"ไตรภูมิ"อิทธิพลต่อวิถีสังคมไทย
“อุตรกุรุทวีป : ความคิดเชิงนิเวศ อยู่คู่พุทธศาสนามากว่า 2,500 ปี” เมื่อวันที่ 28-29 มิถุนายน ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปร่วมสัมมนาทางวิชาการทางวิชาการ เรื่อง “คติไตรภูมิ : อิทธิพลต่อวิถีสังคมไทย” ที่สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จัดขึ้นที่ ห้องปิ่นเกล้า โรงแรม เอส.ดี.อเวนิว ปรากฏว่ามีเรื่องที่น่าสนใจเกิดขึ้นจากสาระในการอภิปรายของวิทยากรเกินกว่าที่คาดไว้เป็นอันมากทีเดียว เรื่องที่น่าประทับใจคือ ดร.บำรุง ชำนาญเรือ แห่งคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ต้องมาทำหน้าที่วิทยากรพิเศษอภิปรายเปรียบเทียบเรื่องจักรวาลของพุทธกับเชน พร้อมทั้งให้แนวคิดไตรภูมิที่มีที่มาที่ไปจากพุทธพจน์แบบแม่นเปรี๊ยะ แทนช่วงเวลาของท่านอาจารย์จุลทรรศน์ พยาฆรานนท์ ซึ่งมีปัญหาทางสุขภาพต้องไปพบแพทย์อย่างปัจจุบันทันด่วน จนผู้เข้าร่วมสัมมนาต่างติดอกติดใจติดตามถามต่อกันมากมาย ไม่ต่างจาก อาจารย์ศมประสงค์ ชาวนาไร่ จากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้มองไตรภูมิได้อย่างปรุโปร่งจริงๆ เรียกว่างานนี้ ดร.วัฒนะ บุญจับ ช่วยสร้างดาววิชาการดวงเด่นขึ้นได้สมดังตั้งใจทีเดียว ในช่วงเวลาเดียวกัน ดร.ธัญญา สังขพันธานนท์ จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก็มาเติมแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องราวของอุตรกุรุทวีป ซึ่งปรากฏในวรรณคดีไทยแบบฉบับที่มีชื่อเสียงเรื่อง “ไตรภูมิกถา” (หรือไตรภูมิ) ตามแนวคิดของจักรวาลวิทยาแบบพุทธ โดยใช้ฐานคิดของวรรณกรรมวิจารณ์เชิงนิเวศ และแนวคิดสังคมอุดมคติเชิงนิเวศมาอภิปรายร่วมอย่างน่าสนใจด้วย ชื่อของ “อุตรกุรุทวีป” ท่านผู้อ่านที่สนใจวรรณกรรมศาสนาคงรู้ดีว่าเป็นสถานที่ที่ได้รับการกล่าวถึงในวรรณคดีเรื่องไตรภูมิกถา ในฐานะที่เป็นทวีปหนึ่งในสี่ของทวีปในจักรวาลวิทยาแบบพุทธ อันประกอบด้วย ชมพูทวีป อมรโคยานทวีป บุรพวิเทหทวีปและอุตรกุรุทวีป - ในบรรดาทวีปทั้งสี่นี้ อุตรกุรุทวีปได้รับการกล่าวถึงในฐานะพื้นที่พิเศษที่เป็นพื้นที่ในอุดมคติ (utopia) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่มีอยู่จริง แต่มีความสัมพันธ์กับพื้นที่จริงในสังคม ถูกนำเสนอให้เห็นในรูปแบบของสังคมที่สมบูรณ์แบบ ในอดีต นักวิชาการหลายท่านมอง “อุตรกุรุทวีป” ว่าเป็น สังคมในอุดมคติ หรือสังคมแบบยูโทเปีย
คำว่าสังคมในอุดมคติ ในความหมายดั้งเดิม คือคำที่ใช้เพื่ออธิบายความหวังและความใฝ่ฝันอันสูงสุดของมนุษย์ ซึ่งดูเหมือนเป็นความเพ้อฝันที่มีต่อดินแดนแห่งใดแห่งหนึ่งและเหตุผลที่เป็นไปไม่ได้ เพื่อที่จะสร้างสิ่งแวดล้อมใหม่ขึ้นมา บางคนอาจมองว่ายูโทเปียเป็นแนวคิดทางปรัชญาการเมืองที่มีมาแต่สมัยของเพลโต กล่าวถึงรูปแบบของสังคมใหม่ที่ปราศจากความบกพร่องและการเอารัดเอาเปรียบเหมือนระบบการเมืองในสังคมปัจจุบัน คำว่า “ยูโทเปีย” มีความหมายตามตัวอักษรว่า “สถานที่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สังคมที่สมบูรณ์แบบในสถานที่อื่น เป็นสถานที่ซึ่งผู้คนเต็มไปด้วยคุณค่าสาระ ที่ซึ่งความเศร้า ความเจ็บปวดและความรุนแรงเป็นสิ่งต้องห้าม หรือหากจะพูดในมุมกลับกันก็คือสถานที่นี้จะมีแต่ความสุข ความสบายนั่นเอง ในการอภิปรายในการสัมมนาครั้งนี้ เราได้เห็นอุตรกุรุทวีปในอีกมุมมองหนึ่ง ที่ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่ในอุดมคติ ในฐานะทวีปที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่ยังจัดได้ว่าเป็นพื้นที่หรือสังคมอุดมคติเชิงนิเวศ หรือ Ecotopia ซึ่งแสดงให้เห็นแนวคิดในการเคารพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการให้ความสำคัญกับระบบนิเวศได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย วิทยากรชี้ให้เห็นว่า อุตรกุรุทวีป เป็นดินแดนที่ถูกสร้างขึ้นมาภายใต้แนวคิดสำคัญ 3 ประการอันเป็นที่พึงปรารถนาของคนในยุคนั้น คือ ทวีปราบเรียบ ทวีปสะอาดและทวีปปลอดภัย กระบวนภาพของอุตรกุรุทวีปในไตรภูมิกถาเผยให้เห็นการตระหนักรู้ของผู้เขียนที่เห็นความสำคัญของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความสมดุลทางธรรมชาติและวิถีของผู้คนที่ใช้ชีวิตกับธรรมชาติ ผู้คนแห่งดินแดนอุดมคตินี้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงและสอดคล้องกับระบบนิเวศอย่างเหมาะสม นอกจากนี้แล้วอุตรกุรุทวีปยังถูกสร้างให้น่าสนใจมากขึ้นด้วยการสอดแทรกวิธีคิดของสังคมอุดมคติเชิงนิเวศแบบพุทธ เพราะเป็นสังคมอุดมคติเชิงนิเวศที่ใช้ธรรมหรือระบบศีลธรรมเป็นบรรทัดฐานของสังคมในฐานะ “ธรรมรัฐ” โดยนัยนี้อุตรกุรุทวีปจึงเป็นเหมือนต้นแบบของสังคมอุดมคติเชิงนิเวศแบบพุทธ ที่สะท้อนถึงการผสมผสานกระบวนทัศน์เกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสองกระแสไว้ด้วยกัน คือกระบวนทัศน์ธรรมคือศูนย์กลางของธรรมชาติกับกระบวนทัศน์จิตสำนึกเชิงนิเวศ ได้อย่างน่าสนใจยิ่ง
ผลที่ได้รับจากการสัมมนาครั้งนี้ ดังที่บอกมาแต่แรกแล้วว่า “มีอะไรดีๆ อีกมาก” แล้วจะค่อยๆ นำมาเสนอให้ได้รับทราบกันในโอกาสต่อไป
คลิกชมภาพต่อที่นี่.....
Create Date : 11 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 11 กรกฎาคม 2555 11:15:38 น. |
|
0 comments
|
Counter : 4038 Pageviews. |
|
|