Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
นกจู๋เต้นเขาหินปูน (Limestone Wren Babbler)

ไปดูจู๋เต้น...จึงเห็นบ่อปลา

โดย : คมฉาน ตะวันฉาย



ช่วงที่น้ำท่วมกรุง เดือนหนึ่งเต็มๆ ที่ผมต้องมีสถานภาพเป็นผู้อพยพเพราะสถานการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ ไปกับเขาด้วย

ประกอบกับมีงานที่ต้องทำในต่างจังหวัด จึงถือโอกาสออกไปตะลอนซะเลย ระหว่างนั้นก็แวบเข้ามาดูบ้านช่องในกรุงเทพฯ แล้วถือโอกาสไปช่วยเขาแจกถุงยังชีพเป็นระยะๆ คิดดูก็ตลกที่ต้องตะลอนหาที่จอดรถทิ้งไว้จังหวัดนั้นบ้าง จังหวัดนี้บ้าง แล้วนั่งรถโดยสารเข้ามากรุงเทพฯ ซึ่งผมว่าท่านผู้อ่านหลายท่านคงมีชะตากรรมไม่ต่างกันนัก ก็ได้แต่อดทน ทำใจ และจำไว้ว่าใครไร้ความสามารถ ใครทำอะไรไว้ในระหว่างที่คนส่วนใหญ่กำลังอยู่ในห้วงทุกข์ยากบ้าง



ผมโชคดีที่ไม่ต้องถูกขังในบ้านที่จมน้ำเป็นเดือนๆ กับยุงที่มากมายมหาศาล ความโชคดีที่ว่าคือได้ออกไปเที่ยวดูอะไรหลายอย่างที่อยากไปตั้งนานแล้วหนึ่งในนั้นคือการออกไปหาดู นกจู๋เต้นเขาหินปูน (Limestone Wren Babbler) เจ้านกชนิดนี้เป็นนกที่พบไม่ง่ายนักและมีอยู่น้อยแห่งในบ้านเรา ในหนังสือคู่มือดูนกก็บอกว่าเป็นนกประจำถิ่น พบไม่บ่อยและพบเฉพาะบางที่ บางที่ที่ว่านี่ส่วนใหญ่จะเป็นเขาหินปูน ซึ่งมีสระบุรีรวมอยู่ด้วย



สรุปก็คือหาดูยากและต้องไปในที่ที่เขาอยู่เท่านั้น จะมาเห็นบินร่อนไปร่อนมานั้นอย่าหวัง อีกทั้งที่นี่เป็นชนิดย่อย crispifrons อีกต่างหาก นกชนิดนี้ดูในรูป หรือถามผู้รู้ก็บอกว่าไม่สวยๆ แต่ที่อยากดูเพราะมันหาดูยาก ได้มีโอกาสไปแก่งคอย สระบุรี ผมจึงตั้งจุดหมายไปที่เขาพระพุทธบาทน้อย ที่ซึ่งในแวดวงดูนกก็รู้ว่าถ้าจะดูนกชนิดนี้ ต้องที่นี่สถานเดียว


สระบุรีใครก็รู้ว่าเป็นเมืองเขาหินปูน เมืองโรงงานปูน เมืองฝุ่น สารพัดนิยาม แม้ภูเขาในเมืองนี้จะถูกระเบิดเอามาทำประโยชน์สารพัดมานาน แต่เขาพระพุทธบาทน้อยก็หลงรอดมาได้อย่างหวุดหวิด (อย่างน้อยก็ในปี พ.ศ. 2554 นี้) เลยพลอยทำให้นกจู๋เต้นเขาหินปูนที่ผมตามหา ยังไม่สูญหายไปเพราะถิ่นที่อยู่ถูกทำลายไปอีกชนิด



เขาพระพุทธบาทน้อย เป็นภูเขาหินปูนเตี้ยๆ โดดเด่นอยู่ท่ามกลางพื้นที่เกษตรกรรมและโรงงานที่อยู่ใกล้เคียง ในวันที่ฟ้าสีฟ้าใส ภูเขาหินปูนสีเทาอมฟ้าดูสวยขึ้นมากมาย ริ้วรอยของน้ำที่เซาะเป็นร่องเป็นริ้ว ทำให้พอมีความชื้นอยู่บ้างจนพืชทนแล้งอย่างปรง หรือจันทน์ผา เติบโตบนชะง่อนผาอย่างน่าพิศวง กลับเป็นความงามไปอีกอย่าง ไปก็ไม่ได้ยาก เข้าเมืองแก่งคอย แล้วข้ามแม่น้ำป่าสัก เจอไฟแดงแรกเลี้ยวซ้าย ไปเจออีกไฟแดงเลี้ยวขวา แล้วตรงไป 6 กม. ก็ถึงเป้าหมาย เห็นภูเขาอยู่ข้างหน้า ระหว่างทางก็ใช่จะจืดชืด มีไร่ทานตะวันบานจนเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ไปแล้ว



ผมทำการบ้านมาพอควร โดยถามไถ่จาก “น้องป่าน” เจ้าของคอลัมน์ “นกป่าสัปดาห์ละตัว” ในหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ว่านกชนิดนี้นิสัยเป็นแบบไหน การหากิน เสียงร้อง ย่านที่จะพอพบเห็นได้ ไปถึงก็ออกดุ่ยๆ
เดินไปตามทางปูนของวัดที่ทำเป็นบันไดขึ้นเขาไปเรื่อยๆ แรกๆ ก็ยังสนุกอยู่ดี แต่นานๆ เข้าก็ชักเหนื่อย แม้ร่มเงาไม้ในบริเวณวัดจะพอบรรเทาความร้อนจากแดดได้บ้าง แต่วี่แววที่แม้แต่เสียงร้องแหลมๆ สูงๆ “อู่-วี๊ด อู่-วิ๊ด” ที่ซุ่มฟังมาจากซีดีเสียงนก ก็ไม่แผ้วพานโสตหูแม้แต่นิด ซึ่งถ้ามีเซียนนกมาด้วย ผมอาจจะได้เห็นอะไรมากกว่านี้ รวมกระทั่งอาจพบเห็นเจ้าจู๋เต้นเขาหินปูนนี้ด้วยก็ได้


หลายครั้งที่ตั้งใจมาดูนกแล้วผิดหวังแบบนี้ แต่ผมไม่กล้าให้ท่านผู้อ่านผิดหวังกับผม จึงไปยืมรูปเจ้าจู๋เต้นเขาหินปูนพันธุ์สระบุรีนี้มาจาก “น้องป่าน” กูรูนก เอามาให้ได้รู้จักหน้าค่าตากันไว้


ไปแล้วผมไม่มีให้เสียเที่ยว เลยแวะเข้าไปดูวัดถ้ำบ่อปลา ซึ่งอยู่เชิงเขาพระพุทธบาทน้อยเช่นกัน เพียงแต่อยู่คนละด้านกับทางที่จะไปดูนกจู๋เต้นหินปูน (มารู้ทีหลังว่า ทางขึ้นจุดชมวิวของวัดถ้ำบ่อปลานี้ก็มีโอกาสพบนกจู่เต้นหินปูนเหมือนกัน)


เรื่องถ้ำนี่ท่านผู้อ่านจะเห็นว่าผมเขียนถึงหลายที่มาแล้วเหมือนกัน ซึ่งแต่ละแห่งนั้นต้องมีอะไรโดดเด่นไม่ใช่ถ้ำดาดๆ ที่พบเห็นทั่วไป ซึ่งถ้ำย่านสระบุรีนี้ บอกตรงๆ ว่าผมมองผ่านไปหมด เพราะส่วนใหญ่จะเป็นถ้ำตายแล้ว มีวัดเข้าไปก่อสร้างอะไรต่อมิอะไรอยู่เพียบ บางที่ในสระบุรีฟังชื่อแล้วดูดี ถ้ำดาวเขาแก้ว ถ้ำสารพัดนึก ถ้ำไก่แก้ว ฯลฯ เหล่านี้ถ้าไม่ได้ไปดูก็ไม่ต้องเสียดายหรอกครับ ซึ่งถ้ำบ่อปลานี้ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไร


แต่สัมผัสแรกเมื่อยืนหน้าปากถ้ำ คืออากาศเย็นที่พัดออกมาเอื่อยๆ ไม่มีกลิ่นเหม็นอับ ถ้าเป็นแบบนี้ถ้ำต้องมีโพรงให้อากาศถ่ายเทได้ชัวร์ เดินลงไปถึงพื้นถ้ำที่ไม่ลึกนักก็เห็นเป็นโถงถ้ำโล่ง มีหินงอกหินย้อยอยู่พอสมควร พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่บนฐานปูนหลายองค์ เขาจัดไฟไว้พอประมาณ กำลังถ่ายรูปได้สวย ไม่เห็นสายไฟระโยงระยางแบบถ้ำที่เอ่ยชื่อมาแต่ต้น พื้นถ้ำสะอาด นอกจากโถงใหญ่ก็จะมีโถงเล็ก โพรงน้อยต่อเชื่อมกัน มีพระพุทธรูป รูปเคารพอื่นๆ อย่างเจ้าแม่กวนอิม รูปปั้นหลวงพ่อโต พรหมรังสี ฤๅษีตาไฟ อยู่แต่ละโถงแต่ละหลืบ แหงนดูหินงอกหินย้อยยังคงมีน้ำย้อย หยด ที่แสดงว่ายังคงมีการก่อเกิดของถ้ำอยู่ตลอดเวลา อาจจะเป็นเพราะไม่มีการจุดเทียน จุดธูป รวมทั้งใช้ดวงไฟมากมายแบบถ้ำหลายแห่งก็อาจจะเป็นไปได้


แม้จะเดินดูถ้ำคนเดียวก็ไม่รู้สึกกลัว เพราะมองเห็นโดยทั่ว อากาศก็ไม่ได้อับชื้น เสียงหายใจเบาๆ ของตัวเองจึงได้ยินชัดเจน นานๆ จึงได้ยินเสียงสุนัขเห่าดังมาจากนอกถ้ำ นั่นเป็นเพราะวัดแห่งนี้มีพระอยู่น้อยรูป การพูดคุย การทำกิจกรรมเสียงดังต่างๆ จึงแทบไม่มี วัดจึง “สงบ” คนที่เสพติดความเงียบแบบผมจึงชอบนักเชียว โพรงอากาศที่ผมคาดเดานั้นกว้างราว 3-4 เมตร สูงราว 15 เมตรเท่านั้น แหงนขึ้นไปเห็นต้นไม้ขึ้นคลุมปากถ้ำ บางต้นยังทิ้งรากชอนไชลงมาถึงข้างล่างก็มี


มิน่าอากาศจึงระบายดีเหลือเกิน พื้นถ้ำตรงใกล้โพรงถ้ำ เป็นเหมือนบ่อลึกราว 1.5 เมตร มีทำนบถ้ำเป็นคูขอบบ่อ เห็นร่องรอยคราบน้ำอยู่ เวลาฝนตกน้ำบางส่วนน่าจะไหลลงบ่อถ้ำ ชื่อ “บ่อปลา” อาจจะมาจากปลาที่อยู่ในน้ำในทำนบถ้ำเหล่านี้ก็ได้


เดินถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้ไปตามเรื่อง โชคดีที่มีไฟช่วย ซึ่งพระท่านจะเปิดไฟในถ้ำเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ไม่เก็บค่าดู ไม่มีไกด์มาบรรยายให้เราหมดความเป็นส่วนตัว ไปก็ช่วยค่าไฟทางวัดบ้างก็จะดี


มาย้อนดูภาพถ่าย แล้วก็ลงความเห็นว่าถ้ำแห่งนี้สวยดีเหมือนกัน เงียบ สงบ และสวยพอควร แต่แปลกใจว่าทำไมไม่ค่อยมีคนไปเที่ยวชม ถ้าคนมามาก ถ้ำจะยังสะอาด จะยังสงบหรือไม่ แล้วถ้าไม่มีใครมาแบบนี้วัดจะมีสตางค์จ่ายค่าไฟในถ้ำหรือไม่


ผมคิดหนักพอๆ กับว่าควรจะเห็นใจคนที่มีปัญหาคูปอง 2,000 บาท หรือสงสารตัวเองที่อยู่ดีๆ ก็มีหนี้ก้อนโตเพราะรัฐบาลกู้เงินเอามาซ่อมบ้านเมือง อันมาจากความด้อยความสามารถของตัวเอง
มีคนเคยพูดว่า “ใครเอ่ย ดีแต่กู้” ผมเห็นภาพคนนั้นขึ้นมาชัดเลยตอนนี้...

credit :  bangkokbiz


Create Date : 16 มกราคม 2555
Last Update : 16 มกราคม 2555 8:19:41 น. 0 comments
Counter : 2944 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.