ตุลาคม 2549
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
21 ตุลาคม 2549

เหลาเมามาย : เพลงเพลินเมือง



-๒-

ลมราตรีพัดพลิ้วแสง
โคมสาดส่องรายทาง ประดับสีสันเป็นจังหวะ
สลับสับสีกันอย่างวิจิตรพิสดาร
อาคารบ้านเรือนเรียงทับสลับไปมาดูวุ่นวาย

000

ความวุ่นวายเป็นเรื่องปกติของผู้คน เกิดเป็นผู้คนล้วนต้องเจอะเจอความวุ่นวาย หากแต่มีสักเพียงกี่รายที่ผ่านพ้นความวุ่นวายเหล่านี้ไปได้ ราตรีภายใต้นครเมามาย มีเพียงแสงจันทร์เล็กน้อย ลอดผ่านช่องพื้นเบื้องบนลงมายังพื้นด้านล่างได้ นับว่าเป็นความโชคดีชนิดหนึ่งของผู้คนแห่งนี้

บนยอดสุดของหลังคาโรงเมรัยชั้นเลว หนึ่งเด็กหนุ่ม หนึ่งชายในชุดเขียว เหม่อมองแสงเล็กน้อยนั้น ในตามีประกายความหวังย่อมแตกต่างกันไป จอมโจรชุดเขียวเหลือบมองมายังเด็กหนุ่มร่างเล็ก ผู้หยิบยื่นราตรีอมยิ้มให้จอมโจรเดียวดายเช่นมัน จนถึงเวลาหนึ่งมันกลับเอ่ยคำถามชนิดหนึ่งออกไป

" ดูไปเจ้าเองมิใช่ผู้คนในพื้นที่ "
" ท่านมองออก "

" เรายังทราบว่าเจ้ามีความเป็นมาจากที่ใด "
" ท่านลองเอ่ยมาก่อนดูว่าน่าสนใจแค่ไหน "

จอมโจรชุดเขียวกรอกตาไปมามันมิได้เอ่ยคำใดออกมา เพียงชี้นิ้วขึ้นไปเบื้องบน

" ท่านว่าเรามาจากข้างบน ?"

“ อืม...เป็นเช่นนั้นจริง”
“ ท่านเอาอันใดมาอ้างอิง?”

“ มีประการเดียวเท่านั้น ท่านย่อมทราบดีแก่ใจ “
“ ท่านว่ามา”

“ แววตา แววตาท่านฉาบด้วยแก้วขาวขุ่น เป็นไปได้ว่าท่านถูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากผู้คนเบื้องบน “

เด็กน้อยคล้ายตกใจเล็กน้อย มือหนึ่งยกขึ้นคล้ายต้องการสัมผัสแก้วตาตนเอง

“ เป็นข้าพเจ้าแตกต่างจากท่านหรอกหรือ?”
“ อาจเป็นเช่นนั้น “

“ ไฉนอาจจะ? “
“ เราท่านต่างมีที่มาคล้ายกัน ต่างเป็นผู้คนเช่นเดียวกัน ผิดแผกเพียงแต่ว่าเราต่างมีวิถีเส้นทางแตกต่างกัน”

“ วิถีทางท่านเป็นเช่นไร”
“ เราเป็นโจร”

“ อย่างน้อยท่านทราบว่าท่านเรียกว่าอันใด”
“ ท่านเล่า ... หรือท่านไม่ทราบว่าตัวเองเรียกว่าอันใด”

“ เป็นเช่นนั้นจริง ”
“ ไฉนเป็นเช่นนั้น? ”

เด็กน้อยก้มหน้าเงียบงันเนิ่นนานค่อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ ข้าพเจ้าไม่ทราบ “


เด็กน้อยแหงนมองเบื้องบน พบเห็นสายไฟท่อร้อยต่างๆมากมาย พาดทับไปมา สลับซับซ้อน มองไปแล้วเหมือนตนเองเพิ่งตกลงมาจากบนนั้นจริง ราตรีณ.แห่งที่นี้มิอาจเห็นท้องฟ้า หากแต่ว่ายามทิวาเล่า ผู้คนเมืองนี้ยังสามารถเห็นท้องฟ้าได้หรือไม่

" ที่นี่เล่า ... ที่นี่เรียกว่าอันใด " เด็กน้อยถาม

จอมโจรชุดเขียวผ่อนลมหายใจหนึ่งเฮือก

"ที่นี่เรียกว่า นครเมามาย เป็นดินแดนเบื้องล่าง ผู้คนที่นี้ล้วนเป็นบุคคลชั้นล่าง เด็กๆที่เกิดที่นี้ล้วนแล้วเป็นคนเบื้องล่าง "

" เหตุใดจึงเรียกว่า นครเมามาย "
" นั่นเพราะนอกจากจากกิจการค้าขายเมรัยแล้ว ที่นี้ล้วนไม่กระทำสิ่งอื่น "

" ไฉนจึงมีแต่สุรา ไฉนค้าขายแต่เมรัย "

จอมโจรชุดเขียวหรีตาเล็กลงมองเด็กน้อยผู้นี้ครู่หนึ่ง ใบหน้ามันยามนี้คล้ายงองุ้มดุจเครื่องหมายคำถาม

"ดูจากอายุท่าน..อย่างน้อยสมควรผ่านวิชาสังคมศาสตร์จากนครเบื้องบนมาบ้าง"
"ไฉนถามเรื่องราวมากมายมายราวกับมิเคยทราบเรื่องราว"

เด็กน้อยเงียบงันมิเอ่ยอันใด มันเพียงมองสิ่งต่างๆรอบๆตัวคล้ายเพิ่งพบเห็นดินแดนประหลาด จอมโจรชุดเขียวคล้ายมีคำถามเกิดขึ้นในใจ

(( มันแม้เป็นคนจากเบื้องบนแต่มิคล้ายทราบเรื่องราว เป็นผู้ใดทำมันตกลงมากันแน่ ))

จอมโจรชุดเขียวระบายลมหายใจออกจากนั้นยืดตัวยืนขึ้น มือหนึ่งเกาะกุมมือของเด็กน้อย

" ได้เวลาแล้วท่าน "
" เวลาอันใด ?"

" เดินทาง "
" ไปที่ใด ?"

" อารามทุศีล "
" ที่นั้นมีอันใด "

" ที่นั้นมีของกิน "

มันขณะกล่าวคำท้องไส้ก็พลันร้องเพลงอีกครา พลันขณะนั้นมันก็ฉุดดึงร่างเล็กๆของเด็กน้อย มือหนึ่งโอบอุ้มกระชับข้างกาย ตบเท้าหนึ่งหนพุ่งทะยานฝ่าม่านหมอกราตรีกาลออกไป

อารามทุศีลใช่มีของกินอย่างเดียวจริงหรือ ?

000

ณ.เหลาเมามาย หากมองจากภายนอกเห็นเป็นอาคารสูงตระหง่านกว่าสิบชั้น วัสดุเป็นคอนกรีตผสมไม้เนื้อแข็งชั้นเลิศ ช่องระบายอากาศถูกจัดวางอย่างเหมาะสม พื้นทางเดินเป็นคอนกรีตขัดมันเรียบ หากเช็ดถูทุกวันกลับมันขลับเป็นความมันที่งดงามชนิดหนึ่ง พื้นที่ภายในตกแต่งประดับประดาไปด้วยงานศิลปะหลากหลายศิลปิน งานส่วนใหญ่เป็นภาพวาดพู่กันจีน ลายเส้นสะบัดพลิ้วมองไปคล้ายมีพลังแฝงเร้นอยู่ภายใน

ผู้คนคึกคัก ส่งเสียงร่ำร้องไม่ขาดสาย เป็นความวุ่นวายชนิดหนึ่ง หากผู้คนได้เมามายสักครา ล้วนแล้วชมชอบความคึกคักเช่นนี้ แขกส่วนใหญ่ในที่นี้มักเป็นกรรมาชนชั้นแรงงาน รองลงมากลับเป็นพวกนายตรวจมือปราบ พวกมันมิเพียงเสพสุราเมรัย สถานที่เช่นนี้กลับเป็นแหล่งข่าวชั้นยอดในวงการมือปราบ เหล่านักล่าค่าหัวเดินกันขวักไขว่ หากไม่เดินชนกันตายก็ตีกันตาย

รังโจรย่อมมีหัวหน้าโจร
ผู้ได้คิดดื่มกินในเหลาเมามายสมควรทราบว่า เฒ่างมงายเป็นผู้ใด เฒ่างมงายกลับเป็นชายชราร่างท้วม สวมใส่อาภรณ์สีสันสดใส ผู้คนก้าวเข้าเหลามันต่างเรียกมันว่าท่านผู้เฒ่า มันกลับเรียกเด็กน้อยเหลานั้นว่าพี่ชาย นัยว่า ผู้ใดมีเงินทองจับจ่ายในเหลามันย่อมเป็นพี่มันเสมอ แต่หากผู้ใดเมามายไม่จ่ายค่าเหล้า คนผู้นั้นจะพลันสูญหายไปจากเหลาเมามายทันที มิได้ปรากฏกายภายนอกหากแต่คล้ายสูญสิ้นกลืนหายไปกับนครเมามายแห่งนี้ ผู้คนเหล่านั้นหายไปไหน ผู้คนล้วนเมามาย มีผู้ใดสนใจเล่าว่ามีคนสูญหาย เหล่านี้เป็นความลับประการหนึ่งของเหลาแห่งนี้ เป็นความลับที่มิมีผู้ใดอยากทราบ เพราะเมื่อทราบแล้วคนผู้นั้นก็พลันสูญหายจากนครเมามายแล้ว


-0- เหลาเมามาย –0-

ป้ายไม้เก่าสลักตัวอักษรนูนสูงเรียบง่ายแต่ทรงพลังคล้ายมีวิญญาณปีศาจสุราสิงสู่
กรอบป้ายเป็นโลหะทองเหลืองเคลือบไปด้วยสีเขียวของสนิมยิ่งเพิ่มความขลังให้กับชื่อของมัน เบื้องล่างประดับประดาไปด้วยป้าย แม่ชม้อยนางระบำ กินแก้จน ตะลอนหลอกแดก บ่นไปแดกไป มิได้หมายถึงว่าร้านมันมีกะรันตีอาหาร นั้นเพราะป้ายถัดมามันเขียนไว้ว่า *ห้ามเข้า*

พื้นดินสะท้อนแสงสีจากดวงโคมหน้าเหลา บางทีทาบทับไปบนร่างกายผู้คน
คนผู้หนึ่งส่วมใส่อาภรณ์สีขาวชายเสื้อมันมีอักษรแต้มแดงสดคนผู้นั้นย่อมเรียกขานว่า

"มือปราบโอ้วเย่" เสียงหนึ่งร่ำร้อง ร่างอ้วนท้วมภายใต้เสื้อผ้าสีแสนสันสั่นใหวไปมาตามจังหวะดนตรีที่เปิดกระแทกหูอยู่หน้าเหลา ผู้ร้องทักเป็นเฒ่างมงายแห่งเหลาเมามาย

"ลมอะไรพัดพาตัวเลวร้ายเช่นพี่ท่านมาถึงเหลาเมามายแห่งนี้ได้"

มือปราบโอ้วเย่ มิได้กล่าวอันใด มันเพียงยื่นของสิ่งหนึ่งออกมาให้ตาเฒ่างมงาย ตาเฒ่างมงายเหลือบมองสิ่งของ ที่มุมปากคล้ายมีรอยยิ้มพิสดารชนิดหนึ่ง

"นี่เรียกว่าอันใดพี่ท่าน"
"เป็นกระบี่เล็ก"

"เราชมดูคล้ายเป็นของเด็กเล่นพี่ท่าน"
" คล้ายเป็นเช่นนั้นจริง "

"เป็นของผู้ใดพี่ท่าน "
"จอมโจรชุดเขียว " เฒ่างมงายถึงกับเปลี่ยนสีหน้า

...

" ท่านต้องการให้เราทำเช่นไรกับสิ่งนี้พี่ท่าน "
" ตรวจสอบที่มา "

เฒ่างมงายยกกระบี่โปเยพินิจดูชมอย่างงมงาย งมงายสมชื่อมัน เสียงเพลงภายในเหลาตึงตึง ตะ ตึงตึง มันโยกเอวสะบัดขาแข้งตามจังหวะเสียงเพลง ชั่ววูบหนึ่งมันร้อง โย่ว!! ดวงตาเป็นประกาย

" ของสิ่งนี้มีที่มาไม่มากจริง แต่ก็ไม่น้อยเช่นกันนะพี่ท่าน " มันกล่าวออกมาดวงตากลิ้งกลอก ค่อยกล่าวสืบต่อไป

" เนื้อไม้ สีที่ฉาบ ด้ายที่ร้อยดูไปแล้วใช้สิ่งของจากหลายที่มาผสมกัน ท่านต้องการทราบที่มาของสิ่งใดบ้างละพี่ท่าน "

" ทั้งหมด "

เฒ่างมงายไม่ว่าอันใดศีรษะมันยังโยกไปมาตามจังหวะ ตึง โต๊ะ ตึงๆ

" พี่ท่านต้องการทราบเมื่อใด "
" ภายในคืนนี้ "

" ทั้งหมดสามหมื่นกิง ไม่รับบัตรเงินเดือนพี่ท่าน " มันกล่าวออกมามิได้เหลือบมองใบหน้าผู้สนทนาด้วย

มือปราบโอ้วเย่ยิ้มพราย มันไม่กล่าวอันใด เดินผ่านผู้คนมันคิดเพียงหาโต๊ะว่างหนึ่งตัว ทิ้งตัวลง เฒ่างมงายเดินตามติดด้วยเช่นกัน มันวางกระบี่บนโต๊ะกล่าวออกด้วยเสียงราบเรียบ

"ข้าพเจ้านั่งรอที่ตรงนี้ ท่านรีบจัดการเรื่องของท่าน เรื่องของข้าพเจ้าท่านไม่ต้องห่วง"

เฒ่างมงายฉีกยิ้มในลำคอมีเสียงเคี้ยกๆ ก้าวเดินจากไป มันสั่งลูกน้องหนึ่งคนจัดหาสุรามาเลี้ยงดูมือปราบโอ้วเย่ มันเองหลังจากนั้นค่อยกลืนหายไปคลื่นคน

อาหารการกินมีเพียงถั่วทอดปลากรอบจากนครเบื้องบน แค่มีปลากรอบก็เรียกได้ว่าเป็นอาหารชั้นเลิศแล้วในสถานที่แห่งนี้ เพราะที่แห่งนี้น้ำจืดกลับหายากยิ่งกว่าสุรา สุรารสฝาดผ่านลำคอมันจอกแล้วจอกเล่า มันดื่มกินอย่างงมงาย ผู้ใดทราบได้ว่ามันไฉนเป็นเช่นนี้

" ไม่น่าเชื่อ ? " สุ้มเสียงหนึ่งพุ่งผ่านมวลอากาศปะทะเข้าใบหูมือปราบโอ้วเย่

จอกสุราแน่นิ่งผู้คนพลันสงบลงพลัน ภายใต้คิ้วหนาเข้มของมันประดับดวงตาแหลมคมคู่หนึ่ง ดูไปคมเข้มกว่าตี๋ตระกูลซงหลายสิบเท่า มันหัวเราะหึหึในลำคอ ก่อนเอ่ยวาจา

" มีอันใดไม่น่าเชื่อ ? "

ผู้คนที่มาบัดนี้ทิ้งตัวบนเก้าอี้พับสีแดงเบื้องหน้ามันแล้ว มือข้างหนึ่งมันถือดาบใหญ่หนึ่งด้าม ใหญ่เสียจนไม่อาจหาฝักดาบสวมกอด ตลอดคมดาบเป็นสีดำสนิท มองเผินๆคล้ายเป็นแผ่นเหล็กชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่ง

"ข้าพเจ้าคล้ายไม่เชื่อสายตาตนเอง"
"ท่านไม่คาดคิดว่าพบเจอเราที่นี่"

"ข้าพเจ้าไม่เชื่อสายตานั้นเพราะข้าพเจ้าเพิ่งพบเห็นท่านยืมจมูกโจรค้นหาโจร นั่นย่อมแสดงว่าท่านคล้ายอับจนปัญญาแล้ว"

"ปากท่านทางที่ประเสริฐสมควรใช้ดื่มสุราเพียงอย่างเดียว"

ชายผู้ใช้ดาบใหญ่คล้ายหัวเราะจนตัวงอ

"ปากผู้คนหากใช่ดื่มสุราได้เพียงอย่างเดียว มิใช่กลับกลายเป็นไหสุราเดินได้"
"ท่านมีธุระอันใดรีบกล่าวออกมา ข้าพเจ้าคล้ายเมามายแล้ว ผู้คนเมามายคิดต่อยตีกลับง่ายดายกว่าจำทางกลับบ้าน"

ชายผู้ใช้ดาบใหญ่คล้ายมีประกายแผ่พุ่งออกจากแววตา

"เราเพียงคิดเข้ามาบอกข่าวท่านประการหนึ่ง"

"ข่าวอันใด?"

ชายผู้ใช้ดาบใหญ่ไม่กล่าวอันใด มันลุกขึ้นยืนหมุนร่างก้าวเดินออกไปชายเสื้อมันสะบัดพลิ้ว ที่ชายเสื้อมันปักตัวอักษรหนึ่งตัว อ่านออกว่า

"มือปราบจ๊ะจิงจา!!... ท่านคิดไปไหน"

มันมิได้หันกลับมามองมือปราบโอ้วเย่ เพียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

" ท่านออกมาชมดูเองก็จะเข้าใจ " กล่าวเสร็จเร่งฝีเท้าออกจาเหลาเมามาย



000


ธวัชแพรแดงโบกสะบัด
ผู้คนเดินถนนไปมาล้วนแตกตื่นตกใจ เหล่าทหารในชุดแดงโลหิตตบเท้าเดินกันขวักไขว่
มือปราบโอ้วเย่ยืนกอดออกครุ่นคิดเรื่องราวอยู่หน้าเหลาเมามาย ข้างกายมันคือมือปราบจ๊ะจิงจา มันแม้ดื่มสุราไปมากมายในดวงตากลับสดใสพราวพราย

" เป็นผู้ใดทำข้าวของตกหายอีกแล้ว "

มือปราบโอ้วเย่พ้นลมหายใจเหลือบมอง มือปราบจ๊ะจิงจา ผู้คนล้วนเงียบงัน มือปราบจ๊ะจิงจามิกล่าวอันใด มันเพียงยกมือข้างหนึ่ง คลายนิ้วชี้ขึ้นสู่เบื้องบน ...

" ของสิ่งนี้คล้ายมีความหมายยิ่ง "

กล่าวจบมือปราบโอ้วเย่สะบัดชายเสื้อพุ่งพรวดออกจากบริเวณ ทิศทางที่มันมุ่งไปกลับเป็นที่ตั้งของ

-0- ตำหนักเมรัย -0-

000




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2549
0 comments
Last Update : 21 ตุลาคม 2549 14:23:47 น.
Counter : 623 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


habitation1
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ความเดียวดายมักมีรสฝาด
ผู้คนมากมาย
อย่างน้อย ในหนึ่งช่วงชีวิต
ย่อมเคยลิ้มรสฝาดชนิดนี้"
[Add habitation1's blog to your web]