Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
31 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 

ชินเดีย คือ ไชน่า + อินเดีย สะกิดต่อมล้อเล่นกับประชาชน ในศตวรรษที่ผ่านมา



“ชินเดีย” คือ ไชน่า + อินเดีย เป็นคำที่นักเศรษฐศาสตร์ตั้งขึ้นเพื่อสะกิดต่อมล้อเล่นกับประชาชน ในศตวรรษที่ผ่านมา โลกรู้จัก “จีน” กับ “อินเดีย” ในฐานะประเทศที่มีประชากรมากที่สุดติดอันดับ ประเทศหนึ่งเป็นคอมมิวนิสต์ยักษ์ใหญ่คนละขั้วกับโลกทุนนิยม อีกประเทศหนึ่งสืบทอดประชาธิปไตย หลังจากช่วงล่าอาณานิคมที่มีการต่อสู้ของชนชั้นเผ่าพันธุ์ศักดินานิยมมาอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่แน่นอน ว่าเหมือนกันทั้งสองประเทศ คือ ความยากจน ความไม่มีอันจะกิน โรคระบาด การศึกษาที่ย่ำแย่

จนมาถึงเมื่อปลายปี 2000 ใกล้ๆ ต้นศตวรรษนี้ทั้งสองประเทศก็ยังมีอะไรคล้ายๆ กันอีกนั่นคือ
การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นอัตราเลขเฉียดสองหลักตลอดมา [ล่าสุดจีนโตอยู่ที่ 9.1 เปอร์เซ็นต์ อินเดีย 7.7 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ญี่ปุ่น = 0 เปอร์เซ็นต์ อเมริกา 1.6 เปอร์เซ็นต์] (ที่มา: NADEs (Northeast Asia’s Dynamic Economies) ในแง่ของขนาดเศรษฐกิจจีนอยู่ที่อันดับ 2 รองจากอเมริกา ส่วนอินเดียอยู่อันดับ 9 ของโลก นำหน้าแคนาดา สเปน ออสเตรเลีย อยู่หลายขุม ทั้ง 2 ประเทศมีบริษัทชั้นนำของโลกอยู่เยอะแยะมากมาย ต้องถือว่าเป็นยักษ์ใหญ่จากฝั่งเอเชียที่จะนำประชาคมโลกสู่ยุคบูรพาภิวัฒน์ในศตวรรษนี้

อะไรจะเกิดขึ้นถ้าจีนกับอินเดียร่วมมือกัน? ความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน?


ลองนึกดูนะครับว่าถ้าจีนกับอินเดียสามารถร่วมมือกันได้ จะเกิดความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ อำนาจทางรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจที่จะส่งผลกระทบต่อสังคมโลกโดยรวมในศตวรรษที่ 21 จะยิ่งใหญ่สักเพียงใด ประเมินคร่าวๆ น่าจะไม่แพ้อังกฤษในศตวรรษที่ 19 และอเมริกาในศตวรรษที่ 20 เลยทีเดียว

ถ้าลองมาดูจุดแข็งจุดอ่อนของทั้งสองประเทศก็จะเห็นว่ามีความเป็นไปได้อยู่สูงทีเดียว จีนเป็นประเทศ “Hardware” อินเดียเป็น “Software” จีนเก่งเครื่องจักร การผลิต มีสาธารณูปโภคที่ดี อินเดียถนนหนทางไม่ค่อยจะดี แต่เรื่อง Service, Software, Automation ไม่แพ้ใครในโลก ถ้าประชากรของ 2 ประเทศนี้รวมกันก็เกิน 1 ใน 3 ของประชากรโลก แล้วถ้าร่วมมือกัน “ชินเดีย” จะกลายเป็นผู้ผลิตตลาด และมหาอำนาจที่จะมีการต่อรองอย่างมหาศาลแบบไม่ต้องกลัว เกรงใจ หรือพึ่งใครหน้าไหนอีกเลย

แต่ทำไม 2 ประเทศนี้ถึงไม่ร่วมมือกันทั้งที่ ประเทศมีชายแดนติดกันและมีประวัติศาสตร์เชื่อมกัน?

Professor Ya Shang Ituang แห่ง MIT
อาจารย์ของผมได้เล่าให้ฟังถึงประวัติศาสตร์ความขัดแย้งทางการเมืองและปัญหาชายแดนที่กระทบกระทั่งตลอดมา ตลอดจนวัฒนธรรมที่แตกต่างกันจนสิ้นเชิง ถ้าดูตัวเลขการลงทุนของจีนในอินเดียหรือการลงทุนของอินเดียในจีนนั้นเรียกได้ว่าเกือบเป็นศูนย์เปอร์เซ็นต์ การเดินทางโดยเที่ยวบินตรงๆ แทบจะไม่มี การเผารูปภาพนายกฯจีนในอินเดีย หรือชาวบ้านจีนโมโหอินเดียที่ประกาศขุดเจาะน้ำมันในทะเลจีนใต้ดูจะเป็นสิ่งที่คุ้นตามากกว่า

สรุปว่าจีนและอินเดียไม่ค่อยจะญาติดีกันมาเป็นเวลานาน
ถ้าจะให้ร่วมมือกันได้นั้นคงต้องมีเจ้าภาพที่จะเป็นตัวเชื่อม 2 ประเทศนี้เพื่อให้ตลาดบริโภค ตลาดการเงิน และประชากรจำนวนมากมารวมกันได้ ประเทศที่ 3 นั้นขอแค่ 10 เปอร์เซ็นต์จากผลประโยชน์ที่ 2 ยักษ์ร่วมกันก็พอแล้ว เงื่อนไขคือคงต้องเป็นประเทศที่มีทั้งวัฒนธรรมจีนกับอินเดียอยู่ในประเทศนั้น คงต้องเป็นประเทศที่ญาติดีกับทั้งจีนและอินเดียต้องเป็นประเทศที่อยู่ใกล้จีนและอินเดีย ซื้อขายและลงทุนในทั้ง 2 ประเทศเยอะ

ต้องเป็นประเทศที่มีรูป “ช้าง” กับ “มังกร” เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ท่านผู้อ่านคิดว่าประเทศที่ 3 นั้นควรเป็นประเทศใดครับ?

credit : Sudsupda
แต่งกรอบสวยๆ  lozocat




 

Create Date : 31 ธันวาคม 2554
0 comments
Last Update : 31 ธันวาคม 2554 17:21:43 น.
Counter : 1038 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.