อย่าสงสัยไปเลยว่า ทำไมชื่อมันแปลก ๆ
ก็ชื่อเดิมของมันน่ะ เ อาออกอากาศได้ซะที่ไหนกัน (ฮา) โดน กบว. แบนแน่ ๆ


เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นเพราะความขี้เกียจตื่นเช้าของกัสซี่เอง
คราวนึง ต้องไปหัวหินด้วยรถทัวร์เที่ยวไก่โห่
ครั้นจะนอนแล้วตื่นไปขึ้นรถแต่เช้า ก็กลัวว่า จะตกรถเป็นแน่แท้
เลยต้องหาอะไรทำ ไม่ให้ตัวเองหลับ
วิธีไหนจะดีไปกว่า นั่งทำกับข้าวเล่า


ทำเสร็จแล้ว ก็หอบหิ้วเอาใส่กล่องไปให้ใครต่อใครที่หัวหินชิม
ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะได้รับคำชมเชยพอให้หน้าบาน(กว่าเดิม)
ก็บังเอิญว่า คุณพี่'หริเหลิม แวะเวียนไปรับประทานมื้อกลางวันละแวกนั้นพอดี
พี่เขาก็ถามว่ามันคืออะไร กัสซี่ก็ตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ตั้งชื่อ
ก็เลยตอบไปว่า "ไม่รู้เหมือนกันพี่ ตอนทำ มั่ว มั่ว เอา แบบว่ากลัวหลับแล้วตกรถ"
พี่เขาก้มหน้าก้มตากินพักนึงแล้ว เงยหน้ามาบอกว่า
"ไก่ here~ อร่อย sud !!"
(ก้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก)
เวงกำ .......พี่ตั้งชื่อให้อย่างนี้ แล้วจะเอาไปเขียนลงที่ไหนได้ล่ะเนี่ย???"


โชคดีที่ น้อง BRo0Ke โต๊ะไกลบ้าน ลองเอาสูตรนี้ไปทำ (แถมภาพประกอบมาให้ด้วย)
แล้วพี่เบ๊นซ์ โต๊ะไกลบ้าน (อีกเหมือนกัน) ช่วยกรุณาปรับเปลี่ยนชื่อให้ใหม่
สำหรับใช้ในเวอร์ชั่นที่ออกอากาศในที่สาธารณะได้
เก๊าะเป็นอันว่า "ไก่ here~ อร่อย sud!!"
จึงกลายมาเป็น "ไก่เตี้ย อร่อยฉัตร" ด้วยประการละฉะนี้ แล




มา ม๊ะ มาลงมือทำ กันดีกว่า


เริ่มแรก ก็จัดแจง เอา ไก่ ใช้น่องติดสะโพก สัก 15 ชิ้น หรือจะใช้แต่อกไก่ หรือ น่องธรรมดา ก็ได้ไม่ว่ากัน นำมาล้างให้สะอาด ดึงขนไก่ที่หลงเหลืออยู่ทิ้งไป แล้วใส่ตะกร้าพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ ใช้กระดาษทำครัวซับไก่แต่ละชิ้นให้แห้ง แล้วใช้ค้อนทุบเนื้อ ทุบ ทุบทุบ ให้หนังและเนื้อพรุน ใครไม่มีค้อนทุบเนื้อติดอยู่กะบ้าน ก็ใช้ส้อมจิ้มแทนได้


พริกไทยเม็ด ใช้แบบสีดำ นำมาคั่วให้หอม แล้วป่นหยาบ ๆ 3 ช้อนโต๊ะ ถ้าชอบมาก ก็ใส่ไปเลย 1/4 ถ้วย แต่ถ้าขี้เกียจ จะก็ใช้พริกไทยป่นสำเร็จแทนก็ได้ แต่ว่า ต้องลดปริมาณลงมาสักหน่อยนึง ไม่อย่างนั้น จะเผ็ดเกินไป


ซอสปรุงรส ยี่ห้อ Maggi เลือกใช้ชนิดที่ทำจากข้าวสาลี (ไม่ใช่แบบที่ทำจากถั่วเหลือง) ฉลากสีดำแดง ปริมาณ 1/2 ถ้วย


วูสเตอร์ซอส (Worcestershire Sauce) 1/4 ถ้วย


บรั่นดี 2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าไม่ชอบ จะไม่ใส่ก็ได้)


จัดการนำทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดมาข้างต้น ใส่ลงในอ่างผสม ขยำ ขยำ ให้เข้ากันดี แล้ว ใส่ลงในกล่องปิดฝา แล้วเอาไปแช่เย็นไว้ในช่องธรรมดา สักหนึ่งชั่วโมงหรือจะนานกว่านั้นก็ได้ ยิ่งหมักนาน ยิ่งเข้าเนื้อดี


ระหว่างหมักไก่ ก็หันมาตระเตรีมเครื่องปรุงอื่น ๆ ที่เหลือ อันได้แก่

1. หัวหอมใหญ่ สัก 3 หัว ปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด ซับให้แห้ง สับให้ละเอียด

2. ใบกระวาน (Bay Leaf) ใช้แบบแห้ง 1-2 ใบ ขยำให้ใบแตก หรือว่าฉีกเป็นชิ้นใหญ่ ๆ ก็ได้ ถ้าใช้แบบสด ก็สัก 4 - 5 ใบ แต่อย่าใส่มาก มันเหม็นเวียนหัว

3. น้ำสต๊อกไก่ หรือน้ำเปล่า กะว่า พอใส่ลงในหม้อให้พอท่วมชิ้นไก่

4. น้ำตาลทรายแดง แบบที่กินกับเฉาก๊วย

5. เกลือป่น และ ซุปไก่ผง ชนิดไร้ผงชูรส (แต่มีผงอย่างอื่น (ฮา) )


หมักไก่ครบเวลาแล้ว ก็จัดแจงนำไก่ออกมา เทน้ำหมักออกใส่ถ้วยพักไว้ ตั้งกระทะก้นแบน (ใช้เทฟลอนได้ยิ่งดี) บนไฟกลางค่อนข้างอ่อน ใส่น้ำมันมะกอกกับเนยลงไปนิดหน่อย นำไก่ลงไปนาบกับกระทะ พอให้หนังไก่เป็นสีน้ำตาลสวย อย่านาบนานจนไก่สุกล่ะ แล้วเวลานาบก็อย่ามือซน เอาตะหลิวกดไปตามเนื้อไก่ด้วย ห้ามเด็ดขาดเลย ไม่อย่างนั้น Juice หวาน ๆ ในเนื้อไก่ มันจะไหลทะเล็ดออกมาหมด อ้อ! เตือนกันไว้ก่อนเลยว่า ขั้นตอนนี้ ถ้าใช้น้ำมันมาก และใช้ไฟแรงละก็ รับรอง กระเด็นสะเด็ด เพราะฉะนั้น ถ้าใครกลัวครัวเลอะ ให้หาฝาปิดกระทะ และหากระดาษมาปิดผนังครัว ไว้ให้ดี ไม่อย่างนั้น จะต้องขัดครัวกันหลังเดี้ยงไม่รู้ด้วยนะ


นาบไก่เสร็จเรียบร้อยแล้ว น้ำมันที่ใช้ทอดไก่อย่าทิ้ง เก็บไว้ก่อน จากนั้นหม้อสตูใบใหญ่ ใส่น้ำมันมะกอกและเนยลงไป อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ พอน้ำมันร้อนและเนยละลาย ก็ใส่หอมหัวใหญ่สับที่เตรียมไว้ พร้อม ใบกระวาน ลงไปผัดจนหัวหอมสุกใสและเริ่มเป็นสีน้ำตาล แล้วเทน้ำมันที่ใช้ทอดไก่ที่เหลือตะกี้นี้ลงไป แล้วนำไก่ที่ทอดไว้ลงเรียงในหม้อ ตามด้วยน้ำหมักไก่ และน้ำสต๊อก (กะพอท่วมไก่ อย่าใส่มากเกินไป) แล้วเร่งไฟแรง รอจนเดือด ใส่น้ำตาลทรายแดง สัก 1 - 2 ช้อนโต๊ะ แล้วชิมดู ขาดเหลืออะไรปรุงเพิ่มได้ ไม่เค็มก็เติมเกลือได้นิดหน่อย แต่ถ้าจะให้ดีใช้ซุปผงแทนดีกว่า รสตอนนี้จะออกเค็มอ่อน ๆ หวานปะแล่ม ๆ แต่อย่าปรุงให้รสจัด ในขั้นตอนนี้ เพราะเวลาเคี่ยวต่อไป รสจะเข้มขึ้นอีก ชิมรสดีแล้ว ก็ลดไฟลงให้เหลือไฟอ่อน เคี่ยวไปเรื่อยๆ ระหว่างเคี่ยวก็อย่าลืมช้อนน้ำมันที่ลอยหน้าอยู่ออกทิ้งไปบ้าง ไม่อย่างนั้น จะมันเกินไป เคี่ยวจนกระทั่งได้ไก่นุ่มตามต้องการ แต่อย่าเคี่ยวเพลิน เดี๋ยวเนื้อไก่จะเละหมด


จะเสิร์ฟกับข้าวสวย และ ผักลวก พร้อมน้ำส้มพริกเหลืองตำ หรือ จะเสิร์ฟพร้อมเส้นสปาเกตตี้ลวกแล้วก็ได้



ขอบคุณ

ภาพประกอบ และ ต้นฉบับบทความ โดย BRo0Ke


ชื่ออาหารเวอร์ชั่นใหม่เก๋ไก๋ โดย พี่เบ๊นซ์

Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2549 21:25:33 น.		10 comments
Counter : 2485 Pageviews.
Share Tweet