Sharing together
 
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
14 มิถุนายน 2550

คำถาม 3 ข้อ

*คำถาม 3 ข้อ *

พระจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง บริหารบ้านเมืองอย่างเต็มพระปรีชาสามารถแต่พระองค์ก็รู้สึกว่าตัวเองงานผิดพลาดอยู่บ่อยๆ
.......พระองค์ตระหนักว่าหากทรงรู้คำตอบปัญหา 3 ประการดังต่อไปนี้แล้ว จะทำให้พระองค์ทรงทำอะไรไม่ผิดพลาดเลย คำถาม 3 ประการนี้คือ

1. เวลาไหนที่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทำกิจแต่ละอย่าง

2.ใครคือคนสำคัญที่สุดที่ควรทำงานด้วย

3. อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรทำตลอดเวลา

พระจักรพรรดิสั่งให้ประกาศว่าใครก็ตามที่สามารถจะตอบคำถาม 3 ข้อนี้ได้จะได้รับรางวัลมหาศาล

ปัญหาข้อที่ 1 มีผู้ตอบแตกต่างกัน .....

คนที่ 1 แนะนำให้พระจักรพรรดิทำตารางเวลาที่แน่นอนสำหรับภารกิจแต่ละอย่างทุกๆชั่วโมง ทุกๆวัน ทุกๆ ปี
ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถทำกิจได้ถูกต้องตามกาลที่เหมาะสม

คนที่ 2 บอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะวางแผนล่วงหน้าเช่นนั้นแล้วแนะนำว่าพระจักรพรรดิควรจะเลิกความสนุกสนานไร้สาระทั้งหมด แล้วเอาใจใส่ต่อกิจกรรมต่างๆ โดยพระองค์เองทุกอย่างจึงจะทราบได้ว่าเวลาไหนเหมาะสมที่จะทำ
อะไร

คนที่ 3 ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระจักรพรรดิหวังจะเลือกเวลาทำกิจต่างๆที่อยู่ในอำนาจความรับผิดชอบได้เหมาะ
สมทุกอย่าง สิ่งที่จำเป็น ก็คือต้องมี " สภาแห่งคนฉลาด " และทำตามคำแนะนำของสภานั้น

แต่ก็มีคนแย้งว่าสิ่งต่างๆ จำเป็นต้องตัดสินใจทันทีไม่อาจรอการปรึกษาได้ ฉะนั้นหากต้องการจะรู้ล่วงหน้าว่าอะไรเกิดขึ้น......พระจักรพรรดิควรจะปรึกษาผู้วิเศษและหมอเวทมนต์

ปัญหาข้อที่ 2 คำตอบก็แตกต่างกันออกไป

คนที่ 1 เสนอว่าพระจักรพรรดิจะต้องไว้วางใจคณะขุนนางข้าราชการ อย่างเต็มที่

คนที่ 2 บอกว่า ต้องไว้วางใจพระและนักบวช

คนที่ 3 เสนอนักวิทยาศาสตร์ แถมยังมีบางคนเสนอให้ไว้วางใจต่อนักรบ

คำตอบต่อคำถามที่ 3 ก็ต่างกันไปเช่นกัน

คนที่ 1 บอกว่าวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่จะต้องติดตามอยู่ตลอดเวลา

คนที่ 2 ว่าต้องเรื่องศาสนาต่างหาก

คนที่ 3 ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทักษะการทำสงคราม

พระจักรพรรดิไม่พอพระทัย คำตอบไหนเลย จึงตัดสินพระทัยไปหาฤาษีตนหนึ่งผู้ซึ่งอาศัยอยู่บนเขาซึ่งตรัสรู้
เห็นแจ้ง ทั้งๆ ที่รู้ว่าฤาษีนั้นจะต้อนรับเฉพาะคนยากจนเท่านั้นไม่ยอมต้อนรับคนร่ำรวย หรือผู้มีอำนาจราชศักดิ์ พระองค์จึงต้องปลอมตัวเป็นชาวนา และสั่งองครักษ์ให้คอยอยู่ที่เชิงเขา โดยที่ทรงไต่เนินเขาขึ้นไปพบฤาษีตามลำพัง พอมาถึงที่อยู่ของ " ผู้รู้ " ที่ว่านั้น.....

ทรงพบว่าฤาษีกำลังขุดดินอยู่ในสวนหน้ากระท่อมเมื่อฤาษีเห็นผู้แปลกหน้าก็ผงกหัวเป็นการต้อนรับแล้วก็ขุดดินต่อไป....

เห็นได้ชัดว่าการใช้แรงนั้นเป็นงานหนักเพราะฤาษีนั้นชรามากแล้วแต่ละครั้งที่จอบฟันลงไปพลิกดินขึ้นมาท่านจะต้องหอบแรงๆ ทุกครั้งไป

พระจักรพรรดิเข้าไปหาแล้วตรัสว่า " ผมมานี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่าน ขอให้ท่านช่วยแก้ปัญหา 3 ข้อของผม คือ

1.เวลาไหนเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทำกิจแต่ละอย่าง

2. ใครคือคนสำคัญที่สุดที่ควรทำงานด้วย

3. อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรทำตลอดเวลา

ฤาษีฟังคำถามด้วยความเอาใจใส่แต่มิได้ตอบ เพียงแต่เอามือตบไหล่จักรพรรดิเบาๆและก็ขุดดินต่อไป

จักรพรรดิตรัสว่า "ท่านคงเหนื่อยมาก มาให้ผมได้ช่วยท่านเถอะ "

ฤาษีกล่าวขอบใจแล้วก็ส่งจอบให้จักรพรรดิ จากนั้นก็นั่งพักบนพื้นดินนั้น

หลังจากขุดไปได้ 2 ร่อง จักรพรรดิก็หยุด และหันมาถามปัญหาทั้ง 3 อีกครั้งหนึ่ง ... ฤาษีก็มิได้ตอบอีกแต่ยืนขึ้นและชี้มือไปที่จอบ และบอกว่า " หยุดพักได้แล้วละ...ฉันทำต่อไปได้แล้ว " .....

แต่จักรพรรดิไม่ส่งจอบให้และยังคงขุดดินต่อไปชั่วโมงหนึ่งผ่านไปแล้วก็สองชั่วโมง จนอาทิตย์ลับไปหลังภูเขา

จักรพรรดิทรงวางจอบลง และหันมาตรัสกับฤาษีว่า "ผมมาที่นี่เพื่อขอร้องให้ท่านช่วยตอบคำถามของผม หากท่านไม่สามารถตอบได้โปรดบอกให้ผมรู้ด้วย ผมจะได้กลับบ้านของผม

ฤาษีเงยหน้าขึ้นและถามจักรพรรดิว่า
" เธอได้ยินเสียงใครกำลังวิ่งมาทางนี้หรือเปล่า " จักรพรรดิหันไปทอดพระเนตร ทันใดนั้นทั้งสองก็เห็นชาย มีเคราขาวคนหนึ่งเตลิดออกมามือทั้งสองกุมบาดแผล โชกเลือดที่ท้องเขาวิ่งตรงมายังจักรพรรดิก่อนที่จะล้มลงสิ้นสติไปตรงหน้า

พอเปิดเสื้อผ้าออกทั้งจักรพรรดิและฤาษีก็แลเห็นบาดแผลลึกที่หน้าท้องของชายผู้นั้น... จักรพรรดิได้ทรงทำความสะอาดบาดแผล แล้วเอาฉลองพระองค์พันแผลให้เพียงประเดี๋ยวเดียว... เสื้อนั้นก็โชกไปด้วยเลือดเพราะเลือดไหลไม่หยุด

จักรพรรดิก็เลยเอาเสื้อนั้นออกมาซักบิดให้แห้งแล้วพันแผลอีกเป็นครั้งที่สอง และทำอยู่อย่างนั้นจนกระทั้งเลือดหยุดไหล

..... เมื่อคนเจ็บฟื้น ได้สติ ก็ร้องขอน้ำจักรพรรดิรีบไปที่ลำธารตักน้ำใสสะอาดมาให้เหยือกหนึ่ง

ขณะนั้น ดวงตะวันลับฟ้าไปแล้ว และอากาศหนาวยามค่ำคืนเริ่มแผ่คลุมไปทั่ว....

ฤาษีช่วยจักรพรรดินำคนเจ็บเข้ามาในกระท่อมและให้นอนบนเตียงของตนชายนั้นปิดตาลงและนอนหลับไป จักรพรรดิเองก็ประทับพิงประตูกระท่อมหลับไปเช่นกัน....ด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการปีนเขาและการขุดดินทั้งวัน
และมาตื่นบรรทมขึ้นเมื่อตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า.....แล้วจักรพรรดิทรงลืมไปชั่วขณะว่าพระองค์เสด็จมาอยู่ที่ไหนและมาทำอะไร

ทรงทอดพระเนตรไปที่เตียงคนเจ็บทันที...และก็พบว่าชายผู้นั้นกำลังจ้องมายังตนอย่างฉงนฉงายพอเห็น จักรพรรดิ์ ชายผู้นั้นก็ครวญครางออกมาอย่างแผ่วเบาว่า "ได้โปรดประทานอภัยโทษให้ข้าพระองค์ด้วย"

" แต่เธอทำผิดอะไรเล่าที่ฉันจะต้องให้อภัย "จักรพรรดิตรัสถามกลับ
"ท่านไม่รู้จักข้าพระองค์แต่ข้าพระองค์รู้จักท่านดีพี่ชายของข้าพระองค์ถูกฆ่าเมื่อสงครามครั้งที่ผ่านมานี้และทรัพย์สมบัติถูกริบหมดถ้าพระองค์จึงถือว่าท่านคือศัตรูคู่อาฆาต ข้าปฏิญาณไว้ว่าจะต้องล้างแค้นให้ได้

เมื่อทราบข่าวว่าท่านขึ้นมาหาฤาษีตามลำพัง ข้าพระองค์จึงตั้งไจที่จะดักฆ่าท่านเสียตอนท่านเสด็จกลับ....แต่รออยู่นานไม่เห็นท่าน ข้าพระองค์จึงออกจากที่ซุ่มกำบังเพื่อตามหา แต่แทนที่จะพบท่านข้าพระองค์กลับไปเจอะเอาทหารองครักษ์ของท่านเข้า พวกนั้นจำข้าพระองค์ได้และเข้าจับกุม...ข้าพระองค์จนถูกมีดบาดเจ็บแต่ข้าพระองค์ยังโชคดีที่หนีรอดการจับกุมได้และวิ่งมาที่นี่

ถ้าไม่ได้พบท่านป่านนี้ข้าพระองค์คงตายไปแล้ว ข้าพระองค์ละอายใจและสำนึกในพระคุณอย่างบอกไม่ถูก

หากข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ต่อไปขออุทิศชีวิตช่วงที่เหลือนี้รับใช้ท่านตลอดไปและจะสั่งสอนลูกหลานให้ทำเช่นเดียวกันด้วย ขอโปรดประทานอภัยให้ข้าพระองค์ด้วยเถิด

จักรพรรดิดีพระทัยยิ่งนักที่ศัตรูได้กลับมาเป็นมิตรอย่างง่ายดาย

.... นอกจากจะประทานอภัยแล้วยังทรงสัญญาที่จะคืนทรัพย์สมบัติที่ริบมาจากชายผู้นั้น ตลอดจนจัดส่งแพทย์และคนใช้ไปคอยรักษาพยาบาลจนกว่าเขาจะหายเป็นปกติอีกด้วย พอสั่งทหารให้นำชายผู้นั้นไปส่งบ้านแล้ว

จักรพรรดิก็เสด็จกลับมาหาฤาษีอีกครั้งเพื่อทวนคำถามเป็นครั้งสุดท้ายและพบว่าฤาษีกำลังหว่านเมล็ดพืชลงบนดินที่ขุดไวฤาษีเงยหน้าขึ้นและหันมาทางจักรพรรดิ "คำถามของท่านได้รับคำตอบหมดแล้วนี่ "

"อย่างไรกัน" พระจักรพรรดิ ทรงถามด้วยความงุนงง

"เมื่อวานนี้ถ้าท่านไม่เกิดความสงสารสังขารของฉันและลงมือช่วยฉันขุดดินท่านก็คงถูกทำร้ายโดยชายผู้นั้นตอนขากลับและคงต้องโทมนัสใจอย่างมากที่ไม่ได้พักอยู่กับฉัน

ดังนั้นเวลาสำคัญที่สุดตอนนั้น ก็คือเวลาที่ท่านขุดดิน
บุคคลที่สำคัญที่สุดก็คือตัวฉัน .....
และภารกิจที่สำคัญที่สุดก็คือการช่วยฉันขุดดิน"

"จากนั้นเมื่อชายบาดเจ็บผู้นั้นวิ่งมา เวลาที่สำคัญที่สุด... ก็คือตอนที่ท่านช่วยพยาบาลเขา เพราะมิฉะนั้นเขาก็จะต้องตายไปและท่านก็จะหมดโอกาสที่จะได้กลับเป็นมิตรกับเขาและบุคคลที่สำคัญที่สุดก็คือชายผู้นั้น ภารกิจสำคัญที่สุดก็คือการรักษาพยาบาลเขา" .....

จงจำไว้ว่า...

เวลาที่สำคัญที่สุด เวลาเดียวคือ "ปัจจุบัน"
ช่วงขณะปัจจุบันเท่านั้นที่เป็นเวลาที่เราเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง

บุคคลที่สำคัญที่สุด ก็คือ "คนที่เรากำลังติดต่ออยู่ คนที่อยู่ต่อหน้าเรา"
เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะมีโอกาส ได้ติดต่อกับใครอีกหรือไม่

และ ภารกิจที่สำคัญที่สุด ก็คือ "การทำให้คนที่อยู่กับเราขณะนั้นๆ มีความสุขเพราะนั่นเป็นภารกิจอย่างเดียวของชีวิต"

[บทความดีๆ จากเจี๊ยบ น้องที่ทำงาน]



Create Date : 14 มิถุนายน 2550
Last Update : 14 มิถุนายน 2550 17:21:08 น. 1 comments
Counter : 520 Pageviews.  

 
แวะมาอ่านบทความดีๆค่ะ

ขอบคุณมากๆค่ะ



โดย: gripenator วันที่: 14 มิถุนายน 2550 เวลา:21:24:06 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

dupdip
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ยินดีมากๆ ที่ได้เข้ามาอ่านบทความดีๆ กันครับ เนื้อหาใน blog ก็ได้รับ forward mail จากพี่ๆ น้องๆ และผองเพื่อนกันต่อๆ มา ซึ่งมีเยอะมาก ก็ได้แต่ forward ต่อ แต่ก็ไม่มีที่เก็บไว้ share กันอ่านได้มากเท่านี้ ก็หวังว่าจะเป็นช่องทางนึงที่จะเป็นประโยชน์ สร้างกำลังใจ และให้ข้อคิดดีๆ กันไปบ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ จะยินดีมากขึ้นอีกครับ ถ้าจะบอกต่อๆ กันไปให้เป็นวงที่กว้างขึ้นๆ ไปอีกครับ ไม่สงวนลิขสิทธิ์เพราะไม่มีสิทธิ์ที่จะไปสงวนครับ ถ้ามีบทความดีๆ อยาก share หรือทักทายกันก็ส่ง mail มาที่ dup2do@yahoo.co.th ครับ
[Add dupdip's blog to your web]