Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2548
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
23 กุมภาพันธ์ 2548
 
All Blogs
 
ไหปลาร้าสุดขอบฟ้า 2

ตอนที่ 2

ตุ่งตุ๊ง เป็นบุรุษหนุ่มปราดเปรื่องหล่อเหลาสง่างาม เพียงแต่มันอ่อนต่อโลกอย่างยิ่ง

แต่นี่ไม่อาจตำหนิมัน ที่ควรตำหนิ...อาจเป็นครอบครัวของมันซึ่งนับจากเป็นทารกกระทั่งเติบใหญ่ไม่เคยปล่อยมันออกสู่โลกภายนอกเลย

เนื่องเพราะครอบครัวของมันเห็นว่าโลกภายนอกเลวร้ายยิ่ง อันตรายยิ่ง
จนลืมคิดไปว่าถ้าไม่รู้จักความเลวร้ายจะซาบซึ้งกับความดีงามได้อย่างไร ถ้าไม่รู้จักกับความมืด..จะรู้จักแสงสว่างได้อย่างไร

ถ้าไม่รู้จักความเจ็บปวดสูญเสีย จะซาบซึ้งกับความสุขและสมหวังได้อย่างไร…

บิดาของตุ่งตุ๊งเป็นโรคร้าย

โรคที่ไม่มีโอสถขนานใดรักษาได้ นอกจากปลาร้าพันปี สุดขอบฟ้า

โรคร้ายที่ว่าคือโรคสำออย….ที่พอได้ยินชื่อผู้คนต่างตัวสั่นพรั่นพรึงสุดสยดสยอง

ตุ่งตุ๊งจึงต้องออกเดินทางสู่ยุทธภพ

บรุษหนุ่มปราดเปรื่องแต่ไร้เดียงสาต่อโลกจะเป็นเช่นไร

มันจะถูกล่อลวงไปในทางไม่ดีหรือไม่…..จะได้ปลาร้าพันปีกลับมาอย่างไร กระทั่งคนเขียนตอนนี้ก็ไม่อาจทราบได้

<เวร…>



ตะวันคล้อยต่ำลงจรดทิวเขา ต่ำลงมาคือลำธารและสะพานเล็กๆ

ความจริงนี้เป็นภาพสวยงามยิ่ง ภาพที่สวยซึ้งตรึงอารมณ์กวี

น่าเสียดายที่ตุ่งตุ๊งไม่มีอารมณ์ชื่นชมเลยสักนิด เป็นเพราะไม่เพียงที่ดวงตะวันตกลง เรี่ยวแรงของมัน หัวใจของมันล้วนตกลงเช่นกัน ….ตะวันจรดทิวเขา เข่าของมันก็อ่อนล้าแทบตกลงจรดดิน



มันไม่หลงทางเด็ดขาด เพราะมันไม่ทราบว่าจะไปทางใด ไม่มีทางให้หลง คนที่กระทั่งตนเองจะไปทิศทางใดจึงไม่จัดว่าเป็นคนหลงทางแน่นอน

นึกถึงค่ำคืนฟ้ามืดกลางป่าใหญ่ คนที่ไม่เคยออกสู่โลกภายนอกเช่นมันนับว่าเลวร้ายยิ่งแล้ว มารดาของมันพร่าสอนว่าในป่าเต็มไปด้วยภูตผีปีศาจ และสัตว์ร้าย คอยจ้องจับกินเป็นอาหาร นางพรายที่ดักฉุดบุรุษไปย่ำยี สร้างภาพน่าสะพรึงกลัวเจียนขาดใจ

ตัดใจเดินข้ามสะพานน้อย

ความจริงมันเดินขึ้นสะพาน แต่ตอนนี้หัวใจคล้ายร่วงหล่นลงในลำธาร เพราะกลางสะพานพลันปรากฏเงาร่างของสัตว์ร้ายยืนแยกเขี้ยวจังก้ากลางตะวันเขี้ยวขาววาววับในเสียงคำรรามสยบขวัญ

"อุ้ยตายแล้ว……มารดาจ๋า…"

มันอุทานอย่างสุภาพเรียบร้อย เซกลับหลัง….ขาพันกันล้มลง

มันมิใช่สตรีเหล็ก แต่เป็นผลจากการอบรมพร่ำสอนของมารดาให้มันเป็นกุลบุรุษดีงาม ไม่ว่าจะแตกตื่นอย่างไรจะต้องรักษามารยาทและความเรียบร้อยไม่ให้ขัดตาไว้ตลอด

พริบตานั้นสะพานน้อยคล้ายเป็นสะพานยาวไม่มีที่สิ้นสุดจากการปรากฏตัวของสัตว์ร้ายสนทยา

ตอนนี้อย่าว่าแต่จะข้ามไปเลย ประคองตัวให้พ้นจากการเป็นอาหารมื้อค่ำของพยัคฆ์ร้ายได้ก็นับว่าบุญแล้ว

"ชิ้วๆๆ….ไปๆๆ…ชิ้วๆๆ"

บุรุษหนุ่มทำเสียงไล่ เนื่องเพระอยู่บ้านเคยใช้วิธีนี้ไล่แม่ไก่และลูกไก่จนกระเจิดกระเจิงขวัญหนีดีฟ่อมาแล้ว แต่ครั้งนี้เสียดายว่าสัตว์ประหลาดฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง มันยิ่งแสยะเขี้ยวขาวน้ำลายหยดตามมุมปากตั้งท่าราวจะกระโจนเข้าใส่

ยามจวนตัวมันพลันนึกถึงคำพูดของมารดา

"สัตว์ร้ายทั้งปวงล้วนกลัวนัยน์ตามนุษย์ ยามจวนตัวให้เจ้าจ้องมองตามันอย่ากระพริบ มันจะไม่กล้าทำอันตรายเจ้าเด็ดขาด"

สบตากัน

มันไม่มีโอกาสใคร่ครวญ สองตาของตุ่งตุ๊งจับจ้องอยู่นัยน์ตาดุร้ายของพยัคฆ์ร้ายที่แสยะเชี้ยวข่มขวัญอยู่เบื้องหน้า ตาประสานตาแน่วนิ่ง

สัตว์ร้ายมีท่าทีงงงันวูบหนึ่ง เกิดมายังไม่มีมนุษย์ตนใดมองหน้าแบบนี้

แต่แล้วพลันอ้าปากคำรามถีบเท้ากระโจนสุดตัวใส่บุรุษหนุ่ม
สัตว์ตัวนี้จำได้ว่าปู่ของมันเคยสอนว่าอย่าไปหลงกลพวกมนุษย์ มนุษย์ที่ใช้วิธีนี้คือมนุษย์จนตรอก ถึงได้ใช้วิธีปัญญาอ่อน มนุษย์ที่จนตรอกคือมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความกลัว คนที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวย่อมไม่น่ากลัว
คนที่ไม่น่ากลัวย่อมเล่นงานได้

ดังนั้นมันจึงลงเท้าทันที

เขี้ยวขาว กรงเล็บ…. ผ่าดวงตะวันลงมาแล้ว

ตุ่งตุ๊งคาดไม่ถึงเด็ดขาดว่าคำสอนของมารดาจะไร้ประสิทธิภาพจนป่านนี้ เพราะคาดไม่ถึงจึงไม่ทันนึกวิธีตั้งรับ ดังนั้นได้แต่นั่งปากอ้าตาค้าง รอรับมหันตภ้ยร้ายแรง


ในเสียงดังฉาด…ศีรษะตุ่งตุ๊งขาดกระเด็นโลหิตฉีดพุ่งเป็นไฟพะเนียงประทุ

…………..

เรื่องควรเป็นเช่นนั้นถ้าไม่มีบางอย่างมาแทรก

ประกายสีม่วงพลันแหวกดวงตะวันออกเป็นทางบรรจบกับเงาร่างทะมืน เสียงดังสนั่นหวั่นไหว

เอ๋งๆๆๆๆ……..

สัตว์ร้ายกระดอนข้ามศีรษะของบุรุษหนุ่มไปหล่นลงด้านหลังวิ่งหางจุกตูดเข้าป่าไป

ผู้มาขัดขวางเป็นสตรีนางหนึ่ง

ข้างสะพานความจริงมีมวลหมู่บุบผามากมายหลากสีท่ามกลางผีเสื้อโบยบิน ดอกไม้เหล่านั้นล้วนงดงามสดสวยเจิคจรัสเพริดแพร้วพิสดาร แต่เมื่อสตรีนางนี้ปรากฏบุบฝานานาพันธ์กลับห่อเหี่ยวอับเฉาเศร้าหมองไปทันที

ดอกไม้สวยงาม

แต่เมื่อเทียบกับนาง ดอกไม้หมอง

กระทั่งหมู่ผีเสื้อยังเปลี่ยนใจโบยบินมาชื่นชมห้อมล้อม

ตุ่งตุ๊งตะลึงลานไปแล้ว

สตรีนางนั้นสวมชุดสีม่วงปนฟ้า ฝักกระบี่ในมือเป็นสีม่วง ที่ใช้เมื่อครูเป็นผักกระบี่กระแทกใส่

นางหันมากระชากเสียงใส่ตุ่งตุ๊ง

"ท่านทำไมนั่งสบตาจ้องมองกับสุนัขอยู่ได้"

"สุนัข..?"

บุรุษหนุ่มมีท่าทีงงงัน

"ข้าพเจ้านึกว่านั่นเป็นพยัคฆ์ร้าย"

สตรีนางนั้นจ้องมองอยู่ครึ่งค่อนวัน ความจริงนัยน์ตาของนางคล้ายมีม่านหมอกปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง ไปๆมาๆ ม่านหมอกคล้ายจางหายแล้ว กลับคล้ายดวงดาวหลังฟองเมฆเคลื่อนคลาลาลับเปล่งประกายสดใสงดงามยิ่งกว่าดาราในหมู่ดาราราย

"ที่แท้ท่านเป็นคนเสียสติ กระทั่งสุนัขหรือคน ท่านกลับไม่สามารถแยกแยะ"

นางพึมพำ เสียงแผ่วเบาแต่ชัดเจนสดใสราวไข่มุกร่วงในจานหยก

ตุ่งตุ๊งยังคงตะลึงลาน

ไฉนมารดามารพร่ำสอนว่าสัตว์ร้ายที่น่ากลัวที่สุดคือสตรี สัตว์ร้ายอย่างมากก็กัดแทะเนื้อท่านไม่กี่เขี้ยว มีแต่สตรีที่กัดกินจิตวิญญาณและส่วนที่บอบบางที่สุดของหัวใจทำร้ายท่านจนสมองเลอะเลือนแหลกสลายทั้งกายและใจ

แต่ไฉนสตรีนางนี้จึงงดงามป่านนี้ คล้ายมีแต่สรวงสวรรค์ แดนมนุษย์นั้นไหนเลยเคยพบ บุรุษหนุ่มคิดว่ามารดาตนสวยงามที่สุดในโลกแล้ว



"ท่านเป็นใคร"

ในที่สุดอดมิได้ต้องเอ่ยปากถาม

"เราฉายา กระบี่ม่วงหวาน"

"กระบี่มะม่วงน้ำปลาหวาน?"

"บังอาจ"

ประกายกระบี่ฟ้าม่วงพวยพุ่งโค้งคล้ายคันเคียวเรียวรุ้งจ่อลำคอบุรุษหนุ่ม

"ท่านกล่าววาจาเหลวไหลอีกครึ่งคำ เราตัดท่านครึ่งท่อน กล่าววาจาเหลวไหลคำหนึ่ง เราสับท่านกระบี่หนึ่ง ท่านกล่าวว่าจาเหลวไหลเกินหนึ่งคำ เราตัดท่านเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น"
"ท่านจะเอาเราไปทำลาบก้อยหรืออย่างไร จึงคิดสับเราละเอียดขนาดนั้น"
ธิดากระบี่ม่วงหวานถึงกับจนปัญญาพูดจา

บุรุษหนุ่มฝืนยิ้มกล่าวว่า

"เราเพียงล้อท่านเล่น ไยต้องดุร้ายจนป่านนี้ แต่เอาเถิด ตกตายในกระบี่จากสตรีงาม อย่างไรย่อมประเสริฐใช้ได้"

กระบี่ม่วงหวานปั้นสีหน้าขู่ขวัญครู่หนึ่ง ในที่สุดเก็บกระบี่เข้าฝัก


"ท่านดูไม่คล้ายคนเสียสติเลย"

"แต่ก่อนข้าพเจ้าไม่…แต่ตอนนี้คล้ายกลับกลายเป็นคนเสียสติจริงๆแล้วตั้งแต่พบหน้าท่าน"

กระบี่ม่วงเขียวถลึงตามองแต่หากนัยน์ตาเริ่มมีรอยยิ้ม นางขบริมฝีปากแล้วกล่าวว่า

"ท่านมิใช่คนเสียสติ ยิ่งไม่ใช่คนโง่งม หากเป็นตัวอุบาทว์ที่ได้มาตรฐานตัวหนึ่ง"

"ข้าพเจ้าไม่เพียงเป็นตัวอุบาทว์ ยังเป็นตัวบัดซบ…กระทั่งสุนัขกับพยัคฆ์ก็ไม่มีปัญญาแยกแยะ"

กระบี่ม่วงหวานไม่เคยพบพานคนเช่นนี้มาก่อน คนที่ไม่รู้จักกระทั่งสุนัขช่างพิสดารเร้าใจน่าศึกษา ท่าทีเรียบๆร้อยๆของตุ่งตุ้งต่างจากจอมยุทธทั่วไป

"ท่านเดินทางไปที่ใด"

"ข้าพเจ้าเดินทางหาปลาร้าพันปี"

"ท่านควรเข้าตัวเมืองหาที่พักก่อน อยู่ห่างจากนี้สามลี้ทางทิศตะวันตก แล้วค่อยสืบข่าวปลาร้าพันปี"

วาจาของนางชะงัก

ความจริงนัยน์ตาของนางงดงามแจ่มจรัสกว่าดาวประดับฟ้า แต่พลันแปรเปลี่ยนเป็นหวาดหวั่นเมื่อนางบังเอิญพบอะไรบางอย่าง

บุรูษหนุ่มขมวดคิ้วมองตามไป

"ไม่เห็นมีอะไร"

ไม่มีอะไรจริงๆ แต่อะไรเล่าที่บันดาลให้จอมยุทธสาวผู้เก่งกล้าแตกตื่นได้

"นั่น.."

นางตะกุกตะกักกล่าว ชี้มือไปด้านข้าง

"นั่นนก 2 ตัว"

"นก 2 ตัว"

นกสองตัวกำลังเล่นกิ่งไม้ยามเย็นอยู่ มีอะไรน่าแตกตื่น ตุ่งตุ๊งไม่เข้าใจจริงๆ

กระบี่ม่วงหวานร้องออกมาคำหนึ่ง พริบตาท่าร่างเปลี่ยนเป็นโค้งสายรุ้งสีม่วงฟ้าพาดผ่านคะวันตัดม่านเมฆลางเลือนหายไปโดยไร้ร่องรอย

นางกลัวอะไร



Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2548
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2548 12:50:14 น. 4 comments
Counter : 452 Pageviews.

 
แต่งเองเหรอคะ เก่งจังเลยค่ะ อ่านแล้วเพลินดีนะคะ


โดย: วัฌชา วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:19:24:01 น.  

 
แต่งเองแน่นอนครับ

^___^...


โดย: GTW วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:21:18:51 น.  

 
อ่านไปอ่านมาจากกระบี่ม่วงหวานกลายเป็นกระบี่ม่วงเขียว ไม่รู้ว่าพิมพ์ผิดหรือตั้งใจจ้ะ


โดย: นราเกตต์ วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:9:33:43 น.  

 
ก้าก ... ก้าก ทนไม่ได้ครับ เอิ้ก ... ต้องแปะชื่อ ... โอ้ย ... คุณ GTW นี่สุดยอดจริงๆ มุขเหลือหลาย ข้าน้อยขอคารวะหนึ่งจอก

ป.ล. ตามมาจาก pantipครับ


โดย: ณภ IP: 71.97.0.250 วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:9:57:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Psycho G
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




Friends' blogs
[Add Psycho G's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.