|
เหรียญหมูตาม-หมูขวาง หลวงพ่อสุรินทร์ ราชบุรี
มุมพระเก่า อภิญญา
>>>พระอาจารย์สุรินทร์ สันตจิตโต วัดลาดบัวขาว จ.ราชบุรี หรือจะเรียกว่า "หลวงพ่อสุรินทร์" ก็ได้ ชื่อเสียงของท่านอาจจะไม่คุ้นหูหรือเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางสักเท่าไหร่ แต่ในแถบจังหวัดภาคกลางย่านราชบุรี กาญจนบุรี นครปฐม ต่างเลื่อมใสศรัทธาและเชื่อในความเข้มขลังแห่งพระเครื่องวัตถุมงคลของท่าน
เหรียญรุ่นแรกและรุ่นเดียวของหลวงพ่อสุรินทร์ ถือว่าสะดุดตาสะดุดใจมาก เพราะมีชื่อเรียกขานว่า "เหรียญหมูตาม-หมูขวาง" แถมยังเปี่ยมล้นด้วยประสบการณ์มากมายแบบครบเครื่อง
ตามประวัติที่มีการบันทึกไว้ ท่านเกิดในสกุล "นาคฤทธิ์" ตรงกับวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2457 ที่บ้านต.ท่าเสา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เดิมมีชื่อเล่นว่า "จุก" แต่ญาติๆ ผู้ใหญ่ของท่านชอบเรียกว่า "อ้ายจุก" สาเหตุที่เรียกจุกนั้น เพราะสมัยเด็กชอบเอาไว้จุก คำว่าจุกจึงเป็นชื่อเรียกรูปพรรณสัณฐานตามไทยนิยม
>>เมื่อเจริญวัยพอสมควร มารดาของท่านได้ส่งไปเรียนอยู่ที่สำนักวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ โดยอาศัยกับพระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งมีศักดิ์เป็นหลวงลุง ในปลายสมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ด้วยความฉลาดปราดเปรื่องของท่านในวัยเยาว์ ทำให้ต้องพระทัยของสมเด็จฯ ต่อมาไม่นานทรงมีรับสั่งให้เป็นมหาดเล็ก (ลูกศิษย์สมเด็จฯ) โดยมีเบี้ยรางวัลเดือนละ 3 บาทในสมัยนั้น
>>>สมัยเป็นมหาดเล็กอยู่นั้น ท่านเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า เวลานอนกลางคืน สมเด็จฯ ท่านรับสั่งให้นอนใต้แท่นบรรทมของสมเด็จฯ แต่นอนได้ไม่ตลอดคืน คือนอนได้ตั้งแต่หัวค่ำถึง 05.00 น. ของ วันใหม่ ก็ต้องออกไปนอนข้างนอกพระสูตร (มุ้ง) ของ สมเด็จฯ เพราะพอถึง 05.00 น. ก็เป็นเวลาบรรทมของสมเด็จฯ ถึงเวลานี้ก็ต้องถูกปลุกให้ไปนอนข้างนอกทุกๆ วัน
ท่านเล่าเรียนอักษรสมัยอยู่ได้ไม่นาน ด้วยความรักและคิดถึงของมารดาในฐานที่เป็นบุตรคนเดียวของท่าน จึงถูกรับกลับมาอยู่บ้านท่าเสา แขวงท่ามะกา กาญจนบุรี
>>>สมัยนั้น พระราชบัญญัติประถมศึกษาได้ประกาศใช้ถึงหัวเมืองต่างๆ วัดปากบางจึงได้ถูกตั้งขึ้นเป็นสำนักเรียนชั้นประถมต้นขึ้น มารดาจึงส่งไปเรียนเพิ่มเติมที่วัดนี้ การไปเรียนนั้นบางครั้งก็พักค้างคืนอยู่กับพระ บางครั้งก็กลับมาพักบ้านมารดา การค้างคืนที่วัดทำให้ท่านรู้จักกับพระเถรานุเถระหลายรูปในสมัยนั้น ที่เป็นคนคุ้นเคยกันมากก็มี "พระอาจารย์หมั่น" ซึ่งตัวท่านเรียกว่าหลวงน้า พระอาจารย์รูปนี้ต่อมาเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดดงสัก ซึ่งได้รับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตรในกาลต่อมา
สมัยเรียนหนังสืออยู่นั้น ถ้าวันไหนกลับมาค้างบ้านมารดาก็ถูกหัดให้ตีพิณพาทย์อีก โดยมีมารดาและญาติเป็นครูสอน ท่านจึงมีความรู้เรื่องดนตรีชนิดนี้ เรียกว่าเก่งพอสมควร
ต่อมาเมื่อท่านเจริญวัยพอสมควร ได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดรางวาลย์ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยเรียนวิปัสสนากรรมฐานกับพระอาจารย์พูล อาจารย์วิปัสสนาแห่งสำนักแม่ชีเนกขัมโพธาราม กระทั่งมีความรู้เรื่องนี้พอสมควร ครั้นอายุครบ 20 ปี ก็เข้าอุปสมบทโดยมีเจ้าอธิการชื่น เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการสิน เป็นพระกรรม วาจาจารย์ และพระหนุนเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ณ วัดรางวาลย์ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้ศึกษาพระอภิธรรม และพระธรรมวินัยจนสอบได้นักธรรมโท โดยด้านธรรมวินัยนั้น ท่านเป็นนักสอนนักอบรมที่มีความสามารถ เรียกว่าพอเทศน์สอนประชาชนได้ นอกจากนี้ ยังศึกษาทางด้านไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ แพทย์แผนปัจจุบันและแผนโบราณ จนมีความเชี่ยวชาญนำความรู้มาช่วยสงเคราะห์ชาวบ้านจนเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างมาก
credit : khaosodnews
Create Date : 14 มีนาคม 2555 |
Last Update : 14 มีนาคม 2555 15:03:19 น. |
|
0 comments
|
Counter : 6794 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Upper Midwest United States
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]
|
"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น" ขุ.ธ. 25/15/24 เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557
| | | |