Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
11 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
●โลกส่วนตัวของ เสธ.ไก่อู สรรเสริญ แก้วกำเนิด



โดย : รัชดา ธราภาค



เสธ.ไก่อู อดีตโฆษก ศอฉ. ปัจจุบันโฆษกกองทัพบก เปิดใจสบายๆ กับการใช้ชีวิตในวันธรรมดา ในวันที่บ้านเมืองปลอดการสู้รบและเหตุการณ์ร้าย

>>>พันเอกสรรเสริญ แก้วกำเนิด ยังขึ้นทำเนียบเป็นหนึ่งในผู้ที่ “อิทธิพลของสื่อโทรทัศน์” เขากลายเป็นคนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในชั่วข้ามคืน ยิ่งมาได้รับภารกิจ โฆษก ศอฉ.(ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน) ชื่อของทหารนายนี้ก็ดังเป็นพลุแตก

>>>ผ่านมา 6 ปี ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีมา 6 คน ผบ.ทบ.อีก 3 คน แต่ตำแหน่ง “โฆษกกองทัพบก” ก็ยังคงเป็นของนายทหารยศพันเอกชื่อ สรรเสริญ แก้วกำเนิด ด้วยการอยู่ในจุดที่เห็นความเคลื่อนไหวสำคัญๆ รวมทั้งตกเป็นเป้าหมายทางความรู้สึกทั้งชอบและชังที่สังคมไทยในวันนี้มีต่อสถาบันกองทัพ

>>>"กรุงเทพธุรกิจ กาย-ใจ" จึงเลือกที่จะพูดคุยกับเขาคนนี้ ในวันที่บ้านเมืองปลอดการสู้รบและเหตุการณ์ร้าย

"โฆษกกองทัพบก" มีวาระการทำงานอย่างไร

โฆษกกองทัพบกไม่ใช่ตำแหน่ง แต่เป็นหน้าที่ซึ่งผู้บังคับบัญชามอบหมาย ไม่ได้มีการจัดในอัตรากำลังของกองทัพบก ซึ่งตำแหน่งของผมคือผู้อำนวยการกองปฏิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือน
ในสถานการณ์ปกติ ภาระงานมีอะไรบ้าง

งานของกรมกิจการพลเรือนคือทำทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการของกองทัพและพลเรือน มีคำว่า “หน้าที่ของฝ่ายอำนวยการด้านกิจการพลเรือนคือ รู้ความต้องการทางทหาร ชำนาญด้านการประสานฝ่ายพลเรือน” รู้ว่าประชาชนอยากได้อะไร กองทัพควรจะอะไร งานเหมือนเป็นฝ่ายเลขาฯ คอยทำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาว่าตอนนี้กองทัพบกมีเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามา เราควรไปยุ่งกับเขามั้ย เข้าไปแค่ไหน ไปแล้วจะมีผลดีผลเสียอย่างไร แล้วจะมอบให้หน่วยไหนเป็นผู้ดูแล

เราต้องเสนอไปเป็นแพ็คเกจเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาตัดสินใจ ฉะนั้นกิจกรรมก็จะวนเวียนอยู่กับเรื่องการประสานงาน ลงพื้นที่ บรรยายสรุป อธิบายความ ชี้แจง ส่วนงานโฆษกกองทัพบก ทำให้จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องในกองทัพบก แต่ด้วยศักยภาพอันน้อยนิดและยศยังน้อยอยู่ก็ต้องขอเข้าไปชุมชน ไปฟังโน่นนี่ เพื่อขอรับทราบเรื่องต่างๆ เมื่อรู้มาแล้ว ก็ต้องจัดโอกาสจัดวาระให้ผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสชี้แจงทำความเข้าใจ เพราะถ้าเราชี้แจงคนเดียวบางครั้งขาดความน่าเชื่อถือ



น่าจะเป็นงานที่กดดันพอสมควร

แรกๆ กดดันมาก แต่ด้วยความนานก็เริ่มชิน แต่ก็ต้องเตรียมการทุกครั้ง เพราะเราไม่ได้พูดด้วยความรู้สึก แต่ต้องพูดกับสังคมด้วยข้อเท็จจริง โฆษกกับผู้บังคับบัญชาระดับสูง ไม่ใช่เราจะไปวิ่งถาม “พี่ครับ ตรงนี้เอาไง” แต่ต้องขอรับนโยบาย บางครั้งต้องตัดสินใจเอง บนพื้นฐานของการได้ศึกษาความคิดความอ่าน นโยบาย แนวทางของผู้บังคับบัญชาไว้แล้ว แล้วเราไม่รู้ว่าวันนี้จะเจอคำถามแบบไหนจากนักข่าว
เคยโดนตำหนิจากการทำหน้าที่บ้างมั้ย

ผมโชคดี ไม่เคยโดนผู้บังคับบัญชาตำหนิ อาจเป็นด้วยระยะเวลา ด้วยความใจกว้างของผู้บังคับบัญชา แต่เราก็ไม่ใช่ดั้นเมฆไปทุกครั้ง บางเรื่องเราก็พิจารณาแล้วว่ายังต้องการการตกลงใจจากผู้บังคับบัญชา ก็ต้องชี้แจงสื่อไปว่าเรื่องนี้ผมไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่ผมจำเป็นต้องสอบถามผู้บังคับบัญชา “เพราะอะไร” ซึ่งคิดว่าสื่อก็คงเข้าใจเพราะมันมีเหตุผลรองรับ ไม่ใช่ถามอะไรก็ตอบไม่ได้ ต้องถามก่อนๆ ถ้าเป็นแบบนั้นคนเป็นโฆษกคงไม่สามารถเป็นที่พึ่งพาของผู้บังคับบัญชาได้ และถ้าเป็นแบบนั้น ครั้งต่อไปเขาคงไม่ถามมึงแล้วแหละ ไปถามผู้บังคับบัญชาเลยดีกว่า



การตอบคำถามในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งสูงน่าจะยากลำบากอยู่พอสมควร

เราต้องบริหารอารมณ์ของคนฟังทุกประเภท ทั้งที่ชื่นชมทั้งที่ไม่ชอบ และกลางๆ แต่เราก็อาศัยข้อเท็จจริงเป็นหลักในการชี้แจง และเชื่อมั่นว่าอะไรที่เป็นความจริง พอเวลาผ่านไปสักระยะ มันก็จะพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง ที่จริงแล้วโดยส่วนตัวไม่ค่อยรักงานด้านนี้ แต่ทหารทุกคนเหมือนกันคือผู้บังคับบัญชาสั่งก็ทำ และไม่มีสิทธิไปตอบปฏิเสธ
ทำไมจึงไม่ชอบงานโฆษก ทั้งที่ทำได้ดีจนเป็นที่รู้จัก

คนอื่นคิดอย่างไรไม่รู้ แต่ตัวเองอยากมีชีวิตที่สะดวกสบายเหมือนคนอื่น ผู้ชายน่ะ ไปไหนเราก็อยากสบายๆ ของเราบ้าง ก็มีคนมาทักทายเยอะ ที่จริงก็ไม่อะไรมาก เราก็ครับๆ สวัสดีครับ แต่ความเป็นส่วนตัวก็น้อยลง
ไม่ชอบให้คนมาทักหรือ

อ๋อ ไม่ๆ เลย ความเป็นส่วนตัวลดน้อยลงเป็นเรื่องธรรมดา คนเขาเห็นก็ทักตลอด บางคนมองๆ แล้วซุบซิบ ผมก็ไม่รู้เขาคิดอย่างไร อาจจะมีมุมมองการเมืองที่แตกต่างก็ได้นะ ทางที่ดีที่สุดผมก็ยกมือไหว้ สวัสดีครับ จะเด็กผู้ใหญ่ก็ช่างเถอะ คนไทยก็สวัสดีเป็นการทักทายกัน



คนเกลียดทหารก็มี เคยเจอชนิดที่เข้ามาด่าเลยมั้ย

ก็ยังไม่เคยมีนะ แต่ถ้ามีก็คง.. (หัวเราะ) เออ มึงบ้าไปแล้ว ลดๆ ลงหน่อย สังคมเมืองไทยไม่ได้เป็นภาระของคุณคนเดียวหรอก ต้องช่วยๆ กัน

เหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา บทบาททหารค่อนข้างได้รับความชื่นชม มองเรื่องนี้อย่างไร

ที่จริงงานลักษณะนี้เป็นงานที่ทำอยู่แล้วเป็นประจำครับ แต่ก็ได้มานั่งสรุปบทเรียนเหมือนกันว่าทำไมครั้งนี้ถึงดูเด่น อาจจะเพราะคนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ ทำให้การเข้าไปช่วยเหลือทำให้ดูโดดเด่น ที่จริงแล้วทุกหน่วยงานเสียสละกันทั้งหมด อย่างกรณีน้ำท่วม กองทัพทำคนเดียวไม่ได้ ตำรวจก็ทำหน้าที่ควบคู่มากับกองทัพ และทำงานหนักไม่แพ้เรา ก็อยากให้สังคมมองในอีกมุมหนึ่งว่ากองทัพบกเพียงลำพังทำไม่ได้ ต้องอาศัยทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ กทม.



ในช่วงนั้นมีการวางแผนการทำงานกันอย่างไร

มีสรุปงานตอนเช้าทุกเช้า แต่สั้นๆ เพื่อทุกคนจะแยกย้ายกันทำหน้าที่ ผบ.ทบ.จะสั่งการทุกวัน ตั้งแต่นโยบายลงไปจนถึงรายละเอียด ไม่เพียงแค่สั่ง ท่านยังลงไปกำกับดูแลด้วย เช่น ขณะนี้น้ำท่วมสูง รถโดยสารไม่สามารถให้บริการได้ รถกองทัพมีความสูง แต่ก็ต้องมีการปรับบางส่วนเพื่อให้ปฏิบัติงานได้ดี ระหว่างที่ยังแก้ปัญหาของตัวเองไม่เสร็จ ต้องหาทางทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และจัดระบบวงรอบของรถในเส้นทางต่างๆ เพื่อให้วิ่งเป็นประจำ ให้คนสามารถฝากความหวังในการเดินทางได้ สายนี้ สายนั้น กี่นาทีถึงจะขึ้นได้ รถ ขสมก.สู้น้ำลึกไม่ได้ จัดให้ไปวิ่งในเส้นน้ำตื้นเพื่อส่งคนให้เราอีกที ท่านลงรายละเอียดขนาดนี้

แต่ท่านย้ำเสมอว่าท่านทำภายใต้กลไกของรัฐบาล และอยากให้สังคมเข้าใจว่าเราทำในฐานะที่เป็นเครื่องมือของรัฐบาล ไม่ได้ทำเอาหน้า หรือโอเวอร์รีแอคอะไรกับใคร ท่านนายกฯ สั่งมา ผอ.ศปภ.สั่งมา กองทัพบกสนองงานเต็มที่ คิดริเริ่มเพิ่มเติมแล้วนำไปเสนอ ท่านเห็นด้วยก็ทำเลย



ระยะหลังมีการพูดกันมากเรื่องการเมืองแทรกแซงกองทัพ

ก็เป็นธรรมดา การเมืองเกี่ยวพันกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ก็ต้องมีเข้ามาบ้าง แต่เราเชื่อว่าด้วยระบบการเมือง ระบบพรรคการเมือง พี่น้องเลือกมาแล้วเราก็ต้องเคารพ ส่วนกองทัพก็ยึดมั่งประโยชน์ต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ก็ไม่น่ามีใครจะไม่เห็นด้วยกับเป้าหมายนี้ ทุกฝ่ายน่าจะเห็นตรงกันในแง่การช่วยกันประคับประคองบ้านเมืองให้เดินไปในทิศทางที่เหมาะสม และทำให้บ้านเมืองมีความร่มเย็น มีอารมณ์เย็นขึ้น ด่ากันน้อยลง ชื่นชมกันก็มีบ้าง ให้กำลังใจกันก็เป็นส่วนสำคัญ



เมื่อสังคมเปลี่ยน มีสิ่งที่ทหารต้องปรับตัวบ้างมั้ย เช่นการต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดในยุคที่ทุกคนเชื่อในเหตุผล

เราเป็นทหารน่ะ หน้าที่ของเราคือปกป้องอธิปไตย เรื่องอื่นเป็นส่วนเสริม ดังนั้น การมีหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของบ้านเมือง มันเป็นเรื่องของการใช้กำลังในการปกป้องประเทศชาติ มีความจำเป็นต่อเรื่องการปฏิบัติตามคำสั่ง สมมติตามแนวชายแดงมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เฮ้ย ไปยึดเนินนู้นซิ เอออ... ผมว่าก่อนจะตัดสินใจ ถามหลายๆ คนก่อนดีกว่ามั้ย ..มันคงประชาธิปไตยไม่ได้ทุกเรื่อง ก็ต้องทำตามคำสั่ง แต่เป็นคำสั่งที่ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้วว่าปฏิบัติได้ตามอำนาจหน้าที่ แต่ถ้าเรื่องใดที่ต้องการความคิดเห็นจากกำลังพลจากผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้บังคับบัญชายุคนี้ท่านก็มีความทันสมัยพอที่จะขอความคิดเห็นจากลูกน้องอยู่แล้ว มีความพอเหมาะพอดีน่ะ เราก็เชื่อมั่นในผู้บังคับบัญชาของเรา อย่างประเด็นการโยกย้ายทหารก็ถูกวิจารณ์ว่าไม่โปร่งใส สังคมตรวจสอบไม่ได้

สังคมปัจจุบันท่านคงเห็นแล้วว่า ถ้าหน่วยงานนั้นสามารถมีคนภายนอกมาปรับย้ายอะไรได้ก็มีส่วนดี แต่ก็มีผลเสีย ภารกิจของทหารมีทั้งสายงานฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายกำลังรบ เราก็ต้องใช้คนให้เหมาะสมกับงาน ผู้บังคับบัญชารู้ว่าควรจะตัดสินใจตกลงใจอย่างไร ยากที่คนนอกจะเข้าใจ และที่ผ่านมา เมื่อกองทัพได้รับมอบหมายภารกิจอะไร เราก็ทำให้ด้วยความเต็มใจ และสำเร็จผลจนเป็นที่พอใจของสังคม ฝ่ายบริหารก็สั่งมา กองทัพตอบสนองตามภารกิจ ยังมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องลงรายละเอียดว่าจะต้องมาดูว่าใครจะอยู่ตรงไหนอย่างไรไปทำไม กองทัพบกไม่ได้อยู่เหนือการตรวจสอบ มี ปปง. ปปช. คณะกรรมการ อนุกรรมการทุกชนิดที่จัดตั้งขึ้น ก็สามารถเรียกกองทัพไปตรวจสอบได้ และถ้าเจอความผิดพลาดทุจริตฉ้อฉลก็เอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องได้ เลย ไม่ใช่ว่าเราจะได้รับการยกเว้น

ต้องถามสังคมว่าวันนี้กองทัพเป็นที่พึ่งพาได้แค่ไหน ระบบในการโยกย้ายของเราไม่ต่างจากคนอื่น น่าจะดูประสิทธิภาพของงาน แต่ก็ไม่ใช่จะปรับแก้อะไรไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอนทางกฎหมาย ฝ่ายการเมืองได้รับมอบอำนาจจากประชาชนมา ท่านก็มีสิทธิจะทำอะไรก็ได้ตามที่กฎหมายระบุไว้ และต้องฟังเสียงประชาชนโดยรวม ผมเชื่อว่าทุกฝ่ายจะทำอะไรก็คงคิดถึงประโยชน์ของสังคมเป็นที่ตั้ง ไม่ได้ทำตามอำเภอใจ



มีชื่อเสียงแล้วมีใครชวนไปทำไรบ้าง

ชวนไปเป็นนักร้อง เปิดคอนเสิร์ต ออกรายการทีวี แต่คนเป็นทหารน่ะ สักระยะก็จะเกษียณแล้ว มีความรู้สึกว่าไม่ได้อยากทำตรงอื่น ทำมาแล้วก็รักงานในหน้าที่ อันอื่นทำพอเป็นสีสัน “หนุกหนาน” ไม่ได้ยึดเป็นเรือนตาย
มีคนชวนไปเป็นนักการเมืองมั้ย

มีครับ แต่ใจไม่รัก ไม่ชอบด่าทอกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านักการเมืองทุกคนไม่ดีนะ แต่ละคนเป็นอย่างไรก็พิจารณากันเอาเอง เกษียณก็คงพัก หรือใครชวนไปทำงานเอกชน ที่ไม่ใช่การเมืองก็คงดูกันอีกทีตามกำลังความสามารถ แต่การเมือง.. ไม่เอา ใจไม่รัก



อะไรคือความสุขของ เสธ.ไก่อู

ทำสิ่งที่อยากทำ ผู้บังคับบัญชารู้ถึงความตั้งใจของเรา สิ่งที่ทำไม่ทำให้ใครเดือนร้อน เป็นประโยชน์ต่อสังคมตามควรแก่หน้าที่ คนด่าน้อยหน่อยก็โอเคแล้วล่ะ อย่าเอาอะไรมาก ลดความต้องการทางอารมณ์ให้เหลือแค่พอเพียง



ถ้าให้พูดถึงตัวเองว่าเป็นคนอย่างไร

ไก่อูเป็นคนสบายๆ ไม่งี่เง่า ระเบียบกับตัวเอง ไม่ระเบียบกับคนอื่น ไม่ชอบเล่ารายละเอียดเรื่องชีวิตให้ใครฟังนัก เพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ชอบประกาศให้ใครต่อใครรู้ว่าตอนนี้กำลังชื่นมื่น หรือกำลังเตียงหัก เพราะไม่ใช่ดารา



ทุกวันนี้ใช้เวลาอย่างไร

ปกตินอนประมาณเที่ยงคืนตีหนึ่ง ตื่นประมาณตี 5 ถึงที่ทำงาน 6 โมง 10 นาที ระหว่างนั่งรถก็ฟังรายการข่าวเพื่อติดตามข้อมูลข่าวสาร เพื่อจับประเด็นว่าในหน้าที่ที่สองของเราเนี่ย วันนี้จะมีเคราะห์อะไรเข้ามามั้ย หลังจากนั้นก็จะแต่งตัว ในรถเหมือนบ้าน เริ่มทำงานหน้าที่กรมฝ่ายเสธ. เริ่มตอนเช้า 8 โมงครึ่ง มอร์นิ่งบริ๊ฟ แล้วก็ว่าไปตามหน้าที่ถึงเย็น ทุกหน่วยของกรมฝ่ายเสธ. ทั้งกรมกำลังพล กรมข่าว กรมยุทธการ กรมกิจการพลเรือน ส่วนใหญ่เลิกงาน 6 โมงเย็น ไม่เสร็จก็ทุ่มสองทุ่ม เอาภารกิจเป็นที่ตั้ง

ก่อนหน้านี้หยุดออกกำลังกายไปพักหนึ่ง จนรู้สึกว่ามันย้วย ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ในหน่วยกำลังรบ แต่ทั่วๆ ไป ก็เป็นทหารนะ เดินออกไป โห อ้วนฉุงี้กูจะฝากบ้านเมืองไว้กะมึงได้มั้ยเนี่ย ก็เลยหันกลับมาวิ่งออกกำลังกาย ปัจจุบันก็วิ่งออกกำลังทุกวันๆ ละนิดๆ หน่อยๆ ไม่ถึงกับเป็นภาระ โคจรรอบสนาม 5 รอบ วิ่งเสร็จก็ เออ สดชื่นดี เสร็จแล้วก็มานั่งร้องคาราโอเกะของกองทัพ กินปีกไก่ทอด ต้มโคล้ง ถูกที่สุดในโลก บางวันเสียไป 150 บาท ก็ตามอัตภาพ 3 ทุ่มกลับบ้านดูข่าว ไว้เสาร์อาทิตย์ไหนนักขัตฤกษ์หยุดยาว ก็ขออนุญาตเจ้านายไปมีความสุขสักนิดหนึ่ง



รับราชการก็ได้หยุดเสาร์อาทิตย์

งานของกรมฝ่ายเสธ. โดยเฉพาะกรมกิจการพลเรือนมีวันหยุดน้อย ทำงานจันทร์ถึงเสาร์ อาทิตย์ส่วนมากเป็นวันหยุด ยกเว้นมีเหตุการณ์ก็ทำงานกันเต็มที่
ทำอะไรบ้างในช่วงวันหยุด

นอนตื่นสายยย นอนดึกมากกกก เมื่อก่อนเคยตื่นเช้าขึ้นมาตักบาตรแถวตลาดประชานิเวศน์ ตอนหลังนอนดึกไง ตื่นไม่ไหว ก็ซื้อของแห้งไปถวายพระ ที่วัดอินทร์ ท่านก็สวดแบบเต็มยศ โหเว้ย ยาวดี เออ น่าจะได้บุญเยอะ ก็ทำบุญตามกำลัง ตัวเองอยากกินอะไรก็ซื้อไปถวายท่าน พายบลูเบอร์รี เงาะกระป๋อง เกาเหลา หรืออาทิตย์ไหนตื่นสายมากจนเป็นที่สังเวชใจหากจะไปทำบุญ อาทิตย์นั้นก็บายไป แต่ส่วนมากก็ไปวัดอาทิตย์ละครั้ง

ทหารมีวันพักร้อนมั้ย

ก็มีนะ เหมือนหน่วยงานทั่วไป แต่งานฝ่ายเสธ.ไม่เห็นมีใครเขาพักกัน คนมีไม่มาก แต่ภาระงานมาก การจะขออนุญาตลาไปพักร้อน.. ต้องพิจารณาแล้วว่าถ้าลาแล้วนี่ผู้บังคับบัญชาจะไม่รู้สึกสังเวชใจไปกันเรา ท่านก็ไม่ได้ห้ามนะ ว่างก็ลา แต่ไม่มีใครลา เราก็อายใจที่จะลา ก็ อ้ะ พอไปได้ ทำไป เงินเดือน ผอ.กองเกือบ 50,000 เงินประจำตำแหน่งอีก 20,000 เดือนหนึ่งได้ 7 หมื่น ถ้าคิดว่า 30 วัน ตกวันละ 2,000 ก็ดูเยอะนะ เราทำงานคุ้มกับที่เขาให้หรือเปล่า ถ้าทำแค่นิดๆ หน่อยๆ ก็อายใจ

หลายคนฝันถึงชีวิตบั้นปลายหลังเกษียณอายุที่สุขสงบอยู่ในชนบท

ผมเป็นคนชอบแสงสีนะ ไม่รักสันโดษถึงกับจะต้องไปอยู่กระท่อมไร่ปลายนา ไปเที่ยวน่ะไปได้ เกษียณแล้วก็คงหางานเอกชนทำ เผื่อมีใครมาชวนไปเป็นที่ปรึกษาอะไรแบบนี้ งานราชการคงพอแล้ว กองทัพคนมีความสามารถมีเยอะ แต่ละคนได้รับโอกาสที่แตกต่างกัน เมื่อเราได้รับโอกาสก็ทำให้เต็มที่ ใช้ชีวิตตามสมควร คนที่ลำบากกว่าเรายังมี เขาก็ยังอยู่ได้ เราก็อยู่ได้ มีความสุขตามอัตภาพ

ทั้งหมดที่กล่าวมา จึงเป็นเรื่องราวจากมุมมองของคนในกองทัพ กับการใช้ชีวิตในวันธรรมดาของชายชาติทหารที่ชื่อ สรรเสริญ แก้วกำเนิด

credit : bangkokbiznews


Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 18:55:11 น. 0 comments
Counter : 958 Pageviews.

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.