Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
17 มกราคม 2558
 
All Blogs
 
เจ้าจอมคนรองสุดท้ายในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ

 เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ลดาวัลย์ (6 มีนาคม พ.ศ. 2433 - 3 มิถุนายน พ.ศ. 2526) เป็นเจ้าจอมคนรองสุดท้ายในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (เจ้าจอมคนสุดท้ายคือ เจ้าจอมแส บุนนาค) นอกจากนั้นท่านยังเป็นคนสุดท้ายที่ได้ร้องเพลง นางร้องไห้ และเจ้าจอมคนสุดท้ายของราชวงศ์จักรีที่ยังดำรงชีพและเสียชีวิตในยุคปัจจุบันนี้


วัยเยาว์

เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ลดาวัลย์ เกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2433 เป็นธิดาในหม่อมเจ้าเพิ่ม ลดาวัลย์ ซึ่งเป็นพระโอรสใน กรมหมื่นภูมินทรภักดี พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กับหม่อมช้อย ลดาวัลย์ ณ อยุธยา (สกุลเดิม นครานนท์)

เมื่อท่านมีอายุได้ 11 ปี หม่อมยายได้พาท่านไปถวายตัวเป็นข้าหลวงในตำหนัก พระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ซึ่งพระองค์ได้ทรงอบรมเลี้ยงดูหม่อมราชวงศ์สดับในฐานะพระญาติ และยังโปรดให้เรียนหนังสือทั้ง ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ รวมทั้งหัดงานฝีมือ ตลอดจนการอาหารคาวหวานจนเชี่ยวชาญ นอกจากความอัฉริยภาพและความงามแล้ว ความมีเสียงอันไพเราะของท่าน ยังเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นด้วย ดังใน บทพระราชนิพนธ์เงาะป่า ว่า

  "แม่เสียงเพราะเอย น้ำเสียงเจ้าเสนาะ เหมือนดังใจพี่จะขาด เจ้าร้องลำนำ ยิ่งซ้ำพิสวาท พี่ไม่วายหมายมาด รักเจ้าเสียงเพราะเอย"

ถวายตัว

เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2449 หม่อมราชวงศ์สดับได้เข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วันนี้ท่านได้รับพระราชทาน "กำไลมาศ" จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นกำไลทองคำแท้จากบางสะพาน หนักสี่บาท ทำเป็นรูปตาปูโบราณสองดอกไขว้กัน ปลายตาปูเป็นดอกเดียวกัน มีตัวอักษรซึ่งเป็นบทกลอนพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสลักไว้บริเวณด้านบนของกำไลว่า

กำไลมาศชาตินพคุณแท้     ไม่ปรวนแปรเป็นอื่นยั่งยืนสี
เหมือนใจตรงคงคำร่ำพาที     จะร้ายดีขอให้เห็นเช่นเสี่ยงทาย
ตาปูทองสองดอกตอกสลัก     ตรึงความรักรัดไว้อย่าให้หาย
แม้รักร่วมสวมใส่ไว้ติดกาย     เมื่อใดวายสวาสดิ์วอดจึงถอดเอย


คราวที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่นี้ เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับได้บันทึกไว้ว่า  "ในวันเฉลิมพระที่นั่งนี้ทรงพระมหากรุณาสวมกำไลทองรูปตาปูพระราชทานข้าพเจ้า ทรงสวมโดยไม่มีเครื่องมือ บีบด้วยพระหัตถ์ รุ่งขึ้นจึงต้องรับสั่งให้กรมหลวงสรรพศาสตร์พาช่างทองแกรเลิตฝรั่งชาติเยอรมันนำเครื่องมือมาบีบให้เรียบร้อย"

วันนี้ถือว่าเป็นวันที่ท่านมีความสุขมากที่สุด และทั้งตลอดชีวิตของท่าน เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับมิได้ถอดออกจากข้อมือเลย จวบจนชีวิตท่านหาไม่แล้ว หม่อมหลวงพูนแสง สูตะบุตร ผู้เป็นหลานสาวจึงเป็นผู้ที่ถอดออกให้ และได้ถวาย "กำไลมาศ" แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในงานพระราชทานเพลิงศพของเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับนั้นเอง


เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ลดาวัลย์

ร. 5 เสด็จประพาสยุโรป

วันที่หม่อมราชวงศ์ได้เล่าว่าเป็นวันที่ทุกข์ที่สุดก็คือ วันที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป เมื่อปี พ.ศ. 2450 เนื่องจากก่อนรัชกาลที่ 5 จะเสด็จพระราชดำเนินนั้น มีพระราชดำริที่จะให้เจ้าจอมสดับตามเสด็จไปยุโรปด้วย ในฐานะข้าหลวง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตตินารี ถึงกับสอนภาษาอังกฤษพระราชทานเองก่อนเสวยพระกระยาหารทุกคืน แต่มีเหตุขัดข้อง จึงมิอาจเป็นไปตามพระราชดำรินั้นได้

แม้กระนั้น พระองค์ก็ได้มีพระราชหัตเลขามาถึงทุกสัปดาห์ เมื่อได้รับลายพระราชหัตถเลขาแล้ว ท่านก็แสดงอาการดีใจออกมาทุกครั้ง แต่อาการนั้นทำให้เกิดความรู้สึกริษยาจากคนรอบข้างโดยที่ท่านไม่รู้ตัว ทำให้พระวิมาดาเธอฯ ในฐานะผู้ปกครองจึงทรงต้องเข้มงวดกวดขันกิริยาอาการ ตลอดไปถึงข้อความในจดหมาย ด้วยเกรงว่าจะเขียนกราบทูลในเรื่องไม่สมควรไป

ครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับถึงพระนคร ก็ทรงซื้อเครื่องเพชรมาพระราชทาน โปรดให้แต่งเครื่องเพชรแล้วให้ช่างถ่ายรูปชาวต่างชาติมาถ่ายรูป โดยทรงพระกรุณาจัดท่าพระราชทาน และโปรดพระราชทานตู้ที่ระลึก ยังทรงจัดของตั้งแต่งในตู้นั้นอีกด้วย อีกทั้งยังได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาท่านขึ้นเป็นพระสนมเอก อันเป็นตำแหน่งที่แม้เจ้าจอมมารดาบางท่านรับราชการมาช้านานยังไม่ได้รับพระราชทาน แต่ท่านซึ่งเป็นเพียงเด็กสาวรุ่น และเพิ่งเข้ามารับราชการไม่นานนักกลับได้รับพระเมตตาไว้ในตำแหน่งที่สูงถึงเพียงนี้ ยิ่งก่อให้เกิดความริษยาจากคนรอบข้าง ด้วยวัยเพียง 17 ปี ท่านจึงได้เล่าถึงความรู้สึกครั้งนั้นว่า

  "...เหลียวไปพบแต่ศตรู คุณจอมนั้นส่อเสียดว่าอย่างนั้น คุณจอมนี้ว่าอย่างนี้ ตรองดูทีหรือข้าพเจ้าจะย่อยยับแค่ไหน"

ด้วยความอายุยังน้อย ขาดความยั้งคิด ท่านจึงตัดสินใจทำลายชีวิตตนเองด้วยการดื่ม น้ำยาล้างรูป

ปลายรัชกาล

ครั้นเมื่อท่านมีอายุได้ 20 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ท่านมีความทุกข์ และเศร้าโศกอย่างยิ่ง ท่านได้กล่าวไว้ว่า

"..ใจคิดจะเสียสละได้ทุกอย่าง จะอวัยวะหรือเลือดเนื้อ หรือชีวิตถ้าเสด็จกลับคืนมาได้ ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นใจที่คิดแน่วแน่ว่าตายแทนได้ไม่ใช่แค่พูดเพราะๆ ...คุณจอมเชื้อเอาผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งมาให้ข้าพเจ้า บอกว่าท่านได้ประทานไว้ซับพระบาท ข้าพเจ้าจึงเอาผ้าที่ซับพระบาทนั้นแล้วพันมวยผมไว้ แล้วก็นั่งร้องไห้กันต่อไปอีก..."

ครั้งสุดท้ายที่เจ้าจอมสดับได้มีโอกาสสนองพระเดชพระคุณคือ การเป็นต้นเสียงนางร้องไห้หน้าพระบรมศพ

บทเพลง นางร้องไห้ มีอยู่ทั้งหมด 5 บท ดัง



                                        1 พระร่มโพธิ์ทอง พระพุทธเจ้าข้าเอย
                                        พระทูลกระหม่อมแก้ว พระพุทธเจ้าข้าเอย
                                        2 พระเสด็จไปสู่สวรรค์ชั้นใด ละข้าพระบาทยุคลไว้ พระพุทธเจ้าข้าเอย
                                        พระทูลกระหม่อมแก้ว พระพุทธเจ้าข้าเอย
                                        3 พระยอดฟ้า พระสุเมรุทอง พระพุทธเจ้าข้าเอย
                                        พระทูลกระหม่อมแก้ว พระพุทธเจ้าข้าเอย
                                        4 พระเสด็จผ่านพิภพแห่งใด ข้าพระบาทจะตามเสด็จไป พระพุทธเจ้าข้าเอย
                                        5 พระทูลกระหม่อมแก้ว พระพุทธเจ้าข้าเอย
                                        พระทูลกระหม่อมแก้ว พระพุทธเจ้าข้าเอย

ในปีที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตนั้น เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับมีอายุเพียง 20 ปี ทำให้ท่านเป็นที่จับตามองจากคนรอบข้างว่าจะสามารถครองตัวครองใจเป็นหม้ายได้ต่อไปตลอดหรือไม่

หลังจากนั้นอีกไม่นาน ท่านได้ถวายคืนเครื่องเพชรทั้งหลายที่ได้รับพระราชทานมาแด่สมเด็จพระศรีพัชรินทราฯจนหมดสิ้น สมเด็จฯก็ได้ทรงรับไว้แล้วโปรดเกล้าฯให้นำไปขายที่ยุโรป แล้วนำเงินมาสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ทั้งสิ้น นอกจากนั้นท่านยังหันไปยึดมั่นในพระพุทธศาสนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลอีกด้วย

จนเมื่อท่านเจ้าจอมนั้นมีวัยชราแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ให้ท่านกลับเข้ามาอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ในช่วงเวลานี้นี่เอง ที่ท่านได้มีโอกาสทำคุณประโยชน์อีกครั้ง โดยการถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ให้แก่ชนรุ่นหลัง เช่น

   วิธีถักตาชุนหรือ ถักสไบ ที่เรียกกันว่า กรองทอง
    วิธีทำน้ำอบ น้ำปรุง
    ยาดมส้มโอมือ ฯลฯ


ตลอดจนถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆในพระราชสำนักเมื่อครั้งกระนั้น ให้ชนรุ่นหลังได้ฟังและจดบันทึกไว้ นับเป็นประโยชน์มาก เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ลดาวัลย์ ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2526 สิริรวมอายุได้ 93 ปี


เจ้าจอม ม.ร.ว.สดับ ในวัยชรา

ห้องพระเครื่องต้นแห่งราชสำนัก


เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ รับสนองพระมหากรุณาธิคุณในกิจการห้องพระเครื่องต้นแห่งราชสำนัก ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทำให้เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับมีความชำนาญในการปรุงอาหารคาวหวาน และยังเป็นผู้ที่มีรสนิยมในการรับประทานอาหารเป็นอย่างยิ่ง มีความสุขที่จะเป็นผู้ทำอาหารให้ผู้อื่นรับประทานมาตั้งแต่ยังสาว จนกระทั่งแม้อายุ 92 ปี ก็ยังไม่งดที่จะลงมือตำน้ำพริกเองยามมีหลานหรือแขกไปรับประทานอาหารด้วย วันหนึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ทรงกรุณาเสด็จเยี่ยมที่ในพระบรมมหาราชวังชั้นใน ประจวบเป็นเวลาที่เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับกำลังจะรับประทานอาหารกลางวันจึง กราบเรียนเชิญเสด็จ พร้อมทั้งกราบทูลว่า “ แหม นี่ถ้าประทานรับสั่งมาก่อนล่วงหน้าสัก 10 นาทีว่าจะเสด็จมา จะตำน้ำพริกตั้งเครื่องทันที ” เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับนอกจากจะเป็นผู้ที่มีรสมือหาตัวจับยากแล้ว ยังเป็นผู้ไม่ปิดบังตำรา ตรงกันข้ามกลับมีความยินดีที่จะถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้น และทุกครั้งที่ได้ถ่ายทอดแก่ผู้ใดแล้วก็ตามก็จะต้องพูดติดปากเสมอว่า “ เป็นตำราพระวิมาดา ” แสดงถึงความยกย่องในพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดาในฐานะที่ทรงเป็นต้นตำรับ และแสดงถึงความเป็นผู้ไม่แอบอ้างว่าอาหารอร่อยเพราะเพียงฝีมือผู้ปรุงเท่า นั้น ตำรับเป็นส่วนสำคัญด้วย

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ(ฝ่ายใน) (ท.จ.ว.)
 เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 ชั้นที่ 3 (จ.ป.ร.3)

เจ้าจอมคนรองสุดท้ายในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Smiley
Blog Diarist ไดอารี่ ประสบการณ์ชีวิต


Create Date : 17 มกราคม 2558
Last Update : 17 มกราคม 2558 10:15:38 น. 22 comments
Counter : 3055 Pageviews.

 
Opey Diarist ดู Blog
อยากรู้ว่าคนสุดท้ายคือท่านใด?????


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 17 มกราคม 2558 เวลา:11:40:44 น.  

 
สวัสดีค่ะ

แวะมาทักทายค่ะ

เข้ามาเจอประวัติศาตร์เลยค่ะ



โดย: tanjira วันที่: 17 มกราคม 2558 เวลา:13:49:16 น.  

 
เข้าใจมาตลอดว่าท่านเป็นเป็นเจ้าจอมคนสุดท้ายในรัชกาลค่ะ อยากรู้เหมือนท่านขุนเลยว่าแล้วใครเป็นคนสุดท้าย


โดย: เนินน้ำ วันที่: 17 มกราคม 2558 เวลา:14:35:54 น.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

เพิ่งจะได้รู้จักเจ้าจอมองค์นี้จากบล็อกนี้เองครับ

แล้วก็ได้ความรู้ใหม่เรื่องกำไลมาศด้วยครับ

ว่าแล้วก็โหวตให้ครับ

+++++

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ




บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Opey Topical Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

+++++

อิอิ



โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 18 มกราคม 2558 เวลา:1:07:45 น.  

 
ประวัติท่านน่าสนใจมากเลยค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog
Rinsa Yoyolive Travel Blog ดู Blog
ขุนเพชรขุนราม Science Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Home & Garden Blog ดู Blog
Opey Diarist ดู Blog


โดย: ALDI วันที่: 18 มกราคม 2558 เวลา:4:19:43 น.  

 
สวัสดียามบ่ายค่ะ

วาววว ดีใจจังค่ะที่ยังจำพี่ได้
ขอบคุณนะคะ ^^

หลังๆห่างๆหายๆไปค่ะ สำหรับพี่นะคะ
นานๆจะเข้ามา แต่ก็ไม่ได้ทิ้งไปไหนหรอกนะคะ
คิดถึงกันเสมอค่ะ


โดย: tanjira วันที่: 18 มกราคม 2558 เวลา:13:08:59 น.  

 

สวัสดียามบ่ายค่ะ ^__^

ขอบคุณที่แวะไปทักทายและให้กำลังใจเสมอเลยนะคะ
have a nice day ค่ะ


โดย: ระตา วันที่: 18 มกราคม 2558 เวลา:13:19:19 น.  

 



มาอ่านประวัติศาสตร์เจ้าจอมและขอบคุณที่แวะไปทักทายกันค่ะ


โดย: พรไม้หอม วันที่: 18 มกราคม 2558 เวลา:17:13:52 น.  

 
Opey Diarist

หญิงไทยสมัยก่อนจะงามอย่างนี้นะคะ หรือเท่าที่เห็นมา
แต่งามค่ะ


โดย: mariabamboo วันที่: 18 มกราคม 2558 เวลา:19:38:50 น.  

 
สวัสดีค่า มาอ่านเรื่องเจ้าจอมสดับค่ะ
จำได้ว่าท่านเป็นเจ้าของกำไลมาศ ที่ ร.5 ทรงประทานให้ด้วยความรัก
เข้าใจมาตลอดอีกเหมือนกันว่าเป็นคนสุดท้ายค่ะ
ยังมีอีกเนาะ

ชอบบทกวีที่ท่านแต่งให้เจ้าจอมมากเลยค่ะ
กำไลมาศมีสลักหลังด้วย สวยจริง

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่า


โดย: lovereason วันที่: 18 มกราคม 2558 เวลา:22:08:10 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mambymam Music Blog ดู Blog
เตยจ๋า Dharma Blog ดู Blog
เริงฤดีนะ Sports Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Home & Garden Blog ดู Blog
Opey Diarist ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

ได้ความรู้เยอะเลยค่า


โดย: Close To Heaven วันที่: 18 มกราคม 2558 เวลา:23:53:47 น.  

 
สวัสดียามบ่ายๆค่ะ

ขอบคุณที่ชมหลานสาวน่ารักนะคะ
แม่ยิ้มรับอยู่ค่ะ

พี่โหวตให้นะคะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Opey Diarist ดู Blog


โดย: tanjira วันที่: 19 มกราคม 2558 เวลา:16:04:48 น.  

 

ว๊าววววว สุดยอด แหล่มเลย
ขอแสดงความยินดีกับสายสะพายด้วยคนค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:13:29:09 น.  

 
ยินดีกับสายสะพายด้วยนะครับพี่โอพี



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:13:57:11 น.  

 
สวัสดีค่ะ มาแสดงความยินดีกับสายสะพายด้วยนะคะ


โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:15:46:25 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณโอพี
พี่มายินดีกับรางวัลที่ได้ด้วยนะคะ
แหะๆ ชักเริ่มงง ว่าจะเรียกอะไร รางวัลหรือสายสะพาย
แต่ก็เหมือนกันนะคะ เนาะๆ

คืนนี้ฝันดีนะคะ


โดย: tanjira วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:20:38:36 น.  

 
ขอบคุณครับพี่



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:20:39:52 น.  

 

แวะมาทักทายค่า ขอบคุณที่โหวตให้นะคะ ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับระบบโหวต เพราะเขียนนิยายแล้วอัพเฉยๆ ไม่เคยโฉบหาใคร ช่างไร้มนุษยสัมพันธ์จริงๆ แฮ่ วันนี้ตามมาโหวตขอบคุณค่ะ เป็นบล็อกแรกที่โหวตให้เลยนะเนี่ย ฮา





โดย: ระตา วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:21:47:03 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
moresaw Funniest Blog ดู Blog
Opey Diarist ดู Blog


โดย: Sweet_pills วันที่: 21 มกราคม 2558 เวลา:23:55:50 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ขอรับ ขอแสดงความยินดีต่อสายสะพายด้วยขอรับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 22 มกราคม 2558 เวลา:5:45:51 น.  

 

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ


ขอแสดงความยินดีกับสายสะพายใหม่ของโอพีจ้า



โดย: หอมกร วันที่: 22 มกราคม 2558 เวลา:8:11:21 น.  

 
แวะมาทักทายจ้าาา sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite ร้อยไหม IPL Medisyst adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้วถาวร สักคิ้ว 6 มิติ Cover Paint สักไรผม 3D Eyebrow Haijai.com สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรเพื่อสุขภาพ น้ำมันมะพร้าว ขิง ประโยชน์ของขิง ผู้หญิง สุขภาพผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการ ตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อคนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4713825 วันที่: 16 สิงหาคม 2561 เวลา:14:02:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

โอพีย์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]




Occupation A Certified Nursing Assistant(CNA)@ USA
and Blogger at Bloggang Thailand.




BlogGang Popular Award #10

BlogGang Popular Award #11

Free counters!
Friends' blogs
[Add โอพีย์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.