Moby Dick
เห็นชื่อเรื่องแล้ว บางคนอาจจะนึกถึงภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง Moby Dick บางคนอาจจะนึกถึงนิยายอมตะ ของ Herman Melville ที่เขียนถึงการล่าวาฬเสปิร์ม ..
แต่สำหรับหนังเกาหลีเรื่องนี้ Moby Dick กลายเป็นภาพยนตร์สัญลักษณ์ คล้าย ๆ กับที่บ้านเราเรียกว่า ขุดไปเจอตอ นั่นแหละค่ะ
จากความเชื่อของบางคนในเรื่องที่เกี่ยวกับ ทฤษฎีการสมรู้ร่วมคิด (Conspiracy theory) ก็ทำให้เกิดภาพยนตร์แนว ๆ นี้หลายเรื่อง และหนึ่งในนั้น Moby Dick ก็เป็นอีกเรื่องที่มาจากแนวคิดของทฤษฎีนี้
นั่นคือความเชื่อที่ว่า ในโลกใบนี้ต้องมีใครบางคน หรือมือที่มองไม่เห็น คอยจัดการให้เกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้น
ไปกันใหญ่ละ .. กลับมาเม้าท์เรื่องหนังดีกว่าค่ะ ..
But not all of them knew of his existence; a few of them, comparatively, had knowingly seen him; while the number who as yet had actually and knowingly given battle to him, was small indeed.
เปิดเรื่องมาก็เจอ Quote จากนวนิยายอมตะของ Herman Melville ค่ะ เล่นเอามึนไปเหมือนกัน .. ได้แต่อ่านวนกลับไปกลับมา .. เอ .. เรื่องนี้มันอาจจะเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่ออะไรซักอย่าง ..
เรื่องราวของ Moby Dick เริ่มจากเหตุการณ์จริง (รึเปล่า ไม่แน่ใจค่ะ) ในวันที่ 20 พ.ย. 1994 เกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นที่สะพาน Balam ในกรุงโซล ทั้งนี้รัฐบาล(ในเรื่อง) ก็ระบุว่าเป็นฝีมือของสปายเกาเหนือ ..
ฮวางจุงมิน พระเอกซีรีย์จาก That Fool หรือภาพยนตร์อย่าง The unjust มารับบทเป็นนักข่าว ผู้พยายามไขปริศนาการระเบิดของสะพานแห่งนี้ เพื่อนำมาเขียนสกู๊ปหน้า 1
ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาได้ไปเจอ ตอ เบ้อเร้อ .. หลังจากที่เพื่อนเก่าของเค้าที่ไม่ได้พบกันนาน โทรศัพท์มาขอนัดพบ พร้อมเล่าเหตุการณ์ว่า เหตุระเบิดนั้น มันไม่ใช่ฝีมือของสปายเกาเหนือนะ แต่มันเป็นการสร้างสถานการณ์ ..
ภาพยนตร์เรื่อง Moby Dick เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องนึงค่ะที่สร้างขึ้น เพื่อให้คนดูก่อน (ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคนเกาหลี) ตั้งคำถามไปยังรัฐบาลของตนเอง ในขณะที่คนดูทีหลัง (ซึ่งก็เป็นพวกเรา) ดูแล้วก็มึน ๆ และอาจจะไม่ เข้าถึงมุกเสียดสีของเค้า แต่เราก็เสพเอาแต่อรรถรสก็แล้วกันค่ะ
จากบทสนทนาตอนหนึ่ง เราค่อนข้างชอบแม้ว่า .. ฟังดูมันออกจะแนวหนังฮอลลีวู้ดไปหน่อยก็เถอะ ..
ในขณะที่มีชายลึกลับ 2 คน ดูมีอำนาจ (ทางการเมือง) พูดเจรจากันในเรื่องเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ ชายคนหนึ่งพูดว่า ..
Killing one is a murder, Killing hundred is politics .. but if you kill hundred to save million, that's an art. So let's be an artist.
ป๊าด .. แปลไงดีคะ .. การฆ่าคน 1 คน ถือเป็นฆาตกร หากฆ่าคนเป็นร้อย ถือเป็นเรื่องการเมือง แต่ถ้าคุณฆ่าคนเป็นร้อย เพื่อช่วยคนเป็นล้าน ถือเป็นงานศิลปะ งั้น .. เรามาเป็นศิลปินกันเถอะ ..
ไม่รู้สิคะ .. แม้เรื่องนี้จะไม่ค่อยสนุก สำหรับเรา .. แต่พอเจอประโยคนี้เข้าไป .. ทำให้รู้สึกอยากเขียนบล็อคค่ะ
ยิ่งกว่านั้น หากใครเกิดทันสมัยที่ยังใช้เพจเจอร์ ก็จะทำให้เราได้หวนระลึก ถึงลักษณะการติดต่อแบบนั้น ยิ่งพอเทียบกับความรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ แบบปัจจุบัน ยิ่งทำให้อารมณ์คนดูรู้สึกอึดอัดได้เหมือนกันค่ะ
ในช่วงท้ายของการหักมุมของภาพยนตร์แนวนี้ .. ก็ยังอุตส่าห์วนกลับมาที่จริยธรรมของสื่อมวลชนได้อีกแน่ะ ..
เผื่อใครชอบภาพยนตร์แนว ๆ นี้ ก็ลองหาชมค่ะ ตอนนี้ซับอังกฤษออกแล้ว
Create Date : 24 กันยายน 2554 |
|
4 comments |
Last Update : 24 กันยายน 2554 19:33:24 น. |
Counter : 2314 Pageviews. |
|
|
moby dick ของฝาหรั่ง ก็น่าดู
แต่ยังไม่ได้ดูเลยครับ
ส่วนของเกาหลี อ่านจากที่เล่ามาก็น่าสนทีเดียวเชียวแหละ
เรื่องเกี่ยว Conspiracy theory
ถ้าคนเขียนบทมีฝืมือจิ้นให้ถึงๆ
มันก็เร้าความอยากรู้ได้ดีนะครับ
ผมชอบคำว่า....สมรู้ร่วมคิด
ภ.ไทยมีเสน่ห์ดีจัง
ถ้าเป็น...สมคิดร่วมรู้
คงจะมีความหมายไปอีกแบบ
คือ ไม่ได้ช่วยคิดกะเค้าด้วย แต่มาร่วมรับรู้
เหมือน...ผ่านบัตรเลย
เข้ามาอ่านนนน อ่านนนนน
แล้วก็สมคิด ออกปายยยย
....ฮ่า