happy memories
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2562
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
30 พฤษภาคม 2562
 
All Blogs
 

คารวาลัย...รัฐบุรุษ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
























ขอกราบคารวะแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อการถึงแก่อสัญกรรมของ ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์” ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ “ขุนพลคู่ราชบัลลังก์ ๒ แผ่นดิน” และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว คิณสูลานนท์ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ










ภาพจาก เพจ Arthit Kannikar








'รัฐบุรุษ' ผู้เกิดมา 'เพื่อแผ่นดิน'
โดย เปลว สีเงิน
จันทร์ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒


เมื่อวาน...

วันอาทิตย์ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖

แรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ ของทุกปี เป็นวัน "อัฏฐมีบูชา"

อัฏฐมีบูชา คือ......

วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ณ มกุฏพันธนเจดีย์ ณ กรุงกุสินารา หลังพระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ๘ วัน

และแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ เมื่อวาน ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

"พลเอกเปรม ติณสูลานนท์" ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ

เมื่อภารกิจส่งผ่านเพื่อแผ่นดินอันรัฐบุรุษได้กระทำจบสิ้นแล้ว

ตอนเช้า...

ท่านก็ส่งคืน ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ที่ประกอบเป็นเรือนกายให้อาศัยมา ๙๙ ปี ด้วยจิตผ่องแผ้ว ท่านถึงแก่ "อสัญกรรม"

ดิน คืนสู่ดิน, น้ำ คืนสู่น้ำ, ลม คืนสู่ลม, ไฟ คืนสู่ไฟ

ส่วน "จิตวิญญาณ"

ไม่คืน........เพราะ

มโนนั้น รัฐบุรุษของแผ่นดิน ได้มอบพระผู้สถิตอยู่ยอดสวรรค์ เป็นนิรันดร์ก่อนกาลแล้ว

วันนี้ จันทร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒

"พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้

"สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" เสด็จฯ แทนพระองค์ ไปพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
ณ พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตร เขตพระนคร เวลา ๑๘.๐๐ น.

ชื่อ "เปรม"

นามสกุล "ติณสูลานนท์"

มีความหมายว่าอย่างไร ผมถอดรหัสตามรอยเท้า ๙๙ ปีของท่าน ได้เป็นอักษร ๙ คำ คือ

"เกิด/มา/ต้อง/ตอบ/แทน/บุญ/คุณ/แผ่น/ดิน"

กราบด้วยสำนึกในปณิธานรัตนบุรุษคู่บัลลังก์และคู่แผ่นดินในรอบศตวรรษ

ขอเก็บความประวัติบางส่วนจากเพจ "ตำนานบรรดาเรา" บันทึกไว้เพื่อศึกษา ดังนี้

เกิด ๒๖ สิงหาคม ๒๔๖๓ ที่ ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา

ชื่อ "เปรม" นั้น พระรัตนธัชมุนี (แบน คณฺฐาภรโณ) เป็นผู้ตั้งให้ ส่วนนามสกุล "ติณสูลานนท์"

"พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว" ได้พระราชทานให้ เมื่อ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๒

เป็นบุตรชายรองสุดท้อง จากจำนวน ๘ คน ของ "รองอำมาตย์โท หลวงวินิจทัณฑกรรม" (บึ้ง ติณสูลานนท์) ผู้ต้นตระกูล กับนางวินิจทัณฑกรรม (ออด ติณสูลานนท์)

สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ สงขลา เลขประจำตัว ๑๖๗ และสวนกุหลาบวิทยาลัย "ส.ก.๗๕๘๗" เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๐

เข้าศึกษาต่อ "โรงเรียนเทคนิคทหารบก" รุ่นที่ ๕ สังกัดเหล่าทหารม้า (ก่อตั้ง พ.ศ.๒๔๗๗ ต่อมาคือ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า)

จบการศึกษาปี พ.ศ.๒๔๘๔ เข้าร่วมรบในสงครามอินโดจีน ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา

จากนั้น เข้าสังกัดกองทัพพายัพ...

ภายใต้การบังคับบัญชา "หลวงเสรีเริงฤทธิ์" (จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์) ทำการรบในสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่าง พ.ศ.๒๔๘๕-๒๔๘๘ ที่เชียงตุง

ภายหลังสงคราม รับราชการอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ และได้รับทุนไปศึกษาต่อที่ "โรงเรียนยานเกราะ" ของกองทัพบกสหรัฐฯ ที่ฟอร์ตน็อกซ์ รัฐเคนทักกี

พร้อมกับ "พลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์" และ "พลเอกวิจิตร สุขมาก" เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๕ กลับมารับตำแหน่งรองผู้บัญชาการโรงเรียนยานเกราะ

ต่อมา มีการจัดตั้งโรงเรียนทหารม้ายานเกราะ ศูนย์การทหารม้า ที่จังหวัดสระบุรี

ได้รับพระบรมราชโองการ เป็นผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า ยศพลตรี เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑

ช่วงระยะเวลา ๕ ปี ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า ใช้คำว่า "ป๋า" เรียกแทนตัวเองต่อผู้อาวุโสน้อยกว่า

และเรียกผู้อาวุโสน้อยกว่าว่า "ลูก" จนเป็นที่มาของคำว่าป๋าหรือ "ป๋าเปรม"

คนสนิทของท่าน ถูกเรียกว่า "ลูกป๋า" และเรียกติดปากกันมาจนถึงปัจจุบัน

ย้ายไปเป็นรองแม่ทัพภาคที่ ๒ ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ปี พ.ศ.๒๕๑๖ และขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ ๒ เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๗

เป็น "พลเอก" ในตำแหน่ง "ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก" พ.ศ.๒๕๒๐ ขึ้นเป็น "ผู้บัญชาการทหารบก" ปี พ.ศ.๒๕๒๑

นอกจากยศ "พลเอก" แล้ว...

ถือว่าเป็นหนึ่งในบุคคลปัจจุบันที่มิใช่พระบรมวงศานุวงศ์ ที่ได้รับยศ พลเรือเอก ของกองทัพเรือ และ พลอากาศเอก ของกองทัพอากาศ ด้วย

จากการพระราชทานโปรดเกล้าฯ เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๙ ในระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่

ปี พ.ศ.๒๕๐๒ ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ

จากนั้น เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ และวุฒิสมาชิก ช่วง พ.ศ.๒๕๑๑-๒๕๑๖ สมัยจอมพลถนอม กิตติขจร
ร่วมรัฐประหาร ๒ ครั้ง ที่นำโดยพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๙ ล้มรัฐบาล "หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช"

และวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๐ ล้มรัฐบาล "ธานินทร์ กรัยวิเชียร"

เป็นรัฐมนตรีครั้งแรกในรัฐบาล "พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์" ในตำแหน่ง รมช.มหาดไทย

ช่วงปลายรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ เป็น รมว.กลาโหม ควบคู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก

ในช่วงนั้น พลเอกเปรมได้รับการยอมรับจากหลายฝ่าย หลังจากพลเอกเกรียงศักดิ์ ลาออกจากนายกฯ เมื่อ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๓

"สภาผู้แทนราษฎร" หยั่งเสียงหาตัวผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเลือก "พลเอกเปรม"

โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สืบต่อจากพลเอก เกรียงศักดิ์ เมื่อ ๓ มีนาคม ๒๕๒๓

เป็นนายกฯ มา ๘ ปี กลุ่มนักวิชาการก่อกระแสคัดค้านการเป็นต่อ

ปี พ.ศ.๒๕๓๑ ยุบสภา มีการเลือกตั้ง หัวหน้าพรรคที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาล "พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ" พรรคชาติไทยเป็นแกนนำ

เข้าพบที่บ้านพัก เชิญให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นสมัยที่ ๔ แต่พลเอกเปรมปฏิเสธ บอก "ผมพอแล้ว"

พลตรีชาติชาย ชุณหะวัณ (ยศขณะนั้น) จึงเป็น "นายกรัฐมนตรี" คนที่ ๑๗ เมื่อพลเอกเปรมพ้นตำแหน่งนายกฯ

"พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร" รัชกาลที่ ๙
โปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรี เมื่อ ๒๓ ส.ค.๓๑ และเป็นรัฐบุรุษ ๒๙ ส.ค.ปีเดียวกัน

๔ สิงหาคม ๒๕๔๑ โปรดเกล้าฯ ประธานองคมนตรี

จากอสัญกรรมของพลเอกเปรม ชาวสงขลาผู้หนึ่ง "เริงวุฒิ มิตรสุริยะ" โพสต์ fb สะท้อนบางสิ่ง-บางอย่างน่าสนใจ ดังนี้

ตอนเด็ก ๆ แม่ถามเสมอว่า "จำหน้าตาของตาได้ไหม" ผมจะตอบว่า "จำไม่ได้ คลับคล้ายคลับคลาเท่านั้น" เหตุเพราะ "ตา" ของผมเสียไปตั้งแต่ผมยังเรียนชั้นประถม

แม่ก็จะบอกว่า "ดูข่าว ดูหน้าป๋าเปรม นั่นละ ตาแกหน้าตาอย่างนี้เลย"

...เราก็ได้แต่ล้อแม่ว่า "หน้าตาคล้ายกัน ทำไมไม่ได้เป็นใหญ่เป็นโตอย่างป๋าเปรมบ้างละตา"

ตอน พล.อ.เปรม เป็นนายกฯ สมัยแรก แม่ในฐานะหนึ่งในกลุ่มแม่บ้านข้าราชการสงขลา มีโอกาสขึ้นมากรุงเทพฯ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี "คนสงขลา"...ฯลฯ...

กลับถึงบ้าน ผมรีบถามแม่ว่า "เป็นงัยบ้างล่ะ ได้พบกับตาไหม"

แม่ตาแดง บอกว่า หน้าตาป๋าเปรมตัวจริงคล้ายมากเลย แต่ที่ไม่เหมือนคือ ป๋าเปรมใจดี ส่วนตาผมดุ

นั่นเป็นเพียงภาพที่ผมจดจำเกี่ยวกับ พล.อ.เปรม

แน่นอนในฐานะคนสงขลา ย่อมภูมิใจว่า อย่างน้อยคนสงขลาคนหนึ่ง ได้มาเติบโตเป็นใหญ่ในกรุงเทพฯ และมีอำนาจบารมีในประเทศไม่ต่างจากคนที่อื่น

เป็นฝันและแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ ต่างจังหวัดอยู่ไม่น้อยว่า หากมีความสามารถ ก็สามารถจะก้าวหน้าและเติบโตเป็นที่ยอมรับในสังคมและประเทศชาติได้

นอกนั้น ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวพันกันอีกเลย....

ผมไม่แน่ใจว่า พล.อ.เปรม ท่านทำอะไรหรือทำอย่างไร ที่ทำให้คนกลุ่มหนึ่งไม่ชอบท่านเอามาก ๆ

แน่นอนว่า ส่วนหนึ่ง คงมาจากที่ท่านอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทางการเมืองยาวนาน ซึ่งอาจส่งผลต่อการได้หรือเสียผลประโยชน์ของใครบางคนบางกลุ่ม

กระนั้น เมื่อพิจารณาเทียบกับผลงานของท่านแล้ว ผมมองว่ามันเทียบกันไม่ได้

โลกสมัยที่ภัยคอมมิวนิสต์สยายปีกเข้าคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีนกลายเป็นคอมมิวนิสต์ ต่อมาอินโดจีนถูกกลืนไปแล้ว

ไทยเป็นรายต่อไป ที่ใครต่อใครมองว่าไม่น่าจะรอด แต่สุดท้ายเราก็เอาอยู่

มาจนถึงวันนี้ เราเห็นชัดเจนว่า ใครที่เคยเปลี่ยนไปเป็นคอมมิวนิสต์แบบเข้มข้น ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ทุนนิยมอย่างจีนในปัจจุบัน

คำตอบคือ สังคมนั้นล้มเหลว ระบอบนั้นคว่ำไม่เป็นท่า ถ้าหากไทยเราต้องเปลี่ยนระบอบการปกครองไปในเวลานั้นคิดไม่ออกเหมือนกันว่า วันนี้ประเทศเราจะเป็นเช่นไร

ในภาวะความขัดแย้งทางการเมืองชัดเจนยามนั้น ด้วยนโยบาย ๖๖/๒๓ ประสบความสำเร็จ เปิดประตูทางออกให้ขบวนการที่กำลังแตกร้าว กระทั่งนำมาสู่ความสงบในที่สุด คนที่เคยจับปืนเข้าป่า ออกมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย หลายคนได้เชิดหน้าชูตาในแวดวงผู้บริหารประเทศ ไม่ถูกไล่ล่าอย่างในหลายประเทศที่เคยเป็นมา

แน่นอนว่า มีอีกหลายอย่าง ที่ พล.อ.เปรมทำเอาไว้ ที่เป็นความดี ทั้งเรื่องส่วนตัวและสังคม

หากนำมาเทียบกับความเกลียดชังที่บางคนถูกสั่งสอนมา และเทียบกับความรักประเทศรักชาติแล้ว

คนอย่าง พล.อ.เปรม ซึ่งได้รับการเชิดชูให้เป็นรัฐบุรุษ ย่อมมีค่ากว่าใครอีกหลายคนที่ก่นด่าประณามท่าน

พล.อ.เปรม ถึงแก่อสัญกรรม ในวันนี้ ในสายตาผม นับเป็นความสูญเสียของรัฐและของชาติ แน่นอนผมเชื่อว่า การจากไปของท่าน ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการเมืองการปกครองของประเทศอีกแล้ว
คนที่ออกมาประณามท่าน น่าจะอายปากตัวเองบ้างไม่มากก็น้อย

เพราะแม้จะสาปแช่งเช่นไร ประเทศเรา ก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปมากกว่าที่เป็นอยู่

แต่หากหันไปสาปแช่งตัวเองเสียบ้าง น่าจะทำให้ชาติก้าวหน้าขึ้นก็ได้

ครับ...

วันนี้ เรื่องการเมือง "มี" แต่ไม่คุย

ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ "กราบส่งป๋า" ด้วยสำนึกในรัฐบุรุษผู้เกิดมาเพื่อแผ่นดินโดยแท้.


ข้อมูลจาก thaipost.net








ภาพจาก เพจ Arthit Kannikar








ก้มกราบอาลัย การจากไปของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษแห่งสยามประเทศครับ
ป๋าเปรม วัย ๙๘ กับผลงานที่อยู่ในความทรงจำของแผ่นดิน
- August 30, 201812473



กองทัพฝ่ายปฏิวัติของเวียดนาม ลาว และกัมพูชา บุกยึดเมืองหลวงได้ทั้งสามประเทศ เมื่อพศ. ๒๕๑๘ เกิดการอพยพออกนอกประเทศมากมาย ยิ่งกว่าซีเรียหรือประเทศใด ๆ ทั้งสามประเทศรวมกันจัดตั้งสหพันธรัฐอินโดจีน ประเทศไทยคือ เป้าหมายต่อไป


วันนั้น อเมริกาถอนทัพ ประเทศไทยมีกระสุนพอสู้ได้สามวัน ห้องส่งรหัสลับที่วังปารุสก์ ดังไม่หยุด ทั้งวันและคืนต่อเนื่องมาก่อนหน้าไซ่ง่อนแตกมาสิบปีก่อนหน้า ยิ่งต้องทุ่มกำลังทั้งวันและคืน

คนไทยจำนวนมาก หนีออกนอกประเทศ พร้อมทรัพย์สมบัติ แต่เสียงเพลงเราสู้ก็ดังกระหึ่มหัวใจคนไทย พร้อมเพลงความฝันอันสูงสุด เราสู้ไม่ถอยแม้จนก้าวเดียว และเพลงจากยอดดอยของป๋าเปรม นายกรัฐมนตรี

ลูกหลานจำไว้นะครับ เพราะวันนั้น วันนี้เราจึงยืนอยู่บนแผ่นดินนี้

พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ วีรบุรุษจากภาคอีสาน อดีตแม่ทัพภาค ๒ ขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ๒๕๒๓ ห้าปีหลังจากอินโดจีนเปลี่ยนการปกครอง ป๋าเปรมสร้างความเคารพมายาวนานก่อนดำรงตำแหน่งนี้

ผมเข้าคารวะป๋าที่ค่ายทหารม้าสระบุรีราวปี ๒๕๑๒ หลังจากทำค่ายที่จังหวัดนั้น ทำถนน พวกเราได้ยินว่าท่านเป็นทหารที่เก่ง น่านับถือ เป็นที่ปรึกษาให้ค่าย เน้นว่าเอาชนะความยากจนได้ ประเทศไทยจะสุขสงบ ไม่ต้องรบกัน เป็นแนวคิดที่แปลกใหม่

เมื่อท่านเป็นนายกรัฐมนตรี

๑. ประเทศไทยยันสหพันธรัฐอินโดจีนอยู่
มีสงครามใหญ่ชายแดนทุกปี เส้นทางกัมพูชามาสุรินทร์ เสี่ยงสุด เพียงหกชั่วโมงถึงกรุงเทพ สามชั่วโมงถึงโคราช การป้องกันประเทศตลอดแนวจึงสำคัญมาก ต้องการผู้นำที่รู้พื้นที่ ป้องกันประเทศได้ รวมหัวใจทหารและคนทั้งประเทศได้ แตกหนึ่งแนวรบ พังทั้งประเทศ พลเอกเปรมรักษาชาติไว้ได้ ในยามคับขันที่สุด

๒. ยุคของพลเอกเปรม คือ สงครามกลางเมืองครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของประเทศ
Time ทำแผนที่แดงเถือกทั้งประเทศ ยุทธการทำการเมืองนำการทหารเกิดขึ้น จากวนาสู่นาคร รับนักศึกษากลับบ้าน รับชาวบ้านกลับบ้าน ความมั่นคงภายในเกิด ความมั่นคงภายนอกก็เกิด เอาชนะไทยไม่ได้หรอก เป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องไม่ด่ามัน ไม่ฆ่ามัน ไม่ส่งทหารไปล้อม ตามแนวประธานเหมาคือ การสร้างความปรองดองครั้งใหญ่ของชาติ

๓. ยุคของพลเอกเปรม ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือ ยุคที่ต้องฟันฝ่าวิกฤติโลกที่เกิดจากการรวมตัวของโอเปคขี้นราคาน้ำมัน ต้องซี้อสดล่วงหน้า เกิดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ดุลการค้า ดุลงบประมาณ พังทั้งโลก แต่ไทยสามารถผ่านมาได้ ไม่เกิดวิกฤติ

๔. พลเอกเปรม สามารถระดมคนดีทั้งแผ่นดินไปร่วมงาน
ไม่มีคอรัปชั่นค้นพบแก้สในอ่าวไทย เกิดโครงการอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปโตรเคมี น้ำมัน เกิดอีสเทอร์นซีบอร์ด เป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งสำคัญ อุตสาหกรรมขยายไปทั่วประเทศ เชื่อมโยงกันหมด เยี่ยมมากคือ การปฏิวัติอุตสากรรม คนมาลงทุนกันมาก ยุคทองของการลงทุนจากต่างประเทศ

๕. มีโครงการชนบทยากจนเกิดขึ้น
ได้ผลมาก กระจายเงินไปต่างจังหวัด เริ่มยุคพุ่งความสนใจไปที่คนจน แม้เงินจะมีไม่มาก อยู่ระหว่างสงคราม ผมออกไปทำงานอีสานยุคนี้แหละ อุดมการณ์

๖. เป็นแปดปีของการรวมพลังคนทั้งโลก
เข้าต่อสู้กับมหาอำนาจที่เข้ามาทางอินโดจีนเป็นการต่อสู้ทางการทูตครั้งสำคัญที่สุดของไทย เป็นปรากฎการณ์โลกตะลึง ทางการทูต เรียบร้อยอย่างที่เป็นปัจจุบัน

๗. เป็นเวลาที่ระดมใจของคนไทยให้รักชาติบ้านเมืองได้มากที่สุด
คนเชื่อผู้นำครับ ราชการต่าง ๆ ก็เดินดี เดินกันด้วยหัวใจไทย กลัวเสียบ้านเสียเมือง

๘. เป็นยุคที่รัฐบาลถวายงานสนับสนุนพระราชภารกิจของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ได้ดีที่สุดยุคหนึ่ง
หากทำไม่ได้ดี ถึงทีเสียบ้านเมืองทั้งพระเจ้าแผ่นดิน พระราชินี นายกแต่งเครื่องแบบทหารเดินเยี่ยมบังเกอร์ทหาร ตามดอยสูง ตายเป็นตาย

๙. เป็นยุคที่ระดมคนเก่งมาช่วยประเทศมากที่สุด ยิ่งกว่าหมูป่า

๑๐. เป็นผู้นำที่คนมั่นใจว่าไม่โกง คนเคารพมาก หางก็ส่ายลำบาก

๑๑. เป็นยุคที่บริหารภาคใต้สามจังหวัดดีมาก
ก็ป๋าคนใต้ มีเพื่อนมุสลิม มีเครือข่ายมหาวชิราวุธ เต็มภาค

๑๒. เป็นยุคที่กองทัพเป็นปึกแผ่นมาก
ผู้บัญชาการทหารที่ตามมาร่วมสิบปี พลเอกเปรมดูแลมา เป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา

๑๓. ยุทธศาสตร์สร้างดุลยภาพในภูมิภาค
สร้างสันติภาพกับประเทศอินโดจีน สร้างเศรษฐกิจ เชื่อมโยง สร้างความเข้าใจระหว่างชาติ ป๋าสนับสนุนครับ ป๋าเก่งมากเลย ป๋าฉลาดมาก

๑๔. ในตำแหน่งประธานองคมนตรี ก็ทุกอย่างแหละครับ หลายสิบปีมานี่

๑๕. พลเอกเปรมสามารถบริหารได้โดยไม่มีพรรคการเมือง
ไม่โกง ไม่จ่ายตังค์ ไม่มีตังค์ ถูกเชิญมาเป็นนายกแปดปี ห้าเดือน

๑๖. การท่องเที่ยวไทยก็บูมขึ้นมายุคป๋าเปรมนะครับ ท่านมีวิสัยทัศนยาวไกลมาก
ท่านเป็นครูที่เยี่ยมยอดมาก พลเอกเปรมคือผู้สร้างเสถียรภาพ และความมั่นคงให้ชาติใหญ่หลวง ทำงานเพื่อชาติตั้งแต่เรียนจบ


กราบท่านด้วยความเคารพอย่างสูง
สมเกียรติ โอสถสภา


ข้อมูลจาก เพจสมเกียรติ โอสถสภา







ภาพจาก เพจศาสตรเมธีปัญญา เพ็ชรชู





จาก เพจ Natalia Suwannathada




สี่ปีที่แล้ว...เป็นครั้งเดียวที่ได้เข้าพบใกล้ชิดกับป๋า...ที่สงขลา..พร้อม ๆ กับพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่ทำงานให้ป๋า...

ป๋าถามว่า...” เป็นนักแต่งเพลงใช่ไหม...แต่งเพลงอะไรบ้างล่ะ”...
ฉันก็ตอบไปเจื้อยแจ้ว...
ป๋าก็พยักหน้า...ว่า รู้จัก...

ณ ขณะนั้น ฉันถึงเข้าใจถึงคำว่า “ขุนเขา”....

เมตตาบารมีดีงามของป๋า...ทำให้ผู้คนที่มีสติสัมปชัญญะที่ได้เข้าใกล้...

จักตัวค้อมต่ำ เข่าอ่อนไปเอง...โดยไม่มีใครต้องมาบอก...

ฉันเจอคนมีอำนาจวาสนามาก็มาก...นายกฯ หลายคน รัฐมนตรี แม่ทัพนายกอง เศรษฐี...ฉันก็แค่สำรวม

ธรรมดา สำรวมพอ ๆ กับเจอป้าแก่ ๆ ที่หาบขนมมาขาย...

แต่ป๋า...เป็นคนเดียว...ที่เป็นสามัญชนโดยกำเนิดที่ฉันเคยได้พบ...แล้วฉันเข่าอ่อน...

ฉันแอบคิดไม่ได้ว่า...ป๋า..มีบารมีพอที่จะวางแผนด้วยซ้ำ ว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงแค่ไหน จึงจะพอดี...

จะมีใครสักกี่คนบนโลก...ที่วางแผนได้ว่า จะเดินทางจากโลกนี้ไปได้ก็เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจสมบูรณ์

เท่านั้น...ไม่มีอะไรต้องเป็นภาระอีกแล้ว...

ใครจะรู้ว่า...อีกแผนหนึ่งของป๋าคือ เสร็จภารกิจบนพื้นโลก...ก็จะได้ขึ้นไปเฝ้ารับใช้เบื้องพระยุคลบาทขององค์ผู้ประทับอยู่บนสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง...

กราบส่งป๋าอีกครั้ง...แต่ป๋าอย่าทิ้งพวกเรานะครับ...

มีอะไรที่เทวดาอย่างป๋าจะพอช่วยได้...ช่วยด้วยนะครับ...

ตอนนี้...บ้านเมืองเรา มันกระอักกระอ่วนนัก...ช่วงนี้..

ต้องการเทวดา เทพไท้...ช่วยปกปักด้วยครับ....


จาก เพจ Nitipong Honark




























ไฟ ห้องนี้ ดับ ๔ ทุ่ม ทุกวัน
และในคืนวันที่ ๒๕ พค. ๒๕๖๒ เป็นคืนสุดท้าย
ห้องนอน “ป๋า” ที่ชั้น ๒ บ้านสี่เสาเทเวศร์ โดย พลเอกเปรม ตื่นตี ๕ นอน ๔ ทุ่ม ทุกวัน
ทีมงานบ้านป๋า เตรียมการ ทำบัญชี เก็บข้าวของต่าง ๆ พร้อมถ่ายภาพ ไว้
โดย ของใช้ส่วนตัว ป๋า จะส่งไป หอเกียรติยศ ที่มูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอกเปรม
ส่วนบ้านสี่เสาฯ ส่งคืน ทบ. จากนั้น สุดแล้วแต่ สำนักงานทรัพย์สินฯ


จาก เพจบิ๊กแดงแฟนเพจ















บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ กรอบจากคุณ KungHangGerman

Free TextEditor





 

Create Date : 30 พฤษภาคม 2562
0 comments
Last Update : 30 พฤษภาคม 2562 22:37:45 น.
Counter : 4474 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณtoor36, คุณญามี่, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณSweet_pills, คุณกะว่าก๋า, คุณหอมกร, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณThe Kop Civil, คุณmcayenne94, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณสองแผ่นดิน, คุณkatoy, คุณเริงฤดีนะ, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณเนินน้ำ, คุณnewyorknurse, คุณruennara, คุณอุ้มสี, คุณTui Laksi, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณชีริว, คุณเรียวรุ้ง, คุณSai Eeuu, คุณLek_Sriratri, คุณJinnyTent, คุณALDI, คุณดาวริมทะเล, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณInsignia_Museum, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณtuk-tuk@korat, คุณตะลีกีปัส, คุณวลีลักษณา, คุณ**mp5**, คุณmariabamboo, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณผีเสื้อยิปซี


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.