|
|||
เครื่องดูดควันกับวันพ่อ อันที่จริง ... วันนี้ก็น่าจะเหมือนวันหยุดทุก ๆ วัน พ่อแม่ตื่นเช้า ผมตื่นตามมา น้องตื่นทีหลังสุด บทสนทนารวมกันครั้งแรกก็คือ "มื้อกลางวัน" แต่ช่วงนี้พิเศษหน่อย ตรงที่เรากำลัง "ต่อเติมบ้าน" สำหรับตัวผมเอง ผมเไม่ค่อยให้ความสำคัญกับ "เนื้อที่" ของบ้าน ที่มันจะเพิ่มขึ้นสักเท่าใดนัก เราก็อยู่ของเราแค่นี้มาหลายปีแล้ว อีกอย่าง ผมว่ามันก็ดูอบอุ่นดี เดินสวนสนามกันไปมา ทักทายกันมั่ง แซวมั่ง ทะเลาะกันมั่ง มันก็ดูว่า "บ้านเป็นบ้าน" เอาว่ะ ... มันก็ดีที่ผมจะได้ครัวใหญ่ขึ้น และก็ได้พื้นที่ตั้งเครื่องออกกำลังกาย ซื้อเครื่องมาใช้กัน 4 คน ผมว่าประหยัดเงินค่าฟิตเนสไปเยอะ การถกเถียงกันอย่างดุเดือดเริ่มขึ้นหลังมื้อกลางวัน ซึ่งตัวการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง "แปลนบ้าน" อย่างขนานใหญ่ ก็คือ "ตัวผม" นี่แหละ ที่แรกก็ไม่ได้สนใจอะไรมากหรอกครับ เพราะผมก็ค่อนข้างมั่นใจกับรสนิยมการแต่งบ้านของ "พ่อ กับ น้องสาวจอมละเอียด" ละเอียดขนาดที่ช่างทำบ้านต้องโอดครวญว่า "ผมไม่ไหวแล้วครับเฮีย" พ่อคือฝันดีของ "ลูกค้า" แต่เป็นฝันร้ายสุด ๆ ของ "ลูกจ้าง" โดยแท้ พ่อคุมงานชนิดที่ว่า จมูกแทบจะได้กลิ่นของวัสดุทุกชิ้น และที่เจ็บปวดไปกว่านั้น คือการเอาไม้จิ้มฟันวัดร่องของกระเบื้อง คนงานส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากทำงานกับพ่อนัก เพราะงานหนัก ละเอียด อู้ไม่ได้ แต่ถึงเราจะเคี่ยวขนาดไหน สิ่งที่บ้านเรามีก็คือ น้ำใจ ความไม่ถือตัว และไม่เคยเอาเปรียบใคร มีแต่ใคร ๆ นี่แหละที่จะเอาเปรียบเรา การสนทนาทำให้บ้านเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ การถกเถียงกันล้วนเกิดจาก "การให้ความสำคัญ" ในแต่ละส่วนของบ้านที่ไม่เหมือนกัน ผมเน้น ครัว บริเวณออกกำลังกาย น้องสาวเน้น ห้องนอน ความสวยงามต่าง ๆ แม่ก็คือ ครัว และสวน พ่อเน้นพื้นที่ดูทีวี และล้างรถ พ่อก็เลยอยากประหยัดตรงครัว ซึ่งผมเองคิดว่า "มันเป็นหัวใจของบ้าน" พยามคิด เครียด และปรับลดในหลาย ๆ ทาง ซึ่งบางอย่างผมไม่เห็นด้วย "ที่พ่อปูกระเบื้องลานจอดรถใหม่ก็เพราะมันลื่น" อยู่ดีดีพ่อก็โพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ในขณะที่ผมต่อสู้ "อย่างเอาเป็นเอาตาย" เพื่อให้ได้ "เครื่องดูดควัน" ในครัว ซึ่งนั่นหมายความว่า ... ในความคิดของพ่อ กลัวผมมองว่าพ่อใช้งบเปลืองไปกับ "ลานจอดรถ" และมาลดงบกับไอ้ "เครื่องดูดควัน" ของผม บอกตรง ๆ "ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลย" ผมไม่ค่อยซับซ้อนหรอกครับ แล้วผมก็ค่อนข้างเคารพในความต้องการของแต่ละคน แต่หัวเด็ดตีนขาดยังไง ผมก็ต้องได้ "เครื่องดูดควัน" พ่อพยายาม mix and match "พัดลมดูดอากาศ พัดลมธรรมดา และหน้าต่าง" ที่มีอยู่แล้ว มาอธิบายเชิงกลไกทางวิทยาศาสตร์ ว่ามันใช้แทน "เครื่องดูดควัน" ได้ คิดดูเอาแล้วกันครับท่านผู้ชม มันตลกมากนะถ้าบ้านจะไม่มี "เครื่องดูดควัน" หน่ะ ผมรับไม่ได้ จริง ๆ บ้านเราก็มีเงินเหลือใช้สบาย ๆ อยู่นะครับ แต่ความที่พ่อเป็นคน "ประหยัด" มันก็เป็นเรื่องดี เหมือนกับว่าในครอบครัวหนึ่ง มันก็ต้องมี "คนที่สุดขั้ว" กันไปคนละด้านมาอยู่ด้วยกัน แล้วทุกอย่างมันก็จะลงตัว (หรือเปล่า?) แบบที่เป็น "ครอบครัวของเรา" ในตอนนี้ ถึงแม้จะทะเลาะกันบ่อย และไม่ค่อยได้พูดกัน แต่ยังไง "พ่อก็คือพ่อ" นั่นแหละ รักพ่อนะ ... แต่อย่าลืม "เครื่องดูดควัน" ของผมก็แล้วกัน ! สรุปว่าตอนนี้มติครม.อนุมัตงบเครื่องดูดควันรึยังคะ
โดย: แม่ปุ้มปุ้ย วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:18:07:19 น.
ผมว่า มันเป็นอะไรที่ เราต้องมีอะครับ -_-'
ยังไงก็ต้องอนุมัตครับ เดี๋ยวจูงมือไปซื้อเลย โดย: Guynes วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:18:15:08 น.
พ่อคุณกับพ่อเราคล้ายกันมากเลย
เป็นคุณชายละเอียดและคิดเรื่องทำมาหากินได้ตลอดเวลาเลยค่ะ แต่ยอมรับฝีมือว่าเก่งมากค่ะ ตอนน้เราก็มาช่วยกิจการที่บ้าน ยอมรับว่าพ่อเก่งกว่าหัวหน้างานที่งี่เงาแบบไม่เห็นฝุ่นเลยค่า โดย: chabori วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:20:10:44 น.
|
Guynes
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] ผู้ชายเซอร์ ๆ ที่รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ชอบดื่มกาแฟและเบียร์ เคยฝันว่าอยากมีห้องสมุดเป็นของตัวเอง เพราะรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือ และจะอ่านแบบไม่กินไม่นอนจนกว่าจะอ่านจบ Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |