Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2555
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
26 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 
ประวัติศัพท์บทละครรามเกียรติ์



บทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ เป็นฉบับที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระราชนิพนธ์เพื่อใช้เล่นละคร จึงมิได้ทรงพระราชนิพนธ์ใหม่ทั้งเรื่อง ทรงเลือกเฉพาะตอนที่จะนำมาแสดงละครได้เท่านั้น บางตอนทรงนิพนธ์ใหม่ทั้งเรื่อง ทรงเลือกเฉพาะตอนที่จะนำมาแสดงละครได้เท่านั้น บางตอนทรงพระราชนิพนธ์เอง บางตอนก็โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และกรมหมื่นกวีพจน์สุปรีชา ตรวจชำระและจัดพิมพ์ในงานพระราชกุศลฉลองพระตำหนักจิตรดารโหฐาน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ และทรงพระราชนิพนธ์คำนำไว้ว่าเป็นหนังสือที่อ่านไม่เบื่อ เป็นภาษาไทยที่ดี และเป็นหนังสือสำคัญของชาติ


  • รามเกียรติ์ มีที่มาจากเรื่อง รามยณะ ที่ฤาษีวาลมิกิ ชาวอินเดีย แต่งขึ้นเป็นภาษาสันกฤต เมื่อประมาณ 2,400 ปีเศษ มาแล้ว และได้แพร่หลาย จากอินเดียไปยังประเทศใกล้เคียง และได้มีการเพิ่มเติมรายละเอียด ผิดแผกแตกต่างออกไปจากต้นฉบับเดิมไปไม่น้อย รามยณะเป็นปางหนึ่งในสิบปางของการอวตารมาปราบยุคเข็ญของพระนารายณ์ ที่มีชื่อว่า รามาวตาร



สำหรับเรื่องรามเกียรติ์ ของไทยนั้น มีมาแต่สมัยอยุธยา ในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ทรงพระราชนิพนธ์สำหรับให้ละครหลวงเล่น ปัจจุบันมีอยู่ไม่ครบ ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเพื่อรวบรวมเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งมีมาแต่เดิมให้ครบถ้วน สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ

  • ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ได้ทรงพระราชนิพนธ์เพื่อใช้เล่นละคร จึงมิได้ทรงพระราชนิพนธ์ใหม่ทั้งเรื่อง ทรงเลือกเฉพาะตอนที่จะนำมาแสดงละครได้เท่านั้น บางตอนทรงนิพนธ์ใหม่ทั้งเรื่อง ทรงเลือกเฉพาะตอนที่จะนำมาแสดงละครได้เท่านั้น บางตอนทรงพระราชนิพนธ์เอง บางตอนก็โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และกรมหมื่นกวีพจน์สุปรีชา ตรวจชำระและจัดพิมพ์ในงานพระราชกุศลฉลองพระตำหนักจิตรดารโหฐาน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ และทรงพระราชนิพนธ์คำนำไว้ว่าเป็นหนังสือที่อ่านไม่เบื่อ เป็นภาษาไทยที่ดี และเป็นหนังสือสำคัญของชาติ

จนในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ โดยดัดแปลงจากพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ เพื่อใช้ในการเล่นโขน ซึ่งจะมีอยู่เพียงบางตอนที่คัดเลือกไว้เท่านั้น เช่น ตอนนางลอย ตอนหักคอช้างเอราวัณ ตอนสีดาลุยไฟ เป็นต้น รามเกียรติ์เป็นวรรณคดีที่สำคัญของไทย เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เนื้อเรื่องและสำนวนกลอน ในเรื่องรามเกียรติ์มีความไพเราะ มีคติสอนและแง่คิดในด้านต่าง ๆ อยู่เป็นอันมาก สอดแทรกเอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง ตามหลักนิยมของอินเดียในเนื้อเรื่อง และหลักนิยมของไทยในสำนวนกลอน
ต้นเรื่องรามเกียรติ์


  • ณ ยอดเขาจักรวาลมียักษ์ตนหนึ่งชื่อ หิรันตยักษ์ ได้บำเพ็ญตบะเพื่อขอพรจากพระอิศวรให้มีฤทธิ์มากขึ้น เมื่อได้พรแล้วจึงคิดกำเริบว่าไม่มีใครสามารถสู้ได้ จึงม้วนแผ่นดินแล้วเหาะนำไปไว้ที่เมืองบาดาล เหล่าเทวดาจึงไปทูลฟ้องพระอิศวร พระอิศวรให้พระนารายณ์ไปปราบ แล้วจึงนำแผ่นดินมาคลี่ไว้ที่เดิม จากนั้นจึงกลับยังเกษียณสมุทร พบดอกบัวบานมีกุมารน้อยอยู่ในนั้น จึงนำไปถวายพระอิศวร พระอิศวรให้พระอินทร์ไปสร้างเมืองให้ที่ป่าทวาราวดี แล้วตั้งชื่อกุมารว่า อโนมาตัน และมอบอาวุธคือ ตรีเพชร คทา และธำมรงค์ ให้ไปปกครองเมืองนั้น ส่วนพระอินทร์ได้มอบนางมณีเกสร เป็นพระมเหสี ต่อมามีโอรสชื่อ อัชบาล และต่อมาท้าวอัชบาลกับนางเทพอัปสรมีโอรสชื่อ ทศรถ


ฝ่ายพระพรหมองค์หนึ่งชื่อสหบดี ซึ่งเคยให้สหมลิวัน ไปปกครองทวีปลังกาแต่ได้หนีพระนารายณ์ ไปอยู่เมืองบาดาล ทวีปลังกาจึงกลายเป็นเมืองร้าง สหบดีเห็นว่าควรมีการสืบวงศ์พรหมต่อไป จึงสั่งให้พระวิษณุพรหม ไปดูทำเลสร้างเมืองใหม่ พระวิษณุพบเกาะกลางทวีปมีภูเขาสูงชื่อ นิลกาฬ สีดำสนิทตั้งอยู่กลางเกาะเห็นว่าเป็นทำเลที่เหมาะจะสร้างเมืองที่มีความมั่นคง ป้องกันการรุกรานของข้าศึกได้ จึงสร้างเมืองขึ้นตรงเกาะนั้น แล้วตั้งชื่อว่าพิชัยลังกา ท้าวสหบดีได้ให้ญาติชื่อท้าวจตุรพักรไปครอง มอบอาวุธคือ ตรีศูล คทา ฉัตรแก้ว พร้อมพระเวทกำกับฉัตร หากเมื่อข้าศึกมาประชิดเมือง ให้ยกฉัตรขึ้นบังแสงอาทิตย์ ข้าศึกจะมองไม่เห็นเมือง ทั้งยังประทานนางมลิกาไปเป็นมเหสี



  • ต่อมามีโอรสชื่อท้าวลัสเตียน ซึ่งมีมเหสี 5 องค์ องค์สุดท้ายชื่อ พระนางรัชดาเทวี ซึ่งเป็นแม่ของทศกรรฐ์ มียักษ์ชื่ออสุรพรหมอยู่เชิงเขาจักรวาลต้องการมีฤทธิ์มากขึ้นเพียรทูลขอกระบองที่ไม่มีใครสู้ได้จากพระอิศวร จนพระอิศวรประทานกระบองเพชร ให้ มาลีวัคคพรหม จึงทูลทักท้วงว่า การที่ทรงประทานกระบองเพชรให้นั้น จะทำให้โลกเดือดร้อนได้ เพราะอสุรพรหมเป็นยักษ์ที่หยาบช้า ควรจะประทานอาวุธแก่ท้าวอัชบาล เพื่อใช้ปราบอสุรพรหม พระอิศวรจึงประทานพระขรรค์และพรแก่ท้าวอัชบาล ซึ่งภายหลังได้ฆ่าอสุรพรหมตาย ด้วยเหตุนี้มาลีวัคคพรหม จึงเป็นเพื่อนกับท้าวอัชบาลในเวลาต่อมา ต่อมา มาลีวัคคพรหมเสด็จไปเฝ้าพระอิศวรทูลลาไปอยู่ ณ เขายอดฟ้า พระอิศวรเห็นว่าเป็นพรหมที่มีความซื่อสัตย์ จึงประทานพรให้มีวาจาสิทธิ์ ทั้งได้ตั้งชื่อให้ใหม่ว่าท้าวมาลีวราช ปกครองเหล่าคนธรรพ์และยักษ์

มียักษ์อีกตนหนึ่งชื่อ ตรีบุรัม ครองเมืองโสพัส ต้องการมีฤทธิ์เอาชนะพระนารายณ์ได้ จึงบำเพ็ญตบะเพื่อขอพรจากพระอิศวร จนพระอิศวรต้องเสด็จลงมาให้พรตามที่ขอว่า พระนารายณ์ไม่สามารถฆ่าตรีบุรัมได้ เมื่อได้พรแล้วจึงกำเริบไปข่มเหงเหล่าเทวดาและนางฟ้าจนถึงสวรรค์ชั้นที่หกเดือดร้อนไปทั่ว จึงพากันมาฟ้องพระอิศวร เนื่องจากศึกครั้งนี้ใหญ่หลวง ด้วยตรีบุรัมได้พรจากพระอิศวร ทั้งพระพรหมและพระนารายณ์ไม่อาจปราบได้ พระอิศวรจึงต้องยกทัพไปปราบเอง ในกระบวนทัพของพระอิศวร ให้พระขันธกุมารเป็นทัพหน้า พระราหูถือธง พระพิเนตรเป็นปีกซ้าย พระพินายะเป็นปีกขวา พระกาฬเป็นเกียกกาย ท้าวเวสสุวรรณเป็นยกกระบัตร และพระเพลิงเป็นกองหลัง ส่วนพระอิศวรนั่งบนหลังพระโคอุสุภราช เอากำลังพระพรหมผสมกับพระเดชเป็นเกราะเพชร เขาพระสุเมรุเป็นคันธนูชื่อ มหาโลหะโมลี เอาอนันตนาคราชเป็นสายธนู พระนารายณ์เป็นลูกศร แต่ไม่สามารถยิงได้เพราะพรจากพระอิศวรดังกล่าว พระอิศวรจึงลืมตาที่สามขึ้นเป็นเพลิงกรดไหม้ตรีบุรัมตาย จากนั้นจึงมอบธนูโลหะโมลีไว้ที่เมืองมิถิลาและฝากเกราะเพชร ไว้ที่พระฤาษีอัคถะดาบส เพื่อเก็บไว้ถวายพระนารายณ์ตอนอวตารมาปราบเหล่ายักษ์



กำเนิดทศกรรฐ์


  • มียักษ์อีกตนหนึ่งชื่อ นนทก มีหน้าที่ล้างเท้าเทวดาที่มาเฝ้าพระอิศวร ณ เชิงเขาไกรลาสถูกเหล่าเทวดาลูบหัวทุกวันจนหัวล้าน มีความเสียใจและแค้นใจ จึงไปเฝ้าพระอิศวรทูลขอนิ้วเพชร ชี้ไปที่ใครต้องตาย เมื่อพระอิศวรให้พรแล้ว จึงกลับไปล้างเท้าเทวดาตามเดิม เมื่อถูกเหล่าเทวดาลูบหัวอีก จึงเอานิ้วเพชรชี้เทวดาล้มตายไปเป็นอันมาก เหล่าเทวดาจึงไปทูลฟ้องพระอิศวร พระอิศวรจึงให้พระนารายณ์ไปปราบ พระนารายณ์ได้แปลงกายเป็นนางอัปสรไปร่ายรำยั่วยวนจนนนทกหลงกลรำตาม เอานิ้วเพชรชี้ไปที่ต้นขาตนเองล้มลง พระนารายณ์จึงกลับร่างเดิมเหยียบอกนนทกไว้ นนทกจึงว่าพระนารายณ์กลัวตนจึงต้องแปลงร่างมา พระนารายณ์จึงสาปให้นนทกไปเกิดใหม่ มีสิบหัวสิบหน้าและยี่สิบมือ สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ มีคทาและธนูเป็นอาวุธ ส่วนพระองค์จะเกิดเป็นมนุษย์มี 2 มือ ตามไปฆ่า แล้วจึงฆ่านนทกตาย



เมื่อนนทกตายแล้วจึงไปเกิดเป็นโอรสของท้าวลัสเตียนและ พระนางรัชดาเทวี ชื่อว่าทศกรรฐ์ แปลว่าผู้มีสิบหู มีน้องชาย 2 คน ชื่อ พิเภกและกุมภกรรณ และมีน้องสาวชื่อนางสำมนักขา ต่อมาทศกรรฐ์ได้ไปศึกษาพระเวทย์กับฤาษีโคบุตร

.....


....หมายเหตุ(๑) ...เนื้อหาบล็กหน้านี้ ได้นำเนื้อความตลอดทั้งภาพมาจากหลายที่ แต่บทความเบื้องต้นเนื้อหาตอนแรก มาจาก เวบ //www.wannakadee.com จนทบ ขอขอบคุณเป็นพิเศษไว้ ณ.ที่นี่ด้วย


.....


....หมายเหตุ(๒)เนื่องด้วยบล็อกหน้านี้มีเนื้อหาที่เยอะ... ฉะนั้น จนทบ ขอนำส่วนเหลือมาลงต่อไว้ที่ช่อง ความคิดเห็นแทน เพื่อว่าจะได้อ่านปะติดปะต่อและสะดวก



Create Date : 26 ธันวาคม 2555
Last Update : 26 ธันวาคม 2555 23:27:09 น. 7 comments
Counter : 5198 Pageviews.

 
กำเนิดพิเภก

ฝ่ายพระอิศวร เมื่อรู้ว่านนทกไปเกิดเป็นทศกรรฐ์ที่กรุงลงกา เป็นยักษ์ที่ร้ายกาจและมีฤทธิ์มาก และเห็นว่าแม้พระนารายณ์จะอวตารไปปราบ ก็เห็นจะยาก จึงสั่งให้เวศญาณเทพบุตร ลงไปเกิดเป็นโอรสท้าวลัสเตียนกับพระนางรัชดาเทวี โดยประทานแว่นวิเศษใช้เรียนวิชาโหราศาสตร์ เพื่อเป็นไส้ศึกให้กับพระนารายณ์ และได้ชื่อว่าพิเภก

กำเนิดพาลี สุครีพ

ฤาษีโคดม เดิมเป็นกษัตริย์ครองเมืองสาเกต ไม่มีโอรสธิดา ได้ออกบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญตบะในป่าถึงสองพันปี จนหนวดเครายาวรุงรัง จนมีนกกระจาบมาทำรัง นกกระจาบได้พูดว่า พระฤาษีโคดมเป็นคนบาป ด้วยเป็นกษัตริย์ก็ไม่มีบุตรธิดา ยังหนีมาออกบวชจนทำให้เสียวงศ์กษัตริย์ พระฤาษีได้ฟังจึงคิดได้ จึงบำเพ็ญตบะตั้งพิธีขอผู้หญิงขึ้น คือนางกาลอจนา และอยู่กินกันจนมีธิดาคือนางสวาหะ ต่อมาพระอินทร์ และพระอาทิตย์ต้องการจะแบ่งฤทธิ์ไปช่วยพระนารายณ์ปราบยักษ์ จึงไปทำให้นางตั้งครรภ์และคลอดโอรส ออกมาเป็นพระยากากาศและสุครีพ ต่อมานางสวาหะ จึงเล่าเรื่องให้พระฤาษีฟัง พระฤาษีจึงอธิษฐานว่า จะปล่อยลูกลงน้ำ ถ้าใครเป็นลูกให้ว่ายน้ำกลับมาหาตน ถ้าไม่ใช่ให้กลายเป็นลิงเข้าป่าไป หลังจากปล่อยลูกทั้ง 3 ลงน้ำ คงมีแต่นางสวาหะคนเดียวว่ายกลับมา ส่วนพระยากากาศและ สุครีพกลายเป็นลิงเข้าป่าไป พระฤาษีโกรธมากจึงกลับมาสาปนางกาลอัจนาเป็นหิน นางกาลอัจนาจึงสาปนางสวาหะ ให้ยืนขาเดียวกินลมอยู่ในป่าเชิงเขาจักรวาล จะพ้นคำสาปเมื่อมีลูกเป็นลิงมีฤทธิ์เลิศกว่าลิงอื่น ๆ


กำเนิดนิลพัท หนุมาน


ฝ่ายพระอินทร์และพระอาทิตย์ สงสารลูกจึงไปสร้างเมืองขึ้น แล้วตั้งชื่อว่า เมืองขีดขิน แล้วให้พระยากากาศเป็นเจ้าเมือง สุครีพเป็นมหาอุปราช แล้วสอนพระเวทย์ให้ด้วย ด้านเมืองชมพูนั้นมีท้าวมหาชมพูเป็นเจ้าเมือง มีมเหสีชื่อนางแก้วอุดร เป็นเพื่อนสนิทของพระยากากาศ ไม่มีโอรสธิดา พระอิศวรจึงประทานลูกพระกาฬชื่อ นิลพัท ให้เป็นหลาน





เมื่อหนุมานเกิด นางสวาหะจึงพ้นคำสาปและบอกว่าถ้าผู้ใดมาทักเกี่ยวกับกุณฑลขนเพชรในตัว คนนั้นคือพระนารายณ์ ให้เข้าสวามิภักดิ์แก่ผู้นั้น จากนั้นหนุมานได้ลาพระพายและพระมารดาไป ต่อมาพระพายได้พาหนุมานไปเฝ้าพระอิศวร พระอิศวรจึงให้คาถามหามนต์ แปลงกาย หายตัว นะจังงัง ร่างกายคงทนต่ออาวุธ อายุยืน และหากถูกฆ่าตาย เมื่อถูกลมพัดก็จะฟื้น ต่อมาพระอิศวรจึงให้หนุมานและโอรสชื่อชมพูพาน ซึ่งเกิดจากเหงื่อไคลของพระองค์ ไปอยู่กับพระยากากาศ และสุครีพ ที่เมืองขีดขิน เมื่อถึงฤดูฝน เหล่าเทวดาจะมาร่ายรำเล่นฝน พ%C


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 26 ธันวาคม 2555 เวลา:23:34:38 น.  

 
กำเนิดทรพา ทรพี

มียักษ์ตนหนึ่งชื่อนนทกาลอสูร เป็นผู้เฝ้าประตูกำแพงชั้นในเขาไกรลาสของพระอิศวร ได้ล่วงเกินนางมาลีซึ่งเป็นคนร้อยดอกไม้ นางจึงไปทูลฟ้องพระอิศวร พระอิศวรโกรธสาปให้นนทกาลไปเกิดเป็นควายป่าชื่อ ทรพา และเมื่อถูกฆ่าโดยลูกชายชื่อทรพี จึงจะพ้นคำสาป เมื่อทรพาเข้ามาอยู่ในป่าได้นางควายเป็นเมียมากมาย เมื่อนางควายตัวใดมีลูกตัวผู้ก็จะถูกฆ่าตายหมด นางควายนิลาจึงหนีไปออกลูกในถ้ำสุรกานต์เป็นตัวผู้ ฝากเทวดาให้เลี้ยงดู เทวดาได้ตั้งชื่อ ลูกควายนี้ว่าทรพี



  • ฝ่ายท้าวศากยวงศาเจ้าเมืองบาดาลได้ตายลง ไมยราพได้ขึ้นครองเมือง คิดถึงเรื่องที่บิดาสั่งไว้มิให้คบหากับทศกรรฐ์ แต่เนื่องด้วยทศกรรฐ์เป็นยักษ์พาล วันหน้าอาจรุกรานได้ จำเป็นต้องเรียนพระเวทให้มากขึ้น จึงขึ้นจากบาดาล มาศึกษาพระเวท ด้านการสะกดทัพ หายตัว คงกระพันชาตรีกับพระสุเมธฤาษี ที่ป่าหิมพานต์ พระฤาษีได้ทำพิธีถอดดวงใจให้ไมยราพและให้ไปเก็บไว้ที่เขาตรีกูฎ ส่วนทางเมืองมนุษย์นั้นมีกรุงไกยเกษ ท้าวไกยเกษปกครองมีมเหสีชื่อ ประไพวดี ต่อมามีธิดาชื่อ นางไกยเกษี ท้าวไกยเกษเห็นว่า ท้าวอัชบาลเป็นวงศ์พระนารายณ์และมีความสามารถ ทั้งมีโอรสชื่อท้าวทศรถ จึงถวายนางไกยเกษีให้ ต่อมาท้าวอัชบาลได้ให้ท้าวทศรถขึ้นครองราชย์ และประทานนางไกยเกษี เป็นพระมเหสี


ด้านเมืองโรมพัตตัน มีท้าวโรมพัตเจ้าเมืองโรมพัตตัน เมืองนี้ฝนไม่ตกมาเป็นเวลาสามปี เกิดทุพภิกขภัย จึงให้จัดพิธีขอฝน แต่ไม่เป็นผล ต่อมาทราบว่าเพราะมีฤาษีตนหนึ่งชื่อกไลโกฎ บำเพ็ญตบะญาณแก่กล้าจนเกิดฝนแล้งขึ้น ท้าวโรมพัตจึงให้ธิดาชื่อนางอรุณวดี ไปทำลายพิธี โดยยอมเป็นเมียฤาษี


นารายณ์อวตาร


ฝ่ายท้าวทศรถนั้น มีเพื่อนเป็นพญานกชื่อสดายุ พระองค์ไม่มีโอรสธิดาเห็นว่าจะไม่มีใครสืบราชสมบัติ จึงทำพิธีขอโอรสที่มีฤทธิ์แต่ไม่สำเร็จ จึงไปนิมนต์ฤาษีกไลโกฎ ฤาษีกไลโกฎได้พาฤาษีอีก 4 องค์ ขึ้นไปเฝ้าพระอิศวรแล้วทูลว่า โลกมีความเดือดร้อนเพราะพระอิศวรและพระนารายณ์ได้ประทานศรแก่ยักษ์ คงมีแต่ท้าวทศรถเท่านั้นที่จะช่วยเหลือโลกได้ แต่พระองค์ไม่มีโอรส จึงควรให้พระนารายณ์อวตารไปปราบเหล่ายักษ์นั้น



  • พระอิศวรจึงให้พระนารายณ์อวตารไปเกิดเป็นโอรสท้าวทศรถ ชื่อ พระราม จักรเป็นพระพรต สังข์และบัลลังก์นาคราชเป็นพระลักษณ์ และคทาเป็นพระสัตรุต รวมทั้งให้พระลักษมีเป็นนางสีดา เกิดเป็นธิดาทศกรรฐ์และพระนางมณโฑ


กำเนิดทหารพระราม

ส่วนเหล่าเทวดาทั้งปวงได้พากันตามเสด็จไปช่วยพระนารายณ์ ปราบเหล่ายักษ์ด้วย พระอิศวรจึงให้พรว่า หากถูกพวกยักษ์ฆ่าตาย เมื่อลมพัดถูกตัวก็ให้ฟื้นขึ้นดังเดิม เหล่าเทพยดารับพรแล้วจึงจุติมาเป็นวานรในโลกมนุษย์ แล้วพระอิศวรจึงให้ฤาษีไปบอกกับท้าวทศรถ ให้ทำพิธีขอโอรส พระฤาษีได้ทำตามคำสั่ง ท้าวทศรถจึงตั้งพิธี ปรากฎรูปอสูรทูนถาดข้าวทิพย์ กลิ่นข้าวทิพย์โชยไปถึงกรุงลงกา พระนางมณโฑต้องการเสวยข้าวทิพย์มาก ทศกรรฐ์จึงให้นางกากนาสูร มาเอาข้าวทิพย์ นางกากนาสูรแปลงเป็นอีกามาโฉบเอาข้าวไปได้ครึ่งปั้น แล้วนำไปให้นางมณโฑ ส่วนที่เหลือสามปั้นครึ่งนั้น ส่วนนางไกยเกษีกับนางเกาสุริยา ได้คนละหนึ่งปั้น นางสมุทรเทวีได้ปั้นครึ่ง

กำเนิดนางสีดา

ต่อมาทุกนางได้ทรงครรภ์ นางเกาสุริยาประสูติโอรสเป็นพระราม นางไกยเกษีประสูติโอรสเป็นพระพรต นางสมุทรเทวีประสูติโอรสมาเป็นพระลักษณ์และพระสัตรุต พระนางมณโฑประสูติธิดามาเป็นนางสีดา เมื่อนางสีดาเกิดนั้นได้ร้องว่า ผลาญราพณ์ ถึงสามครั้ง ทุกคนได้ยินยกเว้นทศกรรฐ์และนางมณโฑ ทศกรรฐ์ดีใจมากที่ได้ธิดาและได้ให้พิเภกมาทำนายดวงชะตา พิเภกทำนายว่าดวงชะตานางสีดาเป็นกาลกิณี ควรจะเอาไปทิ้งน้ำ ทศกรรฐ์จึงให้เอาไปใส่ผอบทิ้งกลางทะเล แต่มีดอกบัวใหญ่ขึ้นมารองรับไว้ แล้วลอยทวนน้ำไปถึงอาศรมพระชนก ผู้ซึ่งเดิมเป็นกษัตริย์ครองเมืองมิถิลา พระฤาษีจึงนำไปเลี้ยงดู ต่อมาเห็นว่าตนออกบวชเพื่อสำเร็จญาณโลกีย์ แต่การที่มาเลี้ยงนางสีดาทำให้ไม่สำเร็จ จึงนำผอบที่ใส่นางสีดาไปฝังใต้ต้นไทรใหญ่ ให้อยู่ในอารักขาของเหล่าเทวดา




  • ส่วนที่กรุงศรีอยุธยา วันหนึ่งพระราม พระลักษณ์ พระพรต และพระสัตรุต ลองศรกัน พระรามแกล้งยิง หลังนางค่อมกุจจี นางค่อมได้รับความอับอายและเจ็บแค้นจึงอาฆาตพระรามตั้งแต่นั้น เมื่อพระโอรสเจริญวัย ท้าวทศรถจึงให้โอรส ไปศึกษาพระเวทกับฤาษีสององค์ชื่อ ฤาษีวสิษฐ์และฤาษีสวามิตร จนเรียนศิลปศาสตร์ได้อย่างชำนาญ และเห็นว่าจากนี้เหล่ายักษ์จะต้องตายด้วยศรพระราม แต่พระรามไม่มีศรประจำตัว จึงตั้งพิธีขอศร พระอิศวรได้ประทานศรให้องค์ละสามเล่ม แต่ละเล่มมีฤทธิ์ต่างกัน สำหรับศรของพระรามคือ ศรพรหมมาสตร์ ศรอัคนิวาต และศรพลายวาต เมื่อกลับเข้ากรุงศรีอยุธยา จึงลองศรให้ท้าวทศรถชมเป็นที่ชื่นชมโสมนัส ทางด้านท้าวไกยเกษ เห็นว่าตนนั้นชรามากแล้ว จึงไปขอลูกของพระนางไกยเกษีมาเลี้ยงดู หากในวันข้างหน้ามีศัตรูมารุกรานจะได้เป็นกำลังต่อสู้ได้ ท้าวทศรถจึงให้พระพรตกับพระสัตรุตไป


นับตั้งแต่ทศกรรฐ์ถอดดวงใจแล้วก็มีความกำเริบมากขึ้น และยังเห็นว่าเหล่านักพรตมีฤทธิ์มาก ซึ่งในกาลข้างหน้า การบำเพ็ญตบะของฤาษีนั้น อาจทำให้เกิดอันตรายต่อเหล่ายักษ์ได้ จึงให้นางกากนาสูรและไพร่พลยักษ์แปลงเป็นกา ไปทำลายพิธีบำเพ็ญตบะ พวกฤาษีสู้ไม่ได้ จึงไปเฝ้าท้าวทศรถ ขอให้พระราม พระลักษณ์ ไปช่วยปราบ พระราม พระลักษณ์ ได้แผลงศรถูกนางกากนาสูรตาย สวาหุและม้ารีสลูกของนางกากนาสูร ทั้งสองจึงมาแก้แค้นแทนมารดา พระรามจึงแผลงศรถูกสวาหุตาย ส่วนม้ารีสหนีไปกรุงลงกา

ฝ่ายพระชนกหลังจากได้ฝังผอบนางสีดาไว้โคนต้นไทรแล้วไปบำเพ็ญเพียรต่อ แต่ไม่สำเร็จญาณสมาบัติ เกิดความเบื่อหน่ายจะกลับไปครองเมืองมิถิลาตามเดิม จึงไปขุดเอาผอบนางสีดาขึ้นมาภายในมีนางอายุประมาณ สิบหกปี จึงได้พาเข้าเมือง และตั้งชื่อว่า นางสีดา


พิธียกศร


ต่อมาเห็นว่านางสีดามีอายุสมควรจะมีคู่ครองได้ จึงตั้งพิธียกศรมหาธนูโมลี ซึ่งเป็นศรที่พระอิศวรใช้ฆ่าตรีบุรัมตาย ฤาษีวิสิษฐ์และฤาษีสวามิตร จึงพาพระรามและพระลักษณ์ไปยกศร โดยพระอินทร์ได้เสด็จมาเป็นองค์ประธาน แต่ไม่มีกษัตริย์องค์ใดยกศรได้ นอกจากพระราม แล้วพระรามพานางสีดา กลับมายังกรุงศรีอยุธยา ฝ่ายรามสูรตั้งแต่จับพระอรชุนฟาดกับเขาพระสุเมรุ สิ้นชีวิตแล้ว ก็ออกเที่ยวข่มเหงผู้อื่นไปเรื่อย ๆ จนมาพบกับทัพพระรามและนางสีดา เมื่อเห็นนางสีดา จึงคิดจะแย่งนางมาและได้ต่อสู้กับพระราม ระหว่างการต่อสู้เห็นพระราม เป็นพระนารายณ์ จึงขอโทษพระราม ส่วนทรพีนั้นเมื่อเติบใหญ่ขึ้น จึงพยามยามวัดรอยตีนของพ่อ เมื่อเห็นว่าเท่ากับของทรพาผู้เป็นพ่อแล้ว จึงมาท้าต่อสู้กับทรพาและฆ่าทรพาตาย

พาลีฆ่าทรพี

ทรพีเมื่อฆ่าทรพาตายแล้ว จากนั้นก็ไปท้าทายบรรดาเทวดาไปเรื่อย ๆ เทวดาจึงหลอกให้ไปท้าพระอิศวรที่เขาไกรลาส พระอิศวรโกรธ จึงให้ไปต่อสู้กับพระยาพาลีและสาปให้ตายด้วยฤทธิ์ของพระยาพาลี แล้วไปเกิดเป็นลูกพระยาขร ชื่อ มังกรกรรฐ์ และให้ตายด้วยศรพระราม ทรพีแม้จะถูกสาปแล้วก็ยังไม่สำนึกตัว ไปท้าทายพระยาพาลีที่เมืองขีดขิน



  • ทั้งสองจึงต่อสู้กัน พระยาพาลีได้ลวงให้ทรพีไปสู้กันในถ้ำ และได้สั่งสุครีพว่าเมื่อครบเจ็ดวันแล้วยังไม่กลับออกมา ให้เฝ้าดูรอยเลือด ถ้าเป็นเลือดข้นจะเป็นเลือดควาย ถ้าเห็นเลือดใสจะเป็นเลือดตน จงรีบพาไพร่พลขนหินมาปิดถ้ำเสีย ต่อมาพระยาพาลีได้ฆ่าทรพีตาย เทวดายินดีบันดาลให้ฝนตก เลือดที่ไหลออกมาจึงใส สุครีพเห็นเข้าคิดว่าเป็นเลือดพระยาพาลี จึงสั่งให้ไพร่พลเอาหินมาปิดถ้ำ ฝ่ายพระยาพาลีเมื่อฆ่าทรพีตายแล้ว จะออกจากถ้ำพบถ้ำปิดก็โกรธหาว่าสุครีพคิดจะแย่งชิงเมือง จึงไล่สุครีพออกจากเมืองไป ฝ่ายทรพีเมื่อตายไปแล้ว ได้มาเกิดเป็นบุตรของพระยาขร น้องชายของทศกรรฐ์ซึ่งครองเมืองโรมคัล กับพระนางรัชฎาสูรชื่อว่า มังกรกรรฐ์ ตามคำสาปของพระอิศวร


พระรามออกบวช

ต่อมาท้าวทศรถมอบราชสมบัติให้พระราม นางค่อมกุจจีคิดแก้แค้นไม่ให้พระรามได้ครองเมือง จึงยุยง พระนางไกยเกษี ให้กำจัดพระราม และให้พระพรตบุตรของนางครองเมืองแทน พระนางไกยเกษีจึงไปทวงสัญญาจากท้าวทศรถ ที่ประทานให้จากความดีความชอบของนาง คราวที่ท้าวทศรถสู้กับยักษ์ปทูตทันต์ เมื่อท้าวทศรถรับปาก นางจึงขอให้ยกราชสมบัติให้พระพรต แล้วให้พระรามออกบวชเป็นฤาษีเป็นเวลาสิบสี่ปี ท้าวทศรถจำเป็นต้องยอม แล้วพระนางไกยเกษีจึงให้นำเครื่องบวชไปให้พระราม ส่วนนางสีดาและพระลักษณ์ เมื่อเห็นพระรามออกบวช จึงติดตามไปด้วย ทั้งสามองค์ได้หนีออกไปจากวังในตอนกลางคืน ไปยังเขาสัตตกูฎ ท้าวทศรถเมื่อทราบเรื่องก็ตรอมใจตาย ฝ่ายพระพรตกับพระสัตรุต เดินทัพกลับมา เพื่อแสดงความยินดีกับพระรามที่จะขึ้นครองเมือง เมื่อถึงเมือง รู้ว่าท้าวทศรถสิ้นพระชนม์ เพราะพระนางไกยเกษีก็โกรธ พระพรตจะไปฆ่าพระมารดา แต่พระสัตรุตห้ามไว้ ทั้งพระพรตและพระสัตรุต จึงออกบวชแล้วติดตามพระราม พร้อมกับพระนางเกาสุริยา พระนางไกยเกษี พระนางสมุทรเทวี เพื่อไปรับพระรามกลับมาครองเมือง แต่พระรามได้รับปากกับท้าวทศรถแล้วจึงไม่ยอมกลับ พระพรต กับพระสัตรุต จึงทูลว่าถ้าสิบสี่ปีแล้ว พระรามไม่กลับจะยอมตาย พระพรตได้สร้างเมืองประจันตคามที่ชายแดนอยุธยา แล้วพระองค์ประทับรออยู่ที่นั่น ส่วนพระสัตรุต ได้ให้ไปครองกรุงศรีอยุธยา


เริ่มศึกทศกรรฐ์


วันหนึ่งทศกรรฐ์จะไปเที่ยวป่าเจ็ดวัน จึงให้ชิวหาผู้เป็นน้องเขยเฝ้าเมืองไว้ ชิวหาจึงเนรมิตตัวเท่าบรมพรหม แลบลิ้นปิดกรุงลงกาไว้ ทศกรรฐ์กลับมาเห็นกรุงลงกามืดทึบ คิดว่าข้าศึกมาฆ่าชิวหาตายแล้วยึดเมืองได้ จึงขว้างจักรตัดลิ้นชิวหาขาดตายโดยไม่ได้ตั้งใจ นางสำมนักขาเสียใจมากและต้องอยู่คนเดียวตลอดมา จึงคิดหาคู่เดินทางเข้าป่าไป

นางสำมนักขาพบพระรามก็นึกรัก จึงแปลงกายเป็นหญิงสาวขอเป็นเมียพระราม พระรามไม่ยอม นางสำมนักขาเห็นนางสีดา รู้ว่าที่พระรามไม่รักตนเป็นเพราะนางสีดาจึงเข้าทุบตี พระลักษณ์โกรธจึงตัดมือ ตัดเท้า จมูก และหู ของนางสำมนักขา นางจึงไปฟ้องพระยาขร พระยาขรออกมาต่อสู้กับพระราม ต้องศรพรหมาสตร์ตาย ไพร่พลยักษ์จึงไปฟ้องพระยาทูษณ์ พระยาทูษณ์ออกมาต่อสู้กับพระราม ถูกฆ่าด้วยศรพรหมาสตร์ และพี่ชายอีกคนชื่อพระยาตรีเศียร มาแก้แค้นให้ จึงถูกพระรามฆ่าอีกคน



โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 26 ธันวาคม 2555 เวลา:23:40:23 น.  

 
ทศกรรฐ์ลักนางสีดา

นางสำมนักขาเห็นพระยาทูษณ์ พระยาขร และพระยาตรีเศียรตาย จึงไปฟ้องทศกรรฐ์ ทศกรรฐ์ได้ฟังโกรธแค้นมาก คิดจะออกมาฆ่าพระราม พระลักษณ์ แต่นางสำมนักขากลัวพี่ชายจะไปฆ่าพระราม จึงแนะนำให้ทศกรรฐ์ไปเอานางสีดามาเป็นเมีย พร้อมกับพูดถึงความงามของนางสีดาด้วย ทศกรรฐ์ได้ฟังก็หลงรัก จึงให้มารีสแปลงเป็นกวางทอง ไปล่อนางสีดา นางสีดาเห็นเข้าก็อยากได้ พระรามจึงออกตามกวางไป พบว่าเป็นมารีส พระรามโกรธที่ได้ไว้ชีวิตเมื่อคราวไปทำร้ายฤาษี แต่ไม่รู้คุณ จึงแผลงศรไปถูกมารีสบาดเจ็บ มารีสแกล้งทำเสียงเป็นพระราม ร้องเรียกพระลักษณ์ให้ไปช่วย นางสีดาจึงให้พระลักษณ์ตามไปช่วย ทศกรรฐ์จึงได้แปลงกายเป็นฤาษีมาหานางสีดา ฤาษีกล่าวว่า นางสีดานั้นไม่เหมาะกับพระราม น่าจะเป็นเมียทศกรรฐ์มากกว่า นางสีดาโกรธจึงว่า น้องชายของทศกรรฐ์ยังถูกพระรามฆ่าหมด แล้วทศกรรฐ์จะสู้พระรามได้อย่างไร ทศกรรฐ์โกรธกลับเป็นร่างเดิมแล้วอุ้มนางสีดาไป ฝ่ายนกสดายุคิดถึงพระนารายณ์ จึงบินไปเยี่ยม ระหว่างทางเห็นทศกรรฐ์ลักพานางสีดาไปก็โกรธ เข้าขัดขวางและต่อสู้กัน ทศกรรฐ์เกือบจะแพ้ สดายุได้พูดเย้ยเยาะว่าตนไม่กลัวใคร นอกจากพระอิศวรและพระนารายณ์ รวมทั้งแหวนของพระอิศวรที่นิ้วนางสีดา ทศกรรฐ์จึงถอดแหวนจากนิ้วนางสีดาขว้างไปถูกสดายุปีกหักตกลงพื้นดิน แล้วพานางสีดาไปไว้ที่สวนขวัญ และให้โอรสชื่อสหัสกุมาร เฝ้าไว้



  • ส่วนพระรามเมื่อฆ่ามารีสตาย ก็นำกวางกลับมาที่อาศรม ระหว่างทางพบพระลักษณ์ เมื่อกลับมาถึงอาศรม จึงพากันติดตามหานางสีดา พบสดายุ สดายุได้เล่าให้ฟัง พร้อมกับนำแหวนนางสีดามาถวายและได้สิ้นชีวิตลง ยักษ์ตนหนึ่งชื่ออสุรกุมพล ถูกพระอิศวรสาปมาทนทุกข์ทรมาน เป็นเวลาหกหมื่นปีแล้ว พบพระรามและลักษณ์ เมื่อรู้ว่าเป็นพระนารายณ์ จึงเล่าให้ฟังว่า ตนถูกพระอิศวรสาป เมื่อพบกับพระรามจึงจะพ้นคำสาป แล้วทูลว่า นางสีดาถูกทศกรรฐ์พาไปเมืองลงกาซึ่งอยู่ไกลมาก ต้องไปถามพระยาพาลีที่เมืองขีดขินและยังมีเมืองชมพู ซึ่งอยู่ใกล้กัน ทั้งสองเมืองนี้มีไพร่พลวานรมากมาย คงจะพาพระรามข้ามไปยังกรุงลงกาได้ พระรามได้แผลงศรพรหมาสตร์ถูกกุมพลตาย จึงพ้นคำสาป จากนั้น พระราม พระลักษณ์ เดินทางต่อไปถึงป่าแหน่งหนึ่ง



หนุมานถวายตัว


ฝ่ายหนุมานได้เที่ยวป่า จนถึงที่พระราม พระลักษณ์ พักผ่อน จึงแปลงเป็นลิงน้อย แกล้งรูดใบไม้โปรยลงมา พระลักษณ์โกรธจับศรจะตี หนุมานแย่งศรไป ความทราบถึงพระราม เห็นว่าคงไม่ใช่ลิงธรรมดา เพราะมีกุณฑล ขนเพชร เขี้ยวแก้ว เมื่อหนุมานรู้ว่าเป็นพระนารายณ์อวตารมา จึงเข้ามาสวามิภักดิ์ พระรามได้เล่าเรื่องที่นางสีดาถูกลักพาตัวมา



  • หนุมานจึงทูลว่าจะไปพาสุครีพมาเฝ้า สุครีพจึงเล่าเรื่องที่พระยาพาลีพี่ชาย ขับไล่ออกจากเมือง แล้วผิดคำสาบานกับพระนารายณ์ในครั้งก่อน ทูลขอให้พระรามฆ่าพระยาพาลี พระรามจำได้ จึงให้สุครีพไปล่อพาลีออกมา สุครีพได้ไปท้าทายพระยาพาลี ทั้งสองได้ต่อสู้กัน แต่พระรามไม่สามารถแผลงศรฆ่าพระยาพาลีได้ เพราะทั้งสองเหมือนกันมาก พระยาพาลีสู้ชนะสุครีพ จับสุครีพขว้างไปเนินเขาจักรวาล แล้วกลับเข้าเมือง สุครีพต่อว่าพระรามที่ไม่ฆ่าพระยาพาลี


พระรามจึงบอกว่ารูปร่างเหมือนกัน มองไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แล้วจึงฉีกชายผ้าให้สุครีพผูกแขนไว้ สุครีพจึงไปท้าพระยาพาลีใหม่ พระรามจึงยิงพระยาพาลีด้วยศรพรหมาสตร์ พระยาพาลีจับศรได้ แล้วถามพระรามว่าเรื่องรบนี้เป็นเรื่องระหว่างพี่น้อง ฤาษีไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว พระรามจึงบอกว่าพระยาพาลีได้ผิดคำสาบานกับพระอิศวรไว้ และต้องตายด้วยศรพระนารายณ์ แล้วพระรามจึงกลายร่างเป็นพระนารายณ์ พระยาพาลีจึงสำนึกตัวว่าได้ทำผิด จึงขอรับโทษ พระรามสงสารจึงว่าให้เอาศรสะกิดเลือดเพียงหยดเดียวก็จะสังเวยอำนาจศรได้ พระยาพาลีไม่ยอมขอลาตาย แล้วสอนสุครีพก่อนตาย



  • จากนั้นได้ปล่อยให้ศรปักตัวเองตาย ส่วนไพร่พลวานรได้หนีกระจัดกระจายไป สุครีพจึงทูลว่า จะรวบรวมให้ได้ภายในเจ็ดวัน เพื่อจะได้ไปปราบยักษ์ที่ลงกา ส่วนพระรามไม่ยอมพักในเมืองขีดขิน จะไปพักที่เชิงเขาคันธมาทน์ ระหว่างเดินทางพบพระยายูงทอง พระยายูงทองจึงทูลว่า นางสีดาสั่งไว้ว่าถูกทศกรรฐ์ลักไปกรุงลงกา ขอให้ติดตามไปช่วย ต่อมาจึงพบฝูงลิงป่า ฝูงลิงป่าได้ถวายผ้าสไบของนางสีดาแก่พระราม ฝ่ายพระอินทร์เห็นพระรามและพระลักษณ์ เดินทางไปยังเขาคันธมาทน์ เพื่อชุมนุมกองทัพไปปราบยักษ์ จึงให้พระวิศณุกรรม์ไปเนรมิตพลับพลาที่บริเวณอันเป็นชัยภูมิ แล้ววางเครื่องทรงไว้ให้เปลี่ยนหลังจากลงเพศฤาษี


สุครีพได้เกณฑ์ไพร่พลที่กระจัดกระจายไป ส่วนพระรามให้หนุมานนำสาสน์ไปเกลี้ยกล่อมท้าวชมพู แต่ไม่เป็นผล หนุมานจึงร่ายมนต์ ทำให้ท้าวชมพูหลับ แล้วอุ้มพาไปพบพระราม พระรามดีใจตรัสชมสุครีพ และแล้วลูบตัวหนุมานตั้งแต่หัวจนถึงหาง หนุมานจึงพ้นคำสาปของพระอุมา


พระรามจัดทัพ


ฝ่ายนิลพัท ได้ตามมาหาท้าวชมพู ท้าวชมพูจึงพาเข้าพบพระราม เมื่อท้าวชมพู และนิลพัท เข้าสวามิภักดิ์แล้ว จึงจัดทัพโดยมีนิลพัทเป็นจอมทัพ มารวมกับทัพของสุครีพ แล้วไปยังภูเขาคันธมาทน์ พร้อมด้วยสิบแปดมงกุฎทหารใหญ่ เพื่อเฝ้าพระราม ส่วนประคนธรรพ์ ที่อาศัยอยู่เชิงเขายุคนธร เหาะผ่านมารู้ว่าเหล่าวานรจะยกทัพไปรบเหล่าทัพกับพระราม ก็ดีใจให้นิลขันพาไปถวายตัวแก่พระราม สุครีพ หนุมาน องคต นิลพัท ชมพูพาน นิลนน โคมุท และทหารสิบแปดมงกุฎ ปรึกษากันแล้วทูลพระรามว่า กองทัพทั้งสองเมืองแม้จะมีกำลังเข้มแข็ง แต่หนทางไปกรุงลงกากันดารมาก อาจเกิดขัดสนในเรื่องเสบียงอาหารและอื่น ๆ ควรให้คนไปสืบข่าวก่อนจึงค่อยยกทัพไป พระรามเห็นชอบ จึงให้หนุมาน ชมพูพาน องคต นำข่าวไปแจ้งแก่นางสีดา แล้วมอบแหวนกับสไบ ให้หนุมานไปเป็นเครื่องยืนยันแก่นางสีดา ทั้งสามวานรได้พาไพร่พลเหาะไป และได้แวะพักผ่อนที่สระโบกขรณี แล้วหลับไป พบยักษ์ตนหนึ่งชื่อปักหลั่น ที่ถูกพระอินทร์สาปมาเฝ้าสระ จึงเข้าต่อสู้กัน เมื่อยักษ์รู้ว่าเป็นทหารของพระนารายณ์จึงยอมอ่อนน้อม องคตจึงสงสารช่วยยักษ์ปักหลั่นให้พ้นคำสาป ทั้งสามทหารได้เดินทางรอนแรมไป จนไปพบกับฤาษีชฎิล ฤาษีจึงบอกว่าให้เดินทางไปยังภูเขาเหมติวัน ซึ่งอยู่ริมฝั่งมหาสมุทรที่จะข้ามไปลงกา เมื่อสามทหารและไพร่พลเดินทางไปถึงภูเขาเหมติวัน พบกับพระยานกสัมพาที ซึ่งเป็นเพื่อนกับสดายุ จึงถามเรื่องราวของสดายุ หนุมานเล่าให้ฟังแล้วถามว่า ทำไมจึงไม่มีขน พระยานกสัมพาทีจึงเล่าให้ฟังว่า ตนเป็นพี่ชายของสดายุ



  • วันหนึ่งสดายุเห็นพระอาทิตย์ นึกว่าผลไม้ จึงจะจับกิน ตนห้ามไม่ฟัง พระอาทิตย์จึงเปล่งแสงร้อนแรง ตนจึงไปช่วยจนขนหลุดหมด และพระอาทิตย์ก็ยังได้สาปตนให้อยู่ในถ้ำเหมติวัน และขนไม่งอกขึ้น จนกว่าจะพบกับทหารพระนารายณ์ คุมพลมาเพื่อจะข้ามไปลงกา แล้วเหล่าวานรได้โห่ขึ้นสามครั้ง ขนจึงจะงอกดังเดิม เมื่อพ้นคำสาปแล้ว จึงพาสามทหารขี่หลังบินไปจนถึงเขาคันธสิงขร แล้วชี้ว่าเกาะกลางสมุทรที่มีเขาสูงชื่อนิลกาฬนั้นคือกรุงลงกา หนุมานจึงให้ชมพูพานกับองคต ไปคุมทัพคอย ส่วนหนุมานจะไปเฝ้านางสีดา


หนุมานเข้าลงกา

ภายในมหาสมุทรรอบกรุงลงกานั้นมีผีเสื้อสมุทร ซึ่งทศกรรฐ์ได้สั่งให้รักษาด่านสมุทร เห็นหนุมานเหาะข้ามมา จึงเข้าขัดขวางแล้วเข้าสู้รบกัน ถูกหนุมานฆ่าตาย แล้วจึงเหาะไปพบเขาโสฬส คิดว่าเป็นเขานิลกาฬ พบกับฤาษีนารท ได้ลองภูมิกับฤาษี แต่แพ้ฤาษี

หนุมานถวายแหวน

ฝ่ายนางสีดานั้นถูกทศกรรฐ์จับขังไว้ในสวนนี้นานแล้ว และยังถูกนางกำนัลของทศกรรฐ์ด่าทอด้วยคำหยาบ จนเจ็บช้ำใจมาก พระรามก็ยังไม่มาช่วย จึงคิดผูกคอตาย หนุมานได้ช่วยไว้ทัน และกราบทูลให้ทราบถึงข่าวของพระราม แล้วถวายแหวนกับสไบแก่นาง นางสีดาไม่เชื่อ ด้วยแหวนและสไบนี้ตกอยู่กลางป่า ใครจะเก็บมาก็ได้ หนุมานจึงทูลความสัมพันธ์ระหว่างพระรามและสีดาที่เมืองมิถิลา นางสีดาจึงเชื่อ หนุมานจึงทูลนางสีดาว่า จะพากลับไปหาพระราม นางสีดาไม่ยอม ด้วยเห็นว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นยักษ์ลักมาลิงพาไปเป็นความอัปยศ จึงให้หนุมานไปทูลให้พระรามกรีฑาทัพมาฆ่าทศกรรฐ์ จะเหมาะสมกว่า


หนุมานเผาลงกา


หนุมานเมื่อทูลลานางสีดาแล้ว คิดว่าเมื่อเข้ามาเหยียบกรุงลงกาแล้ว ก็ควรจะได้ลองฤทธิ์กับเหล่ายักษ์ดูบ้าง จึงแผลงฤทธิ์ หักต้นไม้ในสวน สหัสกุมารเข้าต่อสู้ ถูกหนุมานฆ่าตาย ทศกรรฐ์รู้ข่าว จึงให้อินทชิตไปฆ่าหนุมาน อินทรชิตพบหนุมานต่อสู้กัน หนุมานแกล้งทำเป็นแพ้



  • อินทรชิตจึงให้ไพร่พลยักษ์เอาโซ่เหล็กมัดหนุมาน แล้วพาไปหาทศกรรฐ์ หนุมานได้สบัดโซ่ขาด เข้าต่อสู้กับไพร่พลยักษ์อีก แล้วแกล้งทำเป็นอ่อนแรง บอกทศกรรฐ์ว่าให้ฆ่าตนให้ตายจะได้ไม่ทรมาน


ทศกรรฐ์ไม่รู้วิธีฆ่าหนุมาน จึงบอกให้ใช้ไฟฆ่าตน ทศกรรฐ์จึงให้เอาเชื้อไฟมาพันรอบตัวของหนุมาน แล้วจุดไฟด้วยหอกแก้วสุรกานต์หนุมานจึงกระโจนไปในปราสาท ใช้ไฟที่ลุกติดร่างกายอยู่ เที่ยวจุดไฟเผาไปทั่ว ทศกรรฐ์จึงรู้ว่าตนเสียรู้หนุมาน และไฟที่เกิดจากหอกไม่อาจดับได้ จึงต้องพาไพร่พลไปอยู่ที่ภูเขาสัตนา ส่วนหนุมานไม่สามารถดับไฟที่หางของตนได้ จึงไปพบฤาษีนารทเพื่อให้ช่วยดับ ฤาษีให้เอาหางมาอมใช้น้ำลายดับ จึงสามารถดับไฟได้



  • ฝ่ายทศกรรฐ์ได้ให้เสนายักษ์ไปอัญเชิญพระอินทร์ และเหล่าเทวดา ลงมาสร้างเมืองให้ตนใหม่ ฝ่ายสามทหารของพระรามที่ไปสืบเรื่องนางสีดา ได้ยกทัพกลับยังภูเขาคันธมาทน์ แล้วหนุมานได้เล่าเรื่องให้พระรามฟัง พระรามโกรธที่หนุมานทำเกินเหตุ โดยไปเผากรุงลงกา จึงจะลงโทษประหารชีวิต ไพร่พลวานรได้ขอว่า ควรจะยกเว้นโทษให้ครั้งหนึ่ง พระรามจึงยกโทษให้ ชมพูพานได้ทูลพระรามว่า ควรจะยกทัพไปยังเชิงเขาคันธกาลา ริมฝั่งมหาสมุทร ตรงข้ามเกาะลงกา พระรามเห็นด้วย ส่วนทศกรรฐ์ หลังจากที่สร้างเมืองใหม่แล้ว ก็คิดถึงแต่นางสีดา วันหนึ่งได้ฝันไปว่า มีพระยาแร้งขาวบินมาจากทิศตะวันออกถึงหน้าพระลาน แร้งสีดำบินจากทิศตะวันตก เกิดตีกัน แร้งดำตายกลายเป็นยักษ์


มีหญิงหนึ่งวิ่งมาจุดไฟ จนน้ำมันแห้งไส้มอด แต่ไฟกลับลุกไหม้กะลาลามมายังมือ มีพิษร้อนไปทั่วร่างกาย จึงขอให้พิเภกทำนายฝัน พิเภกทำนายว่า กะลาได้แก่กรุงลงกา เชื้อไส้ได้แก่ทศกรรฐ์ น้ำมันคือพระญาติพระวงศ์ เพลิงได้แก่นางสีดา หญิงที่จุดไฟคือนางสำมนักขา แร้งขาวคือพระราม แร้งดำคือทศกรรฐ์ และทศกรรฐ์จะได้รบกับพระราม กรุงลงกาจะเดือดร้อนไปทั่ว ทศกรรฐ์ได้ฟังก็กลัวว่าจะตายก่อนที่จะได้นางสีดาเป็นเมีย จึงให


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 26 ธันวาคม 2555 เวลา:23:48:18 น.  

 


กำเนิดมัจฉานุ

ทศกรรฐ์รู้ข่าวการจองถนน คิดถึงภัยข้างหน้า จึงให้นางสุพรรณมัจฉาบุตรี นำเหล่าบริวารปลาขนหินไปทิ้งกลางทะเลลึกไม่ให้ถนนเสร็จได้ จนเป็นที่ผิดสังเกตของสุครีพว่า ทิ้งหินลงไปมาก แต่ยุบหายไปหมด ให้หนุมานลงไปดูก็พบนางสุพรรณมัจฉาและได้นางเป็นเมีย นางจึงช่วยขนหินกลับมาตามเดิม ถนนจึงเสร็จ ต่อมานางสุพรรณมัจฉาคลอดลูกเป็นมัจฉานุ


ฝ่ายไมยราพที่ครองเมืองบาดาล ฝันว่ามีเทวดา นำแก้วใสสว่างมาให้ โหรทำนายว่าจะได้บุตรบุญธรรมผู้มีฤทธิ์ ต่อมาเทวดาดลใจให้ออกไปประพาสป่าพบมัจฉานุ จึงได้พามัจฉานุไปเลี้ยงไว้ที่เมืองบาดาล เมื่อถนนเสร็จ พระราม พระลักษมณ์ ก็นำทัพไปลงกา ทศกรรฐ์รู้ว่าพระรามยกทัพมา จึงสั่งให้ภานุราช ไปเนรมิตชัยภูมิที่เหมาะแก่การตั้งทัพ หากพระรามยกมาตั้งที่นั่น ก็ให้พลิกแผ่นดินเสีย ฝ่ายพระราม เมื่อถึงลงกา ได้ให้ประคนธรรพ์ดูเลตั้งทัพ เห็นป่าเนรมิตก็ชอบ พระรามสงสัยจึงถามพิเภก พิเภกทูลว่าที่กรุงลงกาไม่มีป่าอย่างนี้ น่าจะเป็นอุบาย พระรามให้หนุมานไปดู หนุมานดูแล้วก็รู้ว่าเป็นกลของยักษ์ เพราะในป่ามีผลไม้สุกแต่ไม่มีนก น่าจะมีศัตรูอยู่ใต้พื้นดิน จึงแทรกแผ่นดินไปพบภานุราช เอามือแบกแผ่นดินไว้ ได้ต่ดสู้กัน ถูกหนุมานฆ่าตาย พระรามโกรธ ไล่ประคนธรรพ์ไปเนื่องจากเสียรู้ข้าศึก


องคตสื่อสาร



ฝ่ายพิเภกได้ทูลว่า เขามรกต มีชัยภูมิเหมาะแก่การตั้งทัพ ด้วยไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองลงกา และยังถูกต้องตามตำราพิชัยสงคราม แต่มียักษ์กุมภาสูรเฝ้าอยู่ พระรามให้หนุมานไปปราบ แล้วเคลื่อนทัพไปที่เขามรกต แล้วทรงปรึกษาพระยาวานรว่า ควรจะยกกำลังเข้ารบเหล่ายักษ์เลยหรือไม่ สุครีพและเหล่าวานรจึงทูกว่า น่าจะส่งทูตเข้าไปเจรจากับทศกรรฐ์ก่อน หากไม่ยอมส่งนาสีดามา จึงจะยกทัพเข้าโจมตี พระรามให้องคตผู้ซึ่งมีสติปัญญารอบคอบ และมีลิ้นการทูต ถือสาสน์ไปหาทศกรรฐ์ เมื่อไปถึงเมือง พลยักษ์ไม่ยอมเปิดประตูรับ องคตจึงร่ายเวทเนรมิตตนให้สูงใหญ่ เอามือปิดดวงอาทิตย์มืดครึ้มไปทั้งเมือง ทศกรรฐ์รู้ว่าเป็นลูกนางมณโฑกับพระยาพาลี แต่จะไม่ต้อนรับก็ไม่ได้ ขณะที่อยู่ต่อหน้าทศกรรฐ์ไม่ไหว้ แล้วม้วนหางให้สูงเท่ากับบัลลังก์ทศกรรฐ์ แล้วว่าพระรามให้ถือสาสน์มาให้ทศกรรฐ์คืนนางสีดา

ทศกรรฐ์จึงว่า พระรามฆ่าพ่อตายยังไปเป็นข้ารับใช้ องคตจึงกล่าววาจายอกย้อนเกี่ยวกับเรื่องในอดีต ทศกรรฐ์โกรธให้เหล่ายักษ์จับองคต แต่ถูกองคตฆ่าตาย แล้วจึงเหาะกลับมาหาพระราม


สุครีพหักฉัตร


ทศกรรฐ์แค้นใจมากที่องคตฆ่าเสนาตาย และยังกล่าวประจานตนไว้มาก จะติดตามฆ่าก็ทำไม่ได้ เพราะไพร่พลวานรมีมากมาย จึงให้ยกฉัตรขึ้นบังดวงอาทิตย์ ทำให้เมืองลงกามืดมิด จะได้ฆ่าพลวานรได้สะดวก ส่วนพระรามได้ยินเสียงไพร่พลวานรร้องกันอื้ออึง ทั้งยังมืดมิดก็แปลกใจ ถามพิเภกจึงรู้ว่า เป็นเพราะทศกรรฐ์ยกฉัตรขึ้นบังแสงอาทิตย์ ฝ่ายพระรามมองไม่เห็น แต่ฝ่ายทศกรรฐ์มองเห็น พระรามจึงให้สุครีพไปหักฉัตร พร้อมกับเอามงกุฎของทศกรรฐ์กลับมาถวายพระราม

ศึกไมยราพ


ฝ่ายทศกรฐ์อับอายและแค้นใจมาก คิดจะให้ไปลอบฆ่าพระรามและพระลักษมณ์เสีย จะได้ไม่ต้องยกทัพไปรบ เปาวนาสูร จึงทูลว่า ควรไปเชิญไมยราพซึ่งชำนาญในการล่องหนหายตัวและมีมนต์สะกด มาช่วยให้เข้าไปลอบฆ่าทศกรรฐ์ให้ได้ นนยวิกวายุเวก ไปเชิญไมยราพมาช่วย ไมยราพได้มาเฝ้าทศกรรฐ์ที่ลงกา แล้วรับปากกับทศกรรฐ์ว่าจะไปฆ่าพระรามและพระลักษมณ์ ให้ ไมยราพได้ตั้งพิธีหุงยาขึ้นที่เขาสุรกานต์ ได้ยาที่มีคุณลักษณะเป็นสัตว์ร้ายชนิดต่าง ๆ หากเอายาทาทั่งร่างกายก็จะหายตัวได้ ต่อมาไมยราพได้ฝัน เมื่อโหรทำนายว่า ไวยวิกผู้เป็นญาติจะได้ครองเมืองบาดาล ไมยราพจึงให้ขังไวยวิกและนางพิรากวนผู้เป็นแม่ไวยวิกไว้ เมื่อเสร็จศึกก็จะกลับมาฆ่า ส่วนพระรามก็ฝันเช่นเดียวกัน พิเภกทำนายว่าพระรามจะถูกไมยราพหลานทศกรรฐ์ ลักพาไปยังเมืองบาดาล แต่จะไม่ได้รับอันตราย หนุมานจึงขออาสาป้องกันด้วยการมายืนกลางกองทัพ แปลงกายให้ใหญ่เท่าเขาจักรวาล หยั่งลึกลงถึงพื้นมหาสมุทร ใช้หางพันไว้เป็นปราการล้อมกองทัพไว้ แล้วอมพลับพลาพระราม และพระลักษมณ์อยู่ที่อก ใช้ปากเป็นช่องประตู ลิ้นเป็นบานประตู บรรดาทหารเอกก็แบ่งหน้าที่กันรักษาพระราม


ไมยราพสะกดทัพ



ตกกลางคืนไมยราพได้ชำแรกดินขึ้นมา เห็นปราการสูงใหญ่จากใต้ดินจนถึงพรหมชั้นสิบหก กั้นพลับพลาของพระราม พระลักษมณ์อยู่ เข้าไปไม่ได้ จึงแปลงเป็นลิงปะปนอยู่กับยาม รู้ว่าพลลิงจะเลิกอยู่เวรยามเมื่อพ้นยามราตรี ไมยราพได้ฟังเหาะไปยอดเขาโสลาสแกว่งกล้องแก้วโกมินทร์ เกิดเป็นแสงคล้ายดาวประกายพฤกษ์ เหล่ายามคิดว่าเป็นดาวประกายพฤกษ์จริง ได้ร้องบอกกันว่าเคราะห์ของพระรามหมดสิ้นแล้ว และแยกย้ายไปนอนหลับ


ไมยราพได้เอายาสะกดใส่กล้องแก้วเป่าไปถูกเหล่าวานรจนหลับทั้งกองทัพ แล้วเดินเข้าปากหนุมานเป่ายาอีกเป็นครั้งที่สอง ทำให้สุครีพกับหนุมานหลับ ไมยราพเข้าไปถึงพลับพลาได้เป่ายาอีก ทำให้พิเภก พระราม พระลักษมณ์หลับ จึงอุ้มพระรามไปบาดาล สั่งให้พลยักษ์ต้มน้ำทิ้งไว้ รุ่งเช้าจะต้มไวยวิก นางพิรากวน และพระราม ในคราวเดียวกัน



หลังจากที่ไมยราพลักพาพระรามไปแล้ว มนต์สะกดก็เสื่อม พิเภกบอกพระลักษมณ์ว่าเป็นการกระทำของไมยราพ พระลักษมณ์สั่งให้นุมานไปตาม หนุมานหักด่านชั้นนอกเข้าไปได้ จนพบกับมัจฉานุซึ่งรักษาด่านชั้นใน ได้เกิดต่อสู้กัน ต่อมาหนุมานรู้ว่ามัจฉานุคือลูก แต่มัจฉานุไม่เชื่อบอกว่าต้องหาวเป็นดาวเป็นเดือนให้ดู หนุมานหาวให้ดู มัจฉานุจึงขอขมาหนุมาน แต่ไม่ต้องการอกตัญญูต่อไมยราพ จึงเพียงบอกใบ้ทางให้ หนุมานหักก้านบัวแล้วลอดลงไป พบนางพิรากวน นางบอกที่ซ่อนของพระราม แต่ว่าถึงจะมีร่างกายเล็กเท่าแมลงก็ยากจะรอดสายตาเหล่ายักษ์ หนุมานแปลงเป็นใยบัวติดสายสไบนางพิรากวน

จนมาถึงดงตาลท้ายเมืองที่คุมขังพระราม จึงอุ้มพระรามไปยังเขาสุรกานต์ แล้วกลับมาบาดาล ได้ต่อสู้กับไมยราพ แต่ไม่อาจฆ่าไมยราพได้ นางพิรากวนจึงบอกว่า ที่ไมยราพไม่ตายนั้นเพราะได้ถอดดวงใจเป็นแมลงภู่ซ่อนไว้ที่ยอดเขาตรีกูฏ หนุมานจึงแปลงกายใหญ่เท่าเขาพระสุเมร แล้วเอื้อมมือไปจับแมลงภู่บีบขยี้จนไมยราพตาย จากนั้นกลับมาอุ้มพระรามพากลับไปยังพลับพลาเขามรกต เมื่อสร่างมนต์สะกดได้รู้เรื่องราว จึงมอบธำมรงค์นพรัตน์ให้หนุมาน


กุมภกรรณออกศึก

ฝ่ายกุมภกรรณ น้องชายทศกรรฐ์ ซึ่งเป็นผู้มีทศพิธราชธรรม เมื่อทศกรรฐ์เรียกมาปรึกษาว่าจะให้กุมภกรรณไปรบกับพระราม เพราะมีหอกโมกขศักดิ์ กุมภกรรณทูลว่า ต้นเหตุแห่งสงครามนั้นเกิดจากนำนางสีดามา หากคืนไป สงครามก็จะสงบ ทศกรรฐ์โกรธ กุมภกรรณจึงจำใจต้องยกทัพไปรบกับพระราม พระรามให้พิเภกไปเจรจาให้กุมภกรรณยกทัพกลับไป กุมภกรรณไม่เชื่อว่าพระรามเป็นพระนารายณ์อวตาร พิเภกจึงกลับมาทูลพระราม พระรามให้องคตไปเจรจากับกุมภกรรณอีก แต่ไม่ได้ผล

พระรามจึงให้สุครีพออกไปรบ กุมภกรรณจึงออกอุบายให้สุครีพไปถอนต้นรังใหญ่ที่อุดรทวีป จนหมดแรง เมื่อสุครีพถอนต้นรังมา ก็ได้กลับมารบกับกุมภกรรณต่อ จึงเสียทีถูกกุมภกรรณจับได้พากลับไปลงกา พระรามรู้ข่าวจึงให้หนุมานไปช่วย กุมภกรรณแพ้หนีกลับเข้าเมือง การที่สุครีพเสียรู้จนเสียทีแก่กุมภกรรณ ทำให้พระรามโกรธมาก แต่ด้วยมีความดีความชอบมาก่อน จึงยกโทษให้พร้อมทั้งชมเชยหนุมาน


ฝ่ายทศกรรฐ์รู้ว่ากุมภกรรณแพ้ จึงปลอบโยนให้หาวิธีใหม่ กุมภกรรณได้ขึ้นไปเอาหอกโมขศักดิ์ที่ชั้นพรหม กลับมาทำพิธีลับหอกที่ริมแม่น้ำสีทันดร เชิงเขาพระสุเมรุ และให้เหล่าเสนายักษ์คอยเฝ้า ไม่ให้สิ่งเน่าเหม็นเข้ามาใกล้บริเวณโรงพิธี เพราะกุมภกรรณเกลียดความสกปรก หากเมื่อใด ลับหอกคมทั้งสี่ด้าน ก็จะเป็นหอกที่มีฤทธิ์มากดังไฟกรด พระรามเมื่อรู้ข่าว ก็ให้หนุมานแปลงเป็นหมาเน่าลอยน้ำ องคตแปลงเป็นกา ไปทำลายพิธี กุมภกรรณลับหอกอยู่เห็นเข้าจึงเลิกลับหอก กลับเข้ากรุงลงกาไป ทศกรรฐ์จึงว่า แม่น้ำสีทันดรนั้นอยู่ไกลจากเหล่ามนุษย์ และเป็นที่อยู่ของพญานาค แต่มีหมาเน่าลอยน้ำมา น่าจะเป็นแผนของพิเภกที่บอกพระรามให้มาล้างพิธี อย่างไรก็ตามหอกโมกขศักดิ์นั้นมีฤทธิ์มากอยู่แล้ว จึงให้กุมภกรรณออกไปรบอีกครั้ง ส่วนพระรามให้พระลักษมณ์ออกไปรบกับกุมภกรรณต้องหอกโมกขศักดิ์สลบไป สุครีพจึงให้นิลนนท์ไปเชิญพระรามมาดู พระรามเสียใจมาก

พิเภกทูลว่าพระลักษมณ์ยังไม่ตาย แต่ที่ดึงหอก โมกขศักดิ์ไม่หลุดก็เพราะเป็นพรของพระพรหม ซึ่งมียาแก้ โดยต้องเอาต้นยาสังกรณี ตรีชวา ที่เขาสรรพยา กับน้ำที่ปัญจมหานที มาทาที่แผล หอกก็จะหลุด และต้องไม่ให้พ้นคืนนี้ หากดวงอาทิตย์ขึ้นก็จะตาย พระรามสั่งให้หนุมานไปหยุดรถพระอาทิตย์ไว้ แล้วรีบไปเก็บยา


ฝ่ายพระอาทิตย์เมื่อเห็นหนุมานมาหยุดรถก็โกรธ แต่เมื่อรู้เรื่องราวแล้วจึงบอกว่า จะห้ามวิถีจักรราศีนั้นไม่ได้ เพียงจะหลบเดินรถเข้ากลีบเมฆให้ ส่วนหนุมานนั้นจะต้องรีบไปเอายา และน้ำที่ปัญจมหานทีที่กรุงศรีอยุธยา เมื่อนำยาไปทาที่แผล หอกจึงหลุดออก ส่วนเสนายักษ์ที่คอยเฝ้าดูอยู่ เห็นพระลักษมณ์ฟื้นขึ้น จึงไปทูลทศกรรฐ์ กุมภกรรณจึงว่า หากใครโดนหอกโมกขศักดิ์ยากที่จะรอดชีวิต แต่พิเภกคงแก้กลให้พระลักษมณ์ ควรหาวิธีทำลายทัพพระรามให้อดน้ำ%B


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 27 ธันวาคม 2555 เวลา:1:55:23 น.  

 
แล้วได้ไปตั้งพิธีทดน้ำไม่ให้ไหลไปที่เขามรกต โดยเนรมิตกายใหญ่นอนทอดขวางแม่น้ำไว้ ฝ่ายเหล่าเสนาลิงเห็นน้ำในแม่น้ำแห้ง ไปทูลพระราม พิเภกบอกว่าเป็นเพราะกุมภกรรณไปตั้งพิธีทดน้ำ ครบเจ็ดวันไพร่พลลิงจะได้อดน้ำตายหมด พระรามให้หนุมานไปทำลายพิธีตามคำแนะนำของพิเภกได้สำเร็จ ต่อมาทศกรรฐ์ได้ให้กุมภกรรณยกทัพมารบอีก แล้วให้ฆ่าพิเภกเสียในคราวเดียวกัน พระรามออกไปรบกับกุมภกรรณ กุมภกรรณต้องศรพรหมมาสตร์ตาย


อินทรชิตออกศึก



ทศกรรฐ์เมื่อรู้ว่ากุมภกรรณตาย เสียใจ และโกรธแค้นมาก สั่งให้อินทรชิตไปแก้แค้นแทนอา พระรามให้พระลักษมณ์ไปรบ ไม่แพ้ไม่ชนะ อินทชิต บอกว่าให้พระลักษมณ์มารบกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น ฝ่ายอินทชิตเมื่อกลับเข้าลงกาแล้ว คิดว่าศัตรูมีกำลังกล้าแข็งมาก ทูลทศกรรฐ์ว่าจะไปทำพิธีชุบศรนาคบาศที่เขาอากาศ โดยให้ฝูงนาคมาคายพิษลงบนศร เป็นเวลาเจ็ดวัน จึงจะเสร็จพิธี ระหว่างที่อินทชิตไปทำพิธีชุบศร ทศกรรฐ์ให้มังกรกัณฐ์โอรสพระยาขรผู้เป็นหลาน ไปรบขัดตาทัพไว้ก่อน พระรามได้ออกไปรบ ถูกมังกรกัณฐ์ยิงศรทะลุเกราะเพชร พระรามจึงแผลงศรไปถูกศรของมักกรกัณฐ์หัก และถูกเหล่ายักษ์ตายลงเป็นจำนวนมาก

มังกรกัณฐ์จึงหนีไปซ่อนในกลีบเมฆ และเนรมิตรูปมายาปั้นรูปของตนขึ้นมากมาย พร้อมกับบันดาลให้ฝนเพลิงตกลงมา พิเภกบอกวิธีสังหารมังกรกัณฐ์ พระรามได้แผลงศรพรหมมาสตร์ไปสังหารตัวจริงตาย รูปมายาก็หายไปหมด
สารัณทูต จึงกลับไปบอกทศกรรณ์ ทศกรรฐ์ได้ให้วิรุญมุข ลูกวิรุญจำบัง ยกทัพไปขัดตาทัพอีก ต่อมาพระรามรู้ว่าอินทรชิตไม่ยกทัพมา เพราะไป ตั้งพิธีชุบศรนาคบาศในโพรงไม้โรทันที่เขาอากาศ ก็ให้ชามพูวราช แปลงเป็นหมีไปกัดไม้ที่อาศัยทำพิธีให้หักโค่นลง การเรียกพิษนาคจึงไม่ต่อเนื่อง อำนาจจึงเสื่อม

ฝ่ายอินทรชิตเมื่อเสียพิธีแล้ว จึงไปยังเขามรกต ไปสมทบกับทัพวิรุญมุข พระรามได้ให้พระลักษมณ์ออกไปรบอีก แต่ถูกศรนาคบาศของอินทรชิต พิเภกกลับมาบอกพระรามว่า พระลักษมณ์ต้องศรนาคบาศแต่ยังไม่ตาย ให้พระรามแผลงศรพลายวาตไปเรียกพระยาครุฑมา เหล่าพญานาคก็จะหนีไป พระลักษมณ์และไพร่พลลิงก็จะฟื้น

หนุมานหักคอช้างเอราวัณ

เหล่ายักษ์เห็นพระลักษมณ์และไพร่พลลิงฟื้นขึ้น กลับมาทูลทศกรรฐ์ อินทรชิตจึงบอกว่า ที่ศรนาคบาศใช้ไม่ได้ผล ก็เพราะพิเภกบอกแก้กล คราวนี้จะไปชุบศรพรหมมาสตร์ที่ริมหาดมณีมรกต ได้ลาทศกรรฐ์ไปทำพิธีชุบศร โดยให้กำปั่นไปขัดตาทัพ ถูกหนุมานฆ่าตาย เมื่ออินทรชิตกลับมารบใหม่ ได้แปลงตัวเป็นพระอินทร์ เหล่ายักษ์แปลงเป็นเทวดา การุณราชแปลงเป็นช้างเอราวัณ เดินทัพมา

ฝ่ายพระลักษมณ์และเหล่าไพร่พลลิง เห็นพระอินทร์ขี่ช้างเอราวัณและเหล่าเทวดาเหาะอยู่บนอากาศ ก็พากันดูอย่างสงสัย อินทรชิตเห็นพระลักษมณ์และไพร่พลเผลอ ได้แผลงศรพรหมมาสตร์ลงมา ถูกพระลักษมณ์ องคต สุครีพ สิบแปดมงกุฎล้มลง เหลือเพียงหนุมาน หนุมานโกรธได้เหาะขึ้นไปหักคอช้างเอราวัณ แต่ถูกตีด้วยศรตกลงมาสลบ ฝ่ายพระรามเห็นค่ำแล้ว พระลักษมณ์และไพร่พลยังไม่กลับมา ออกไปตาม เห็นทุกคนตายกันหมด เสียใจมากจนสลบไป สารัณทุตที่คอยสังเกตการณ์ ได้กลับไปทูลทศกรรฐ์ ทศกรรฐ์ไปบอกนางสีดาว่า พระรามตายแล้ว นางสีดาเสียใจมาก แต่นางตรีชฎาเมียพิเภกที่เป็นข้ารับใช้อยู่บอกว่าอย่างเพิ่งเชื่อ ทศกรรฐ์จึงให้เสนาจัดบุษบกแก้วพานางสีดาไปดูศพ เมื่อมาถึงนางสีดาจึงเสี่ยงทายด้วยการขึ้นบุษบก บุษบกแก้วลอยขึ้น นางสีดาจึงรู้ว่าพระรามยังไม่ตาย จึงกลับไปสวนขวัญ ฝ่ายพิเภกกับพลลิงกลับจากไปหาผลไม้ไม่พบพระราม รู้ข่าวจากเสนาลิงจึงตามไปที่สนามรบ เห็นหนุมานรู้ว่าไม่ตาย ได้ร่ายเวทเป่าลมเข้าปากจนหนุมานฟื้น แล้วไปตามหาพระราม พิเภกทูลพระรามว่า ยาแก้ศรพรหมมาสตร์อยู่ที่เขาอาวุธบุพพวิเท่ห์ทวีป แต่มีจักรกรดพัดไม่หยุด ใครเข้าไปต้องตาย หากหนุมานไปเอา จักรจะหยุดตามที่พระอิศวรกำหนดไว้ หนุมานเหาะไปถึง และแจ้งเรื่องราวแก่เทวดา แต่เนื่องจากต้นยานั้น ตัดหรือถอนไม่ได้ตามคำสั่งของพระอิศวร หนุมานจึงช้อนเขาเหาะกลับมา เทวดาจึงบอกให้ไปวางไว้ทิศอุดร หนุมานทำตามคำสั่ง พอลมพัดพากลิ่นสรรพยาบนยอดเขามาถูกพระลักษมณ์และไพร่พลลิงทุกคนก็จะฟื้นขึ้น ฝ่ายอินทรชิตทูลทศกรรฐ์ว่า ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวง พระลักษมณ์ถูกฆ่าถึงสองครั้ง ก็ยังฟื้นขึ้นมาได้ แต่ยังมีตำราศักดิ์สิทธิ์ ชื่อกุมภนิยา ทำได้เจ็ดวันตัวจะเป็นกายสิทธิ์ ฆ่าไม่ตาย โดยทำเป็นกลลวงให้ สุขาจารแปลงเป็นนางสีดาไปด้วยในสนามรบ แล้วให้ตัดคอนางเสีย ต่อกจากนั้นก็ทำทีว่าจะไปตีศรีอยุธยา แต่กลับอ้อมไปทำพิธี เมื่อถึงสนามรบอินทรชิตบอกพระลักษมณ์ให้มารับนางสีดา หากไม่มารับจะฆ่านาง พระลักษมณ์บอกให้อินทรชิตนำนางไปถวายพระรามเอง อินทรชิตจึงฆ่านาง แล้วทำทีเหาะไปยังกรุงศรีอยุธยา


พระลักษมณ์คิดว่านางสีดาตายก็เสียใจ กลับไปบอกพระราม พิเภกจับยามดูแล้วทูลว่า นางที่ตายเป็นยักษ์แปลง และอินทรชิตจะไปทำพิธีกุมภนิยา หากครบเจ็ดวันจะฆ่าไม่ตาย ต้องล้างพิธีก่อน แล้วอินทรชิตจะตายด้วยพระลักษมณ์ พระรามให้พระลักษมณ์พร้อมพิเภกคุมกองทัพไปทำลายพิธีอินทรชิตที่เนินเขาจักรวาล เกิดการต่อสู้กัน อินทรชิตแพ้ ขว้างจักรเมฆสูร เกิดหมอกควันบังแสงอาทิตย์แล้วหนีกลับไปกรุงลงกา
รุ่งขึ้นอิทนรชิตได้ยกทัพออกมารบอีก ต้องศรพลายวาตของพระลักษมณ์ ก่อนที่พระลักษมณ์จะแผลงศรพรหมมาสตร์ฆ่าอินทรชิต
พิเภกทูลว่า อินทรชิตนั้นได้พรจากพระว่า หากสิ้นชีวิตเศียรตกลงดิน จะเกิดเป็นไฟบัลลัยกัลป์ไหม้ทั่วจักรวาล ต้องเอาพานแว่นฟ้าของพระพรหมมารับ พระลักษมณ์จึงให้องคตไปขอพาน แว่นฟ้าจากพระพรหม เมื่อได้พานแล้ว พระลักษมณ์แผลงศรพรหมมาสตร์ตัดเศียรอินทรชิตขาด องคตเอาพานเข้าไปรองรับ ส่วนพระรามให้เอาพานใส่เศียรอินทรชิตไปชูไว้กลางอากาศ แล้วแผลงศรพรหมมาสตร์ทำลายเศียรนั้น

ทศกรรฐ์โกรธมากที่พระลักษมณ์ฆ่าอินทรชิตตาย จะไปฆ่านางสีดาที่สวนขวัญ แต่เปาวนาสูรทัดทานไว้ รุ่งขึ้นทศกรรฐ์จึงยกทัพไปรบกับพระราม พระรามสั่งให้สุครีพจัดทัพให้เข้มแข็งกว่าทุกครั้ง ส่วนพระอินทร์ให้พระวิศณุกรรมนำเวชยันต์ราชรถพร้อมม้าเทพบุตรแปลงสองพันตัวมาถวาย ฝ่ายทศกรรฐ์เสียสิบขุนทหารเอกกับสิบรถ โอรสของทศกรรฐ์ ในการรบครั้งนี้ทศกรรฐ์จึงบอกให้มารบกันใหม่วันรุ่งขึ้น


ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ


ฝ่ายทศกรรฐ์คิดขึ้นได้ว่า ควรจะให้มูลพลัม น้องชายของสหัสเดชะเจ้าเมืองปางตาลมาช่วยรบ จึงให้เปาวนาสูรถือสาสน์ไป มูลพลัมและสหัสเดชะรู้เรื่อง มาช่วยรบ ขณะยกทัพออกจากเมื่องเกิดลางร้าย ฟ้าผ่าถูกรถทรงทศกรรฐ์ มูลพลัมจึงให้ทศกรรฐ์กลับเข้าเมืองก่อน ส่วนตนและพี่ชายจะไปรบกับพระรามแทน พิเภกทูลพระรามว่ามูลพลัมและสหัสเดชะมีฤทธิ์มาก หนุมานคงสู้ไม่ได้ ให้พระรามออกไปรบเอง เมื่อพระราม และพระลักษมณ์คุมทัพออกไปรบ แต่ด้วยสหัสเดชะได้รับพรพระพรหมว่า หากเข้าต่อสู้กับศัตรูใด ศัตรูนั้นก็จะต้องเกรงกลัว ทำให้ไพร่พลลิงหนีไป พระรามจึงให้พระลักษมณ์ สุครีพหนุมาน และสิบแปดมงกุฎ กลับไปตามไพร่พลลิงมา ส่วนสหัสเดชะเห็นแต่พระรามและพิเภก จึงคิดว่าศัตรูมีกำลังเท่านี้ ทำไมทศกรรฐ์จึงปราบ ไม่ได้ ต้องเดือดร้อนถึงตน แล้วมาลวงว่าเป็นศึกใหญ่ จึงกลับไปยังลงกา คงเหลือแต่มูลพลัม ต่อมามูลพลัมต้องศรพลายวาตของพระลักษมณ์ตาย พิเภกทูกพระรามว่า หากสหัสเดชะรู้ว่ามูลพลัมตาย คงยกทัพมาแก้แค้น และสหัสเดชะนั้นมีฤทธิ์ด้วยกระบองวิเศษ เอาโคนชี้ถูกใครจะตาย เอาปลายชี้จะกลับฟื้นขึ้น ควรให้หนุมานไปเอากระบองวิเศษมา หนุมานแปลงเป็นลิงเผือกตัวเล็ก ไปคอยทัพสหัสเดชะ เมื่อเห็นทัพสหัสเดชะ แล้วทำเป็นวิ่งผ่าน สหัสเดชะโกรธ แต่หนุมานบอกว่า ตนเป็นข้ารับใช้พระยาพาลีที่เมืองขีดขิน ซึ่งถูกพระรามฆ่าตาย แล้วเอาตนมาใช้สอยตรากตรำข่มเหงจึงหนีมา กลัวถูกตามฆ่า จึงวิ่งผ่านหน้ามา สหัสเดชะเชื่อ จึงให้มานั่งหน้ารถด้วย

หนุมานขอไปนั่งหลังรถ แล้%


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 27 ธันวาคม 2555 เวลา:5:37:38 น.  

 
คลิกอ่านต่อตอนที่(๒)ได้ที่นี่....


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 27 ธันวาคม 2555 เวลา:6:02:18 น.  

 
โห สุดยอดเลย

ไว้วันหลังจะมารื้ออ่านใหม่ค่ะ

อุตส่าห์รวบรวมมาไว้ ขอบคุณมากค่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 15 กรกฎาคม 2559 เวลา:17:47:29 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.