|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
11 พฤศจิกายน 2549
|
|
|
|
กระบี่ไร้โลหิต : ลมปราณอ่อน(ต่อ)
กระบี่ไร้โลหิต : ลมปราณอ่อน(ต่อ) (สืบเนื่องจากตอนที่แล้ว)
ดรุณีน้อยมิได้แสดงสีหน้าแปลกใจแต่อย่างใด นางพลันแย้มยิ้มคล้ายเบื้องหน้าเป็นเรื่องราวเบิกบานใจชนิดหนึ่ง
นั่นยิ่งเป็นเรื่องราวสมควรระวังอย่างยิ่งยวด เฮ่อ!!.. เด็กน้อยกล่าวเหลวไหลอันใด ผู้อาวุโสยิ่งรับฟังคล้ายไม่เข้าใจ
ท่านเมื่อมิได้เป็นประมุขพรรคมารแล้วเป็นเช่นไร ผู้คนในยุทธ์ภพไหนเลยแยกแยะเรื่องราวก่อนหลัง ผู้อาวุโสจะอย่างไรเสียย่อมยังคงตำแหน่งประมุขอยู่ดี
เรื่องราวข้อนี้คล้ายเป็นห่วงผูกคอผู้คนในยุทธ์ภพ ศักดิ์ศรีผู้คนดูเป็นเรื่องหนักหนายิ่งนักสำหรับผู้คน เล่าเติ่งแม้ไม่ยอมรับในท่าทีแต่ก็มิได้กล่าวปฏิเสธอันใด มันเพียงปั้นหน้าขึงขังกล้าวออกไป
เด็กน้อย ไฉนกล้ากล่าววาจาวุ่นวายผู้อาวุโสถึงเพียงนี้ เด็กน้อยย่อมเป็นเด็กน้อย มิได้เป็นอันใด ผู้อาวุโสสูงส่งใยต้องใส่ใจ
เฒ่าเติ่งครุ่นคิด พลังฝีมือนางเทียบชั้นได้กับเหล่ายอดฝีมือชั้นนำจากสำนักฝ่ายเทวะหากแต่ว่า กระบวนท่าใช้ออกนั้นมิได้เป็นกระบวนท่าจากสำนักพื้นฐาน เป็นวิชาอันใด ผู้ใดกันเป็นอาจารย์มัน หรือเป็นพวกนอกรีตที่ซุกซนหลงทางผ่านมา ... ครุ่นคิดแทบตายยังไม่อาจเข้าใจ
เด็กน้อยมีที่มาอันใดกันแน่? เด็กน้อยย่อมเกิดจากมารดา..มารดาเด็กน้อยคล้ายเป็นสตรีผู้หนึ่ง
ดูท่าว่าเป็นสตรีที่กล่าววาจามากมายเป็นพิเศษ นั่นจึงเรียกได้ว่าเป็นสตรีโดยสมบูรณ์ท่านผู้อาวุโส
สตรีที่รู้จักพูดจาให้น้อยลงบ้างย่อมอยู่เหนือสตรีทั่วไปอีกขั้นหนึ่ง ท่านผู้อาวุโสกล่าวคล้ายเข้าใจอิสตรี
มิได้... ไม่มีผู้ใดเข้าใจผู้ใดได้ ไม่ว่าบุรุษหรืออิสตรี เพราะมิมีผู้ใดสามารถเข้าใจผู้ใดได้ บุรุษสตรีจึงเสมอภาค
เจ้าคิดกล่าวอันใดก็ว่ามาดีผู้อาวุโสคล้ายกล่าววาจาสู้เจ้าไม่ได้ น้ำเสียงมันตึงเครียดขึ้น นั่นเพราะเล่าเติ่งเห็นว่าผิดท่า เดิมทีคิดถามไถ่ที่มาของนางกลับถูกนางชี้นำกล่าววาจาวุ่นวาย
ข้าพเจ้าเข้าใจว่าท่านมีความหนักใจอยู่บ้างเรื่องข้าพเจ้า เป็นเช่นนั้นจริง นั่นเพราะท่านยื่นข้อเสนอที่ข้าพเจ้ามิอาจรับได้ เราเห็นแล้ว.. ยังมีอันใดอีก ข้าพเจ้ากลับคิดวิธีที่ข้าพเจ้ายอมรับได้ ท่านเองยิ่งยินยอมรับได้ วิธีอันใด
ข้าพเจ้าคล้ายทราบมาว่าท่านผู้อาวุโสชมชอบการเสี่ยงดวง
เล่าเติ่งกรอกตาไปมาในใจครุ่นคิด ((เพลงกระบี่ครานี้สะบัดออกมาคล้ายชอนไชจนถึงขั้วหัวใจผู้คน)) คิดถึงตอนนี้ค่อยผ่อนคลายสีหน้าลง
นั่นย่อมต้องดูว่าเราจะพนันด้วยอันใด วิธีการใด เป็นวิธีการง่ายดายยิ่งรวบรัดยิ่ง ท่านผู้อาวุโสต้องชมชอบ
ขอเพียงมิได้ให้เราออกลูกเรื่องอื่นเราย่อมสามารถกระทำ ข้าพเจ้าทราบดี บุรุษสตรีแม้เท่าเทียมแต่ในบางเรื่องราวสมควรละเว้นบ้าง
เล่าเติ่งกล่าวไปคล้ายมีรอยยิ้มประดับใบหน้า เป็นเช่นนั้นได้ ผู้อาวุโสค่อยคลายใจ เสียงครืนๆของท้องฟ้าเริ่มคำรามมาเรื่อยๆ ฝนลงเม็ด ผู้คนยังสนทนา
ข้าพเจ้าคิดเชิญท่านผู้อาวุโสประลองพลังลมปราณ
เล่าเติ่งคล้ายเกิดความฉงนในใจชั่ววูบ เด็กน้อยผู้นี้ไฉนคิดประลองลมปราณกับตน จากกระบวนท่าที่ปะทะพลังกันเมื่อครู่นางมิได้เรียนรู้ความสูงต่ำของระดับฝีมือหรอกหรือ หรือนางมีเจตนาแอบแฝง มิเช่นนั้นแล้วไฉนนางกลับกล่าววาจาคล้ายมั่นใจอยู่หลายส่วน
เจ้าทราบหรือไม่ว่าผู้อาวุโสมั่นใจเพียงใดในการประลองลมปราณ? ข้าพเจ้าทราบ
เมื่อทราบ.. ไฉนยังคิดประลองกับผู้อาวุโส? เนื่องจากเป็นเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ข้าพเจ้าคิดว่าผู้อาวุโสยินยอมประลองกับเด็กน้อยเช่นข้าพเจ้า นางกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
หากพ่ายแพ้ขึ้นมาเจ้าย่อมไม่กล่าวหาว่าผู้อาวุโสเอาเปรียบเด็กน้อยแล้วใช่หรือไม่ เป็นเช่นนั้นจริง
เช่นนั้นยังรีรออันใดเด็กน้อยกำหนดหัวข้อมาได้เลยผู้อาวุโสพร้อมรออยู่แล้ว
มันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่นยิ่ง ในแววตามองเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูในทางหนึ่งอดสงสารนางมิได้ ผู้คนหนุ่มสาวยามคิดริรักไฉนทุ่มเทจิตใจแรงกายได้ถึงเพียงนี้ หรือมันเองชืดชาต่อรสรักชนิดนี้แล้ว หรือมันลืมเรือนอารมณ์พิศวาสเมื่อนานมาแล้ว ไม่มีผู้ใดทราบได้หากมันไม่เอ่ยออกมาเอง
ใต้ก้อนเมฆพลันเกิดแสงวูบวาบคล้ายเป็นสัญญาณบอกเรื่องราว ดรุณีน้อยเหม่อมองท้องฟ้าเบื้องบน ในตาคล้ายมีประกายชั่ววูบคล้ายเป็นแสงในหนึ่งเศษเสี้ยวของการตวัดกระบี่คืนฝัก
เสียงเปาะแปะของหยาดฝน เริ่มผลิพรมไปทั่วบริเวณผู้คนคล้ายเป็นก้อนหินมิได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด ปลายยอดหญ้าพลิ้วไหวตามสายลมโบก
หากว่าเป็นกระบวนท่าที่ใช้พลังลมปราณ..ไม่ว่าเรื่องราวใดผู้อาวุโสยินยอมกระทำใช่หรือไม่ นางเหลือบมองเล่าเติ่ง ในแววตามีความเยือกเย็นอย่างประหลาด
หากอยู่ในวิชาพื้นฐานของยุทธ์ภพ ย่อมอยู่ในพื้นฐานของวิชาในยุทธ์ภพ.. ไม่เช่นนั้นแล้วเด็กน้อยมิบังอาจเสนอเป็นการประลอง
เฒ่าเติ่งพยักหน้าคราหนึ่งมีความหมายว่ายอมรับแล้ว ดรุณีน้อยแย้มยิ้มใบหน้าคล้ายมีความมั่นใจอยู่หลายส่วน รอยยิ้มเช่นนี้คล้ายทำให้จิตใจเฒ่าเติ่งปั่นป่วนแล้ว
นางคิดประลองอันใดกันท่านผู้เฒ่ากันแน่? ต้นเสียงลอยผ่านหน้ากากไม้ของเชาเส่ยตอนนี้มันพลิกตัวตั้งตรงได้แล้ว
เชาเส้ย... เจ้าไฉนเสียมารยาทกับท่านผู้อาวุโส เป้ยซ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
เฒ่าเติ่งมิว่าอันใด มันเหม่อมองท้องฟ้าอย่างโง่งม เสียงฝนแตะพื้นยังก้องอยู่ในหัว ภาพของเซียวเล้งเด็กน้อยผู้นั้นปรากฏในห้วงความคิด นางก้าวเดินอย่างองอาจยืนตัวตรงตั้งนิ่งทั้งร่างคล้ายเป็นกระบี่วิเศษเล่มหนึ่งที่หลับไหลอยู่ในฝักกระบี่
ท่านผู้เฒ่าเพียงทำตามข้าพเจ้า ผลแพ้ชนะท่านล้วนแล้วตัดสินใจเอง
นางกล่าววาจารวบรัดชัดเจนแฝงไปด้วยไปด้วยพลังลมปราณขุมหนึ่งแผ่คลุมบริเวณ กาลเวลาคล้ายหยุดนิ่งให้กับนาง สายลมโชยพัดเชื่องช้ายิ่ง เป็นเช่นนั้นเนื่องเพราะจิตใจผู้คนตอนนี้คล้ายโดนตอกตรึงไปกับธรรมชาติ สิ่งรายรอบคล้ายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
หยาดหยดหนึ่งของเม็ดฝนดิ่งลงมาเบื้องหน้านาง ในขณะเดียวกันนั้นนางพลันสะบัดฝ่ามือขึ้น ยื่นออกเบื้องหน้างอนิ้วดีดออก เม็ดฝนเมื่อสัมผัสข้อนิ้วผู้คนมิเพียงไม่แตกกระจาย กลับอ่อนนิ่มบิดงอคล้ายเป็นลูกโป่งลูกหนึ่ง พุ่งแหวกอากาศออกไปเบื้องหน้า ในห้วงหนึ่งของลมหายใจผู้คน อัญมณีแห่งฟากฟ้าพุ่งปราดแหวกมวลอากาศรายรอบกำเนิดเสียงวิงคล้ายกระบี่กรีดอากาศเป็นริ้ว
เสียงซึบ!! เมื่อเม็ดฝนตัดผ่านยอดหญ้าเบื้องหน้า แนวขอบใบที่โดนตัดเรียบคมกริบ ต่อจากนั้นยอดใบหญ้าอีกหลายใบก็ร่วงโรย
ภาพที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าเล่าเติ่งยามนี้กลับเหนือความคาดหมายยิ่งนัก ดวงตามันเขม็งเกร็งภายในจิตใจคล้ายโดนภูเขาน้ำแข็งกดทับไว้ไม่อาจเอ่ยวาจาอันใดออกมาได้ นั่นเพราะความตื่นตกใจจากภาพเบื้องหน้ามันจุกตัวอยู่ที่หลอดลม เพียงคิดกลืนมวลอากาศลงคอกลับยากเย็น
ลมปราณอ่อน เสียงเล็กๆลอยออกมาจากปากเล่าเติ่ง
เซียวเล้งเบือนหน้าเข้าหาเฒ่าเติ่ง บัดนี้แววตานางคล้ายดังกระบี่น้ำแข็งเสือกแทงเข้าหาจิตใจผู้คนรอบทิศทาง
เชิญท่านผู้อาวุโส นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ผู้อาวุโสยินยอมเจ้าแล้ว น้ำเสียงเล่าเติ่งกลับเย็นเยือกกว่า ท่านผู้อาวุโสยังมิได้ลองกระทำดูเลย ไฉนท่านกลับยินยอมโดยง่ายดาย
เด็กน้อยอันร้ายกาจ เจ้าไม่ทราบจริงๆหรือแกล้งไม่ทราบ เฒ่าเติ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ตลอดร่างคล้ายปกคลุมด้วยความเย็นเยือกชนิดหนึ่ง
เซียวเล้งยิ้มพราวดวงตานางกลับเป็นประกายแวววาวอีกครา
หากเป็นเช่นนั้นแล้ว แสดงว่าท่านยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี ยังมีอันใดให้กล่าวความวุ่นวายอีกเล่า
ท่านผู้อาวุโสไฉนมิคิดถามไถ่ถึงที่มาของกระบวนท่าเมื่อครู่ เราไฉนต้องถามไถ่ กาลก่อนนั้นเราเองก็เคยกระทำได้
ตอนนี้เล่า ไฉนไม่อาจกระทำได้ นั่นเพราะเราแข็งแกร่งเกินไป
เล่าเติ่งเดิมที่มีความมั่นใจในเรื่องพลังลมปราณเป็นที่สุด นั่นเพราะผู้คนหากคิดขึ้นเป็นประมุขพรรคมารมิใช่เรื่องราวง่ายดาย กำลังฝีมือนับได้ว่าเป็นสุดยอดที่สุดในฟากฝั่งมาร มันเองกลับลืมเลือนเรื่องราวนิทานพื้นเมืองที่เอ่ยถึงนครเสียดฟ้า ว่าด้วยลมปราณอ่อนนุ่ม เด็กน้อยใช้ละเล่นยามว่าง เป็นการเฝ้าฝึกลมปราณเบื้องต้น ควบคุมการไหลเวียนของพลังในร่างกายอย่างเป็นระบบ
หากแต่ว่าผู้ฝึกนั้นพอเจริญวัยมากขึ้นพลังลมปราณย่อมแข็งแกร่งขึ้น ทรงพลังมากขึ้น การทำให้ของเหลวทรงตัวอยู่ได้ด้วยลมปราณก็ค่อยๆถูกลดทอนลง ผู้ใดจะทราบได้ว่าลมปราณชนิดนี้สามารถเอาชนะผู้คนได้ นั่นเพราะนอกจากเอาไว้ละเล่นแล้ว พลังชนิดนี่ไม่อาจทำร้ายผู้คนได้ เรียกได้ว่าเป็นวิชาพื้นฐานในยุทธภพได้หากแต่ว่าผู้คนที่สามารถใช้ลมปราณชนิดนี้จนถึงขั้นสามารถทำร้ายผู้คนได้ กลับเป็นผู้คนจากดินแดนนครเสียดฟ้า หากแต่ว่านครเสียดฟ้ากลับอยู่ในยุทธนิยายมิได้มีนครเสียดฟ้าจริงดังตำนานว่าไว้
ท่านทราบหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดข้าพเจ้ากลับสามารถใช้ลมปราณชนิดนี้ได้ เราทราบแล้วมีประโยชน์อันใด ผลแพ้ชนะออกมาแล้วเจ้ามีอันใดก็กล่าวมา
ชั่ววูบในห้วงความคิดเล่าเติ่งคล้ายสำนึกเรื่องราวบางอย่างได้
เจ้า..เจ้า เด็กน้อยเจ้าหรือว่าเจ้าเป็นผู้คนจากนครเสียดฟ้า สีหน้าเล่าเติ่งตระหนกตื่นเต้นยิ่ง นี่คล้ายเป็นเรื่องราวประหลาดพิสดารในยุทธ์ภพ น้ำเสียงมันสะท้านในลำคอ
เซียวเล้งคล้ายไม่เข้าใจที่เล่าเติ่งกล่าววาจา นครเสียดฟ้าเป็นเพียงตำนานนิทานพื้นบ้านมิใช่หรอกหรือ ชั่ววูบหนึ่งนางคิดกล่าววาจาบางอย่างออกมาแต่มิอาจกล่าวได้ นางเหลียวมองกลับไปเบื้องหลังสีหน้ามีเรื่องกังวลเรื่องหนึ่ง ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ดูไปไม่ต่างกับจิตใจของนางตอนนี้
ข้าพเจ้ามิได้เป็นใดๆทั้งสิ้นข้าพเจ้าย่อมเป็นเด็กน้อย เป็นเด็กน้อยที่คิดเดินทางต่อแล้ว
เล่าเติ่งไม่มีวาจาอันจะกล่าวออกมาเพียงยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี เด็กน้อยเจ้าไปเถอะ มันบอกกว่าง่ายดายในขณะที่แหงนมองท้องฟ้าคล้ายครุ่นคิดเรื่องราวมากมาย
ท่านผู้อาวุโส เด็กน้อยเจ้ายังมีอันใดอีก?
ข้าพเจ้าคิดขอร้องท่านผู้อาวุโสอีกเรื่องราวหนึ่ง เจ้าว่ามา เราหากกระทำได้ย่อมกระทำให้
เซียวเล้งเหม่อมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดมิดลง กระชับกระบี่ข้างกายดวงตาเพ่งมองไปเบื้องหน้าเอ่ยวาจาออกมา
ข้าพเจ้าคล้ายมีเงาร่างผู้คนสะกดรอยตามมาถึงสองชีวิต เป็นผู้ใด
ท่านถามเอาจากพวกมันก็จะทราบดี ข้าพเจ้าคิดอยากให้ท่านอยู่พูดคุยกับพวกมันนานๆ หากมิใช่เด็กน้อยวาจากะล่อนเช่นเจ้า ผู้อาวุโสยินดีกล่าววาจาเนิ่นนาน
เซียวเล้งแย้มยิ้มคราหนึ่ง นางไม่ว่าอันใด เพียงประสานมือคารวะเล่าเติ่ง ดีดตัวพุ่งปราดออกไปดุจสายลมหอบหนึ่ง รุนแรงคล้ายกับตอนมาถึง เล่าเติ่งส่งเสียงตามหลังนางไปเป็นคำถามชนิดหนึ่ง เป็นผู้ใดสอนลมปราณนี้แก่เจ้า
ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากนางเงาร่างสีมรกตยังคงพุ่งทะยานออกไป มีเพียงเสียงเล็กๆกล่าวออกมาจากเซียวเล้งมีเพียงนางผู้เดียวที่สามารถได้ยิน
ท่านผู้อาวุโส ผู้สอนลมปราณชนิดนี้ให้กับเราคือประมุขของท่าน นั่นย่อมเป็นมารน้อย คนรักของเรา
ท้องฟ้ามืดครึ้มแสงดาวเริ่มวาววับ ผู้คนคิดหมายต้องการสิ่งใด ประการแรกที่สุดที่พึงกระทำคือ
เดินทาง
...
(-จบตอนลมปราณอ่อน-)
Create Date : 11 พฤศจิกายน 2549 |
|
2 comments |
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2549 15:54:26 น. |
Counter : 1036 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
habitation1 |
|
|
|
|