|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
21 ตุลาคม 2549
|
|
|
|
เหลาเมามาย : เพลงเพลินเมือง
-๒-
ลมราตรีพัดพลิ้วแสง โคมสาดส่องรายทาง ประดับสีสันเป็นจังหวะ สลับสับสีกันอย่างวิจิตรพิสดาร อาคารบ้านเรือนเรียงทับสลับไปมาดูวุ่นวาย
000
ความวุ่นวายเป็นเรื่องปกติของผู้คน เกิดเป็นผู้คนล้วนต้องเจอะเจอความวุ่นวาย หากแต่มีสักเพียงกี่รายที่ผ่านพ้นความวุ่นวายเหล่านี้ไปได้ ราตรีภายใต้นครเมามาย มีเพียงแสงจันทร์เล็กน้อย ลอดผ่านช่องพื้นเบื้องบนลงมายังพื้นด้านล่างได้ นับว่าเป็นความโชคดีชนิดหนึ่งของผู้คนแห่งนี้
บนยอดสุดของหลังคาโรงเมรัยชั้นเลว หนึ่งเด็กหนุ่ม หนึ่งชายในชุดเขียว เหม่อมองแสงเล็กน้อยนั้น ในตามีประกายความหวังย่อมแตกต่างกันไป จอมโจรชุดเขียวเหลือบมองมายังเด็กหนุ่มร่างเล็ก ผู้หยิบยื่นราตรีอมยิ้มให้จอมโจรเดียวดายเช่นมัน จนถึงเวลาหนึ่งมันกลับเอ่ยคำถามชนิดหนึ่งออกไป
" ดูไปเจ้าเองมิใช่ผู้คนในพื้นที่ " " ท่านมองออก "
" เรายังทราบว่าเจ้ามีความเป็นมาจากที่ใด " " ท่านลองเอ่ยมาก่อนดูว่าน่าสนใจแค่ไหน "
จอมโจรชุดเขียวกรอกตาไปมามันมิได้เอ่ยคำใดออกมา เพียงชี้นิ้วขึ้นไปเบื้องบน
" ท่านว่าเรามาจากข้างบน ?"
อืม...เป็นเช่นนั้นจริง ท่านเอาอันใดมาอ้างอิง?
มีประการเดียวเท่านั้น ท่านย่อมทราบดีแก่ใจ ท่านว่ามา
แววตา แววตาท่านฉาบด้วยแก้วขาวขุ่น เป็นไปได้ว่าท่านถูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากผู้คนเบื้องบน
เด็กน้อยคล้ายตกใจเล็กน้อย มือหนึ่งยกขึ้นคล้ายต้องการสัมผัสแก้วตาตนเอง
เป็นข้าพเจ้าแตกต่างจากท่านหรอกหรือ? อาจเป็นเช่นนั้น
ไฉนอาจจะ? เราท่านต่างมีที่มาคล้ายกัน ต่างเป็นผู้คนเช่นเดียวกัน ผิดแผกเพียงแต่ว่าเราต่างมีวิถีเส้นทางแตกต่างกัน
วิถีทางท่านเป็นเช่นไร เราเป็นโจร
อย่างน้อยท่านทราบว่าท่านเรียกว่าอันใด ท่านเล่า ... หรือท่านไม่ทราบว่าตัวเองเรียกว่าอันใด
เป็นเช่นนั้นจริง ไฉนเป็นเช่นนั้น?
เด็กน้อยก้มหน้าเงียบงันเนิ่นนานค่อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ข้าพเจ้าไม่ทราบ
เด็กน้อยแหงนมองเบื้องบน พบเห็นสายไฟท่อร้อยต่างๆมากมาย พาดทับไปมา สลับซับซ้อน มองไปแล้วเหมือนตนเองเพิ่งตกลงมาจากบนนั้นจริง ราตรีณ.แห่งที่นี้มิอาจเห็นท้องฟ้า หากแต่ว่ายามทิวาเล่า ผู้คนเมืองนี้ยังสามารถเห็นท้องฟ้าได้หรือไม่
" ที่นี่เล่า ... ที่นี่เรียกว่าอันใด " เด็กน้อยถาม
จอมโจรชุดเขียวผ่อนลมหายใจหนึ่งเฮือก
"ที่นี่เรียกว่า นครเมามาย เป็นดินแดนเบื้องล่าง ผู้คนที่นี้ล้วนเป็นบุคคลชั้นล่าง เด็กๆที่เกิดที่นี้ล้วนแล้วเป็นคนเบื้องล่าง "
" เหตุใดจึงเรียกว่า นครเมามาย " " นั่นเพราะนอกจากจากกิจการค้าขายเมรัยแล้ว ที่นี้ล้วนไม่กระทำสิ่งอื่น "
" ไฉนจึงมีแต่สุรา ไฉนค้าขายแต่เมรัย "
จอมโจรชุดเขียวหรีตาเล็กลงมองเด็กน้อยผู้นี้ครู่หนึ่ง ใบหน้ามันยามนี้คล้ายงองุ้มดุจเครื่องหมายคำถาม
"ดูจากอายุท่าน..อย่างน้อยสมควรผ่านวิชาสังคมศาสตร์จากนครเบื้องบนมาบ้าง" "ไฉนถามเรื่องราวมากมายมายราวกับมิเคยทราบเรื่องราว"
เด็กน้อยเงียบงันมิเอ่ยอันใด มันเพียงมองสิ่งต่างๆรอบๆตัวคล้ายเพิ่งพบเห็นดินแดนประหลาด จอมโจรชุดเขียวคล้ายมีคำถามเกิดขึ้นในใจ
(( มันแม้เป็นคนจากเบื้องบนแต่มิคล้ายทราบเรื่องราว เป็นผู้ใดทำมันตกลงมากันแน่ ))
จอมโจรชุดเขียวระบายลมหายใจออกจากนั้นยืดตัวยืนขึ้น มือหนึ่งเกาะกุมมือของเด็กน้อย
" ได้เวลาแล้วท่าน " " เวลาอันใด ?"
" เดินทาง " " ไปที่ใด ?"
" อารามทุศีล " " ที่นั้นมีอันใด "
" ที่นั้นมีของกิน "
มันขณะกล่าวคำท้องไส้ก็พลันร้องเพลงอีกครา พลันขณะนั้นมันก็ฉุดดึงร่างเล็กๆของเด็กน้อย มือหนึ่งโอบอุ้มกระชับข้างกาย ตบเท้าหนึ่งหนพุ่งทะยานฝ่าม่านหมอกราตรีกาลออกไป
อารามทุศีลใช่มีของกินอย่างเดียวจริงหรือ ?
000
ณ.เหลาเมามาย หากมองจากภายนอกเห็นเป็นอาคารสูงตระหง่านกว่าสิบชั้น วัสดุเป็นคอนกรีตผสมไม้เนื้อแข็งชั้นเลิศ ช่องระบายอากาศถูกจัดวางอย่างเหมาะสม พื้นทางเดินเป็นคอนกรีตขัดมันเรียบ หากเช็ดถูทุกวันกลับมันขลับเป็นความมันที่งดงามชนิดหนึ่ง พื้นที่ภายในตกแต่งประดับประดาไปด้วยงานศิลปะหลากหลายศิลปิน งานส่วนใหญ่เป็นภาพวาดพู่กันจีน ลายเส้นสะบัดพลิ้วมองไปคล้ายมีพลังแฝงเร้นอยู่ภายใน
ผู้คนคึกคัก ส่งเสียงร่ำร้องไม่ขาดสาย เป็นความวุ่นวายชนิดหนึ่ง หากผู้คนได้เมามายสักครา ล้วนแล้วชมชอบความคึกคักเช่นนี้ แขกส่วนใหญ่ในที่นี้มักเป็นกรรมาชนชั้นแรงงาน รองลงมากลับเป็นพวกนายตรวจมือปราบ พวกมันมิเพียงเสพสุราเมรัย สถานที่เช่นนี้กลับเป็นแหล่งข่าวชั้นยอดในวงการมือปราบ เหล่านักล่าค่าหัวเดินกันขวักไขว่ หากไม่เดินชนกันตายก็ตีกันตาย
รังโจรย่อมมีหัวหน้าโจร ผู้ได้คิดดื่มกินในเหลาเมามายสมควรทราบว่า เฒ่างมงายเป็นผู้ใด เฒ่างมงายกลับเป็นชายชราร่างท้วม สวมใส่อาภรณ์สีสันสดใส ผู้คนก้าวเข้าเหลามันต่างเรียกมันว่าท่านผู้เฒ่า มันกลับเรียกเด็กน้อยเหลานั้นว่าพี่ชาย นัยว่า ผู้ใดมีเงินทองจับจ่ายในเหลามันย่อมเป็นพี่มันเสมอ แต่หากผู้ใดเมามายไม่จ่ายค่าเหล้า คนผู้นั้นจะพลันสูญหายไปจากเหลาเมามายทันที มิได้ปรากฏกายภายนอกหากแต่คล้ายสูญสิ้นกลืนหายไปกับนครเมามายแห่งนี้ ผู้คนเหล่านั้นหายไปไหน ผู้คนล้วนเมามาย มีผู้ใดสนใจเล่าว่ามีคนสูญหาย เหล่านี้เป็นความลับประการหนึ่งของเหลาแห่งนี้ เป็นความลับที่มิมีผู้ใดอยากทราบ เพราะเมื่อทราบแล้วคนผู้นั้นก็พลันสูญหายจากนครเมามายแล้ว
-0- เหลาเมามาย 0- ป้ายไม้เก่าสลักตัวอักษรนูนสูงเรียบง่ายแต่ทรงพลังคล้ายมีวิญญาณปีศาจสุราสิงสู่ กรอบป้ายเป็นโลหะทองเหลืองเคลือบไปด้วยสีเขียวของสนิมยิ่งเพิ่มความขลังให้กับชื่อของมัน เบื้องล่างประดับประดาไปด้วยป้าย แม่ชม้อยนางระบำ กินแก้จน ตะลอนหลอกแดก บ่นไปแดกไป มิได้หมายถึงว่าร้านมันมีกะรันตีอาหาร นั้นเพราะป้ายถัดมามันเขียนไว้ว่า *ห้ามเข้า*
พื้นดินสะท้อนแสงสีจากดวงโคมหน้าเหลา บางทีทาบทับไปบนร่างกายผู้คน คนผู้หนึ่งส่วมใส่อาภรณ์สีขาวชายเสื้อมันมีอักษรแต้มแดงสดคนผู้นั้นย่อมเรียกขานว่า
"มือปราบโอ้วเย่" เสียงหนึ่งร่ำร้อง ร่างอ้วนท้วมภายใต้เสื้อผ้าสีแสนสันสั่นใหวไปมาตามจังหวะดนตรีที่เปิดกระแทกหูอยู่หน้าเหลา ผู้ร้องทักเป็นเฒ่างมงายแห่งเหลาเมามาย "ลมอะไรพัดพาตัวเลวร้ายเช่นพี่ท่านมาถึงเหลาเมามายแห่งนี้ได้"
มือปราบโอ้วเย่ มิได้กล่าวอันใด มันเพียงยื่นของสิ่งหนึ่งออกมาให้ตาเฒ่างมงาย ตาเฒ่างมงายเหลือบมองสิ่งของ ที่มุมปากคล้ายมีรอยยิ้มพิสดารชนิดหนึ่ง
"นี่เรียกว่าอันใดพี่ท่าน" "เป็นกระบี่เล็ก"
"เราชมดูคล้ายเป็นของเด็กเล่นพี่ท่าน" " คล้ายเป็นเช่นนั้นจริง "
"เป็นของผู้ใดพี่ท่าน " "จอมโจรชุดเขียว " เฒ่างมงายถึงกับเปลี่ยนสีหน้า
...
" ท่านต้องการให้เราทำเช่นไรกับสิ่งนี้พี่ท่าน " " ตรวจสอบที่มา "
เฒ่างมงายยกกระบี่โปเยพินิจดูชมอย่างงมงาย งมงายสมชื่อมัน เสียงเพลงภายในเหลาตึงตึง ตะ ตึงตึง มันโยกเอวสะบัดขาแข้งตามจังหวะเสียงเพลง ชั่ววูบหนึ่งมันร้อง โย่ว!! ดวงตาเป็นประกาย
" ของสิ่งนี้มีที่มาไม่มากจริง แต่ก็ไม่น้อยเช่นกันนะพี่ท่าน " มันกล่าวออกมาดวงตากลิ้งกลอก ค่อยกล่าวสืบต่อไป
" เนื้อไม้ สีที่ฉาบ ด้ายที่ร้อยดูไปแล้วใช้สิ่งของจากหลายที่มาผสมกัน ท่านต้องการทราบที่มาของสิ่งใดบ้างละพี่ท่าน "
" ทั้งหมด "
เฒ่างมงายไม่ว่าอันใดศีรษะมันยังโยกไปมาตามจังหวะ ตึง โต๊ะ ตึงๆ
" พี่ท่านต้องการทราบเมื่อใด " " ภายในคืนนี้ "
" ทั้งหมดสามหมื่นกิง ไม่รับบัตรเงินเดือนพี่ท่าน " มันกล่าวออกมามิได้เหลือบมองใบหน้าผู้สนทนาด้วย
มือปราบโอ้วเย่ยิ้มพราย มันไม่กล่าวอันใด เดินผ่านผู้คนมันคิดเพียงหาโต๊ะว่างหนึ่งตัว ทิ้งตัวลง เฒ่างมงายเดินตามติดด้วยเช่นกัน มันวางกระบี่บนโต๊ะกล่าวออกด้วยเสียงราบเรียบ
"ข้าพเจ้านั่งรอที่ตรงนี้ ท่านรีบจัดการเรื่องของท่าน เรื่องของข้าพเจ้าท่านไม่ต้องห่วง"
เฒ่างมงายฉีกยิ้มในลำคอมีเสียงเคี้ยกๆ ก้าวเดินจากไป มันสั่งลูกน้องหนึ่งคนจัดหาสุรามาเลี้ยงดูมือปราบโอ้วเย่ มันเองหลังจากนั้นค่อยกลืนหายไปคลื่นคน
อาหารการกินมีเพียงถั่วทอดปลากรอบจากนครเบื้องบน แค่มีปลากรอบก็เรียกได้ว่าเป็นอาหารชั้นเลิศแล้วในสถานที่แห่งนี้ เพราะที่แห่งนี้น้ำจืดกลับหายากยิ่งกว่าสุรา สุรารสฝาดผ่านลำคอมันจอกแล้วจอกเล่า มันดื่มกินอย่างงมงาย ผู้ใดทราบได้ว่ามันไฉนเป็นเช่นนี้
" ไม่น่าเชื่อ ? " สุ้มเสียงหนึ่งพุ่งผ่านมวลอากาศปะทะเข้าใบหูมือปราบโอ้วเย่
จอกสุราแน่นิ่งผู้คนพลันสงบลงพลัน ภายใต้คิ้วหนาเข้มของมันประดับดวงตาแหลมคมคู่หนึ่ง ดูไปคมเข้มกว่าตี๋ตระกูลซงหลายสิบเท่า มันหัวเราะหึหึในลำคอ ก่อนเอ่ยวาจา
" มีอันใดไม่น่าเชื่อ ? "
ผู้คนที่มาบัดนี้ทิ้งตัวบนเก้าอี้พับสีแดงเบื้องหน้ามันแล้ว มือข้างหนึ่งมันถือดาบใหญ่หนึ่งด้าม ใหญ่เสียจนไม่อาจหาฝักดาบสวมกอด ตลอดคมดาบเป็นสีดำสนิท มองเผินๆคล้ายเป็นแผ่นเหล็กชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่ง
"ข้าพเจ้าคล้ายไม่เชื่อสายตาตนเอง" "ท่านไม่คาดคิดว่าพบเจอเราที่นี่"
"ข้าพเจ้าไม่เชื่อสายตานั้นเพราะข้าพเจ้าเพิ่งพบเห็นท่านยืมจมูกโจรค้นหาโจร นั่นย่อมแสดงว่าท่านคล้ายอับจนปัญญาแล้ว"
"ปากท่านทางที่ประเสริฐสมควรใช้ดื่มสุราเพียงอย่างเดียว"
ชายผู้ใช้ดาบใหญ่คล้ายหัวเราะจนตัวงอ
"ปากผู้คนหากใช่ดื่มสุราได้เพียงอย่างเดียว มิใช่กลับกลายเป็นไหสุราเดินได้" "ท่านมีธุระอันใดรีบกล่าวออกมา ข้าพเจ้าคล้ายเมามายแล้ว ผู้คนเมามายคิดต่อยตีกลับง่ายดายกว่าจำทางกลับบ้าน"
ชายผู้ใช้ดาบใหญ่คล้ายมีประกายแผ่พุ่งออกจากแววตา
"เราเพียงคิดเข้ามาบอกข่าวท่านประการหนึ่ง"
"ข่าวอันใด?"
ชายผู้ใช้ดาบใหญ่ไม่กล่าวอันใด มันลุกขึ้นยืนหมุนร่างก้าวเดินออกไปชายเสื้อมันสะบัดพลิ้ว ที่ชายเสื้อมันปักตัวอักษรหนึ่งตัว อ่านออกว่า
"มือปราบจ๊ะจิงจา!!... ท่านคิดไปไหน"
มันมิได้หันกลับมามองมือปราบโอ้วเย่ เพียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
" ท่านออกมาชมดูเองก็จะเข้าใจ " กล่าวเสร็จเร่งฝีเท้าออกจาเหลาเมามาย
000
ธวัชแพรแดงโบกสะบัด ผู้คนเดินถนนไปมาล้วนแตกตื่นตกใจ เหล่าทหารในชุดแดงโลหิตตบเท้าเดินกันขวักไขว่ มือปราบโอ้วเย่ยืนกอดออกครุ่นคิดเรื่องราวอยู่หน้าเหลาเมามาย ข้างกายมันคือมือปราบจ๊ะจิงจา มันแม้ดื่มสุราไปมากมายในดวงตากลับสดใสพราวพราย
" เป็นผู้ใดทำข้าวของตกหายอีกแล้ว "
มือปราบโอ้วเย่พ้นลมหายใจเหลือบมอง มือปราบจ๊ะจิงจา ผู้คนล้วนเงียบงัน มือปราบจ๊ะจิงจามิกล่าวอันใด มันเพียงยกมือข้างหนึ่ง คลายนิ้วชี้ขึ้นสู่เบื้องบน ...
" ของสิ่งนี้คล้ายมีความหมายยิ่ง "
กล่าวจบมือปราบโอ้วเย่สะบัดชายเสื้อพุ่งพรวดออกจากบริเวณ ทิศทางที่มันมุ่งไปกลับเป็นที่ตั้งของ
-0- ตำหนักเมรัย -0-
000
Create Date : 21 ตุลาคม 2549 |
|
0 comments |
Last Update : 21 ตุลาคม 2549 14:23:47 น. |
Counter : 623 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
habitation1 |
|
|
|
|