ทะเลบนภูเขา ตอนที่่ 1
คืนวันที่ 10 พฤศจิกายน
ผมนั่งเขียน entry นี้
ในจุดที่ใกล้กับ "ท้องฟ้า"
มากที่สุดในชีวิต
แต่กลับไม่ได้มีโอกาส
ออกมาชมแสงเดือนแสงดาว
ในค่ำคืนนี้

วันที่ 6 พฤศจิการยน
ผมได้รับ "คำสั่ง"
ให้หารีสอร์ทด่วนที่สุด
เพราะน้องจะลาพักร้อน
ในช่วงวันที่ 9 - 11 พฤศจิกายนนี้

จะขึ้นเครื่องบินไปเหนือ
ก็เสียดายเงิน
อย่างที่รู้กันว่า
ถ้าจองกระชั้นชิด
ราคาเที่ยวบินจะสูง
กว่าจองล่วงหน้ามาก

"เขาค้อ" จึงเป็นคำตอบ
ที่ดีที่สุดในตอนนี้
ขับรถตรงอย่างเดียว
ราว 5 ชั่วโมง
คุณก็จะถึงดินแดน
ที่เค้าว่ากันว่าเป็น
"สวิสเซอร์แลนด์" เมืองไทย

เอ้า ... ไปก็ไป
รีสอร์ทก็มีห้องว่างพอดี
ติดอยู่ตรงที่ "พายุเข้า"
ฝนจะตก ลมจะแรง

เราจะได้เห็น "ทะเลหมอก" ไหม?

แต่เราก็ไม่ได้มีทางเลือกมานัก
ตีสี่ของวันที่ 9
แม่กับน้องลุกจากเตียง
ส่วนผมนอนไม่หลับเลย
เพราะนี่จะเป็นการขับรถ
"ที่ไกลที่สุด" ในชีวิต

ทำกาแฟกินได้หนึ่งแก้ว
พวกเราก็เริ่มออกจากบ้านกัน
เริ่มจากขึ้นทางด่วน
ไปลงอุดรรัถยา
ต่อถนนสาย 9 ไปสู่สาย 1
ซึ่งถนนตอนตีห้ายังมืด
ต้องใช้สายตาอย่างมาก

เมื่อฟ้าเริ่มสว่าง
ทำให้ผมขับรถสบายขึ้น
เราก็มาถึงตัวเมืองสระบุรี
นับว่าเราเวลาได้ดีเหมือนกันครับ
พวกเราพยายามมองหาร้านข้าว
เพื่อที่จะแวะทานมื้อเช้ากันสักหน่อย
แต่ที่เห็นเขาจะทานมื้อหนัก ๆ กัน
อย่างเช่น ไก่ย่าง หมูย่าง

ผมจึงขับรถต่อไปอีกสักพัก
จนได้เจอร้านข้าวแกงข้างทาง
มีต้มเลือดหมูร้อน ๆ หอม ๆ
เครื่อง GPS บอกเราว่า
เหลือเส้นทางอีก 246 ก.ม.
อีกครึ่งทางเท่านั้น

จุดหมายต่อไปของเราคือ
"วิเชียรบุรี" ดินแดนไก่ย่าง (ฮา)
ก็อยากจะรู้ว่า "ของแท้"
มันจะอร่อยกว่า "ของก๊อบ" แค่ไหนเชียว

โชคดีที่ร้านดังอย่าง "ร้านบัวตอง"
อยู่บนถนนเส้นหลักพอดี
เพราะไม่เช่นนั้น
ผมก็จะไม่แวะเข้าตัวเมืองให้เสียเวลา

เมื่อจอดรถหน้าร้าน
เราจะเห็นเค้าย่างไก่กันเป็นแถว
สีสัน และกลิ่นหอมชวนรับประทาน
ไก่ย่างครึ่งตัวกับข้าวเหนียวหนึ่งห่อ
จึงกลายเป็น "อาหารว่าง" ระหว่างทาง
ที่จะไปยังจุดหมาย "เขาค้อ" ของเรา

"ไก่ย่างวิเชียรบุรี"
นอกจากหมักเครื่องเทศได้หอม
ความเค็มของไก่กำลังดี
การย่างด้วยเตาถ่าน
ด้วยความร้อนและเวลาที่พอเหมาะ
ทำใ้ห้ไก่ไม่แห้งและไม่แฉะจนเกินไป
หนังไก่มีความกรอบ
และเนื้อไก่ชุ่มฉ่ำกำลังดี

และด้วยเหตุนี้เอง
จึงทำให้ "ไก่ย่างวิเชียรบูรี"
กลายเป็นคำโปรย ...
ที่ร้านไก่ย่างในกรุงเทพฯ
ชอบเอามาใช้อวดอ้าง
หรือตั้งชื่อร้านไปเสียเลย
ทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้อร่อย
เหมือนของที่ผมกินอยู่ตอนนี้

เกจน้ำมันฟ้องว่า
เชื้อเพลิงของเราใกล้จะหมด
แต่ด้วยระยะทางช่วงนี้
ไม่มีปั๊มน้ำมันดีดีเลยสักปั๊ม
เราจึงคิดว่า ... จะขับต่อไปอีกหน่อย
เส้นทางจากวิเชียรบุรีถึงเขาค้อ
หาปั๊มน้ำมันยากมาก
เราหาปั๊มน้ำมันได้
ก็เมื่อถึงสามแยก
ที่จะเลี้ยวไปทาง "หล่มสัก"

พอมาถึงตรงนี้
ความเจริญก็มากันเพียบ
ใกล้ทางแยกขึ้น "เขาค้อ"
มีทั้งบิ๊กซี โลตัส โฮมโปร
และปั๊มน้ำมันมากันให้เพียบ
พวกเราแวะเติมน้ำมัน
กินไก่ย่างที่เหลือ
เติมความสดชื่นด้วยกาแฟสดสักหน่อย
ก็ได้เวลาที่เราจะได้สัมผัสกับ
"เขาค้อ" จริง ๆ สักที

จากถนนสาย 21
สู่ถนนสาย 2258
ซึ่งเป็นทางเข้าสู่ "เขาค้อ"
อันที่จริงเขา้ค้อก็คล้ายเขาใหญ่
คือมีทางแยกเข้าจากถนนใหญ่
สู่ถนนภายในที่ลาดบ้างชันบ้าง
มีรีสอร์ทอยู่ตามรายทาง
และรีสอร์ทที่สวย ๆ
จะอยู่ตามหน้าผ้า
ที่มองลงไปสู่หุบเขา
เราจะได้เห็นทิวทัศน์จากข้างบน
และ "ทะเลหมอก" ในยามเช้า

หนทาง 2258
ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด
แต่มันก็ชันกว่า "เขาใหญ่"
และวังน้ำเขียวพอสมควร
บางครั้งต้องใช้เกียร์ 1 ช่วย

รายทางเป็นต้นไม้เขียว
"เขียว" จนน่าประทับใจครับ
มันดีกว่าเขาใหญ่ก็ตรงนี้แหละ
ตรงที่ความเจริญยังมาไม่ถึง
พวกเรารู้สึกถึงอากาศที่สดชื่น
ต้นไม้ หุบเขาที่รายล้อม
ทำให้เหมือนเรากลายเป็น
"สัตว์ตัวเล็ก ๆ" ฝูงหนึ่ง
ที่กำลังอพยบ
เพื่อหนีความร้อนจากเมือง
สู่ความเยือกเย็นแห่งขุนเขา

ทางเข้าสู่ "เขาค้อ"
จะมีจุดที่เรียกว่า "เนินมหัศจรรย์"
ที่เหมือนรถเหมือนจะขับ "ขึ้น"
แต่รถจะไหลไปได้
โดยไม่ต้อง "ติดเครื่อง"
เนื่องด้วยมีคนชอบมาลอง
ขึ้นลงเนินนี้เป็นจำนวนมาก
ทางการจึงไม่ยอมติดป้าย
ถึงแม้จะบันทึกพิกัด
ลงบนเครื่อง GPS แล้วก็ตาม
เราก็ยังขับเลยเนินมหัศจรรย์นี้
ไปอย่างหน้าตาเฉย

ถัดจากพิกัดเนินมหัสจรรย์
ทางซ้ายมือก็จะเป็น
"ร้านขายของฝาก"
ซึ่งจะเป็นผลิตผลทางการเกษตร
แน่นอนว่า ...
มาเพชรบูรณ์มันต้อง "มะขามหวาน"
ผมไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ
ด้านมะขามหวานนักหรอกครับ
แต่พอเห็นมะขามคลุกเม็ดใหญ่
ที่เนื้อหนากว่าที่ขายในกรุงเทพ
ประมาณสองเท่าเห็นจะได้
ผมจึงควักเงินซื้อมาลอง
โดยไม่ลังเลเลยครับ

แล้วมันก็ "อร่อยมาก" จริง ๆ

ตรงข้ามกับร้านขายของ
จะมีกอ "ดวงบัวตอง"
ที่ขึ้นอยู่บนเนินเขา
สีส้มสะดุดตาของมัน
ทำให้ผู้คนชวนกันยืนถ่ายรูป
ออกไปจากฝั่งร้านค้านี้

ถัดจากมะขามหวาน
เราก็ขับรถไปถึงทางแยก
ที่จะเข้าถนนเส้น 2196
ซึ่งจะพาเราไปยังรีสอร์ท
ที่เค้าว่ากันว่า ... เราจะได้เห็น
"ทะเลหมอก" ที่สวยที่สุด

ผมขออุบชื่อรีสอร์ทไว้เป็นความลับ

ทางเข้าถนน 2196
เป็นสี่แยก
เราเลี้ยวขวาเข้าไป
จะเจอร้านอาหาร
และร้านกาแฟจำนวนหนึ่ง
ตอนนี้เป็นเวลา 11 โมง
พวกเราอยากจะเห็นรีสอร์ท
กันเต็มแก่แล้วครับ

จากจุดชมวิวทะเลหมอก
ที่เค้าว่าสวยที่สุดนั่นแหละ
จะมีถนนให้เราขับลงไปตามเนิน
อันตรายนิดหน่อย
เพราะถนนแคบและค่อนข้างชัน
แต่ก็ขับมาถึงรีสอร์ทจนได้

ผมเดินออกไปเช็คอิน
ทางรีสอร์ทเคลียร์ห้องพักเสร็จพอดี
เราจึงได้เข้าพักก่อนเวลา
ซึ่งจริง ๆ แล้วต้องเป็น 14.00 น.

ห้องพักเป็นบังกะโลแยกออกมา
อยู่บนเนินเขา
ที่มองออกไปจะเป็นเป็นหุบเขา
ตรงกลางเป็นอ่างเก็บน้ำ "รัตนัย"
แอ่งน้ำรายล้อมด้วยทุ่งหญ้าสีเขียว
สูงขึ้นมาเป็นหุบเขา
ที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี
พวกเราเหมือนหลุดเข้ามา
ในอีกโลกหนึ่ง

มันคือ "สวรรค์บนดิน"

ห้องพักเรียบง่าย
ไม่ได้มีอะไรหรูหรานัก
แต่ก็มีครบทั้งทีวี ตู้เย็น
และเครื่องปรับอากาศ
เราไม่รู้ว่าสภาพอากาศภายนอก
จะเป็นอย่างไร
ผมจึงได้เลือกห้องพัก
ที่มีเครื่องปรับอากาศไว้ก่อน

พวกเรานั่งพักกันสักครู่
ก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน

ร้านอาหาร
ที่หลายคนบอกกันนักหนา
ว่า "อร่อยที่สุึด"
ผมก็จะไปกินที่นั่นแหละ
ขับรถจากรีสอร์ทไปไม่ไกล
ก็ถึงร้านอาหารที่ว่า

พวกเราเลือกนั่ง
บริเวณศาลาที่แยกออกมา
เป็นส่วนตัวนิดนึง
และิวิวสวยมาก

ผมสั่งปลาทอด Signature Dish
กับยำยอดมะระ
และต้มแ๋ซ่บปลาคัง
อาหารง่าย ๆ ที่คิดว่า
"อร่อยชัวร์"

ความไม่ประทับใจแรกเกิดขึ้น
เมื่อพนักงานคนนึง
ยกอาหารมาเสิร์ฟ
ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
แล้วสบถเสียงดังว่า
"เดินมาตั้งไกล"
อ้าว .... เห้ย
แล้งมึงจะสร้างศาลานี้
ให้กูมานั่งกินเพื่อ ???

"ช่างเหอะ ...
เผื่อว่าต้องมากินร้านนี้อีก"

ก็เค้าว่าอร่อยที่สุดนี่นา
ขนาดมีคนดังมาชิม
อาหารที่ถูกวางลงบนโต๊ะ
ทำเอาผมงงไปเหมือนกัน
จนต้องเรียกพนักงานมาถาม
ว่าใช้ของที่เราสั่งแน่หรือ?

"ก็พี่สั่งยำยอดมะระไม่ใช่เหรอครับ"

เออ ... ก็จริง
แต่ได้ยำที่ว่า
มันมียอดมะระแค่ 1 ใน 4 ของจานเอง
ที่เหลือเป็นปลาหมึก กุ้ง 
และเครื่องเทศอย่างอื่นเสียมาก
จานนี้รสชาติพอไปได้
แต่ปลาหมึก และกุ้ง
กินคำแรกก็รู้ว่า
เป็น "อาหารแช่แข็ง"

จานเด็ดของที่นี่
คือ ปลาทอด
เป็นปลากะพง "แช่แข็ง"
ชุบเกล็ดขนมปังทอด
ออกมาสีซีด ๆ
และจิ้มด้วยน้ำจิ้ม "เปรี้ยว ๆ"
เหมือนน้ำจิ้มซีฟุ้ด

รสชาติติดลบมากสำหรับผม

จานต่อไปคือ ต้มแซ่บปลาคัง
ซึ่งผมว่าอร่อยที่สุดแล้วหล่ะ
แต่น่าจะเปลี่ยนชื่อ
เป็นต้มแซ่บเห็ดมากกว่า

สรุปว่า ร้านดังที่เขาว่าอร่อย
เราก็ไม่ควรไปเชื่อมานัก
เพราะคนเราก็กินอาหารไม่เหมือนกัน
สำหรับตัวผมเอง
"อาหารทะเลแช่แข็ง"
เป็นสิ่งที่ถ้าเลือกได้
ผมจะไม่เอามาทำอาหาร

เมื่ออิ่มท้องกันแล้ว
ช่วงบ่ายที่เหลือ
ก็จะเป็นเวลาว่าง
ให้นั่งดูวิวแล้วก็พักผ่อน
ผมเผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้

พอตื่นขึ้นมา
ก็ได้เห็น "วิวพระอาทิตย์ตก"
ที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่น

ใครจะชุมนุม
ก่อม๊อบอะไรยังไง
ไม่สนแล้ว

เพราะ "โลกตรงนี้"
มันช่างสงบสุขเสียจริง











Create Date : 16 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2556 21:40:32 น.
Counter : 555 Pageviews.

2 comments
  
หนอนชอบกินร้านตาแป๊ะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามบัวตองอะ
แบบเคยไปเจอตอนร้านบัวตองคนเยอะ ไก่เหนียว
ก็เลยฝังใจ กินตาแป๊ะมาตลอดเลย 55+
โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 20 พฤศจิกายน 2556 เวลา:14:20:05 น.
  
พนักงานร้านบัวตอง
ก่อนสั่งไก่ เค้าจะถามว่า "เอาแบบแห้ง หรือไม่แห้ง"
พวกผมก็ถามเค้านะครับว่า "ส่วนใหญ่สั่งกันแบบไหน"
เขาก็บอกว่า ... สั่งแบบไม่แห้งกัน

ผมเดาว่า คุณ nonnoiGiwGiw
น่าจะได้ทาน "แบบแห้ง" แน่เลยครับ
อาจจะไม่ถูกปาก
แต่น้องผม ซึ่งเป็นมนุษย์ไก่ย่าง (ชอบกินมาก)
ขอการันตีว่า ... ร้านนี้อร่อยจริงครับ
โดย: Guynes วันที่: 23 พฤศจิกายน 2556 เวลา:3:44:38 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Guynes
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



ผู้ชายเซอร์ ๆ ที่รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ชอบดื่มกาแฟและเบียร์ เคยฝันว่าอยากมีห้องสมุดเป็นของตัวเอง เพราะรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือ และจะอ่านแบบไม่กินไม่นอนจนกว่าจะอ่านจบ
พฤศจิกายน 2556

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
26
27
28
29
30
 
16 พฤศจิกายน 2556
All Blog