หะเบสสมอพลัน ออกสันดอนไปลัดไปเกาะสีชัง จนกระทั่งกระโจมไฟเที่ยวหาข้าศึก มิได้นึกจะกลับมาในถึงตายตายไป ตายให้แก่ชาติของเรา... ฝีเท้าจำนวนมากตบผืนดินปนหินดังพรึ่บพรั่บเป็นจังหวะ เด็กหนุ่มฉกรรจ์ในชุดลำลอง สวมเสื้อยืดสีขี้ม้า กางเกงกำนันขาสั้นสีดำ วิ่งพร้อมเพรียงประสานเสียงหมู่ ร้องเพลงปลุกใจชาวประดู่กระหึ่มป่าเปลี่ยวชื้นกันดาร มุ่งขึ้นไปตามเส้นทางลาดชันอันอุดมไปด้วยดินหินขรุขระ ปกคลุมไปด้วยกลุ่มใบไม้ที่ปลิดปลิวร่วงจากกิ่งไม้ใหญ่อายุร่วมร้อยปี โอย วิ่ง วิ่ง วิ่ง น่องบานหมดแล้วโว้ยผู้มีความอดทนน้อยที่สุดในกลุ่มโอดครวญเบาๆแบบกระท่อนกระแท่นเต็มที เนื่องมาจากความเหนื่อยล้าแทบขาดใจ อึดใจเดียวก็ถึงยอดเขาแล้ว กลั้นใจอีกสักหน่อยเถอะวะชาญเพชรไพฑูรย์กระซิบตอบ ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อจนเสื้อผ้าเปียกแนบเนื้อ แลเห็นแผงอกกว้างแข็งแกร่งรำไร ไม่หลงเหลือเค้าความผอมเกร็งเช่นสมัยก่อนให้เห็นอีก อึดใจพระพุทธน่ะสิวะ อ๋อย ข้าคงไม่เหลือแรงว่ายน้ำข้ามเกาะแน่เลยว่ะ ป่านนี้ มวลหมู่ปลามันคงนอนยิ้มหวาน เลียปากรอคอยข้าไปเป็นอาหารจานเด็ด ปลามันจะกินลงเร้อ เอ็งไม่ได้อาบน้ำสามวันแล้วนี่หว่า แค่ตอด ปลามันคงอ้วกแตกจำรัสขัดคอ จะบ่นอะไรหนักหนาว้าชาญ คนอื่นๆก็วิ่งเท่ากัน ดีเท่าไหร่แล้ว ที่ปีนี้กรรเชียงทนมาทีหลังว่ายข้ามเกาะ ปีก่อนข้ามือแตกตอนกรรเชียงเรือ ต้องต่อด้วยว่ายข้ามเกาะ มือถูกน้ำเค็มทีน้ำตาแทบเล็ด แสบได้ถึงใจพระเดชพระคุณ เธ่อ มือแตกทำคุย ของข้าแตกตั้งแต่ก้นกบยันขาอ่อน นอนหงายไม่ได้เป็นเดือน ยัดปูนกินหมากตั้งนาน กว่าเนื้อจะเต็ม เสียโฉมหมดชาญอดไม่ได้ที่จะข่มคู่กัด ถุย เสียโฉม ดำถ่านเรียกเตี่ยขนาดเอ็ง ไม่มีหมาที่ไหนมองเห็นแผลเป็นร้อก เชื่อข้าเถอะ อ้ายห้าร้อย ก่อนออกทะเลจริง บรรดาชาวเรือทั้งหลายต้องผ่านด่านทดสอบกำลังใจ สร้างความพร้อมก่อนเผชิญหน้ากับการลงฝึกภาคทะเล เป็นธรรมเนียมปฏิบัติเพื่อความสนุกสนานและความสามัคคีของคนในเหล่า แต่ละด่านที่ต้องฝ่าก็ไม่ใช่ง่าย อย่างน้อยหนุ่มๆชาวนาวีจะต้องได้รับรอยฟกช้ำดำเขียวเป็นที่ระลึกกลับไปดูเล่นต่างหน้ากันทั่วถึง ต้นแขนขวาของเพชรไพฑูรย์ยังมีแผลเป็นจากรอยเย็บห้าเข็มเพราะถูกแง่งหินเกี่ยวเอาเนื้อไปในการไต่เกาะ...ด่านปิดท้ายสุดหินของทุกปี ใครบางคนวิ่งแทรกเข้ามาเบียดบังจำรัสให้จำต้องเบี่ยงหลบออกขวา ผิวดำเมื่อมเลื่อมเป็นมัน เหงื่อเม็ดโป้งไหลหยาดผ่านสองขมับและคางย้อยหยดพื้นดินแห้งเป็นวงใหญ่ สองศรีฝีปากกล้า...ชาญ-จำรัส สบตากันเป็นสัญญาณลับให้แยกย้ายวิ่งเข้าคู่ขนานประกบตีขนาบผู้มาใหม่ หนุ่มผู้ถูกขนาบข้างวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ไม่เห็นสองกะล่อนอยู่ในสายตาแม้แต่นิดเดียว พวกเอ็งนำไปก่อนเพชรไพฑูรย์บอก เอาอย่างนั้นรึ เพชรหนุ่มลูกจีนกระซิบ เขาจึงพยักหน้าพลางชะลอฝีเท้าลง ปล่อยเพื่อนวิ่งนำขึ้นไป มีอะไรหรือ เต แล้วแกคิดว่าฉันจะมีอะไรเล่ายอกย้อนยียวนนัก ก็ดีเขาก็ตอบกลับหน้าตาเฉยพร้อมวิ่งนำออกไปส่งผลให้ฝ่ายที่ใจร้อนกว่าทลายความตั้งใจที่จะอดทนอดกลั้นกับไอ้หน้ายโสชวนคันมือคันเท้าไปเสียสิ้น ฉันไม่เข้าใจ แต้วเห็นอะไรดีในตัวคนเช่นแก เพชรไพฑูรย์หนุ่มใต้เลือดเดือดโพลงผางออกมา หากไร้ฐิติวาริช แกมันก็ไม่มีอะไรสักอย่าง แล้ว? ท่าทีหน่ายที่จะรับฟังช่างขัดหูขัดตานัก เฮอะ ผยองไปเถอะ จงรู้เอาไว้ถ้าไม่ได้บารมีฐิติวาริชคอยคุ้มกะลาหัว ชาตินี้คนไร้คุณสมบัติอย่างแก ไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก! หากไม่รู้จริงอย่าได้พูดออกมา เตโช! ถ้าเช่นนั้นพิสูจน์สิ ว่าแกคู่ควรกับที่นี่เสียงรองเท้าบดดินหินวิ่งย่ำหนักเป็นจังหวะสม่ำเสมอ มาแข่งกัน หากแกสามารถเอาชนะฉันได้แม้เพียงด่านเดียวถัดจากนี้ ฉันจะยอมกราบขอขมาที่ดูหมิ่นแกเอาไว้และจะไสหัวออกไปจากชีวิตแกตลอดกาล คำพูดท้าทายนั้นแฝงความมั่นใจไว้เกินร้อยกลัวแพ้รึเตโชเอ่ยออกมาอย่างเหยียดหยัน นึกแล้วว่าแกมันก็แค่ไอ้ขี้ขลาด ถ้ายังพอมีศักดิ์ศรีหรือความละอายแก่ใจหลงเหลืออยู่ในมโนสำนึก ก็เก็บข้าวของกลับบ้านไปนอนกินนมให้สบายใจจะดีกว่าละมังเขาเริ่มนับหนึ่งในใจไม่ต้องห่วงไปหรอก ว่ายน้ำข้ามเกาะ ฉันจะต่อให้ สักห้าเมตรเป็นอย่างไรไม่จำเป็นดี ถือว่าแกรับคำท้า เจอกันที่ท่าเรือฝ่ายนั้นวิ่งแยกกลับไปหาพรรคพวกของตนเอง เพชรเพื่อนผู้แอบดูเชิงอยู่ห่างๆรีบรี่เข้ามา เอ็งไปท้าพนันอะไรกับไอ้เตข้าไม่ได้ท้ามัน...หลุดปากออกไป คิ้วเข้มหนาดุจปีกกาก็ขมวดเข้าหากัน เดี๋ยวหรัส ทำไมเอ็งถึงรู้...เขารู้กันทั่วแล้วโว้ยชาญชิงตอบออกมา รู้ด้วยว่าถ้าใครแพ้ต้องลาออก เก็บของกลับบ้านไป พวกไอ้ฤทธิ์มันวางข้างทายเรียบร้อย มันเพิ่งเข้ามาถามข้าว่าถือหางข้างเอ็งหรือไอ้เตเด็กหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง เอาอีกแล้ว...xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxเวิ้งทะเลกว้างไกลไร้จุดสุดสิ้น เพชรไพฑูรย์ผู้มีเรือนร่างสูงล้ำเกินใครยืนมองคลื่นใหญ่ทยอยหนุนเนื่องกระแทกฝั่งด้วยความรู้สึกว่างเปล่า เหนื่อยหน่ายคลื่นแรงดีหนุ่มร่างสูงไล่เลี่ยกับเขาก้าวเข้ามายืนบนขอบท่าเรือพลางหมุนหัวไหล่หยึกหยักอบอุ่นร่างกายหลักชัยทอดตัวอยู่กลางทะเล หากคะเนด้วยสายตา ดูเหมือนว่าเกาะเขียวชอุ่มนั้นไม่สู้ไกลสักเท่าใด ทว่าคนที่เคยผ่านการทดสอบมาแล้วต่างรู้ดี ว่าเกาะตรงหน้ามีระยะห่างกว่าที่ตาเห็นมากมายหลายเท่าตัวเตโชดีดตัว พุ่งหลาวกระโดดโด่งสู่พื้นคลื่นสีเทา พร้อมๆกับประดาผองเพื่อนและเพชรไพฑูรย์ผู้เป็นคู่แข่งที่กระโดดทิ้งดิ่งลงเบื้องล่าง แรงน้ำกระแทกเข้าปากเข้าตาพอให้รู้สึกแสบๆเล็กน้อย เด็กหนุ่มทะลึ่งพรวดโผล่เหนือน้ำอ้าปากกว้างสูดลมหายใจแห่งท้องทะเล ประจุพลังเข้าเต็มปอดโน่น จ่าฝูงนำออกไปไกลลิบ ไม่แยแสคลื่นลมระลอกแรง ขณะที่เขาแค่ประคองตนไม่ให้ถูกพัดถอยหลังยังเป็นเรื่องยากเต็มที อย่าเพิ่งถอดใจ อีกนิดเดียวเขาปลอบตัวเอง เด็กหนุ่มสำลักน้ำเค็มเป็นรอบที่ร้อย สองตาแลเห็นแผ่นหลังของคู่แข่งอยู่ไกลๆแผ่นหลังของเตโช ฉลามแห่งชุมพลทหารเรือ เหมือนจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เพราะผู้ที่ว่ายนำอยู่ หยุดการเคลื่อนไหวกะทันหัน ลอยคอปริ่มน้ำ ปล่อยตัวเองไหลเลื่อนตามกระแสคลื่นกลางทะเลฉันจะต่อให้ สักห้าเมตรเป็นอย่างไรคำเหยียดหยันดังก้องขึ้นมามันจะดูถูกกันเกินไปแล้วผู้ตกเป็นรองเร่งมือ ว่ายน้ำตามไปด้วยความเร็วชนิดที่ตัวเองไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะสามารถทำได้ ชั่วอึดใจเดียวก็เข้าถึงระยะห่างแค่เอื้อมมือ เขาเอื้อมมือแตะไหล่คนเบื้องหน้า หมายใจจะต่อว่าด้วยความขัดเคืองมิคาด ทันทีที่ปลายนิ้วแตะถูกตัว ร่างนั้นกลับจมหายลงไปเงียบเชียบ เฮ้ย เด็กหนุ่มตะครุบปับ ดึงคอเสื้อเพื่อนร่วมรุ่นลากเข้าหาตัวอย่างว่องไว เต เป็นอะไรวะฝ่ามือแข็งกร้านตบเรียกสติแล้วก็ต้องตกใจเป็นคำรบสอง...ใบหน้าของเตโชกลายเป็นสีเทาซีด เผือดไปจนถึงลำคอ ริมฝีปากซีดเขียว ดวงตาครึ่งหลับครึ่งลืม เผยให้เห็นบางส่วนของตาขาวอันแดงก่ำราวโลหิตเต ไอ้เตเขาเรียกซ้ำ ตอบหน่อยสิเว้ย ลืมตาขึ้นมากะ...กะพรุนไฟเสียงแหบโหยผ่านลำคอ ดังไม่ต่างจากกระซิบ กะพรุนไฟ!ประสาทเขาวาบขึ้นมาเหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็นจัดตัวมันเป็นวุ้นนิ่มบางใส บอบบาง อ่อนแอ ลอยนิ่มนวลไปตามกระแสน้ำ มองดูไร้พิษภัย มันเป็นหนึ่งในสัตว์แห่งท้องทะเลที่ชาวเรือระวังกันมากที่สุดกะเปาะพิษตรงหนวดของมันหากสัมผัสถูกผิวหนัง จะเกิดเป็นผื่นแดง ปวดแสบปวดร้อนไม่ต่างจากไฟหรือน้ำร้อนลวก ในรายที่แพ้มากๆ อาจ...ถึงตายเพชรไพฑูรย์รีบโบกมือส่งสัญญาณ เรียกเรือบดสังเกตการณ์แบบเร่งด่วน และหันมาตบเรียกสติสัมปชัญญะของคนข้างกายอีกครั้งเตโว้ย ห้ามหลับ ลืมตาขึ้นมาเออเสียงแหบพร่าตอบรับมาเหมือนรำคาญที่ถูกเรียกซ้ำไปซ้ำมา ใจมาเป็นกองเมื่อมีอาการตอบสนองจากอีกฝ่าย เด็กหนุ่มกระทุ่มน้ำประคองเพื่อนให้อยู่นิ่งที่สุด ป้องกันไม่ให้กะเปาะพิษที่ฝังตัวอยู่บนผิวหนัง แตกตัวแพร่กระจายพิษเพิ่มขึ้น คลื่นลมแรงแบบนี้ เหล่ากะพรุนคงออกมากันให้ครึ่ก แว่วเสียงซัดซ่าจากทางด้านหลัง เพชรไพฑูรย์เอี้ยวศีรษะกลับไปมองด้วยสังหรณ์ไม่ค่อยดีภาพที่เห็น ทำเอาเลือดในกายเย็นเฉียบ คลื่นลูกยักษ์สูงเกือบเมตรสองลูกหมุนเกลียวตรงดิ่งมาทางเขา หนุนกันมาแต่ไกล นั่นไม่ร้ายเท่ากับที่มันกำลังก่อตัวรวมกัน เขาเคยเผชิญหน้ากับคลื่นสูงร่วมๆสองเมตรมาแล้วในสมัยที่อยู่ชั้นหนึ่ง แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์เช่นนี้! ปล่อยข้าทิ้งไว้ชะรอยคนที่พอมีสติเลือนลางในอ้อมแขนจะได้ยินเสียงคลื่นลูกนั้นเช่นกัน ข้าไม่อยากเป็นผีเฝ้าทะเลร่วมกับเอ็ง หากมีเรี่ยวแรง เตโชคงยันเขากระเด็นไปเรียบร้อย ข้าก็ไม่อยากเหมือนกันเขารู้ว่ากลางทะเลแบบนี้จะว่ายต่อ ถอยหนี หรือรออยู่เฉยๆ มีค่าไม่ต่างกัน เอาวะ อย่างน้อยให้โดนเข้าตรงหางๆ คลื่น ก็ยังดี เด็กหนุ่มลากคอเพื่อนร่วมชะตากรรมหนีออกไปทางด้านข้าง โชคร้าย ที่คำขอไม่ได้ผลชั่วพริบตา เงื้อมมือพระสมุทรก็ตวัดม้วนถึงตัวสองหนุ่ม กลืนอากาศหายใจไปจนสิ้นซ้ำร้าย แรงปะทะผสมกับความอ่อนล้ายาวนาน ส่งผลให้ขาขวาของเพชรไพฑูรย์ปวดตะคริววูบโอ๊ยยย!เสียงร้องสุดขั้วปอดของเด็กหนุ่มกลายเป็นฟองอากาศลอยฟ่อง ดีที่มือขวายังเหนียวแน่นไม่ยอมปล่อยร่างไร้สติของเตโชให้หลุดมือไป เงาเรือบดลอยตัดแสงเลื่อมพรายเบื้องบน หลอกตาว่าใกล้เพียงเอื้อม เมื่อรู้แน่ว่าหมดปัญญาจะประคองตนให้ลอยตัวสู่ผิวน้ำ เขาตัดสินใจเด็ดขาด รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายเหวี่ยงเตโชขึ้นไป น้ำทะเลขมขื่นไหลเข้ามาแทนที่อากาศในปอด ขาขวาและทั่วสรรพางกายชาดิกจนไม่อาจขยับได้อีก แดดจัดจ้า ระยิบพรายน้ำระยับเป็นวงแสนงดงาม สิ่งสุดท้ายที่เพชรไพฑูรย์ได้เห็นก่อนดำดิ่งสู่ห้วงอนธกาล ...พลอย...xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx หน้าร้อนวนเวียนมาบรรจบอีกครั้ง สายลมแรงหอบไอแดดระอุแผ่กระจายไกลออกไปให้ได้ร้อนกันทั่วถ้วนทุกแห่งหน อานุภาพแห่งแสงตะวันแผดกล้าพาสีเขียวหมู่หญ้าและมวลไม้รอบกายกลายเป็นสีน้ำตาลปนแดงแห้งเหี่ยวเฉา ไร้ชีวิตชีวาสตรีสาวเรือนร่างบางในชุดผ้าซิ่นกลางเก่ากลางใหม่ นั่งบนเก้าอี้ไม้ยาวตัวหนากลึงเกลี้ยงเกลา อยู่ภายในศาลาไม้โปร่งมุงหลังคาใบจากเปิดโล่งรับลมสี่ด้าน ผมดำสนิทไร้ประกายร่วงลงมาปรกวงหน้าเล็กคางแหลมที่กำลังก้มมองกระดาษสีน้ำตาลหยาบในมือ และเจ้าตัวก็ดูจะไม่ใส่ใจจะเหน็บเก็บผมไว้กับหูให้พ้นหน้าพ้นตาแต่อย่างใดพี่พลอยขา แว่วเสียงเรียกอ่อนหวาน ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจึงละจากข้อความยาวเหยียด แขนขวาข้างที่ประคองจดหมายเอาไว้ปรากฏรอยด่างสีน้ำตาลเข้มตั้งแต่เหนือศอกจรดข้อมือเห็นเด่นชัด เธอพับกระดาษสอดเก็บเข้าซองพิมมากวนหรือเปล่าคะสาวน้อยแรกรุ่นในชุดนักเรียนแบบฝรั่ง กระโปรงสีกรมท่า เสื้อขาวแขนยาว ผูกโบว์คอสีน้ำเงิน ถลาเริงร่าลงมานั่งบนม้ายาวตัวเดียวกัน ผมยาวสีอ่อนมัดรวบเป็นพวง ทิ้งหางม้าแกว่งสะบัดระต้นคอกลมกลึง ถุงเท้า รองเท้ามันเงาคงอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตามประสาคนมีมารดาคอยจู้จี้จุกจิกไม่หรอกค่ะ ผู้ตอบยังคงประหยัดถ้อยคำดังที่เคยเป็นมาเสมอศาลาหย่อนใจแห่งนี้ เพิ่งปลูกสร้างได้ไม่กี่ขวบปี เนื่องด้วยความสงสารจากคุณหญิงเอกอนงค์ดาราและอาจเพราะความสมเพชจากมารดาของพิมพรรณที่เห็นหลานสาวกำพร้ามักจับเจ่าหลบมุมแต่ในครัว จึงได้จัดการขอพื้นที่ว่างระหว่างตึกใหญ่และตึกขาวกับท่านประมุขแห่งฐิติวาริชให้พลอยเพทายได้อยู่เป็นสัดส่วน นอกเหนือจากเวลาดูแลท่านผู้ชราและว่างเว้นจากงานบ้านงานเรือนทั้งหลายจดหมายพี่เพชรหรือคะดวงหน้ากลมอิ่มเอียงเข้ามาดูซองในมือลูกผู้พี่ นัยน์ตากลมแจ่มแจ๋ว สดใสประสาคนผ่านโลกมาไม่มากป่านนี้พี่เพชรไปหลงสาวใต้เสียกระมัง ไม่ได้ย้ายกลับมาเสียที ระวังจะได้พี่สะใภ้เป็นของฝากนะคะพี่พลอยเด็กสาวกระเซ้าเสียงใส พลางถือวิสาสะเอนกายนอนหนุนตักอุ่นๆเสียเลยพิมน่ะช่วยพี่พลอยสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืนเลยนะคะ ขอให้พี่เพชรได้กลับมาเร็วๆ จำได้ว่าพี่เพชรใจดีมากพิมพรรณยังรู้สึกผิดแทนมารดาไม่หาย ที่ทำให้ลูกผู้พี่ไม่อาจไปร่วมพิธีจบการศึกษาและรับพระราชทานกระบี่ของพี่ชายได้ สามคงให้แม่พลอยไปด้วยไม่ได้หรอกนะคะ เพราะงานเลี้ยงรับตำแหน่งรัฐมนตรีของคุณอรรถก็สำคัญ อีกอย่าง...สามขอคุณพ่อไว้นานแล้ว คุณหญิงคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะมารดาของพิมพรรณดักคอพี่สะใภ้และชิงตัดบทเสียดื้อๆ ณ เวลานั้นพลอยเพทายจะรู้สึกอย่างไรก็มิอาจคาดเดา เมื่อหลานสาวไม่ได้ปริปากอุทธรณ์ พิมลจึงทึกทักเอาเองทันทีว่าอีกฝ่ายเต็มใจ แม้แต่พิมพรรณก็ยังคิดว่าครั้งนี้มารดาดูจะใจร้ายเกินไปเหมือนกันส่วนพี่ภูมิ อยู่อเมริกาไปเลยนั่นแหละดี ขนาดตัวอยู่โน่น ยังอาละวาดข้ามโลกมาได้ ขืนกลับมา บ้านคงลุกเป็นไฟ แถมพกด้วยสะใภ้แบบพี่ฝ้าย โอย ขอตายดีกว่ามัวแต่นั่งเอื่อยเฉื่อย เอ้อระเหย มื้อเย็นเรียบร้อยหรือยัง?ผู้มาใหม่ทำเอาสาวน้อยที่กำลังนอนสบาย รีบดีดตัวตรงลุกขึ้นมานั่งเรียบร้อยโดยพลัน...พี่แพร...จำต้องหันไปทักเสียงอ่อย ไม่รู้ตัวสักนิดว่าเจ้าของฝีเท้าเงียบกริบปานแมวย่องมายืนด้านหลังแต่เมื่อไรร่างผอมอมโรค จรดปลายเท้าเข้ามาในเขตร่มหลังคามุงจาก วรางคณาสวมเสื้อแพรเขียวไข่กา ลายจุดคอปกใหม่เอี่ยมเช่นเดียวกับผ้าซิ่นสำเร็จสีน้ำตาลใบไม้ สีเขียวเย็นกลับข่มให้ผิวเซียวดูอ่อนโรยลงไปอีก แม้ว่าจะพยายามตัดผมสั้นดัดอ่อนตามสมัยนิยม แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งเน้นคางงอๆที่เกลียดหนักหนายาวออกมาให้ยิ่งเห็นเด่นชัดหัดรู้หน้าที่ของตัวเสียบ้างสิ ต้องให้สั่งด้วยหรือ นี่คงมัวแต่นั่งนินทาชาวบ้านชาวช่องอยู่ ถึงได้เพลินจนลืมเวลา ลืมหน้าที่ ถ้าฉันไม่มาตาม คงไม่มีใครได้กินมื้อเย็นกระมัง?คุณแพรจะรับอะไรเพิ่มเติมหรือคะ?เตรียมอะไรไว้ก็ทำอันนั้น ทำไมต้องย้อนถาม คิดเองไม่เป็นหรือ พูดพลางปรายหางตามายังผู้อ่อนวัยกว่าข้างกายพลอยเพทายรีบๆเข้าล่ะ ขืนมัวงุ่มง่ามชักช้า อาหารตั้งโต๊ะไม่ทัน ใครต่อใครเขาจะหาว่าคนบ้านนี้ทำอะไรไม่ได้เรื่องอีกสิ้นถ้อยกระทงความ บุตรีคนเล็กแห่งตึกแดงก็เชิดหน้าจากไปอะไรกัน อีกตั้งนานกว่าจะมื้อเย็น พี่พลอยก็เตรียมไว้แล้วนี่นา ใครไปขัดใจพี่แพรเข้าอีกล่ะ ถึงพาลพาโล อาละวาดถึงนี่ คุณแม่แน่เลย ชอบเหน็บแนมพี่แพรนัก ว่าทีไร พี่แพรของขึ้น ไปลงกับคนอื่นทุกที เฮ้อคนของขึ้นกลับมานั่งหน้าตึง ร่วมวงสนทนากับป้าแท้ๆและป้าสะใภ้อีกครั้ง ต้องทนกล้ำกลืนฝืนฟัง ข่มอารมณ์ลึกกับทุกน้ำคำเชือดเฉือน แดกดันที่หลุดออกมาจากฝีปากอันคมกริบเสียยิ่งกว่ามีดโกนของพี่สาวบิดา หากไม่กระหายใคร่รู้ข่าวคราวภูมิพงษ์ ชาตินี้อย่าได้หวังว่าจะยอมนั่งให้สับเล่นเช่นนี้อาทิตย์หน้าแล้วนะคะคุณหญิง สามล่ะนับวันนับคืนรอ ไม่รู้ว่าห้องหับที่จัดใหม่จะถูกใจคุณภูมิหรือเปล่า คุณตาเธอกับคุณอรรถเตรียมข้าวของรับขวัญไว้ใหญ่โตเชียวค่ะ แหม สู้อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปร่ำไปเรียนให้ได้ชื่นใจกลับมา ให้น้อยหน้าใครเขาได้หรือคะพิมลจงใจมองข้ามเรื่องเที่ยวเตร่ จนเรียนแทบไม่จบของลูกเลี้ยงเสียสนิท แม่ฝ้ายก็คงตามๆกันมา โถ คนนี้ก็เก่งเหลือเกิน เฮ้อ... วรางคณาขยับตัวเพราะจับปลายหางเสียงได้ว่าชักจะลากลามมาอีกแล้ว เราล่ะแม่แพร ไม่ได้ร่ำได้เรียนเหมือนเขาก็จริง แต่ลูกผู้หญิงเราก็ควรมีอะไรติดตัวนอกเหนือจากความรู้ไว้บ้าง การบ้านการเรือนอย่าให้บกให้พร่อง เป็นสะใภ้บ้านไหน เขาจะได้ไม่นินทาไล่หลัง ว่าลูกสาว หลานสาวของฐิติวาริช หยิบโหย่ง กรีดกราย ไร้ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ขายขี้หน้าชาวบ้านชาวช่องไปถึงไหนๆวิธีการทิ่มแทงด้วยวาจาประหนึ่งว่าหวังดี ตบท้ายด้วยการคลี่พัดจีบคู่กายออกโบกพร้อมถากหางตากดเหยียดนิดๆ เป็นสิ่งที่พิมลถนัดนักวันนี้แต่งตัวเสียสวย ไปที่ไหนต่อหรือคะคุณหญิงช่วยหันเหหัวเรื่องมีงานต่อคืนนี้ค่ะ งานแซยิดของคุณจีบ ภรรยาของพลเรือตรีสุบิน อัคนิกุลอย่างไรล่ะคะ พี่ใหญ่คงได้รับเชิญด้วยเหมือนกันกระมัง สามเองก็สองจิตสองใจว่าจะไปดีหรือเปล่า ไม่ค่อยถูกเส้นกับก๊กนี้สักเท่าไหร่ตอบพลางใช้ปลายนิ้วลูบแต่งลอนผมดัดแข็งตามนิสัยเคยชิน บุตรีโทนของพันโทพระฐิติวาริชเลื่องชื่อลือชาเรื่องแต่งกายงามนำสมัย มาตั้งแต่สาวรุ่นคิดไปคิดมา ขืนปล่อยคุณอรรถไปคนเดียว คงพาสาวๆควงออกหน้าออกตาแทนกันพอดี คุณหญิงนี่โชคดี๊ โชคดีนะคะ พี่ใหญ่ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง จะนิดจะหน่อยไม่เคยให้ต้องชอกช้ำ สามเสียอีกต้องเหนื่อยคอยตามราวีนังน้อยๆ ของคุณอรรถไม่ให้กำเริบเสิบสานกันนัก คุณภูมิอีกคน สาวๆ สมัยนี้ไม่รู้เป็นอะไรกันไปหมด แร่หาผู้ชาย สามล่ะกลุ้ม เกิดคุณภูมิพลาดพลั้งเสียท่านังพวกนั้น สามคงอกแตกคงไม่มีอะไรหรอกกระมังคะ คุณสามอย่ากังวลไปเลยค่ะ ดีที่คุณภูมิฉลาด ถึงรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ ไม่เสร็จแม่พวกที่จ้องตะครุบตาเป็นมันไปเสียก่อนพิมลกรีดนิ้วประดับแหวนเพชรแพรวพราว จีบจับถ้วยชาขึ้นจิบธวัชล่ะคะ ขานั้นก็มัวแต่บ้าเรียน เฮ้อ ถ้าคุณภูมิเรียบร้อยได้สักครึ่งของธวัชคงดี สามล่ะอิจฉาธวัชรอกลับพร้อมฝ้ายค่ะ คงเรียนรออีกสักพักดีค่ะ ได้ช่วยเป็นหูเป็นตา กันท่าไม่ให้ใครมาวอแว กลับเมื่อไหร่คงได้จัดงานใหญ่กันเสียทีแน่ใจหรือคะว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย เกิดพี่ภูมิไปถูกตาต้องใจใครทางโน้นเข้า ป้าสามจะทำอย่างไรได้ฮึ ป้าสามแค่นเสียงขึ้นจมูก ไม่มีทาง หน้าไหนกล้าใช้เส้นทางลัดเหยียบเข้าวรรณภาวีร์ต้องข้ามศพพิมลคนนี้ไปก่อน คอยดูเถอะเอาเข้าจริง พิมลกลับลืมวาจาที่ตนลั่นไว้เสียสิ้น เมื่อภูมิพงษ์พาผู้หญิงลงรถไฟมาด้วยกันไม่มีอะไรหรอกครับ เพื่อนคนไทยที่โน่นน่ะเขาบอกปัดด้วยความรำคาญจนแม่เลี้ยงไม่กล้าเซ้าซี้อีกไปกราบคุณตากับอานะคะ ท่านจะได้รู้ว่ากลับมาแล้วนางหมายถึงพันโทพระฐิติวาริชผู้เป็นบิดา ส่วนตาแท้ๆของภูมิพงษ์ได้มารับขวัญหลานชายหัวแก้วหัวแหวนเรียบร้อยตั้งแต่วันแรกที่ชายหนุ่มกลับมาถึงครับลูกเลี้ยงรับคำไปแกนๆ ยอมตระเวนไหว้ญาติผู้ใหญ่ตามมารยาทจนครบ จบที่ฐิติวาริชเป็นแห่งสุดท้ายและขอตัวกลับรวดเร็วโดยเก้าอี้นั่งยังไม่ร้อนเสียด้วยซ้ำผู้หญิงแน่ๆพิมพรรณเปรยเสียงดังจนถูกแหนบสีข้างพร้อมโดนลากตัวกลับตามพี่ชายแทบไม่ทันคุณแม่กลัวพิมจะพูดมากน่ะสิคะเด็กสาวกลับมาเล่าแจ้งแถลงไขให้ลูกผู้พี่ฟังอย่างสนุกปาก โทษคนโน้น ว่าคนนี้ เดี๋ยวก็ให้ท่าพี่ภูมิบ้างล่ะ จะจับพี่ภูมิบ้างล่ะ โธ่คนของเรานั่นแหละค่ะตัวดี คุณแม่ได้แต่บ่นลับหลัง ต่อหน้าน่ะไม่กล้าหือพี่ภูมิหรอก ยิ่งคุณพ่อกับคุณตาไม่ต้องพูดถึง ร้องเอาเดือนเอาดาวคงจะสาวลงมาให้น้ำเสียงที่เอ่ยถึงครอบครัวนั้นอ่อนอกอ่อนใจ ชักอยากให้พี่ฝ้ายกลับมาเร็วๆ อยากดูหน้าพี่ภูมินัก ว่าจะยังกล้าลอยไปลอยมาแบบนี้ไหมฝ่ายรับฟังไม่ได้ออกความเห็นใดๆ เสริมขึ้นมา นิ้วที่ผอมเล็กเหมือนมีแต่หนังหุ้ม คีบเข็มเดินเส้นด้ายปักลงไปบนผืนผ้าขาวขึงสะดึงเรื่อยๆ ฝีเข็มละเอียดจัด เส้นด้ายบนผ้านุ่มเรียบตึงลื่นมือราวภาพวาด หงส์เหิรแดงชาดบนผืนผ้ากางปีกกว้างราวกับจะโผผิน บินออกมาภายนอกคุณพิมคะแม่บัว สาวใช้คนโปรดประจำตึกแดง หวานเสมอกับผู้เป็นนาย คุณสามเรียนเชิญที่ตึกขาวเจ้าค่ะเรื่องอะไรเหรอบัว?คุณเจน คุณสุนกลับมาจากปีนังแล้วเจ้าค่ะอ๋อ จริงด้วยสิ พี่เจนกับพี่สุนกลับวันนี้นี่นา พี่พลอยขา พิมขอตัวสักครู่นะคะสาวน้อยวิ่งกระโปรงเปิงออกไป แลเห็นเพียงหางม้าแกว่งอยู่ไหวๆวันนี้คุณแพรขอมัสมั่นไก่นะคะน้ำเสียงหวานเจื๋อยเมื่อครู่ของนางต้นห้องของวรางคณาเปลี่ยนได้รวดเร็วนัก ก่อนสะบัดกายจากไปโดยไม่รอแม้คำขานรับจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนายอีกคนด้ายแดงเส้นสุดท้ายปักลงบนปลายปีกซ้ายของวิหคสีเพลิง กลายเป็นภาพเสร็จสมบูรณ์ หญิงสาวจึงปลดผ้าผืนน้อยออกจากกรอบสะดึงไม้ คลี่ดูลายโดยรวม ดวงตาสีน้ำตาลชืดกลับเลยเหม่อมองฟ้า คิดถึงใครบางคนที่อยู่ไกลออกไป ลมหมุนงวงช้างหมุนเข้ามาวูบใหญ่ กรรโชกเข้ามาในศาลาไร้กำบัง กระชากนกน้อยให้บินหนีจากฝ่ามือเธอ อารามตกใจแขนบางจึงไปปัดเอาตะกร้าล้มคว่ำเข้าให้อีก ผ้าขาวปลิวว่อนไปพร้อมกับกลุ่มด้ายหลากสีสันกระจัดกระจายทั่วสนามหญ้า ร่างบางในชุดผ้าซิ่นใหญ่เกินตัวไล่จับไจด้ายกลมกลิ้งและบรรดาผ้าปักกลับเก็บลงตะกร้าหวาย หญิงสาวรีบเร่งไล่เก็บสมบัติประจำกายจนเกือบครบ ขาดเพียงวิหคสีชาดที่กางปีกถลาร่อน ข้ามเขตไปไกลถึงตึกขาว สงบนิ่งอยู่ข้างไม้พุ่มเตี้ยสีเขียวจัด พลอยเพทายวางของลงบนโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมในศาลา ก่อนจะเคลื่อนกายข้ามอาณาเขตไปยังตึกขาว คุกเข่าลง เอื้อมมือหมายจะเก็บผ้าที่ตนอุตสาหะหลังขดหลังแข็งปักจนเสร็จ มิคาด รองเท้าหนังกลับสีน้ำตาลกลับเหยียบหนับลงไปพร้อมๆกับปลายนิ้วบอบบาง เฉียดปลายเล็บสะอาดสั้นกุดไปนิดเดียวอ้อ นึกว่าใครฝ่ายนั้นเปิดฉากทักทาย ก้มหาเศษเงินอยู่หรือแม้ผ้าด้านหนึ่งจะอยู่ในมือหญิงสาว แต่ผู้มาเยือนกลับยืนเหยียบเฉย มิหนำซ้ำยังขยี้ปลายเท้าลงน้อยๆ คล้ายไม่รู้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ ผู้ที่นั่งคุกเข่าจึงจำต้องคลายมือปล่อยทิ้งผ้าผืนน้อยอย่างแสนเสียดายและยกมือไหว้ทำความเคารพบุรุษผู้สูงอาวุโสกว่าตามมารยาทพี่ภูมิ ผู้มีผิวงามลออ เอ่ยขานเรียกนามนำตัวมาแต่ไกล พลอยเพทายจึงเร้นกายจากไปเงียบๆเหมือนขามามาทำอะไรตรงนี้คะ อาสามเรียกแน่ะมาเดินเล่นโอ๊ย ตรงนี้มีอะไรน่าดูคะ กลับขึ้นตึกเถอะค่ะพี่ยังไม่อยากไปนี่ชายหนุ่มคร้านจะฟังแม่เลี้ยงบ่นเต็มทน อีกอย่าง ถึงเมื่อครู่จะไม่มีอะไรน่าดู แต่ตอนนี้...ดวงตากลมโตราวสตรีพราวระยับ มีแล้วลมหายใจบุรุษอุ่นร้อนเป่าเลือดฉีดซ่านบนสองปรางนวลข้างกายอื้อ พี่ภูมินี่ อะไรก็ไม่รู้ เจนกลับไปคนเดียวก็ได้เจนจิราในชุดกระโปรงบานสีสันสดใสขยับกายออกห่างหมายจะผละหนี กลับถูกยึดครองทางหนีทีไล่เอาไว้ ไม่ให้ไปพี่ภูมิคะพุ่มไม้เขียวเป็นมันด้านหลังหลายเป็นกำแพงธรรมชาติ กักหญิงสาวเอาไว้ หลีกทางให้เจนเถอะค่ะ เกิดใครเห็นเข้าจะไม่งามภูมิพงษ์ไม่ได้ขยับรุกคืบมากไปกว่านั้น และมิได้สัมผัสถูกเนื้อต้องตัวฝ่ายหญิงแม้แต่น้อย ร่างสมส่วนในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวขาวสะอาดแบะปกเสื้อตามสมัยเพียงยืนกัก ขวางทางเอาไว้เฉยๆ ราวกับนึกสนุกจะกลั่นแกล้ง ใบหน้าขาว จมูกโด่งสวยสำอางราวสตรีก้มลงไปใกล้ เจ้าของเรือนกายอรชร พลางกระซิบเสียงแผ่วรังเกียจพี่หรือ เท่านี้บุตรีคนโตแห่งตึกขาวก็ใจอ่อนยวบ ลืมสิ้นซึ่งความกลัว หลอมละลายโอนอ่อนไปกับสายตาร้อนแรงคู่นั้นชายหนุ่มเปิดยิ้มสว่างไสวดุจเด็กน้อยไร้เดียงสา รอยยิ้ม...ของอสรพิษ!xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxคลื่นทะเลสีครามซัดซ่า ลูบไล้เกลี่ยผืนหาดขาวเกลี้ยงจนเรียบสนิท เม็ดทรายละเอียดเรียบ เกาะตัวเนียนแน่นภายใต้น้ำเค็มสีใส ส่องสะท้อนเปลวแดดแรงจ้าแผดเผาชายหนุ่มในชุดเสื้อคอกลมลำลอง กางเกงขายาวบนฝั่ง เข็มขัดหนังคาดมีดเหล็กดำแลเห็นด้ามโผล่พ้นชายพก สลักลายคชสีห์วิจิตรบรรจงเปี่ยมกลิ่นอายเก่าขลังแห่งกาลเวลา กลายเป็นของรักพกติดกายไม่เคยห่าง ไม่แพ้เข็มขัดหนังคาดปลอกกระบี่เส้นนี้ เข็มขัดที่น้องสาวตัดเย็บกับมือ เพื่อมอบให้ในวันแห่งเกียรติยศของเขา แสนเสียดายที่พลอยเพทายไม่อาจมาในวันที่เขาอยากเจอเธอมากที่สุดนัยน์ตาเหยี่ยวสีนิลกาฬล้อมกรอบด้วยแนวขนตายาวอ่อนช้อยเหม่อมองห้วงสมุทร คิ้วเข้มดุจปีกกายิ่งเสริมดวงตาคมจัดให้ยิ่งดุดัน ดวงตาคู่นี้เองที่ก่อเหตุหาเรื่องให้เจ้าของไม่รู้กี่หนต่อกี่หนแล้วเฮ้ย ไอ้หนังหนาฝ่ามือหนักหน่วงตบป้าบบนไหล่แข็งกว้างแรงๆ ไม่รู้ร้อนหรือวะ แดดออกเปรี้ยงผู้มาทีหลังนั่งแปะลงบนพื้นหาด แล้วต้องสะดุ้งโหยง โว้ย ร้อนบรรลัย มิสุกหมดทั้งกระโดงแล้วรึ หนังคนหรือเปล่าวะด่าพลางรีบโดดกลับมานั่งยองๆแทบไม่ทันหนังคนสิวะ นั่งแรกๆก็ร้อนอยู่ พอชินมันก็อุ่นๆ สบายดี เอ็งกับไอ้ชาญนี่มันตะเภาเดียวกัน ไอ้พวกหนังบางอย่าเอาข้าไปรวมกับมัน นึกแล้วยังโมโหไม่หาย หนอย นัดสาวมาหาที่ค่าย พอสายสุดาจับได้ เสือกหมื่นลื่นไหลป้ายสีมาให้ข้า ต้องรับสมอ้างแทนมันไม่พอ แม่สายสุดายาใจดันแล่นแถ่ดๆวิ่งโร่ไปฟ้องแม่เพ็ญ เกือบโดนเฉาะกบาลแยก เอาคอไปพาดเขียงแท้ๆเรื่องตั้งปีมะโว้ ลืมๆไปเถอะวะ ตัวมันก็ย้ายกลับไปสัตหีบเกือบปีแล้ว ป่านนี้มันคงนั่งจามนอนจามน้ำหูน้ำตาไหลอยู่ละมั้งเขาหัวเราะ ชายหนุ่มเองใช่ว่าจะไม่เคยถูกชาญหาเหามาใส่ เพียงแต่โชคดีกว่าจำรัสหน่อยตรงที่ไม่ได้มีเมียดุเหมือนเพ็ญศรีเท่านั้นอยู่นี่เองหรือ เดินหาเสียทั่วหนุ่มล่ำสันดำทะมึนในชุดเครื่องแบบปกติขาว ชุดราชการเต็มยศของสุภาพบุรุษแห่งทัพเรือเข้ามาสมทบโอ้ เต เพื่อนยาก ออกทะเลไปครานี้ ดำเป็นก้นหม้อกลับมาเชียวนะเอ็งจำรัสทักทายอ้าว สาวๆ สมัยนี้เขาชอบหนุ่ม dark ,tall and handsome มิใช่รึ ข้าเลยออกไปถนอมผิวที่ดาดฟ้าทุกวัน จะได้นำสมัยเอ็งตามหาพวกข้า มีอะไรหรือหลังจากล้อเล่นเฮฮาพอหอมปากหอมคอเพชรไพฑูรย์ก็ถามขึ้นแต้วมาแน่ะ นั่งรออยู่ห้องรับรองผู้พูดมิได้แสดงความผิดปกติในสีหน้ายามเอ่ยชื่อนี้ แม้ว่าใจจะยังยอกแสยงอยู่บ้างก็ตามความหมางใจเหลือเพียงอดีตไว้รำลึก สองหนุ่มได้จำรัสและเกื้อกูลที่ว่ายตามกันมาติดๆ งมช่วยไว้ทันกาล เตโชต้องทนเหม็นเขียวซดน้ำคั้นผักบุ้งสดและใช้กากพอกปิดปากแผลเพื่อถอนพิษกะพรุนอยู่นานร่วมอาทิตย์ต่อแต่นี้ ใครเอาผักบุ้งมาใกล้ๆ พ่อจะกระทืบให้แหลกทั้งคนทั้งผักเทียวเตโชประกาศกร้าวหลังจากหายดีแล้ว น่องซ้ายที่โดนเล่นงาน ยังมีรอยแผลเป็นนูนโค้งตามแนวหนวดที่แมงกะพรุนฝากไว้เป็นอนุสรณ์ตราบจนบัดนี้ผู้รออยู่ในห้องรับรองบุคคลภายนอก โปรยยิ้มหวานฉ่ำรับบุรุษร่างสูงเพรียวงาม ชุดกระโปรงสุภาพคอปาด แขนพอง สีชมพูกลีบกุหลาบขับผิวขาวราวไข่ปอก ให้ส่องสว่าง ผมยาวดำเป็นมันคาดเสยเปิดวงหน้าหวานปานจะหยดด้วยคาดผมมุกชมพูและต่างหูเม็ดเล็กเข้าชุด เรียกสายตาผู้คนให้พากันมองจนเหลียวหลังแต้วทำขนมมาฝากเนื้อเสียงนุ่มนวลพอๆกับใบหน้าเอื้อนเอ่ยวาจาชวนให้ลุ่มหลงบุญปากของผมอีกแล้วเขาหยอดประจบ จะบุญหรือจะบาปดีล่ะ แต้วเพิ่งหัดทำเสียด้วย ความบังเอิญกระมังที่ทำให้หลังติดยศเขาได้ย้ายมาประจำการที่นี่ พื้นที่ในความรับผิดชอบของบิดาแสงอุษา และด้วยอานิสงส์ของนักการทูตฝีปากเอกเช่นเกื้อกูล หนทางระหว่างเขากับหลานสาวคนเล็กของหมื่นชลธีกำแหงหาญจึงราบรื่น ปราศจากซึ่งอุปสรรคอันใด นั่นเป็นอะไรสาวงามชี้ไปยังรอยเลือดแห้งซึมบนริมฝีปากล่างของเพชรไพฑูรย์ อะไรหรือเขาแตะลงไปบนรอยแสบนั้นๆ อ้อ หน้าหนาว ปากเลยแตก หญิงสาวส่ายศีรษะด้วยความระอาแกมเอ็นดู มานั่งตรงนี้เถอะ เธอเรียกให้เขาขยับเข้ามาใกล้และควักตลับเหล็กเล็กๆออกมา บอกกี่ครั้งแล้วให้พกสีผึ้งเสียบ้าง มา แต้วทาให้ชายหนุ่มเข้ามานั่งลงบนม้าไม้ใต้ต้นหูกวางอย่างว่าง่าย ปลายนิ้วนุ่มเนียนลากไล้ตามรอยโค้งของริมฝีปากหยักรูปคันศรแผ่วเบาพ่อบอกแต้วเรื่องคำสั่งที่เพิ่งมาถึงแล้วเขาชะงักอย่าเพิ่งขยับดวงตารูปหยดน้ำใสกระจ่างแวววาวด้วยหยาดน้ำคลอหน่วย ทำไมเพชรไม่บอกแต้วว่าจะย้ายกลับพระนครเพชรไพฑูรย์รีบลุกขึ้นคว้าข้อมือเธอเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะเดินหนีผมไม่อยากให้แต้วต้องเป็นกังวล ไม่อยากให้เป็นกังวล? เลยจะทิ้งแต้วไปเฉยๆอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่นะครับนิสัยตรงไปตรงมาของเขามาทำพิษเอาตอนนี้เอง ความจริงชายหนุ่มคิดจะบอกแสงอุษาวันนี้ คาดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะรู้ก่อน บอกไปก็เหมือนแก้ตัว ยิ่งยุ่งหนักเข้าไปอีก ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกแต้วก่อน อย่าน้อยใจไปเลยนะครับ ผมไม่อยากเห็นแต้วทำหน้าเศร้าแบบนี้ ปลายนิ้วหยาบกร้านกรีดลูบคราบน้ำตาอย่างเบามือ คล้ายกลัวว่าผิวบางใสจะชอกช้ำและคล้ายเกรงว่าจะเป็นการล่วงเกิน ตัวไกล ใจห่าง เมืองกรุงมีแต่คนงาม พอไปถึงเพชรคงลืมคนที่นี่เสียกระมังไม่วายตัดพ้อต่อว่า ตระแหน่แง่งอนประสาหญิง เพชรไพฑูรย์เชยคางของสตรีสาวเบื้องหน้าให้สบสายตาซื่อตรงและเกาะกุมมือนุ่มอุ่นเลือดเนื้อแนบลงบนอกซ้ายแข็งแกร่ง ใจผม มีเพียงดวงเดียวคำตอบนั้นเป็นทั้งสัจจะและคำขาดของบุรุษชาตินักรบที่ไม่มีวันแปรเปลี่ยน ...ไม่มีวัน แปรเปลี่ยน...xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx เบื่อ เจ้าของเสียงใสนั่งท้าวคางพลางระบายลมหายใจแรง คนอะไร ขวางหูขวางตาได้เสียทุกอย่าง โน่นก็รำคาญ นี่ก็ไม่ถูกใจ พี่ภูมิอยู่บ้านวันไหน เป็นต้องเดือดเนื้อร้อนใจกันถ้วนหน้า ถ้าพิมเป็นต้นไม้ คงเฉาตายวันละหลายร้อยรอบ หลังบ่นระบายความอึดอัดขัดข้องใจ สาวน้อยก็หันไปกอดร่างบางแข็งกระดูกข้างกาย ซุกศีรษะกลิ้งเกลือกกับไหล่โปนของคนที่เธอรักยิ่งกว่าพี่ชายขอพิมมาอยู่คนด้วยได้ไหมคะ พิมไม่อยากอยู่บ้านแล้วกิริยาอ้อนจัด เรียกรอยยิ้มอ่อนจากผู้สูงวัยกว่าได้สมใจ พิมขอเอาผลสอบไปให้คุณตาดูก่อนนะคะ มัวไถลได้กลับช้า พี่ภูมิคงเผาพิมเป็นเถ้าถ่านพิมพรรณคว้ากระดาษฉิวเข้าตึกปลายนิ้วแข็งกร้านกรำงาน หันไปไล่เรียงเลือกสีด้ายเข้าลายใหม่ ตึกใหญ่ได้ฤกษ์เปลี่ยนผ้าม่านผ้าหมอนใหม่ตามคำบัญชาบุตรสาวคนเดียวของท่านเจ้าของตึก พิมลเจ้ากี้เจ้าการจัดแจงยกเครื่องถ้วยชายกระทั่งการจัดตกแต่งภายในของตึกใหญ่ เพื่อเตรียมต้อนรับการกลับมาของหลานชายคนหัวปีและหลานสาวคนโปรดหรือนัยหนึ่งคือเพื่อต้อนรับการกลับมาของว่าที่ลูกสะใภ้นั่นเองอาจเพราะอุปาทานหรือความเงียบที่สงบเกินไป ส่งผลให้พลอยเพทายละสายตาจากงานในมือและผินหน้ากลับไปเบื้องหลังแดดอ่อนรำไรยามสายจัด ส่องสอดลอดทะลุผ่านแนวไม้จับผิวเผือดแดดลมเป็นลายพร่าง ใครคนนั้นยืนตามสบายอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก เขาถอดเสื้อนอกหนาสีน้ำตาลไหม้พับพาดแขนเอาไว้ เหลือเพียงสูทกั๊กทับเชิ้ตขาว ปลดกระดุมแขนพับครึ่งศอกแบบง่ายๆ ทั่วสรรพางค์กายแลสะอาดสะอ้านเรียบร้อยตั้งแต่เนคไทด์จรดปลายกางขาสแล็ค ผมดำสนิทหวีเสยใส่น้ำมันเรียบร้อยเปิดไรผม ใบหน้าซูบเรียวใต้แว่นกรอบทองชื้นไปด้วยละอองเหงื่อบางเบา ชายหนุ่มขยับริมฝีปากหยักตรง หมายจะเอื้อนเอ่ยวาจาทักทายสตรีใต้ชายคาจากพี่พลอยขา พิมมาแล้วผมมัดเป็นหางม้าแกว่งสะบัดตามจังหวะวิ่ง เด็กสาวผู้ขัดจังหวะการสนทนาที่กำลังจะเริ่ม หยุดชะงักเมื่อเห็นบุคคลแปลกหน้าและหลบเข้าหาลูกพี่ลูกน้องที่นั่งอยู่ทันควันพิมพรรณยกมือไหว้ทำความเคารพอีกฝ่ายตามพลอยเพทายด้วยความสงสัยจำพี่ไม่ได้หรือพิมวิธีพูดจาและการมองที่คุ้นเคยส่งผลให้คิ้วโค้งธรรมชาติไร้การตกแต่งคลายออกเกือบจะทันทีพี่ธวัช! พี่ธวัชหรือคะ โอ๊ย ตาย ขอโทษค่ะ พิมจำไม่ได้ กลับมาแต่เมื่อไหร่คะ ไหนคุณแม่ว่าจะมากันปลายๆเดือนเพิ่งถึงเมื่อครู่ พอดีทำเรื่องทางโน้นเสร็จเร็ว เลยกลับมาก่อนมาคนเดียวหรือคะ น้องเล็กของทุกคนกระซิบถาม ไม่มีใครติดสอยห้อยตามมาหรือ คราวพี่ภูมิ ทำเอาคุณแม่ลมแทบจับคาหัวลำโพง ชาวบ้านชาวช่องแถวนั้นเกือบได้ดูโขนสดเป็นบุญตาเสียแล้วธงธวัชยิ้มพลางสาวเท้าเนิบนาบเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ ชายคาศาลาแห่งนี้เตี้ยไปสักหน่อยสำหรับบุรุษที่สูงเกินมาตรฐานชายทั่วไปเช่นเขา ชายหนุ่มต้องค้อมศีรษะเล็กน้อยยามยืนร่วมชายคากับสองสาวดวงตาดำสนิทใต้กรอบแว่นเลื่อนมาสนใจงานผ้าม่านปักใหม่ ผ้าม่านหรือ เขาก้มลงหยิบชมชายผ้ายาวด้านที่พาดพ้นเลยออกมากองบนเก้าอี้ไม้ยาวกลึงเกลี้ยง ลายเถากล้วยไม้เกี่ยวกระหวัดรัดรึงไล่เรื่อยไปจนถึงปลายนิ้วมือของหญิงสาว สวย...สมฝีมือศิษย์เอกของคุณหญิงเอกอนงค์ดาราการปักผ้าซ่อนด้าย ทำลายสองหน้าเป็นกลวิธีโบราณขั้นสูงที่หาผู้สามารถได้ยากนัก หน้าผ้าสองด้านจะเป็นลายแฝด เหมือนส่องกระจกทั้งหน้าหลัง ไร้รอยต่อ ตะเข็บ หรือปมด้ายใดๆทั้งสิ้น และเพื่อไม่ให้ภาพปักหนาจนเกินไป จึงต้องลงเข็มครั้งเดียวให้ได้ลวดลายพร้อมกัน ฉะนั้นคนทำต้องใช้ทั้งฝีมือประกอบความละเอียดอ่อนอดทนเป็นอย่างสูงธงธวัชลูบสัมผัสไปตามเถากล้วยไม้เขียวสด ผ่านไปไม่กี่ปี ฝีมือปักผ้าของเธอก็ล้ำเกินหน้าใครๆไปเสียแล้ว ทายาทคนโตแห่งฐิติวาริชปลดปล่อยผืนผ้าอ่อนนุ่มให้เป็นอิสระพี่คงต้องขอตัวไปกราบคุณปู่ก่อนผู้ที่กำลังเดินฝีเข็ม เงยหน้าสบตารับวาจาอำลา เฮ้อ รอจนฝ่ายเยือนเดินเลี้ยวลับลาเข้าหน้าตึก พิมพรรณค่อยระบายลมหายใจแรง อยู่กับพี่ธวัชเหมือนอยู่กับคุณลุงใหญ่เลยค่ะ เกร็งแทบแย่ จะพูดจะจาก็ต้องคอยระวัง กลัวถูกดุว่าไม่รู้จักเด็กจักผู้ใหญ่หญิงสาวผู้เงียบงันละสายตาจากงานในมือ พลางเอ่ยประโลมสาวน้อยช่างเจรจาด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะคุณพิม สายลมที่สงบไปชั่วครู่กลับมาโชยอ่อน พัดยอดไม้ให้ไหวเอน ใบไม้สดเสียดกิ่งกันซู่ซ่า ปลดปล่อยใบแห้งให้ทิ้งตัวอิสระสู่ผืนดินที่ปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าคุณธวัชน่ะใจดีที่สุด...พี่พลอยรับรองค่ะxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxได้ยินว่าพี่ธวัชกลับมาแล้วหรือ แฝดผู้พี่ร้องทักถามออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจใช่ แต่เรายังไม่เห็นพี่ธวัชเลย คงอยู่กับคุณปู่กระมัง สุนทรีวางมะปรางริ้วที่แบ่งมาจากตึกขาวลงบนโต๊ะกลาง ห้องโถงเล็กประจำตึกใหญ่เปลี่ยนเครื่องแก้วและชุดผ้าม่านเป็นสีสันสว่าง ดูมีชีวิตชีวากว่าเก่าเป็นกองพอธวัชมา ก็พากันลืมพี่เสียแล้วชายหนุ่มหนึ่งเดียวกลางวงสนทนาแสร้งพ้อโถ พี่ภูมิขา พวกเราไม่ได้เจอพี่ธวัชตั้งหลายปี อย่าน้อยใจเลยนะคะ แหม ใครจะลืมพี่ภูมิได้ลงคอล่ะ จริงไหมสุน เจนจิรายิ้มหวานจัดประจบประแจงหนุ่มรูปงามยิ้มตาพราว มีอะไร ปลอบขวัญดีๆให้คนใจน้อยคนนี้หรือเปล่าล่ะครับคำพูดหวังผลทำหญิงสาวค้อนขวับ เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่นะคะ ได้คืบ จะเอาศอก น่าหยิกให้เนื้อเขียวโธ่ ภูมิพงษ์ร้องโอด ฉวยโอกาสกุมมืออุ่นๆที่จะคีบเนื้อแขนเอาไว้ เจนไม่สงสารพี่หรอกหรือคนเจ้าเล่ห์แบบนี้ สงสารไม่ลงหรอกค่ะกิริยาวาจาหยอกเอินสนิทสนม กลับกลายเป็นการกีดกันคนที่สามให้ยืนเป็นส่วนเกินโดยมิได้ตั้งใจ สุนทรีรู้ว่าควรขอตัวเสียทีเอ่อ เรากลับตึกก่อนนะ เผื่อว่าจะเจอพี่ธวัชรอไปพร้อมกันสิสุนเจนอยู่เป็นเพื่อนพี่ภูมิไปเถอะ ถ้ามีอะไร เราจะให้คนมาตาม สตรีสาวผิวสีน้ำผึ้งขยับจะผละไป พลันกลับถูกกระตุกรั้งไว้ด้วยมือใหญ่อ่อนนุ่ม ประสาคนสบาย ไม่เคยทำงานหนักอยู่เป็นเพื่อนคุยกันก่อนเถอะสุน เขาชักชวนเหมือนชวนกินขนมหวาน แฝดผู้น้องมองมืออีกข้างของชายหนุ่มที่กุมมือพี่สาวเอาไว้ ไม่ดีกว่าค่ะ เผื่อคุณหญิงแม่จะให้ช่วยดูแลจัดเตรียมห้อง ต้อนรับพี่ธวัชเธอปลดมือออกจากการเกาะกุม ปล่อยเจนจิราได้คุยกับภูมิพงษ์ตามลำพัง พอออกมาพ้นจากห้องโถงรับรอง ก็แลเห็นเหล่าคนในบ้านวิ่งรอกสามตึกเป็นที่โกลาหลหญิงสาวในชุดกระโปรงชายบาน เร่งฝีเท้าเร็วกว่าเดิม ร่างงามสมส่วนเกือบชนเข้าคนหน้างอที่เดินสวนออกมาจากด้านในตึกขาว สองสาวต่างชักสีหน้าใส่กัน ต๊าย คุณหนูแพรยุรยาตรมาตึกขาว ฟ้าจะถล่ม ดินจะทลายเสียกระมัง สงสัยคงต้องให้คุณพ่อทำบุญตึกเสียหน่อย ไม่ได้อยากจะมาเหยียบนักหรอกค่ะ อ้าว นี่เสร็จธุระปะปังกับพี่ภูมิแล้วหรือคะ ฮึ คนเขามีเจ้าข้าวเจ้าของเห็นอยู่ทนโท่ ยังจะโฉบกันไป เฉี่ยวกันมา ตะลอนๆออกไปถึงไหนต่อไหน หาความละอายเป็นไม่มี ลมภายนอกตึกว่าแสนแรงแต่ยังมิอาจเทียบพายุอารมณ์ภายใน สุนทรีหมั่นไส้อีกฝ่ายเหลือกำลัง พวกเรารู้จักพี่ภูมิมาตั้งแต่เกิด หากจะมีใครคิดอกุศล ก็คงมีแต่พวกใจ ต่ำ จิตสกปรกเท่านั้นแหละจ้ะแพร แพรก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ แค่ไม่อยากให้คนอื่นเอาเก็บไปนินทาเสียๆหายๆ มองผู้หญิงบ้านนี้ว่า ง่าย ไปเสียทุกคน เก็บเอาความหวังดีแต่ปากไปเถอะจ้ะ แหม เสนอหน้าแทบตาย แต่เขากลับไม่แลเนี่ย น่าเจ็บใจน้อยเสียเมื่อไหร่ พี่เข้าใจดี ดั่งถูกแทงเข้าไปกลางใจ แค้นนักที่ไม่ว่าเวลาจะผันผ่านไปเนิ่นนานเพียงไร คนที่ตกเป็นเบี้ยล่างให้เขาเหยียบย่ำเสมอก็คือเธอ เกลียดนังแฝดคู่นี้นัก! ยืนเก้กังอะไรตรงนี้ ไหนว่าปวดหัว อยากไปนอนพัก ไม่ใช่หรือแพร? ลักษณะการพูดจาแบบนี้... บุตรสาวคนเล็กแห่งตึกขาวชาวาบไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ฝ้าย! ชโลธรก้าวออกมาหน้าตึกสีนวล เรือนกายโปร่งงามระเหิดระหงโปร่งงาม ข่มน้องสาวผู้อาภัพให้ยิ่งด้อยลงไปถนัดตา อ้าว สุนเองหรือ นึกว่าแพรคุยอยู่กับใครเสียอีก กลับมาแต่เมื่อไหร่? พักใหญ่แล้วล่ะ ทนเหนียวตัวไม่ไหว เลยอาบน้ำผลัดผ้าก่อน ใบหน้า ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอางสะอาดนวลตา ผมหยิกดัดอ่อนตามแบบสาวนอกถูกคาดทบด้วยผ้าแถบสีเหลืองอ่อน ผูกซ่อนปมผ้าไว้ตรงท้ายทอยและหวีผมด้านหน้าปาดลงมาปิดซ่อนหน้าผากกว้างนูนเอาไว้ หากเป็นยามปกติชโลธรคงเลือกสวมกางเกงขาสั้นแบบสาวสมัยใหม่ ด้วยรู้ว่าวันนี้ต้องเจอผู้ใหญ่ จึงเลือกชุดกระโปรงหลวม แขนกุด ทิ้งชายสั้นแค่เข่า ชุดธรรมดาที่ดูสุภาพที่สุด และแม้จะอยู่ในชุดกระโปรงอยู่กับบ้าน หญิงสาวก็ยังดูเฉิดฉายเกินใครเจนไปไหนเสียล่ะ?เอ่อ...พี่เจนอยู่กับพี่ภูมิที่ห้องรับรองเล็กค่ะ วรางคณาทะลุกลางปล้องสอดคำหน้าตาเฉยพี่ภูมิมาด้วยหรือ? ไม่เห็นป้าสามพูดถึงป้าสามเกรงพี่ฝ้ายจะเห็นว่าที่คู่หมั้นกับลูกพี่ลูกน้อง กำลัง นั่งคุย กันสองต่อสองอยู่ในที่รโหฐานกระมังคะ มองทางไหน ก็คงไม่มีใครเห็นแง่งามสอดส่องดูแลดีเสียยิ่งกว่าคู่หมั้นแบบนี้ ระวังจะกลายเป็นพวกองุ่นเปรี้ยว ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเองนะจ๊ะแพรก็ว่าไปตามเนื้อผ้า เห็นอย่างไร ก็ว่าอย่างนั้น ร้อนตัวหรือคะพี่สุนพอเถอะ อะไรก็ช่าง พี่ไม่อยากฟังสองสาวสงบคำทันที เราจะไปกราบคุณปู่ ไปเป็นเพื่อนกันสิเอ่อ...ทำไม มีอะไร?เปล่าดวงตาดำขลับราววาดด้วยหมึกเหลือบมองน้องสาวเป็นเชิงถามอีกคน แพรล่ะ ถ้าหายปวดหัวแล้วก็ไปด้วยกัน พี่ไม่อยากอยู่กับคุณปู่คนเดียว มันอึดอัดค่ะได้แต่รับคำเสียงแผ่วผู้นำเสมอจึงเยื้องย่างปานนางหงส์เดินออกหน้าลงไปจากตึกขาว ตามด้วยวรางคณาเหลือเพียงสุนทรีรั้งท้ายขบวนเดินตามคู่หมายของภูมิพงษ์ไปด้วยความสะท้อนใจโธ่ถัง เจนเอ๋ยxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxร่างอิ่มด้วยน้ำนวลแห่งวัยสาวหลีกเลาะออกหลังตึก พิมพรรณทนเก็บปากเก็บคำร่วมวงสนทนากับมารดาและลุงป้าในห้องรับรองตึกขาวได้พักใหญ่ ก่อนจะหาเรื่องหลบลี้หนีหน้าออกมาโดยมิให้มารดาทันรู้ตัวหลบมานี่ คุณแม่คงไม่ให้ใครมาตามอีกนะเธอกลอกตาโตๆดูลาดเลา พี่พลอยเตรียมของว่างบ่ายอยู่ตึกใหญ่แน่ๆ ไปหาพี่พลอยดีกว่า...อ๊ะ!แลเห็นอะไรไหวๆ ผ่านพุ่มสะเดากิ่งสูงปรกขอบกำแพงหลัง ชายฉกรรจ์ไม่คุ้นหน้าโดดตุบผ่านลงมาเงียบกริบ เหลียวซ้ายแลขวาล่อกแล่กเด็กสาวถอยกรูด หลบเข้าหลังต้นไม้แทนกำบัง พลางแอบยืดคอชะเง้อ หวังหาใครสักคนให้อุ่นใจโฮ้ย แย่จริง แห่ไปดูแลต้อนรับพี่ธวัชกับพี่ฝ้ายกันหมด ไม่เหลือใครไว้เลย ทำอย่างไรดีอาคันตุกะแปลกหน้า คว้ากระเป๋าเก่าซีดโทรมที่โยนนำลงมาก่อนยกพาดบ่า ก้าวขาสวบๆตรงดิ่งมาทางต้นไม้ที่เธอซ่อนตัวกาจน่าจะตัดหญ้าอยู่หน้าตึกใหญ่ ไปตามกาจมาดีกว่าอารามรีบร้อน เท้าไวเกินใจคิด สาวน้อยกำลังจะออกวิ่งจึงพลาดสะดุดขาตัวเอง ล้มลงขวางแทบเท้าผู้มาเยือนในระยะประชิด ตาดุที่จ้องมองมาด้วยความสนเท่ห์กระตุกหัวใจแทบหยุดเต้น พิมพรรณกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวเมื่อฝ่ายนั้นเอื้อมจะจับตัวเธอช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วย มีขโมย! มีคนร้าย!!!ผู้บุกรุกตกใจสุดขีด รีบปล่อยกระเป๋า ปราดเข้าตะปบอุดปากแน่นจนหายใจไม่ออก คนที่ตกเป็นเบี้ยล่างต่อสู้ขัดขืน ตะกุยตะกายหยิกข่วนสุดฤทธิ์ แต่เหมือนทุ่มเอาแรงไปเตะต่อยภูผา ไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิดฟังผมก่อน ผมไม่ใช่ขโมย...โอกาสทอง! พิมพรรณฝังคมเขี้ยวลงบนมือหนาแข็งสุดแรงโอ๊ย! เสียดายกัดไม่เข้า หนังเหนียวนัก ร่างอิ่มปราดเปรียวลุกวิ่ง เตรียมแผดเสียงสนั่นอีกคราไหนครับขโมยสวรรค์โปรด คนในบ้านวิ่งครึ่ก พร้อมจอบเสียมครบมือ เจ้านายน้อยชี้ไปยังคนที่ยืนจนมุมจำนนด้วยมือไม้ที่สั่นเทาแต่...ก่อนที่จะทันได้ลงมือจัดการผู้บังอาจละเมิดฐิติวาริชโดยมิได้รับอนุญาต ป้าทอง...นางแม่ครัวประจำตึกใหญ่ก็หยีตาเพ่งเจ้าโจรหนุ่ม แล้วอุทานถามเสียงแหลมคุณเพชร? คุณเพชรรึเจ้าคะ?ร่างสูงขายาวเพรียวในชุดพลเรือนธรรมดาหยัดกายยืดตรง ครับ ป้าทอง แล้วนี่...คุณพิม หรือครับ? เขาเดาจากลักษณะบางประการที่มีส่วนละม้ายพิมล โดยเฉพาะผิวสีมะปรางแก่และเค้าหน้าเลือนๆ วัยเยาว์ค่ะคนเก่งเมื่อครู่รับคำเอื่อยอ่อย อายแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีผมเห็นไม่มีคนอยู่ เลยถือวิสาสะเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต เป็นใครก็เข้าใจผิด ไม่มีอะไรแล้วป้ากลับไปทำงานกันเถอะครับชายหนุ่มรับผิดโดยดุษฎี คุณพิมเป็นอะไรหรือเปล่าครับยามถูกดวงตาน่ากลัวคู่นั้นสำรวจตรวจตราในครานี้ สาวน้อยกลับรู้สึกว่าผิวหน้าอุ่นระอุราวกับถูกอังด้วยเปลวไฟกองใหญ่พิมไม่เป็นอะไรค่ะผู้อ่อนวัยกว่ากระพุ่มมือไหว้ พี่เพชรต่างหากเป็นอะไรหรือเปล่าคะ โดนกัดเข้าเต็มแรง คงเจ็บแย่ไม่หรอกครับ โชคดีคุณพิมฟันไม่คม เขากระเซ้า รอยยิ้มจากริมฝีปากรูปคันศรทำให้เด็กสาวยิ่งอายจนแก้มแดงก่ำ พลอยอยู่ไหมครับ?ค่ะ แต่คงเตรียมของว่างบ่ายอยู่ พี่เพชรไปรอที่ศาลาพักร้อนก่อนเถอะค่ะศาลาพักร้อน...หรือครับ?อ๋อ ใช่ค่ะ เพิ่งสร้างได้ไม่กี่ปี พี่เพชรคงไม่รู้จัก อ่า...พิมพาไปดีกว่าค่ะสาวน้อยก้มหน้าก้มตานำทางและถึงจะเดินเร็วแต่ไหน คนก้าวธรรมดายังสามารถรักษาระยะห่างไว้ได้สม่ำเสมอพลอยเพทายอยู่ตรงนั้นเอง กลับมานั่งเย็บปักผ้าม่านให้เสร็จเรียบร้อยตามโองการของอาผู้หญิงพิมพรรณขยับจะเรียก...ชู่ว์เขาใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปากเป็นเชิงห้าม เด็กสาวเข้าใจกิริยานั้นจึงตะครุบงับเสียงที่กำลังจะหลุดลอดออกไปได้ทันท่วงทีร่างบางที่นั่งอยู่ตรงนั้นคล้ายมีเนื้อมีหนังพอให้ใจชื้นขึ้นบ้าง ผมดำตรงตัดสั้นปรกคางเปิดต้นคอกลมกลึงเผยผิวเกลี้ยงเย็นตา ซิ่นสีขรึมกับเสื้อคอบัวติดกระดุมสาบหน้าสีน้ำตาลตุ่นๆไร้สีสันลวดลายทิ้งชายยาวหลวมโพรกปิดบังอำพรางเรือนร่างแท้จริงเอาไว้ รอยยิ้มอ่อนโยนที่พึงมอบเฉพาะสตรีร่วมสายเลือดปรากฏขึ้นบางเบาราวได้ยินเสียงเรียก น้องสาวของเพชรไพฑูรย์เงยหน้า เหลียวมาทางทิศที่เขายืนอยู่ ดวงตาสีน้ำตาลชืดชาเฉยเมยกระพริบซ้ำๆคล้ายเห็นภาพพร่าเลือนผ่านสายหมอกหนาทึบบุรุษหนุ่มลูกทัพเรือก้าวยาวๆเข้าใกล้ชายคาศาลาหลังเล็ก ไม่อาจแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะจำเขาได้หรือไม่แล้วเธอก็ยิ้มออกมา ด้วยรอยยิ้มแบบที่ไม่มีใครเคยเห็นตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีเพียงเท่านี้...เพชรไพฑูรย์ก็รู้แล้วว่ากาลเวลาที่ผ่านไปยาวนานไม่สามารถกร่อนสายใยระหว่างเขาทั้งสองให้เบาบางเจือจางลงเลย ชายหนุ่มอ้าแขนกอดรัดรับร่างบอบบางแนบกายด้วยความรักสุดขั้วหัวใจมือผอมเกร็งกระดูกกำหลังเสื้อเขาไว้แน่น ผิวกายเธอเย็นจัด กระบอกตาที่กดแนบสัมผัสแขนเสื้อร้อนผ่าวเปียกชื้น พิมพรรณค่อยเลี่ยงหลบออกไปอย่างรู้กาลปลายนิ้วใหญ่หยาบเกลี่ยเรือนผมเหยียดตรงดำสนิท ประคองมองหน้านวลให้ชัดตา ไม่มีของฝากแค่นี้ ถึงกับต้องมีน้ำหูน้ำตาเชียวหรือเขาเย้าแหย่ หยาดน้ำแวววาวคลอคลองหน่วยตายาวรีสีน้ำตาลเข้ม สะท้อนเข้าไปในอกของพี่ชายผู้จากไปหลายปีพี่กลับมาแล้ว...ไม่ต้องร้องแล้วนะรอยยิ้มที่ปรารถนาจะเห็นที่สุดปรากฏอีกครั้ง ดวงหน้าเล็กคางแหลมสว่างกระจ่างชื่นคล้ายคลึงบิดาในภาพถ่ายโบราณสีหม่นคงจะดีหากพายุร้ายจะไม่พัดมาหลังทะเลสงบ...xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
คำคมและประวัติปู่เย็น
บางเวลากำลังใจก็มาจากผืนดินที่เรายืนอยู่
บางครั้งเราก็ห่างไกลจาก
...ความเรียบง่าย
ผมเลยชวนไปอ่านปู่เย็นด้วยกัง
ขออภัยที่ต้องวางลิงค์ภาพใหญ่คับ
คำคมและประวัติปู่เย็น