร่ายรำพร้อมพัดไม้ (ทุกวันเสาร์-อาทิตย์) พูดคุยแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวกับกูรู เวิร์คช็อปพับกระดาษโอริกามิโดย J-Education, จำหน่ายของที่ระลึก-สินค้าญี่ปุ่นระดับพรีเมียม กระเป๋าผ้าญี่ปุ่น เครื่องสำอาง สบู่อาบน้ำ (Snow White Tokyo) ที่มีส่วนผสมของผงไข่มุก, เครื่องดื่มสุขภาพผงต้นอ่อนข้าวบาร์เลย์ อะโอจิรุ ช่วยลดคอเลสเตอรอล, อุปกรณ์เพื่อนักกีฬาเทคโนโลยี Aquamatic จาก ไฟเท่น, Cheero Power Bank ณ อีเวนต์ ฮอลล์ ชั้นจี เดอะมอลล์ บางกะปิ ในบรรยากาศจำลองประตู 'โทริอิ' ของศาลเจ้า ฟูชิมิ อินาริ(Fushimi Inari Shrines)แห่งเกียวโต มาให้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

ร่วมสัมผัสความงามแดนอาทิตย์อุทัย พร้อมเก็บภาพประทับใจในบรรยากาศสถานที่สำคัญของญี่ปุ่น ชมการแสดงและชิมอาหาร สินค้า วัฒนธรรมจากญี่ปุ่นให้เลือกมากมายในงานนี้ ตั้งแต่ ๑๒-๒๒ ก.ย. ๒๕๕๗ ณ Even Hall ชั้น G เดอะมอลล์ บางกะปิ

ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคกรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์

๔ นิทรรศการศิลปะ เนื่องใน "วันศิลป์ พีระศรี" ณ ม.ศิลปากร วังท่าพระ

"ทุกคนมีความงาม นายต้องค้นพบ" ศิลป์ พีระศรี

งานศิลปะที่จัดแสดงตามหอศิลป์หลักและตามคณะต่าง ๆ ของ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ เนื่องใน "วันศิลป์ พีระศรี" ยังคงเปิดให้ผู้สนใจไปชมได้ อีกหลายวัน ดังต่อไปนี้

คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์

นิทรรศการ “เส้นทางสายอาเซียน” ระหว่างวันที่ ๑๕ กันยายน - ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๗ ณ หอศิลป์ PSG Art Gallery คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์

คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

นิทรรศการสถาปัตย์ปริวรรต ครั้งที่ ๑๖ ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๓o กันยายน ๒๕๕๗ ณ หอศิลปะสถาปัตยกรรมพระพรหมพิจิตร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

คณะมัณฑนศิลป์

นิทรรศการผลงานสร้างสรรค์ของคณาจารย์คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ประจำปี ๒๕๕๗ หัวข้อ “เครือข่ายการออกแบบแห่งอาเซียน Design Network Asian” ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๒๗ กันยายน ๒๕๕๗ ณ หอศิลปะและการออกแบบ คณะมัณฑนศิลป์

หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

มหกรรมศิลปะร่วมสมัย เนื่องในวันศิลป์ พีระศรี ประจำปี ๒๕๕๗ นิทรรศการ “ลูกศิษย์คิดถึงอาจารย์” ครั้งที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๓o กันยายน ๒๕๕๗ ณ หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ

ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th

Days of (endless)

100 ต้นสนแกลเลอรี่ขอเสนอนิทรรศการส่งท้ายปลายปี ๒๕๕๗ ด้วยผลงานภาพวาดชุดใหม่ในนิทรรศการ “วันว่าง(เปล่า)_Days of (endless) Meaninglessness”โดย ภาพตะวัน สุวรรณกูฎ ศิลปินไทยฝีมือดีที่อาศัยอยู่ ณ เมืองซิดนีย์ประเทศออสเตรเลีย มาเป็นเวลานาน และมีผลงานแสดงอย่างต่อเนื่องทั้งไทยและต่างประเทศ โดยหลังจากนิทรรศการเดี่ยว “Locution-(re)-locations.. ผนังของโลกหม่นบางคล้ายผนังระฆังทองคำ (เต็มไปด้วยทัศนะ..เต็มไปด้วยความรู้สึก)” ที่ 100 ต้นสนแกลเลอรี่เมื่อปี ๒๕๕๔ ภาพตะวันยังได้รับคัดเลือกให้แสดงใน 18th Biennale of Sydney รวมไปถึงนิทรรศการกลุ่มอื่น ๆ ในนิวยอร์ก และเมลเบิรน์และอีกมากมายอีกด้วย

นิทรรศการเดี่ยว “วันว่าง(เปล่า)” ในครั้งนี้นำเสนอผ่านชุดผลงานภาพวาดสีอะคลิริคบนผืนผ้าใบ ในลักษณะ Triptych จำนวน ๕ ชุด เป็นผลงานที่ศึกษาความหมายที่ซ่อนอยู่ในภาพถ่ายที่ศิลปินบันทึกได้โดยบังเอิญจากช่วงสถานการณ์ความไม่สงบในกรุงเทพฯ เมื่อปลายปี ๒๕๕๖ ถึงต้นปี ๒๕๕๗ ระหว่างที่ศิลปินเดินทางกลับมาสู่กรุงเทพฯ พร้อมกับครอบครัว โดยภาพถ่ายสถานที่ว่างเปล่า ภาพประตูปิดกั้น มุมที่หาทางไม่เจอเหล่านี้ ได้ถูกนำมาสรรค์สร้างขึ้นจากแผ่นภาพสู่ผืนผ้าใบ โดยตีความและดัดแปลงสีสันขึ้นใหม่ และเรียบเรียงขึ้นตามเวลาที่ถ่ายโดยไม่ได้เน้นเล่าเรื่องที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ วันนั้น

วันเปิดนิทรรศการ วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๙.oo น. ณ 100 ต้นสนแกลเลอรี่

นิทรรศการ : “วันว่าง(เปล่า)”
ศิลปิน : ภาพตะวัน สุวรรณกูฎ
วันที่ : ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ – ๔ มกราคม ๒๕๕๘
สถานที่ : 100 ต้นสนแกลเลอรี่
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : (ฮามิช) o๒-๖๘๔-๑๕๒๖, o๘๖-๘๘๔-๖๒๕๔
อีเมล : info@100tonsongallery.com

ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com

ดีไซน์ อิส วัน

Design is One เป็นเรื่องราวของสองสามีภรรยานักออกแบบช่ือก้องโลก Massimo และ Lella Vignelli แห่งสาํนักงานออกแบบ Vignelli Associates ในนิวยอร์กซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นนักออกแบบท่ีมีอิทธิพลต่อนักออกแบบรุ่นต่อมามากมายจนถึงปัจจุบัน งานของ Vignelli ครอบคลุมตั้งแต่งานออกแบบเอกลักษณ์องคก์รแบรนดิ้ง อินทีเรีย สิ่งพิมพ์แพ็คเกจจิ้ง หนังสือไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ตลอดระยะเวลาท่ีผ่านมาพวกเขาสร้างผลงานท่ีโดดเด่นระดับไร้กาลเวลาเอาไว้มากมาย เช่น แผนท่ีซับเวยข์องเมืองนิวยอร์ก โลโก้ขององคก์รต่าง ๆ นับไม่ถ้วน เช่น Ford, Benetton, American Airlines, Knoll และอื่น ๆ อีกมากมาย เมื่อเดือนพฤษภาคมท่ีผ่านมา Massimo Vignelli ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย ๘๓ ปี เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้นำวิธีคิดแบบโมเดิร์นนิสตข์องยุโรปถ่ายทอดออกมาเป็นกราฟิกดีไซน์แบบอเมริกัน จนเกิดเป็นพาณิชยศ์ลิป์ท่ีทรงคุณค่าภาพยนตร์เรื่องน้ีทาํให้เราไดรู้จักทั้งชีวิตและผลงานมากมายของพวกเขารวมทั้งยังเป็นภาพยนตร์ท่ีพลาดไม่ได้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบผลงานของพวกเขา ซึ่งจะเป็นภาพยนตร์ท่ีทำห้เราระลึกถึงการจากไปของ Massimo Vignelli ด้วย

วันและเวลา : ๑๘-๒๑ กันยายน ๒๕๕๗
สถานที่ : ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ภาพและข้อมูลจากเวบ
wikalenda.com

เสวนา "ผ้าไทยในวิถีชีวิต"

ผ้า คือเครื่องนุ่งห่มประดับกายที่สำคัญ จึงถือเป็น ๑ ในปัจจัย ๔ ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ ไม่เพียงแต่จะให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ผ้ายังแสดงถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไปของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ ประเทศไทยของเราก็เช่นเดียวกัน พบหลักฐานการทอผ้ามานานหลายพันปี และได้มีการสืบทอดจนมาถึงปัจจุบัน โดยแต่ละภูมิภาคจะมีรูปแบบลวดลายและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแตกต่างกันไป แต่เรียกโดยรวมว่า ผ้าไทย ในปัจจุบันอาจจะเริ่มเลือนหายไปจากความรู้สึกนึกคิดของคนรุ่นใหม่ ซึ่งอาจจะมองว่าผ้าไทยเป็นของคนรุ่นเก่า สวมใส่แล้วจะดูไม่ทันสมัย หรือจะนำมาใช้ต่อเมื่อมีงานสำคัญเท่านั้น

พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ขอเชิญชวนบุคคลทั่วไปร่วมฟังการเสวนาเรื่อง ผ้าไทยในวิถีชีวิต จากวิทยากรคนสำคัญคือ คุณปอนด์ ยาคอปเซ่น หรือ คุณปอนด์ ใจดีทีวี ผู้ดูแลเพจนุ่งซิ่นอินเตอร์ พร้อมกับบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านแฟชั่นผ้าไทย เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิด แรงบันดาลใจ และวิธีการ นำผ้าไทยมาใช้ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ได้อย่างเหมาะสม สวยงามและทันสมัย เปลี่ยนมุมมองการใช้ผ้าไทยว่าไม่ใช่เรื่องของคนรุ่นเก่า เชย และล้าสมัยอีกต่อไป

กิจกรรมไม่มีค่าใช้จ่าย

ระยะเวลา: วันเสาร์ ที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๕.๐๐ น.

สถานที่: ห้องประชุม พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม: ๖๐ คน

ติดต่อสำรองที่นั่ง:

๑. โทร ๐-๒๒๒๕-๙๔๒๐, ๐-๒๒๒๕-๙๔๓๐ ต่อ ๐ หรือ ๒๔๕ ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๙.๐๐ - ๑๗.๐๐ น.

๒. ข้อความทางเฟซบุ๊ก qsmthailand

ภาพและข้อมูลจากเวบ
qsmtthailand.org

"เปิดเลนส์ ท้าฝน"

จังหวัดนครราชสีมา โดย อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ – ปากช่อง และ K – Magazine สนับสนุนการประชาสัมพันธ์โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ขอเชิญทุกท่านร่วมโครงการประกวดภาพถ่ายอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ Season Change @ Khaoyai ตอน “เปิดเลนส์ ท้าฝน” ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗

นายสุหฤทธิ์ ชาญวนังกูร ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานนครราชสีมา เผยว่า ความสวยงามของฤดูฝนที่น่าเที่ยวของเมืองโคราช สอดคล้องกับความงดงามของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ ปี ๒๕o๕ และได้รับประกาศเป็นมรดกโลก เมื่อ ปี ๒๕๔๘ อันอุดมไปด้วยความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งพันธุ์พืชที่หลากหลาย สัตว์ป่าน้อยใหญ่นานาชนิด ทิวทัศน์ที่สวยงามตามธรรมชาติ และอากาศสดชื่นบริสุทธิ์ เหมาะแก่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ รวมทั้งได้รับความสนใจจากผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพ เดินทางเข้ามาบันทึกภาพธรรมชาติ และเรียนรู้กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

สำหรับกิจกรรมลักษณะภาพถ่ายที่จะส่งเข้าประกวดนั้น ต้องเป็นภาพถ่ายภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ภาพถ่ายของแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในพื้นที่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา (สถานประกอบรอบ ๆ อทช.เขาใหญ่ของสมาชิกชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาใหญ่-ปากช่องที่เข้าร่วมโครงการฯ) สามารถใช้ กล้องในแบบดิจิตอล หรือ ฟิล์ม รวมถึง Smart Phone และ Tablet ด้วย ภาพที่ส่งเข้าประกวดจะต้องมีทั้งหมด ๖ ภาพ สำหรับเกณฑ์การตัดสินคัดเลือกจาก การถ่ายทอดตามแนวคิด Season Change @ Khaoyai ตอน “เปิดเลนส์ ท้าฝน” และเป็นภาพที่ถ่ายด้วยตัวเองไม่ซ้ำใคร ไม่ทำลายธรรมชาติ มีความสวยงามตามหลักทัศนศิลป์ เป็นต้น และสามารถส่งผลงานผ่านทาง //www.kmazthailand.com หรือ เขียนข้อมูลบันทึกลงแผ่น CD / DVD ส่งมายัง K MAGAZINE ตู้ ปณ.๑๕ ปณ. จอมสุรางค์ ๓ooo๑ หรือส่งผ่านทางการโพสต์ภาพถ่ายในหน้า Wall ของ facebook.com/seasonchangeatkhaoyai พร้อมคำบรรยายใต้ภาพ และระบุชื่อ-นามสกุล

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โทร. o๘-๖o๙๒- ๖๕๒๙ ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ – ปากช่อง โทร. o-๔๔๒๙-๗๕๗๗ K – Magazine โทร. o- 44oo-8o59, o8 1593 7182 //www.kmazthailand.com หรือที่ ททท. สำนักงานนครราชสีมา โทรศัพท์ o-๔๔๒๑-๓o๓o, o-๔๔๒๑-๓๖๖๖

ภาพและข้อมูลจากเวบ
rongramdee.com
kmazthailand.com

เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ผ่านพิพิธภัณฑ์ไทย

คนรุ่นใหม่ห่างไกลศิลปะ วัฒนธรรมไทย ด้วยเหตุนี้ มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ ภายใต้สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) ชวนเยาวชน หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ หรือครอบครัว มาเที่ยวงาน “มิว เฟส ตอน วันพิพิธภัณฑ์ไทย” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ กันยายนนี้ โดยในงานจะพบกับกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์ และไม่ควรพลาดกับการแสดงละครจากกลุ่มละครเพื่อการเรียนรู้บางเพลย์ ที่จะถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคสุวรรณภูมิ จนถึงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ และการเล่านิทาน ๒ ภาษา อีกทั้ง มิวเซียมสยาม ยังเปิดให้เข้าชมฟรีตลอดทั้ง ๓ วัน

ราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบัน เปิดเผยว่า เพื่อระลึกถึงวันก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ ๑๙ กันยายน ๒๔๑๗ หรือมิวเซียม ขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงถือโอกาสจัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เยาวชน คนรุ่นใหม่หันมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์มากยิ่งขึ้น คาดว่าผู้ที่เข้าร่วมงานจะรู้สึกว่าประวัติศาสตร์เป็นเรื่องสนุก ผ่านการแสดงละคร ที่จะถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ การสอดแทรกหลากหลายมุมมองที่อาจนอกเหนือจากตำราที่เคยเรียนมา เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้ขบคิดต่อยอดขยายความต่อในมุมมองใหม่ ๆ รวมทั้งการเล่านิทานพื้นบ้าน ที่จะสะท้อนวิถีชีวิตของคนไทยได้เป็นอย่างดี

ด้าน ทวีวัฒน์ กำเนิดเพ็ชร์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มละครเพื่อการเรียนรู้บางเพลย์ ผู้คิดการแสดงละครภายในงาน กล่าวว่า ละครที่จะแสดงในงานนี้จะมีด้วยกันทั้งหมด ๔ เรื่อง โดยนำเสนอการถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ ผ่านการพูดคุย และตั้งคำถามของตัวละคร โดยมีฉากเป็นตลาด บ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้คนจะมารวมตัวพบปะกัน และก่อให้เกิดบทสนทนาขึ้น ชวนให้ผู้ชมได้ติดตาม และร่วมตั้งคำถามเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การบอกเล่าของตัวละครว่าเราจะเชื่อตาม หรือมีความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งความน่าสนใจของการชมละครในครั้งนี้

ส่วน รศ.ดร.วยุพา ทศศะ แห่งภาควิชาภาษาตะวันตกและภาษาศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้ดูแลการเล่านิทานพื้นบ้านในงานนี้ เปิดเผยว่า นิทานเป็นเหมือนมนต์สะกด แม้หลายคนจะคิดว่าการฟังนิทานเป็นเรื่องของเด็ก ๆ แต่ได้มีงานวิจัยเผยว่า จริง ๆ แล้ว คนทุกวัยล้วนชอบฟังนิทาน ซึ่งนิทานที่จะนำมาเล่าในงานนี้ เป็นนิทานพื้นบ้านทางภาคอีสาน ร่วมด้วยลาว เขมร และจีน ซึ่งหลายเรื่อง ๆ จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับข้าว ทั้งประเพณี ตำนานความเชื่อต่าง ๆ และในงานนี้ยังมีการเล่านิทานเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้เข้าใจถึงวิถีชีวิตความเป็นไทย ซึ่งผู้ที่ได้ฟังการเล่านิทานในงานนี้ จะได้รับแง่คิดจากนิทาน เพื่อนำไปปรับใช้ในการดำรงชีวิตอย่างแน่นอน

ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net

นิทรรศการศิลปะเพื่อคนตาบอด

กรมการท่องเที่ยว จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศิลปะเพื่อคนตาบอด พ.ศ. ๒๕๕๗ และการประกวดผลงานศิลปะเพื่อคนตาบอด เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การรับรู้เชิงการท่องเที่ยวให้แก่คนตาบอด ผ่านการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในลักษณะประติมากรรมและสื่อผสม เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ภายใต้หัวข้อ “ความสุข...ที่สัมผัสได้ (Feel the Happiness)”

ดร.สุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานบริการด้านการท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยว ได้มีแนวคิดในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อคนตาบอด ในรูปแบบของนิทรรศการศิลปะ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การรับรู้เชิงการท่องเที่ยวให้แก่คนตาบอด และเป็นการส่งเสริมโอกาสของคนตาบอดในการมีส่วนร่วมต่อกิจกรรมต่าง ๆ ของสังคม รวมถึงกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว

“ปัจจุบันคนตาบอดยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจที่ให้ทั้งความรู้ ความบันเทิง ประสบการณ์ตลอดจนมุมมองใหม่ ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างจินตนาการในการรับรู้และสัมผัสได้ถึงคุณค่าของแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ของประเทศ

การสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของคนตาบอดและคนปกติในการรับรู้ร่วมกัน เปรียบเสมือนเครื่องมือในการส่งเสริมความเท่าเทียมกันของทุกคนในสังคม รวมถึงยังเป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ในการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมมาตรฐานบริการด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกด้วย” ดร.สุวัตร กล่าว

อีกทั้งชวนร่วมชมงานแสดง “นิทรรศการศิลปะเพื่อคนตาบอด” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ ๑๘ - ๒๔ กันยายน ๒๕๕๗ ณ อาคารจามจุรีสแควร์ ชั้น ๑ โถงหน้า Office (ใหญ่) โดยมีผลงานประติมากรรมที่ได้รับรางวัลจากการประกวด และผลงานของศิลปินแห่งชาติ รวมถึงผลงานของศิลปินนักร้อง นักแสดง สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ เฟซบุค ArtFortheBlind

ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th

บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ

บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor

Create Date : 18 กันยายน 2557

0 comments

Last Update : 18 กันยายน 2557 22:41:10 น.

Counter : 2133 Pageviews.