มาระชินะเจดีย์ที่วัดฟ้าเวียงอินทร์

	ชื่อภาพ : กลองปู่เจที่กองมูแหลนเหลิน สถานที่ : วัดฟ้าเวียงอินทร์ (วัดหลักแต่ง) เวียงแหง เทคนิค : ปากกา+สีน้ำบนกระดาษ ขนาด : ๒๘ x ๓๘ เซนติเมตร มาระชินะเจดีย์ที่วัดฟ้าเวียงอินทร์ คุณที่รัก มาระชินะเจดีย์ มาจากคำว่า 'มาร+ชนะ+เจดีย์' บาลีสันสกฤตที่ใช้ในพุทธศาสนานั่นแหละครับ สำเนียงพูดชาวไทยใหญ่ ออกเสียงอย่างนั้น มีความหมายตรงคำว่า 'เจดีย์ชนะมาร' เป็นชื่อทางการ ชาวบ้านเขาเรียกว่า กองมูแหลนเหลิน กองมู คำไตหมายถึงพระธาตุ, เจดีย์ แหลน -แดน, เหลิน-เดิน สรุปแล้ว กองมูแหลนเหลิน ก็คือเจดีย์ชายแดน หรือพระธาตุเขตแดน เพราะตั้งอยู่ชายแดนไทย-พม่านั่นเอง ผมชอบทั้งสองชื่อ ออกเสียงแล้วมีกังวานเสนาะ แต่ใจก็เทมาที่ชื่อ แหลนเหลิน เพราะเป็นชาวบ้านๆ ไม่มีศัพท์แสง ให้ภาพพระนเรศวร เดินทัพผ่านชายแดน เช่นเดียวกับชื่อวัด ฟ้าเวียงอินทร์ นั้นไพเราะนะครับ ไม่ใช่ไม่ไพเราะ ความหมายก็ดีด้วย แต่ผมก็ชอบชื่อพื้น ๆ ดั้งเดิมที่ชาวบ้านเรียกคือ วัดหลักแต่ง มากกว่า กองมูแหลนเหลิน มีรูปแบบสถาปัตยกรรมชาวไทยใหญ่รอบ ๆ มาระชินะเจดีย์องค์กลาง รายล้อมด้วยพระธาตุเจดีย์ประจำวันเกิดของชาวไทยใหญ่ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ที่ใต้ฐานเจดีย์นี้ มีจารึกพระธาตุมาระชินะเจดีย์ ซึ่งเป็นจารึกภาษาไทยใหญ่ บอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของการสร้างวัด และการบรูณะซ่อมแซมหลังการก่อสร้างครั้งแรก กองมูแหลนเหลิน นั้นสันนิษฐานว่า สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จเดินทัพมาปราบศึกพม่าที่มารุกรานไทย พระองค์อาจสร้างเจดีย์ไว้ สันนิษฐานว่าอาจเป็นช่วงเดียวกับที่สร้างพระธาตุแสนไห มาเจริญรุ่งเรืองหลังปีพ.ศ.๒๕๑๑ ซึ่งเป็นปีที่เจ้ากองเจิง (พลเอกโมเฮง ชนะศึก) หัวหน้าคณะปฏิวัติรัฐฉานผู้นำขบวนการกู้ชาติไทยใหญ่ ชนะศึกพม่าและมาตั้งถิ่นฐานบริเวณชายแดนไทย (ไม่ไกลกับบ้านป๋างก้ำก่อ ตำบลปางยาง อำเภอเมืองต๋น เขตรัฐฉาน พม่า) เจ้ากองเจิงนี่แหละที่ริเริ่มบูรณะวัดฟ้าเวียงอินทร์ และสร้างเจดีย์มาระชินะครอบเจดีย์องค์เก่าสมัยพระนเรศวร เพื่อเป็นศาสนสถาน-ที่พึ่งทางจิตใจของไพร่พล ฉบับก่อนผมเขียนล้อเล่นว่าที่เห็นเป็นสวนผักนั้นคือที่ฝังกับระเบิด มาคุยกับชาวบ้านทีหลัง ถึงรู้ว่าเป็นเรื่องจริงครับ ชาวบ้านไทยเราเคยโดนระเบิดขาขาดมาแล้ว สมัยก่อนบริเวณบ้านหลักแต่งนี้ถือเป็นเขตอิทธิพลของขุนส่า อาณาเขตของวัดนี้จึงนับเป็นดินแดนเดียวกันแต่เมื่อขุนส่ามอบตัวแก่รัฐบาลทหารพม่า ดินแดนวัดจึงถูกแยกเป็นสองส่วน มีเจดีย์สีเหลืองทองอร่ามอยู่ในแดนไทยประกอบด้วยหอสวดมนต์ เจดีย์ทอง หอระฆัง กุฏิสงฆ์ ศาลา วิหารหลังใหม่ (ซึ่งสร้างเพิ่มเติมเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๕) ศาลาจำศีล ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ของวัด จากฝั่งไทยเราจะมองเห็นหลังคาโบสถ์สีแดงทรงไทยใหญ่อยู่ในฝั่งพม่า นั่นคืออุโบสถหลังเก่า โรงนอนพระ และด้านหลังของโรงนอนนั่นแหละที่ใช้เป็นที่พักของทหารพม่า ด้านหลังเจดีย์มาระชินะเป็นศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ และมี 'หอคำ' ที่เสมือนพิพิธภัณฑ์เก็บรวบรวมอดีตของเจ้าฟ้าชาวไทยใหญ่ และที่เชิงเขาด้านหลังเป็นสุสานนายพลโมเฮงอดีตผู้นำชาวไทยใหญ่ที่นี่ แต่คุณรู้ไหม ในกองมูแหลนเหลิน ศาสนสถานชนะมารชนะศึกแห่งวัดหลักแต่ง-ฟ้าเวียงอินทร์ ถิ่นนี้ อะไรคือสิ่งที่ตรึงใจผมมากที่สุด.. ไม่ใช่องค์มาระชินะเจดีย์หรอก จะบอกให้ ผมประทับใจ 'กลองยาว' ครับ กลองยาว(หรือที่ชาวไทยใหญ่เรียก กลองก้นยาว หรือ กลองปู่เจ) ที่ตั้งอยู่บนหัวเสาฐานทางขึ้นเจดีย์นั่นแหละ สุดยอดครับ เป็นแห่งเดียวในโลกก็ว่าได้นะ ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ส่วนใหญ่จะสร้างสิงห์ เสือ เทวดา เทพธิดาตามคตินิยมไทยเหนือ นี่เล่นกลองปู่เจเลยครับท่าน หมายเหต : *กลองปู่เจ อ่านว่า ก่องปู่เจ่ เป็นคำนาม หมายถึง กลองหน้าเดียว มีรูปร่างคล้ายกลองยาว มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น เช่น อุเจ่ อู๋เจ่ ปู๋เจ่ ปั๊ดเจ่ ปุ๊ดเจ่ เป็นต้น เดิมนิยมเล่นกันในหมู่ชาวไทใหญ่ ซึ่งชาวไทใหญ่เรียกกลองชนิดนี้ว่า กลองก้นยาว ส่วนชาวไทลื้อเรียกกลองชนิดนี้ กลองตีนช้าง การตีกลองปู่เจมักพบเห็นในงานบุญของวัด ขบวนแห่ต่าง ๆ รวมทั้งประโคมประกอบการฟ้อนเจิง ฟ้อนดาบ เต้นโต ฟ้อนนางนก เป็นต้น (สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) เรื่องและภาพ โดย พิบูลศักดิ์ ละครพล จากคอลัมน์ "ผ่านตามาตรึงใจ" นสพ.กรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์ ๖ เม.ย. ๒๕๕๗ เฟซบุคกรุงเทพธุรกิจวันอทิตย์

Create Date : 09 เมษายน 2557		0 comments
Last Update : 9 เมษายน 2557 21:58:21 น.
Counter : 2914 Pageviews.
Share Tweet