เราฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว
เวลาบ่าย 2 กว่าๆ ก็ออกไปเที่ยวกัน
เรานั่ง taxi
จากหน้าโรงแรมไปที่
...
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ...
ซึ่งเป็นหัวถนนคนเดิน ค่ารถประมาณ 600-700 yen เอง
ดีกว่าต้องเดินมากๆ (ราคา taxi เริ่มต้นที่ 500 yen)
เรามาถึงหิมะก็ตกพอสมควร
เลยหลบหิมะ เข้าไปใน...
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ...
เดินเล่นดูโน้นดูนี่ แต่ไม่ได้ซื้ออะไรเพราะไม่น่าสนใจเท่าไร
แต่ที่นี่สังเกตุเห็นว่า ... จะเป็นรูปแมวเสียมาก
ออกมาด้านนอก หิมะหยุดตกแล้ว
ก็เลยถ่ายรูปเล่น เป็นที่ระลึกสักหน่อย
ถ่ายรูปคู่กันเสียหน่อย
ป่วยกันทั้งคู่ อากาศก็หนาวมากๆ
เราเดินกันต่อ จะไปชมวิวเมืองมุมสูงกัน
มุ่งตรงไปที่ตึกของร้านขนม Le Tao
(ตึกโดมกลมๆ ในภาพเลย)
เข้าตึกมาแล้ว กดลิฟท์ไปชั้นบนสุดได้เลย
แล้วก็เดินต่ออีกนิดนึง จะได้วิวสวยๆ
ลงมาด้านล่างจะเดินเที่ยวต่อ
ก็มาดูสินค้าเล่นๆ มีแจกชิมฟรีเพียบ
เดินเที่ยวกันต่อ
จนมาเจอร้านขนมชื่อดังอีกร้านนึง
ไม่รู้ชื่อร้าน แต่จำไว้ว่าสีส้มๆ ตึกอาคารโบราณ
เข้ามาเดินเที่ยวภายใน
ก็มีขนมมากมายให้ชิมฟรีอีกละ
อยากบอกว่าแค่เดินเที่ยว ชิมโน้นนิดนี่หน่อย ก็อิ่มกันได้เลยทีเดียว
แต่เราซื้อขนมพัฟฟ์มาชิม
สรุปอร่อยมาก นุ่มละมุน ไม่หวานมาก
แต่กินแค่อันเดียวก็เลื่ยนละ
เดินเที่ยวกันต่อ
อีกร้านที่เราตั้งธงไว้ว่าต้องเข้าไปชมให้ได้เลย
คือ ....
ร้านตะเกียงน้ำมัน ....
ร้านนี้เราไม่รู้ชื่อร้าน
แต่เป็นร้านที่ขายอาหารและเครื่องดื่ม นั่งทานพักขาหลบหนาวได้เลย
ร้านตั้งใจตกแต่งแบบโบราณ โรแมนติกมาก
ภายในร้านใช้แสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันก๊าซแบบโบราณ
แต่เราไม่ได้นั่งพักทานอะไรที่นี่
เพราะเย็นมากแล้ว ก็เลยแค่เข้ามาชม
เดินชมเมืองกันต่อ
ตอนนี้ 4 โมงเย็นกว่าๆได้ละ
แสงเริ่มหมดละ ก็เลยไม่ได้แวะอะไรมากนัก
แวะชมร้านอาหารทะเล
ราคาพอสมควรเลยละ แต่เราไม่ได้สนใจจะลองทาน
กับร้านสวยๆตามทาง
เฮียชอบตุ๊กตาตัวนี้มากๆเลย
เหมือนจะเป็นคาแร็คเตอร์ของเมืองนี้หรือเปล่า
เพราะไปตรงไหนก็เห็นมีทุกทีเลย
เริ่มแสงหมด หิมะก็เริ่มตกอีกละ
เราบังคับให้เฮียกางร่มเดิน
เพราะกังวลว่าเฮียโดนหิมะแล้ว...ไข้จะกลับมาอีก
เฮียแอบเขินๆ เพราะคนอื่นๆเดินตากหิมะกันชิลล์ๆ
แถมร่มยังเป็นสีฟ้าอีก แหะๆ
สักพักหิมะก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ
เราเลยหลบหิมะที่ร้าน ... Lawson ...
ซื้อของกินนั่งกินรอเวลาหิมะหยุดเบาลงสักหน่อย
จำได้ว่ารอกับเกือบ 40 นาทีเลยละ
เฮียแอบงีบด้วยเพราะ เริ่มมีไข้สูงอีกแล้ว
เราซื้อร่มเพิ่มอีก 1 คันเพราะหิมะยังตกหนักอยู่
แล้วก็ต้องเดินฝ่าหิมะไปที่คลองกันเลย เพราะยังไม่ได้ไปตรงนั้น
จำได้ว่าประมาณ 1200 yen
ของกินซื้อซาลาเปาอุ่นๆกิน กับน้ำชาร้อน
เราออกจากร้าน ... lawson ... เดินมุ่งตรงไปที่คลองโอตารุ
หิมะก็ตกไม่หยุด เราแวะหลบตามทางเป็นระยะๆ
แล้วก็มองหาร้านอาหารค่ำไปด้วยในตัว
ใกล้ๆคลองโอตารุ มีร้านอาหารหลายร้านที่น่าสนใจ
แต่ก็มีคิวยาวเช่นกัน เราเลยเดินผ่านเลยไปก่อน
ประมาณ 10 นาทีจากร้าน lawson ก็มาถึงคลองโอตารุ
เราถ่ายรูปกัน แต่หิมะก็แรงมาก ลมก็แรง
แถมหนาวมาก จากบอร์ดแจ้งว่าอุณหภูมิ -3
ถ่ายรูปไม่สะดวกเลย
ลงรูปคู่ เอาทุกรูปที่ถ่ายมาเลย
เพราะถ่ายกันยากลำบากมาก ทั้งลม ทั้งหิมะ
หลบหิมะ และลมหนาว
เข้าอาคารข้างๆคลองกันสักนิด ตรงนี้มีร้านอาหารหลายร้านเลย
แต่เราไม่สนใจทานตรงนี้
เมื่อหิมะหยุดตกแล้ว
กลับออกมาริมคลองกันอีกรอบ
ครานี้ถ่ายรูปกันสบายขึ้นหน่อย อุุณหภูมิเกือบ -4 (หนาวมาก)
ถ่ายรูปกันจนพอใจแล้ว
ครานี้ก็ถึงเวลาอาหารค่ำกันแล้ว
อยากทานอะไรร้อนๆสักหน่อย เพราะเป็นไข้กัน
เราหาข้อมูลใน tripadvisor เน้นเป็นร้านราเมน
ได้ร้านน่าสนใจอยู่หลังรร.ที่พักเราเลย
ชื่อร้านราเมน ....
Tokaiya ....
ได้คะแนนดาว 4.5 จาก tripadvisor คะแนนเต็ม 5
เราเลือกนั่ง taxi
ไปร้านราเมนเลย
(ค่า taxi ประมาณ 650 yen)
ถ่ายรูปกับหน้าร้านเสียหน่อย
ร้านราเมน ....
Tokaiya ....
หรือราเมนหมูย่างไฟ
เชฟของร้านนี้เคยทำงานในร้านอาหารฝรั่งเศสมาก่อน
ภายในร้านเป็นบาร์นั่งประมาณ 10-12 ที่เท่านั้น
โชคดีที่เรามาแล้วมีที่นั่งเลย
เพราะหลายๆรีวิวบอกว่า ต้องมารอคิว
บรรยากาศร้านสบายๆ
เปิดเพลงบรรเลงแจ๊ส สบายหูมากๆ
เราไม่รู้จะกินเมนูไหนดี
เลยเปิดรูปใน tripadvisor ส่งให้ที่ร้านดูเลย
เอาเมนูที่คนสั่งเยอะๆ ถ่ายรูปรีวิวกันเยอะๆ
อาหารช้าสักหน่อย
เพราะเชฟทำจานต่อจาน แบบย่างหมูทีละจานนั้นละ
เราสั่งเมนูนี้ เส้นจะเป็นแบบเรียวเล็ก
น้ำซุปสดชื่น กินได้คล่องคอ
หมูเป็น หมูสามชั้นย่างกรอบนอกนุ่มใน ไข่เป็นยางมะตูม
จานของเฮียเป็น ราเมนหมูย่างอีกแบบ
น้ำซุปจานนี้จะเข้มข้นกว่า
เส้นจะเป็นแบบบะหมี่หยักๆ เหนียวหนึบกำลังดี
หนูย่างจะเป็นชิ้นเล็กๆ กรอบกว่าจานบน เค็มๆรสดีทีเดียว
เค้าจะเสริฟพริกมาคู่ด้วย จะใส่ไม่ใส่ก็ได้
แต่เฮียใส่ ทำให้น้ำซุปเข้มข้น และไม่เลี่ยน ทานอร่อยขึ้น
ราคาของมื้อนี้ประมาณ
1700 yen (คิดเป็นเงินไทย 496 บาท)
เดินจากร้านราเมนไม่ถึง 1 นาทีก็ถึงโรงแรม
.....
Dormy inn premium Otaru .....
เข้ามาด้านในก็มีชา-กาแฟร้อนบริการฟรี
ดื่มให้อุ่นเสียหน่อย แล้วก็ขึ้นห้องพักกัน
เก็บของเสร็จ พักผ่อนกันสักพัก
ก็ไปเดินซื้อของกัน ตรงข้ามรร.มีห้างเล็กๆแบบของคนท้องถิ่นอยู่
เฮียแยกตัวไปชั้นบนๆมี ... ดองกิโฮเต้ + ไดโซะ 100 yen
เราแยกไปชั้นใต้ดิน ซึ่งมีซุปเปอร์มาเก็ต
ห้างที่นี่ปิดเร็ว ประมาณ 3 ทุ่มก็ปิดละ
เราเดินได้แป๊ปเดียวเอง เสียดายมาก เพราะของน่าสนใจ
ออกจากห้างมา ก็แค่ข้ามถนน
โรงแรมของเราอยู่ฝั่งตรงข้ามเลย
และชั้นใต้ดินของโรงแรม
มีร้านขายยา ...
ซูรุฮะ (tsuruha) ...
เป็นร้านที่ใหญ่เลยละ ของครบครัน โดยเฉพาะยาเยอะมาก
แถมสาขานี้มีพวกอาหารขายด้วย
เราซื้อของมาหลายอย่างไม่ได้ถ่ายรูปมา
แต่อันนี้คือดี ซื้อเพราะที่เตรียมมามันหมด
พอเอากลับมาไทยเพิ่งสังเกตุว่า มันป้องกัน pm 2.5 ด้วยเหะ
หน้ากากที่ป้องกัน pm 2.5 ที่ญี่ปุ่นนี่มีเยอะมาก ไม่แพงด้วย
ราคาประมาณ 290 yen ( คิดเป็นเงินไทย 84 บาท)
ขึ้นห้องพักเก็บของที่ซื้อมา
และ เตรียมตัวไป onsen กันที่ชั้นล่าง
(ในภาพคือทางเดินไป โซนห้องอาหาร และ onsen)
และแน่นอนพักเครือ Dormy inn ก็ต้องมี ....
ราเมนฟรียามดึก ราเมนฟรีเริ่มที่เวลา 3 ทุ่มครึ่ง
เข้าห้องอาหารมา ก็ไปรับบัตรคิวก่อนเลย
แล้วก็ไปหาที่นั่งรอ พนักงานขานเรียกเบอร์เป็นรอบๆไป
วันนี้คิวยาวมาก รอเกือบ 15 นาที
แต่ก็มีบริการชา-กาแฟฟรี ให้กินอุ่่นๆรอเวลา
ช่วงรอเรียกเบอร์ เราไปสำรวจโซนอื่นๆบ้าง
ห้องข้างๆกัน เป็นห้องขายน้ำอัตโนมัติ มีน้ำดื่มต่างๆ
และตรงนี้เอง เป็นที่พักแบบ
... แคปซูน (capsule hotel) ...
คนที่จะเข้าโซนนี้ ต้องมีรหัสเพื่อเข้าไปด้านใน
ถ้าใครมาคนเดียวนอนแบบนี้คงสะดวกดี ดูปลอดภัยด้วย
ถึงคิวเราแล้ว
รับราเมนมาคนละ 1 ชาม กินอุ่นๆสบายท้องดีจัง
เมื่ออิ่มแล้ว ก็แยกย้ายกันไปออนเซน
นัดเจอที่ห้องพักเลย
ภายใน onsen มีเครื่องซักผ้าบริการฟรีด้วย
แต่เครื่องอบผ้าต้องหยอดเหรียญ
อ๋อ ลืมบอกไปว่า
โรงแรมเครือ Dormy จะมี onsen ทุกที่เลย
และสำหรับห้องผู้หญิงของทุกสาขา ทางโรงแรมจะมีรหัสเข้าห้อง onsen
เค้าจะให้เราตั้งแต่ตอน check in
เป็นคูปองแบบในรูป จะเปลี่ยนรหัสทุกวัน
หากพักต่อเนื่องจะต้องขอใหม่ทุกวัน
ออนเซนกันเสร็จก็เตรียมพักผ่อน
เฮียยังมีอารมณ์ ... นอนเล่นเกมส์ ทั้งที่ป่วย
ดื่มนม (ยี่ห้อนี้อร่อย กล่องเขียว)
และน้ำผลไม้สด ให้สดชื่นก่อนจะนอนหลับพักผ่อนกัน
เช้าวันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2019 วันนี้เราตื่นไม่เร่งรีบนัก
ลงไปทานอาหารตอน 7 โมงกว่าๆ
(ในภาพคือทางเดินไปห้องอาหารเช้า สวยดี)
ราคาอาหารเช้า หากซื้อคูปองที่โรงแรม
โดยไม่ได้ซื้อมาในราคาห้องพัก
มาถึงห้องอาหารก็บอกเลขห้องที่ด้านหน้า
แล้วก็เข้าไปทานอาหารได้เลย
อาหารของ Dormy inn otaru จะออกเป็นแนวญี่ปุ่นซะมาก
มีของทะเลให้เลือกเยอะเลย และสดด้วย
ห้องอาหารเช้า คือห้องเดียวกับห้องทานราเมนเมื่อคืน
เราจึงไม่ได้ถ่ายรูปห้องมามากนัก
ย้อนไปดูด้านบนได้เลย
ถ่ายเฉพาะจุดที่เรานั่งทานอาหารมา
เราชอบนั่งแบบเคาเตอร์ดูวิว
ซึ่งที่นี่ได้เห็นวิวหิมะตก ไกลๆในรูปคือ ... สถานีรถไฟโอตารุ
พามาดู line อาหารบางส่วน
แน่นอนโซน... line ปลาดิบ
ลูกค้าจะทานเป็นปลาดิบเฉยๆ
หรือปรุงเป็น ...
ข้าวไคเซ็นด้ง ... ก็ได้
โซนอาหารเช้าแบบญี่ปุ่น
มีทั้งกับข้าวแบบเม่บ้านญี่ปุ่น ซุปมิโซะ
แบบจัดเป็นถ้วยพอดีคน หยิบกินสะดวกก็อร่อย
อาหารอื่นๆก็อร่อย
กุ้งทอดได้กรอบดีมาก แม้จะวางไว้นานก็ยังกรอบอยู่
โซนขนมมีทั้งเค้ก พุดดิ้ง เยลลี่ และ ขนมแบบญี่ปุ่น
โมจิสีชมพูในภาพ หอมอร่อยมาก
เครื่องดื่มก็มีชา-กาแฟ เป็นปรกติ
และก็มีน้ำดื่มผลไม้ผสมแบบแปลกๆ รสชาติอร่อยดี
สเตชั่น ...
ออมเล็ต ... คือชอบมาก
เพราะเค้าให้เราเลือกใส่ topping เองตามชอบ
โดยตักใส่ถ้วยใบน้อย แล้วส่งให้พนักงานเค้าทำออมเล็ตให้
ส่วนซอสก็มีให้เลือกหลากหลาย มีเดมิกราซอสด้วย
กลับมาที่โต๊ะของเราดีกว่า
กินอะไรกันบ้าง มาดูกัน กินกันเพลินเลยละ
เมนูไม่รู้เรียกว่าอะไร
แต่มันคือหนวดปลาหมึกสด ปรุงรสแบบสดชื่น
อร่อยดี
ออมเล็ต ... อร่อยดี
อาจไม่อ้วนกลมเนื้อแน่นแบบที่เราชอบ
แต่รสชาติก็นุ่มนวลดี เนื้อสัมผัสอร่อยดี
ข้าวหุงเห็ด อร่อยมากเราชอบ
ยิ่งเวลาทานกับปลาย่างจะเข้ามากๆ
เท่าที่พักเครือ Dormy มา จะมีทุกห้องอาหารเช้า
แต่เรา่ชอบที่ Dormy inn express Sendai ที่สุด
รสชาติข้าวหุงเห็ดที่นั้นเข้มข้นอร่อยมาก
ชอบทานอาหารเช้าของโรงแรมก็เพราะ
....
ได้กินผัก .... เต็มที่นี่ละ
ถ้าใครเคยไปญี่ปุ่นจะรู้ว่า หาผักสดผลไม้ทานตามมื้ออาหารยากมาก
ต้องซื้อแยกมาทาน แล้วราคาก็โหดมาก
เราจึงชอบซื้ออาหารเช้าของที่พัก ไว้ทานผักโดยเฉพาะ
มาญี่ปุ่นรอบนี้เรากินอาหารเช้าโรงแรมแทบทุกวันเลย
ขนมหวาน เราให้เค้กกับโมจิ
อร่อยดี
นั่งทานอาหารกันนานพอสมควร
เพราะเราไม่ได้รีบร้อนอะไร (บอกแล้วว่า trip นี้เน้นชิลล์)
หลังจากอิ่มอาหารเช้า เราก็ไป onsen กัน (อาบน้ำเช้านั้นละ)
ห้องออนเซ็นอยู่ตรงข้ามห้องอาหารเช้าเลย
พออาบน้ำเสร็จ กำลังจะเดินกลับห้อง
ก็เห็นคิวห้องอาหารยาวเลย ดีนะที่เรามากินแต่เช้า
ขึ้นห้องมาก็เก็บของ เพื่อเตรียมไปซัปโปโรกัน
เวลา check out ที่นี่คือ 11.00 น.
เวลาประมาณ 11.00 เราก็มา check out
หิมะข้างนอกตกหนักมากเลย
หิมะตกหนัก
เราต้องรอจนหิมะตกน้อยลงจนเกือบหยุด
จึงลากกระเป๋าออกมา เพื่อเดินข้ามถนนไปสถานีรถไฟ
ถนนเป็นน้ำแข็งบางช่วง ต้องเดินอย่างระมัดระวัง
อากาศหนาวมากเลย มีทั้งลมและฟิมะตลอดเวลา
รีบเดินไปสถานีเพราะจองรถไฟไว้เวลา ...
แวะซื้อขนมปังที่ร้านในสถานีรถไฟ
ทำน่าทานมากๆ
เอาอันไหนดีน่า
เดินเลือกอยู่นาน เพราะมีให้ชิมอร่อยทุกอย่างเลย
สรุปเลือกได้ ก็ไปจ่ายเงิน
วันนี้เรา เดินเข้ามาที่ชานชาลา หิมะตกหนักอีกแล้ว สวยดี
ก็ถ่ายรูปเล่นกันไป รอเวลารถไฟมา
เราขึ้นรถไฟได้ที่นั่ง ก็กินขนมเล่นชมวิวไป
ส่วนเฮียหลับพักผ่อน เพราะยังมีไข้อ่อนๆ
เรามาถึงสถานีรถไฟ JR Sapporo บ่ายโมงเห็นจะได้
ตอนแรก plan ไว้ว่าจะทานเที่ยงที่นี่
แต่เปลี่ยนแผนเพราะอยากไปที่พักเลย
เราก็ไม่แวะอะไร ลากกระเป๋าไปหา taxi
ที่ด้านหน้าสถานี
มุ่งตรงไปที่พักของเราในอีก 2 คืนสุดท้าย
...
Dormy inn Premium Sapporo ...
นั่งรถ taxi ประมาณ 5 นาที
ราคาเริ่มต้นที่ 750 yen เราเสียค่าบริการประมาณ 1000 กว่า yen
รถ taxi
ส่งเราที่โรงแรม ทางด้านประตูถนนรถวิ่ง
เพราะโรงแรมนี้มีทางเข้า 2 ทาง
อีกทางเป็นถนนคนเดินโดมที่ 6
ถึงโรงแรม เราเข้าไป check in
เสียค่าโรงแรมที่พักรวม
25,484 yen (ลดอีก 9% เหลือ 23190 yen)
คิดเป็นเงินไทย 6,772 บาท
ราคานี้รวมที่พัก 2 คืน
อาหารเช้า 1 วัน และ onsen
แถมฟรี taxi ไปส่งสถานีรถไฟ sapporo ในวัน check out
(ค่า taxi นี่ถ้าไปเองก็ประมาณ 1100 yen (320 บาท))
Blog นี้ขอจบไว้ตรงนี้
Blog ต่อไป >>>
กดตรงนี้ ...
" Day 9 โรงแรม Dormy inn Premium Sapporo / อาหารเช้า / เดินเที่ยวซัปโปโร .... " ขอให้มีความสุข กับ Trip ของคุณ