เปิดใจตรงนี้เลย...คำว่า"รัก"...ฉันมีอยู่แทบล้นใจ...แต่ยังไม่มีที่ใช้...ก็เท่านั้นเอง
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2554
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
27 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 

"ไม้เมือง" (ละครช่อง 3 พ.ศ.2543)...นำแสดงโดย แอนดริว เกรกสัน และพรชิตา ณ สงขลา

เขียนเมื่อ : วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2554  เวลา : 19.00น.



วันนี้เปิดGroup Blog ใหม่เยอะเลยคะ...ขอเริ่มกรุ๊ป "ละครดี...ที่ฉันรัก" ด้วยละครแนวชีวิตที่ฉันชอบมากที่สุด.... "ไม้เมือง"  เรื่องนี้ฉันดูตอนอายุ 10กว่าขวบเท่านั้นคะ  แต่ชอบมาก...ติดสุดๆเรื่องนี้  เริ่มต้นได้ดูเพราะเคยติดใจละครของพระเอกเรื่องนี้ แอนดริว เกรกสัน  อยู่ 2 เรื่อง  คือ...หุบเขากินคน ทางช่อง 7 และ ธรณีนี่นี้ใครครอง ทางช่อง 3 และบังเอิญว่าได้ดูตอนแรกของละคร "ไม้เมือง" ด้วย  ถ้าวันนี้ไม่ได้นั่งดูทีวีอยู่กับแม่ละก็...คงไม่ได้ดูจนจบทั้งเรื่องนี้แน่ๆคะ  เพราะฉันเป็นเด็กประเภทถ้าไม่รู้ต้นจะไม่รู้กลางกับปลาย  ถ้าไม่ต่อเนื่องจะไม่ติดเลย  ประมาณนั้น  พอได้ดูตอนแรก  ก็ชอบละครเรื่องนี้  เลยได้ดูเรื่อยมา  เรื่องนี้ทำให้ฉันรักแอนดริว เกรกสันตั้งแต่ฉันเด็กๆเลยคะ


ละครเรื่อง "ไม้เมือง" เป็นละครแนวชีวิต(ดราม่า) ที่ออกฉายเมื่อปี พ.ศ.2543 ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง3 กำกับการแสดงโดย คุณสุประวัติ ปัทมสูตร, เขียนบทละครโดย เอก ลิขิต, อำนวยการผลิตโดย ค่ายทีวีซีน หรือบริษัททีวีซีนแอนด์พิคเจอร์จำกัด และนำแสดงโดย แอนดริว เกรกสัน, พรชิตา ณ สงขลา, เล็ก ไอศูรย์ และพิศมัย วิไลศักดิ์  สร้างจากนวนิยายแนวชีวิตเรื่อง "ไม้เมือง" ของนักเขียนคุณภาพขวัญใจฉัน โสภาค สุวรรณ



เนื้อเรื่องคร่าวๆของละคร(ยาวหน่อยนะคะ...เพราะคนเขียนดูละครไปด้วยเขียนไปด้วย  เนื้อเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับนิยายที่เป็นต้นฉบับ  เพราะยังไม่ได้อ่าน  เอามาจากละครล้วนๆคะ)



ชรัณ(แอนดริว เกรกสัน) เป็นลูกชายของบูรจิต(เล็ก ไอศูรย์)กับ พฎา(เพ็ญพักตร์ เพ็ญกุล)...ทั้งคู่เลิกรากันตั้งแต่ชรัณยังเด็ก  บูรจิตนั้นเป็นนายแบบรูปหล่อชื่อดังและเป็นที่หมายปองของบรรดาสาวแก่แม่ม่ายไฮโซทั้งหลาย  รวมทั้ง รมดี(พิศมัย วิไลศักดิ์) เศรษฐินีม่ายสูงวัย ซึ่งบูรจิตได้มาปรนเปรออยู่เป็นครั้งคราวแม้ว่าเขาจะมีสตรีแก่ผู้อุปการะอยู่อีกคนก็ตาม  เมื่อมีข่าวเครื่องบินไปสวิตเซอร์แลนด์ที่สตรีผู้นั้นเดินทางไปด้วยประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตขึ้น  รมดีมาแจ้งข่าวแก่บูรจิตด้วยความยินดีพร้อมทั้งชวนมาอยู่ที่บ้านของเธอ  สร้างความไม่พอใจให้แก่ เกลียวไหม(พรชิตา ณ สงขลา) หลานสาววัยรุ่นคนเดียวของรมดีอย่างมาก  เกลียวไหมแสดงความเกรี้ยวกราดออกมาอย่างเปิดเผยอย่างเด็กที่ถูกตามใจมาแต่เล็ก  แต่รมดีก็ไม่ได้ใส่ใจและยังยืนยันจะให้บูรจิตมาอยู่ในบ้าน  เหตุการณ์ทะเลาะทุ่มเถียงรุนแรงอยู่ในสายตาของลุงเหิม(สุประวัติ ปัทมสูตร)คนสวนของบ้านรมดีตลอดเวลา  ลุงเหิมมองดูด้วยอาการสงบเห็นเป็นเรื่องธรรมดาเพราะเขามักเห็นเหตุการณ์แบบนี้จนชินตาทุกครั้งที่เกลียวไหมไม่ได้อะไรดั่งใจ  เช่นเดียวกับชรัณ ซึ่งอาศัยอยู่บ้านเล็กๆข้างบ้านหลังใหญ่ของรมดีและมักมาคุยเล่นหรือมาช่วยงานลุงเหิมเสมอเมื่อเขาว่าง ชรัณเองก็มักจะโดนเกลียวไหมระเบิดอารมณ์  ด่าทอ  และดูถูกบ่อยครั้ง   ชรัณโกรธและรังเกียจความร้ายกาจของเกลียวไหมในตอนแรก  แต่ลุงเหิมคอยปลอบใจและเตือนสติชรัณเสมอว่าเกลียวไหมถูกตามใจจนเคยตัวและเป็นเด็กขาดความอบอุ่น  ทำให้ชรัณรู้สึกเห็นใจและสงสารเกลียวไหม  แม้บางครั้งเขาจะต้องรับมือกับความร้ายกาจหยาบคายของเธอ  แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกของเด็กที่ขาดความใส่ใจดูแลจากพ่อแม่...ว่าเป็นอย่างไร?  สิ่งนี้ทำให้เขาเห็นใจเกลียวไหมอยู่ลึกๆภายใต้สีหน้าเฉยเมยของเขา


ชรัณนั้นเห็นความแตกแยกของครอบครัวมาตั้งแต่เล็ก  พ่อทิ้งเขากับแม่ไปอย่างไม่ไยดี  เขาต้องทนเห็นและปลอบโยนแม่ที่ร้องไห้เสียใจอย่างหนักทั้งๆที่เขาเองก็บอบช้ำไม่แพ้กัน  สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมให้ชรัณต่อต้านพ่อของเขา เขาสัญญาว่าจะไม่เป็นคนแบบพ่อ  เขามักจะปกป้องแม่เพราะเขารักพฎามาก  เขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ของเขามีความสุขและไม่เสียใจ  รวมไปถึงการยอมรับมิสเตอร์เพอร์กินส์  เจ้านายฝรั่งของพฎาในฐานะคนรักของแม่  แม้ว่าลึกๆ...เขาจะไม่พอใจอยู่ก็ตาม  จากการที่พฎาต้องไปทำงานกับบริษัทฝรั่งที่ต่างจังหวัดและนานๆจะกลับมาบ้านสักครั้งหนึ่ง  ทำให้ชรัณต้องอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็ก  ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวทำให้เขาเป็นคนนิ่งเงียบ  ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยมีเพื่อน  และแทนที่จะไปรวมกลุ่มกับคนวัยเดียวกัน  ชรัณกลับชอบไปหาและพูดคุยกับลุงเหิม  คนสวนของบ้านเศรษฐีข้างๆซึ่งชรัณเคารพและนับถือลุงเหิมเหมือนพ่อ  และด้วยความที่ชรัณเป็นเด็กอ่อนน้อมถ่อมตน ลุงเหิมมักจะสอนสิ่งต่างๆ  ให้คำแนะนำที่ดีและรักเอ็นดูชรัณเหมือนลูกเหมือนหลานเช่นกัน  ชรัณรับรู้ว่าลุงเหิมสูญเสียลูกชายคนเดียวตั้งแต่ยังเล็กๆจากอุบัติเหตุรถชน  ทั้งสองคนจึงเหมือนมาเติมส่วนที่ขาดซึ่งกันและกัน  ลุงเหิมมักจะใส่บาตรเป็นข้าวมันไก่  เพราะลูกชายของลุงชอบข้าวมันไก่  ชรัณเห็นภาพแบบนี้มาจนชินตาทุกเช้าประกอบกับกิจวัตรประจำวันอันเรียบง่ายพอเพียงของลุงเหิม ทำให้ชรัณซึมซับความดีงามเหล่านั้นเสมอมา  เขาจึงรักและเคารพลุงเหิมมาก  เพราะลุงเหิมได้เข้ามาชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของชรัณนั่นเอง  ผิดกับเกลียวไหม...ที่กำลังอยู่ในวัยที่ต้องการความรักความเอาใจใส่จากพ่อแม่  แต่เมื่อพ่อแม่ตายลง  เธอก็มีแต่คุณยายที่เป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวเท่านั้น  ในเวลาปกติ...เกลียวไหมไม่ใช่คนก้าวร้าวและร้ายกาจโดยนิสัย  แต่เธอจะเป็นเด็กสาวขี้อ้อน  และมักจะต้องการความสนใจจากรมดี คุณยายของเธอเสมอ  ซึ่งรมดีก็รักทะนุถนอมและตามใจหลานสาวคนเดียวเสมอมา จนเกลียวไหมเคยชินกับการถูกตามใจ  เมื่อใดก็ตามที่เธอไม่ได้อะไรดั่งใจหรือไม่ถูกใจอะไร แม้เพียงเรื่องเล็กน้อย...เธอจะแสดงอาการไม่พอใจอย่างรุนแรง  วาจาที่เคยอ่อนหวานขี้อ้อนกลับกลายเป็นกระโชกโฮกฮาก  สร้างความเอือมระอาให้บรรดาคนใช้ในบ้านหรือแม้แต่รมดีเองก็ตาม  ทุกคนจึงพยายามทำทุกอย่างให้เกลียวไหมพอใจจะได้ไม่อาละวาด  มีเพียงเรื่องเดียวที่รมดีไม่อาจหักใจทำให้หลานสาวได้คือเรื่องของบูรจิต  เกลียวไหมจึงหาทางออกโดยการออกเที่ยวกลางคืนเพื่อประชดรมดี  รมดีนั้นแม้จะห่วงเกลียวไหมยังไงแต่ก็ไม่สามารถว่ากล่าวอะไรได้มาก  จึงได้แต่ให้เงินเกลียวไหมเพิ่มขึ้นเพื่อให้เกลียวไหมพอใจ  โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่เธอทำยิ่งเป็นการผลักไสให้เกลียวไหมถลำลึกเดินทางผิดมากขึ้น  โชคดีที่เกลียวไหมมีเพื่อนสนิทอย่างสุตรา(ภัคจีรา วรรณสุทธิ์)คอยช่วยเหลือและทนเป็นเพื่อนกับเธอด้วยความเห็นใจสงสาร  เกลียวไหมจึงยังไม่ถลำไปไกลมากนัก



วันหนึ่ง...ขณะที่ชรัณมาพักผ่อนที่ภูเก็ตกับพฎาและมิสเตอร์เพอร์กินส์  เขาได้พบกับบูรจิต พ่อของเขาที่มาถ่ายแบบโดยบังเอิญ  บูรจิตดีใจมากที่ได้เจอลูกชาย  แต่กลับได้รับเพียงความเฉยชาจากชรัณ  บูรจิตไม่พอใจที่ชรัณไม่พูดกับเขา...จึงพาลไปพูดเหน็บแนมพฎา  ชรัณปกป้องแม่ของเขาอย่างเปิดเผย  ยิ่งทำให้ชรัณไม่อยากพบเจอพ่อของเขามากขึ้นไปอีก  แม้ในใจลึกๆเขานั้นเขาดีใจเหลือเกินที่ได้เจอพ่อเขาอีก  ทางด้านบูรจิตนั้น  เมื่อเข้าไปอยู่กับรมดี  ก็ถูกเกลียวไหมดูถูกเหยียดหยามและอาละวาดสารพัด  ส่วนรมดีก็มัวแต่เอาอกเอาใจ"เพื่อน"คนใหม่ของเธอจนละเลยหลานสาว  ทั้งรมดีและบูรจิตควงกันเปิดตัวต่อสังคมอย่างไม่อายใคร  เกลียวไหมไม่อาจทนอยู่ร่วมบ้านกับบูรจิตได้จึงไปขอค้างบ้านของสุตรา  ทำให้เกลียวไหมได้เห็นความรักความอบอุ่นในบ้านของเพื่อนสนิท ทั้งคุณยายของสุตราก็ต้อนรับเกลียวไหมอย่างดี  เธอจึงรู้สึกอบอุ่นในบ้านของสุตราแม้ลึกๆเธอจะรู้สึกอิจฉาสุตราก็ตาม  สุตราให้กำลังใจเกลียวไหมและบอกให้เธอกลับไปช่วยรมดีเพราะรมดีกำลังถูกหลอก  เมื่อเกลียวไหมกลับไปบ้าน...ก็ได้รู้ว่าชายหนุ่มที่เธอเคยเห็นมาช่วยงานลุงเหิมและมักจะทำท่าเฉยชาใส่เธอนั้นคือ ชรัณ  ลูกชายของบูรจิต  ยิ่งทำให้เกลียวไหมรังเกียจสองพ่อลูกหนักมากขึ้น  บูรจิตต้องการสานความสัมพันธ์กับลูกชาย  จึงเปิดเผยกับใครต่อใครว่าเขามีลูกชายรูปหล่อชื่อชรัณ  และพยายามหาทางเข้าหาชรัณมากขึ้น  ส่วนชรัณนั้นแม้ว่าจะบ่ายเบี่ยงอย่างไรเขาก็ยังอยากเจอพ่อของเขาอยู่นั่นเอง  และด้วยรูปร่างสูงโปร่งและหน้าตาหล่อเหลา  แถมยังเป็นลูกชายของนายแบบชื่อดัง...ทำให้ชรัณได้รับความสนใจจากบรรดานักปั้นดารามากมายในวงการ  แต่บูรจิตคอยกันท่าทุกคนออกไปเพื่อจะได้ดูแลชรัณเพียงคนเดียว  บูรจิตพยายามโน้มน้าวใจให้ชรัณเข้าวงการบันเทิงให้ได้  ชรัณปฏิเสธท่าเดียว...เขาคิดว่าบูรจิตเข้ามาหาเขาเพราะเห็นผลประโยชน์ในตัวเขา  แต่แท้จริงแล้ว...บูรจิตกำลังหาทางให้ชรัณได้มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง  เพื่อจะได้มีเงินมีทองและสุขสบายในภายหน้า  แม้จะเป็นการร่ำรวยในทางลัด...แต่ก็เป็นสิ่งเดียวที่คนอย่างบูรจิตจะทำเพื่อชดเชยให้ลูกชายที่เขาไม่เคยสนใจได้  เมื่อพฎาทราบเรื่องจากคุณทิพย์ซึ่งมาขอแบ่งเช่าบ้านของเธอเมื่อไม่นานมานี้  พฎาถึงกับสั่งห้ามชรัณไม่ให้พบบูรจิตอีก  ด้วยห่วงว่าบูรจิตจะพาชรัณเสียคน  ทำให้ชรัณซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างพ่อกับแม่ต้องสับสนและทุกข์ใจอีกครั้ง  เขาเคยต้องพบเจอเหตุการณ์พ่อแม่ทะเลาะกันมาแล้วเมื่อยังเล็ก  เขาไม่อยากจะมาเห็นอีกเมื่อตอนโต  ด้านบูรจิตนั้นแม้ว่าจะถูกชรัณปฏิเสธไปเมื่อครั้งที่แล้ว  แต่เขาก็ไม่ได้ละความพยายาม  เขาส่งเพื่อนช่างภาพที่ชื่อ น้อย ไปแอบถ่ายภาพชรัณไว้  อีกทั้งเตรียมเปิดสตูดิโอเตรียมไว้เรียบร้อยโดยการขอตึกทาวเฮ้าส์จากคุณผุส(ญาณี จงวิสุทธิ์) สาวใหญ่ไฮโซอีกคนที่หลงเสน่ห์บูรจิตมานานแล้ว  ส่วนพฎาก็ตัดสินใจแต่งงานกับมิสเตอร์เพอร์กินส์  และจะพาชรัณย้ายไปอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ  ชรัณนั้นไม่ได้อยากไปแต่เพื่อความสุขของแม่...ทำให้เขาตกลงกับแม่ว่าเขาจะไปด้วย  แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นอย่างที่คาดหมายไว้  พฎาก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนตร์เสียชีวิตพร้อมกับมิสเตอร์เพอร์กินส์  ก่อนสิ้นใจ...บูรจิตและชรัณไปโรงพยาบาลทันฟังคำสั่งเสียของเธอ  บูรจิตรับปากจะดูแลชรัณให้ดีที่สุด  ชรัณเสียใจอย่างมาก...เพราะแม่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีในชีวิต


บูรจิตบอกรมดีว่าเขาต้องการให้ชรัณมาอยู่ด้วย...รมดีซึ่งเอ็นดูชรัณอยู่แล้ว  รู้สึกสงสารชรัณและอยากจะเอาใจชายหนุ่มคนรักจึงตอบตกลงอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกทั้งรับเป็นเจ้าภาพสวดศพให้พฎาอีกด้วย  เมื่อเกลียวไหมรู้เช่นนั้นก็แสดงอาการเกรี้ยวกราดอาละวาดขึ้นมาอีก  แต่เมื่อไม่อาจเปลี่ยนใจคุณยายของเธอได้  เธอจึงหันไปปรึกษาอังกาบ(อรสา พรหมประทาน)  สาวใหญ่ไฮโซรุ่นแม่ที่เธอรู้จักที่สนามยิงปืน  อังกาบซึ่งแสดงอาการเห็นอกเห็นใจและดูเหมือนจะเข้าใจเกลียวไหมมาตั้งแต่แรกพบบอกให้เกลียวไหมเห็นถึงความร้ายกาจของพวกผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกิน  เกลียวไหมไว้ใจอังกาบอย่างมาก  เธอคิดว่าอังกาบเหมือนแม่ซึ่งจากไปนานแล้วของเธอ  โดยที่ไม่รู้เลยว่า...อังกาบกำลังหลอกใช้เธอ  เพราะอังกาบเป็นเพื่อนกับผุส  และหลงรักบูรจิตมานานแล้วเช่นกัน  เธออิจฉาและเกลียดรมดีที่อายุแก่กว่าเธอราวแม่แต่ได้บูรจิตไปครอบครอง  อังกาบมักจะพูดให้ร้ายถึงบูรจิตและส่งข่าวคราวของบูรจิตกับหญิงไฮโซคนอื่นให้เกลียวไหมรับรู้เสมอ  เพื่อที่เกลียวไหมจะได้นำข่าวไปบอกแก่รมดีและเพื่อที่รมดีจะได้เลิกกับบูรจิตซะที  อังกาบจะได้มีโอกาสครอบครองบูรจิตต่อไป  เกลียวไหมนั้นเชื่อสนิทใจว่าอังกาบหวังดี  คอยบอกข่าวและใส่ร้ายบูรจิตแก่รมดีเสมอ  แต่รมดีไม่เคยเชื่อหลานสาว  จนกระทั่งเกลียวไหมพารมดีตามไปดูบูรจิตที่คอนโดของผุส  ซึ่งแม้จะเห็นกับตาว่าบูรจิตเข้าไปหาผุสในห้องพัก  แต่รมดีก็ไม่ได้เข้าไปต่อว่า  กลับพาเกลียวไหมกลับบ้าน  โดยเกลียวไหมนั้นยิ้มย่องด้วยความพอใจ...คิดว่ารมดีต้องเลิกกับบูรจิตแน่ๆ  แต่เธอคิดผิด!


เมื่อบูรจิตเอ่ยปากบอกให้ชรัณมาอยู่กับเขาที่บ้านของรมดี  ชรัณปฏิเสธเสียงแข็ง  บูรจิตอ่อนใจจึงบอกให้ชรัณไปคิดอีกทีแล้วมาบอกเขา  ชรัณไปขอคำปรึกษาจากลุงเหิมซึ่งบอกให้เขาไปอยู่กับพ่อ  พ่อเขาจะได้มีโอกาสแก้ตัวในสิ่งที่ได้ทำไว้  ชรัณตัดสินใจให้โอกาสพ่อ...เขาจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านรมดีกับพ่อของเขา  รมดีต้อนรับชรัณอย่างดี  ในคืนที่รมดีกับเกลียวไหมตามบูรจิตไปที่คอนโดของผุส  เมื่อกลับมา...เกลียวไหมเห็นชรัณเข้ามาอยู่ในบ้านเป็นครั้งแรก  เธอจึงออกปากไล่ชรัณไปอย่างหยาบคาย  แต่รมดีเข้ามาห้ามไว้ทันและบอกให้ชรัณซึ่งนิ่งเงียบมาตลอดกลับเข้าห้องไป  รุ่งขึ้นเกลียวไหมก็พบว่ารมดีไปงานเปิดตัวสตูดิโอของบูรจิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เกลียวไหมไม่รู้ว่าทำไมสองพ่อลูกนี่ยังอยู่ในบ้าน  ที่งานเปิดตัวสตูดิโอ...รมดีเข้าไปตบหน้าผุสที่มาแสดงความยินดีกับบูรจิตอย่างออกนอกหน้า  แม้ว่าจะจับได้ว่าบูรจิตนอกใจเธอ  แต่รมดีก็ไม่ได้ไล่บูรจิตออกจากบ้านไปอย่างที่เกลียวไหมหวัง  เธอรักเขาเกินกว่าที่จะทำได้  บูรจิตก็สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก  ที่บ้านของรมดี  เกลียวไหมอาละวาดอย่างหนักเมื่อรู้ว่ายายของเธอไม่ได้ไล่บูรจิตกับชรัณออกจากบ้าน  เธอเข้าไปเอาข้าวของของชรัณมาทำลายทิ้งหน้าบ้าน  ลุงเหิมพยายามห้ามแล้วแต่ไม่สำเร็จ  พอดีกับที่ชรัณเข้ามาพบ...ชรัณถึงกับระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่  ตอบโต้เกลียวไหมว่าเขาไม่ได้ดีใจเลยที่พ่อของเขาทำตัวแบบนี้  แต่เขาก็เกลียดพ่อตัวเองไม่ได้  เหมือนกับที่เขาควรจะเกลียดควรจะด่าว่ารมดีที่มารักชอบคนอย่างพ่อเขาหรือเกลียวไหมที่ดูถูกเหยียดหยามและหยาบคายกับเขาตลอดเวลาทั้งๆที่ไม่รู้จักกันมาก่อน  แต่เขาก็ไม่ทำ  เพราะเขาคิดว่าเกลียวไหมน่าจะมีความคิดและได้รับการอบรมมาดีเหมือนกับเขา  ตรงนี้คือสิ่งที่เขากับเกลียวไหมต่างกัน  ทำเอาเกลียวไหมถึงกับหน้าชา  เพราะไม่เคยมีใครมายืนว่าเธอได้ขนาดนี้...และมันก็เป็นเรื่องจริง  เกลียวไหมเจ็บแค้นและตบหน้าชรัณเข้าไป  ชรัณยังตอกย้ำอีกว่าขอบคุณที่ย้ำเตือนว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง  เกลียวไหมทนไม่ได้ที่ถูกประนามเช่นนั้น  และยิ่งไปกว่านั้น...เมื่อรมดีกลับมาเห็นผลงานจากความร้ายกาจของหลานสาว  รมดีก็ยังหมดความอดทน...สั่งและบังคับให้เกลียวไหมไปเก็บของของชรัณให้เหมือนเดิม  เกลียวไหมสะเทือนใจมากเพราะคุณยายไม่เคยบังคับเธอมาก่อน  ยิ่งทำให้เธอเกรี้ยวดกราดหนักกว่าเดิม  ชรัณมองภาพเหล่านี้ด้วยความลำบากใจและเห็นใจเกลียวไหมไปพร้อมๆกัน  แม้เขาจะถูกเกลียวไหมดูถูกสารพัด...แต่เขาก็รู้ว่าเป็นเพราะเขากับพ่อเข้ามาอยู่ที่นี่  ดังนั้นเมื่อชรัณรู้สึกไม่สบายใจ...เข้าจะคอยหนีหน้าเกลียวไหม  เมื่อถูกเกลียวไหมพูดจาหยาบคายดูถูก...เขาจะนิ่งเงียบไม่ตอบโต้  แล้วไปหาลุงเหิมทุกครั้ง  ลุงเหิมมักจะทำให้ชรัณสบายใจได้เสมอ  ต่างกับเวลาที่เขาอยู่กับบูรจิต  เขามักจะต้องปะทะอารมณ์กับพ่อของเขา  บูรจิตพยายามสอนเล่ห์กลของการอยู่ในสังคมมายาให้ชรัณ  แต่ชรัณไม่เคยรับสิ่งเหล่านั้น  ทำให้บูรจิตเบื่อหน่ายกับท่าทีของชรัณ  ชรัณก็ดูจะพอใจที่ทำให้พ่อไม่พอใจได้  เขาอยากจะทำให้พ่อรู้ว่าการเป็นลูกผู้ชายไม่ใช่การวางท่าทางให้สาวๆหลงไหล  แต่คือการรับผิดชอบต่อหน้าที่และยืนหยัดได้ด้วยขาของตัวเอง  บูรจิตรู้ว่าชรัณพูดกระทบเขาแต่ไม่ได้ใส่ใจ



บรรยากาศภายในบ้านรมดีเป็นไปอย่างอึดอัด  ชรัณพยายามทำตัวเงียบๆ  ไปมหาวิทยาลัยแต่เช้าทุกวัน  เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอเกลียวไหม  แต่เกลียวไหมก็ไม่ได้หยุดรังควานชรัณ  เธอพาสุตราเข้าไปรื้อข้าวของในห้องของชรัณจนเละเทะไปหมด  สุตราเอือมระอากับพฤติกรรมหยาบคายของเกลียวไหมแต่ก็ห้ามอะไรเพื่อนไม่ได้  เมื่อชรัณกลับมาเห็นสภาพห้อง...เขาคิดว่าต้องสั่งสอนเกลียวไหมบ้าง  จึงไปดักรอเกลียวไหมในห้องนอนของเธอ  เกลียวไหมตกใจมาก...ไม่คิดว่าชรัณจะกล้าเข้ามา  ชรัณบอกว่าเมื่อเกลียวไหมบุกเข้าห้องของเขาได้แล้วทำไมเขาจะเข้ามาห้องของเธอไม่ได้  เกลียวไหมบอกว่าเธอเป็นเจ้าของบ้านนี้เธอจึงมีสิทธิ์ทำอะไรในบ้านก็ได้  ชรัณก้าวเข้าหาเกลียวไหมอย่างคุกคามพร้อมบอกว่าถ้าหากเขาอยากจะทำตามใจตัวเองบ้างจะเป็นอย่างไร?  เขาไม่ได้ชอบสาวแก่แบบพ่อ  และหากเขาอยากจะรวยทางลัดอย่างที่เธอชอบว่า...เขาคงไม่ต้องไปหาเหยื่อที่ไหนไกล  ระวังตัวให้ดีๆ  เกลียวไหมตกใจมากที่เห็นทีท่าคุกคามเอาจริงของชรัณ  เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน  สุตรามองชรัณอย่างตกใจแกมทึ้ง!!!  เธอไม่นึกว่าชายหนุ่มท่าทางอ่อนโยนที่เธอแอบชอบคนนี้จะกล้าตอบโต้เกลียวไหมแบบนี้  และชรัณก็สามารถปราบเกลียวไหมกลัวได้  แม้ว่าจะชั่วครู่ชั่วคราวก็ตาม  ยิ่งทำให้สุตราชอบชรัณมากขึ้นไปอีก  ระหว่างนั้น...บูรจิตก็แอบนัดพบกับอังกาบอย่างลับๆ  โดยที่รมดีหรือแม้แต่ผุสซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและคู่ขาของบูรจิตอีกคนหนึ่งก็ยังไม่รู้  รมดีก็คิดว่าเป็นเพราะบูรจิตเปิดบริษัทใหม่จึงไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ  เธอจึงหันไปหาชรัณและขอให้ชรัณไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนโดยอ้างว่าเธอแก่แล้วต้องการคนมาช่วยดูแล  ชรัณไม่อยากปฏิเสธจึงตอบตกลงไปงานเป็นเพื่อนรมดี ซึ่งแท้จริงแล้วรมดีอยากควงชรัณไปอวดในงาน  และหวังให้ชรัณเป็นเพื่อนแก้เหงา  แต่ชรัณรู้ดีจึงวางตัวปกติไม่แสดงอาการอะไรทำให้รมดีไม่สามารถจะเข้าถึงเขาได้  เมื่อบูรจิตรู้ว่าชรัณไปกับรมดี  เขาไม่พอใจมากเพราะเขาไม่เคยต้องการให้ลูกชายมาเป็นอย่างเขา  พอดีกับที่เกลียวไหมเมามายกลับมาจากไปเที่ยวกลางคืนกับสุตรา     เกลียวไหมกับบูรจิตจึงมีปากเสียงกัน  บูรจิตสุดจะทนกับการดูถูกจากเกลียวไหม  เขากับชรัณพยายามทำดีกับเกลียวไหมแล้วแต่หากเกลียวไหมอยากได้ศัตรู...เขาจะจัดให้เธอเอง  เกลียวไหมซึ่งเมามากอยู่แล้วก็ด่าทอบูรจิตอย่างไม่เกรงกลัว  สุตราเบื่อหน่ายเกลียวไหมที่ไม่รู้จักควบคุมตัวเองและสร้างศัตรูไปเรื่อยๆแบบนี้จึงพูดเตือนเพื่อนแต่ก็โดนเกลียวไหมด่าเข้าให้เหมือนทุกครั้ง  แต่ครั้งนี้สุตราก็ไม่ยอมเช่นกัน  เธอจึงบอกเกลียวไหมว่าเธอจะกลับบ้านพรุ่งนี้  เกลียวไหมเมาอาละวาดอยู่เพียงลำพัง  ไม่สนใจว่าตอนนี้เธอไม่เหลือใครเป็นพวกอีกแล้ว  เมื่อรมดีและชรัณกลับมาบ้าน...บูรจิตก็พูดกับรมดีว่าเขาไม่ต้องการให้ชรัณไปไหนมาไหนกับรมดีโดยไม่มีเขา  เขาไม่อยากให้ลูกชายมีข่าวเสียหาย  รมดีก็ต่อว่าบูรจิตอย่างน้อยใจว่าเพราะเขาไม่มีเวลาให้เธอ  ยิ่งทำให้บูรจิตเบื่อรมดีมากยิ่งขึ้น...


ชรัณนั้นลำบากใจมากที่รมดีมีทีท่าไปในทางชู้สาวกับเขา  เขาพยายามอยู่บ้านให้น้อยที่สุดเพื่อจะได้ไม่ต้องเจอทั้งรมดีและเกลียวไหม  และเมื่อเขาถูกบูรจิตหลอกไปพบกับผู้กำกับละครเพื่อดูตัว  เขาก็ไม่อยากจะเจอพ่ออีกคน  เขาจึงมาคลุกอยู่กับลุงเหิมหรือไม่ก็บ้านของเขาซึ่งตอนนี้คุณทิพย์และเทวีเช่าอยู่ทั้งหลัง  สองแม่ลูกต้อนรับชรัณด้วยดีเสมอมา  เทวีนั้นแอบชอบชรัณมาตั้งแต่แรกพบ  แต่เธอไม่เคยแสดงออกมา  ชรัณนั้นเห็นเทวีเป็นเพื่อนสนิท  เขาไม่รู้เลยว่าการที่เขาอ่อนโยนกับคนรอบข้าง  ความอ่อนน้อมถ่อมตนที่เขามี  ความห่วงใยและคอยช่วยเหลือคนอื่นที่เขาแสดงออกมาจะทำให้เทวียิ่งรักเขามากขึ้นทุกวัน  ซึ่งเทวีก็รู้ตัวว่าแอบรักชรัณข้างเดียว...แม้จะทุกข์ใจแต่เธอก็มีไม่ได้แสดงออกให้ชรัณรู้  บูรจิตได้รับคำแนะนำจากลุงเหิมให้มาหาชรัณที่บ้านเก่าและบอกบูรจิตว่าเขาโชคดีมากที่มีลูกอย่างชรัณ  บูรจิตพยายามปรับความเข้าใจกับลูกชายและบอกว่าเขาจะเปิดตัวชรัณในฐานะลูกชายกับประชาชนทั่วไป  แม้จะถูกปฏิเสธอีกในตอนแรกแต่ชรัณก็ยอมไปถ่ายแบบนิตยสารคู่กับบูรจิตเป็นครั้งแรก  ซึ่งบูรจิตก็ไม่ให้เสียโอกาส  เขากับเพื่อนจัดฉากให้นักข่าวมาสัมภาษณ์ชรัณกับเขาออกโทรทัศน์  ซึ่งทำให้ชรัณไม่มีทางเลือกต้องยอมเลยตามเลยกับพ่อของเขา  แต่ถึงอย่างนั้นชรัณก็ทำได้ดีมาก  เขาวางตัวและตอบคำถามได้อย่างคล่องแคล่ว  สร้างความประหลาดใจและความพอใจให้บูรจิตอย่างมาก


ชรัณเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ  แต่เขาไม่เคยลืมตัวว่าเขาเป็นใคร  เขายังคงไปเยี่ยมคุณทิพย์กับเทวีเสมอ  และไปหาลุงเหิมอย่างที่เคยทำมา  ชรัณทำตัวเป็น "ไม้เมือง" อย่างที่ลุงเหิมเคยสอนไว้...คือ เป็นคนที่อยู่ในสังคมเมือง  เจอะเจอความหรูหรา  แสงสี  พบเจอทั้งสิ่งดีและเลวในสังคมเมือง  แต่ซึมซับเพียงแต่ส่วนดี  ละทิ้งส่วนเลวไว้  ไม่ให้มาทำร้ายตัวตนที่ดีงามของคนเรา  เปรียบเช่น "ไม้เมือง" หรือ "ต้นไม้ที่เกิดและเติบโตในเมือง  แม้จะต้องดูดซับสารพิษและมลภาวะต่างๆในเมืองไว้  แต่ไม่มีวันยอมให้พิษนั้นกลับมาทำร้ายตัวเอง"  ชรัณนั้น  แม้จะไม่อยากเข้าวงการบันเทิงตามรอยบูรจิต...แต่เมื่อเขาได้รู้ว่าลุงเหิมกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน  เขาก็อยากช่วยทั้งๆที่รู้ว่าลุงไม่ได้ร้องขอและไม่เคยอยากให้เขามาช่วยเหลือเรื่องเงิน  เขาจึงตกลงยอมเข้าประกวดนายแบบเมื่อน้อยกับเปียก เพื่อนสนิทร่วมบริษัทของบูรจิตมาชวน  เพื่อจะเอาเงินจากการประกวดไปให้ลุงเหิม  และผลก็ออกมาตามคาด  ชรัณชนะการประกวดนายแบบ



ระหว่างนี้...บูรจิตก็แอบพบปะทั้งกับผุสและอังกาบ  รมดีจับได้ว่าบูรจิตแอบมีคนอื่นลับหลังเธออีกแล้วเพียงแต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าใคร  รมดีกับบูรจิตจึงระหองระแหงกันบ่อยครั้ง  ตัวบูรจิตนั้นรู้สึกรำคาญและเบื่อในความขี้ใจน้อยของหญิงชราอย่างรมดีมากขึ้น  ส่วนผุสนั้นสืบจนรู้ว่าอังกาบแอบมีความสัมพันธ์กับบูรจิตลับหลังเธอ  ทำให้ผุสบาดหมางกับอังกาบอยู่ลึกๆ  อังกาบก็ทั้งรักทั้งหลงในตัวบูรจิตขึ้นเรื่อยๆ  จนอยากจะเอาบูรจิตมาไว้เป็นของตนคนเดียว  แต่ติดที่ว่ามีรมดีเป็นก้างขวางคอ  ส่วนชรัณนั้น...ก็ต้องรับมือกับ สุตรา ที่แสดงอาการว่าชอบเขาจริงๆ, กับ เทวี ที่มีทีท่าเปลี่ยนไปเหมือนกับโกรธอะไรเขาสักอย่าง,  กับพ่อของเขาที่พยายามยัดเยียดบทเรียนความเป็นลูกผู้ชายในแบบของพ่อให้เขา  ซึ่งเขารังเกียจและไม่ต้องการ  ,กับคุณรมดี  ที่รู้สึกอ้างว้างเปลี่ยวเหงาเมื่อบูรจิตไม่มีเวลาในเธอ  เธอจึงมักพุดคุยกับชรัณในเชิงชู้สาวบ่อยครั้ง  และกับเกลียวไหม  ซึ่งก็พูดจาถากถางกระแนะกระแหนเขาอยู่เป็นประจำ  แต่กับเธอ...หากเขาอารมณ์ไม่ดี  เขาจะนิ่งเงียบและเดินหนี  แต่หากเขาอารมณ์ดี  เขาจะตอบโต้กับเกลียวไหมบ้างเล็กน้อยเป็นประจำเช่นกัน  น่าแปลกที่แม้ว่าจะเป็นทุ่มเถียงกันเล็กน้อย  แต่ชรัณก็แอบมีความสุขเล็กๆที่ได้เถียงกับเกลียวไหม  ได้เห็นเกลียวไหมหน้าบึ้งงอนเขา  และได้เห็นเกลียวไหมเขินอายในบางครั้ง  สำหรับเขา...เกลียวไหมเป็นคนน่าสงสารและน่าเห็นใจเสมอ  เขาได้มีโอกาสมองเห็นเสี้ยวเล็กๆที่เป็นตัวตนของเกลียวไหมยามที่เธอคิดว่าเธออยู่คนเดียว  เธอจะเป็นเพียงเด็กสาวอ่อนโยน  หัวเราะร่าคนเดียวเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัว...และโดดเดี่ยว  เหมือนกับชรัณ  ยิ่งทำให้ความรู้สึกสงสารและเห็นใจเกลียวไหมมีมากยิ่งขึ้น  ส่วนเกลียวไหมนั้น...แม้ว่าจะแสดงท่าทีรังเกียจชรัณอย่างไร  เกลียวไหมก็ไม่เคยเข้าใจตัวเองว่าทำไมเพียงแค่ชรัณพูดหยอกเพียงเล็กน้อย  เธอถึงกับเขินอายจนไม่สามารถยืนเผชิญหน้าชรัณต่อไปได้อยู่บ่อยครั้ง  หรือบางคราวที่เธอพบว่าตัวเองมักจะแอบดูชรัณเสมอ



เมื่อมีเรื่องผิดใจกับสุตรา  เกลียวไหมก็ไม่เหลือใคร  เธอจึงให้ความสนิทสนมกับอังกาบเต็มที่  อีกทั้งยังพาไปหารมดีที่บ้าน  ซึ่งรมดีก็ไว้ใจอังกาบ  ด้วยภาพลักษณ์ภายนอกเป็นคนสุภาพเรียบร้อย  พูดจาฉลาดเฉลียว  ไม่ยกยอปอปั้นคนอื่นจนเกินหน้าเกินตา  ดูเป็นคนดีไม่มีพิษภัย  รมดีจึงพลอยสนิทสนมกับอังกาบไปด้วย  โดยสองยายหลานไม่ได้ระวังตัวเลยว่า...อังกาบเข้ามาโดยมีจุดประสงค์อื่น  อังกาบวางแผนกำจัดรมดี  โดยการพารมดีไปดูที่ดินที่รมดีอยากได้ที่เชียงใหม่  และวางแผนให้รมดีลื่นล้มในห้องน้ำ


 


ทางด้านบูรจิต...ในคืนวันเกิดของชรัณ  บูรจิตพาชรัณไปกินเลี้ยงที่ผับ  คราวนี้ชรัณไม่สามารถปฏิเสธเหล้าได้  เขาถูกเพื่อนๆของบูรจิตส่งเหล้าให้กินแก้วแล้วแก้วเล่าจนเมาไม่ได้สติ  เหมือนเช่นเกลียวไหมที่เพิ่งรู้ว่าอังกาบเองก็มีความสัมพันธ์กับบูรจิตโดยบังเอิญ  ก่อนที่อังกาบจะขึ้นเครื่องบินไปเชียงใหม่กับรมดี  เกลียวไหมเสียใจมากที่เธอไว้ใจคนผิด  จึงชวนเพื่อนคนอื่นไปกินเหล้าที่ผับจนเมามาย  ร้อนถึงสุตราที่ต้องไปเอาเกลียวไหมกลับบ้าน  พอสุตรากลับไป  เมื่อบูรจิตเห็นว่ารมดีไม่อยู่บ้านจึงวางแผนให้ชรัณกับเกลียวไหมมีอะไรกัน  เพื่อที่ชรัณจะได้สุขสบายหากได้เกลียวไหมเป็นภรรยาและเพื่อเป็นการเอาคืนเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเกลียวไหม  ที่เคยด่าว่าเขาและชรัณเป็นแมงดา  จนชรัณกับเกลียวไหมมีอะไรกันในที่สุด



เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเกลียวไหมตื่นมาพบชรัณนอนอยู่ข้างๆเธอและเธอเปลือยกายอยู่  เกลียวไหมถึงกับอาละวาดโวยวายอย่างกับคนเสียสติ  ชรัณก็ตื่นขึ้นมาอย่างงงๆไม่แพ้กัน  แต่ก็เข้าใจอะไรๆได้ในเวลาอันรวดเร็ว  เขารีบออกจากห้องของเกลียวไหม  เดินไปหาบูรจิตอย่างเอาเรื่องจนเกือบจะชกหน้าพ่อตัวเองไปแล้ว  บูรจิตมีท่าทางดีใจที่รู้ว่าชรัณมีอะไรกับเกลียวไหมเมื่อคืนนี้  ชรัณจึงแน่ใจว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือพ่อของเขา  เขาสิ้นศรัทธาในตัวชายผู้ได้ชื่อพ่อโดยสิ้นเชิง  เขาประกาศกร้าวไล่บูรจิตออกไปจากชีวิตเขา แต่บูรจิตก็คิดว่าเพราะชรัณยังโกรธอยู่นั่นเอง  ทางฝั่งเกลียวไหมนั้น...ร้องไห้เสียใจอย่างมากที่เธอพลาดท่าให้กับชรัณ  เธอคิดว่าเป็นเพราะชรัณวางแผนแก้แค้นเธอ  ชรัณยอมก้มหน้ารับคำประนามจากทั้งสุตรา  และคำสั่งสอนจากลุงเหิม  ที่แม้จะผิดหวังที่ชรัณพลาดไปแต่เขาก็ยังเป็นคนเดียวที่เข้าใจชรัณ   ขณะเดียวกันชรัณก็ต้องเป็นคนไปบอกข่าวกับเกลียวไหมเรื่องคุณรมดีลื่นล้มในห้องน้ำจนเส้นเลือดในสมองแตกที่เชียงใหม่  ชรัณไปหาเกลียวไหมที่บ้านของสุตรา   ชรัณพยายามจะอธิบายและขอโทษเกลียวไหมแต่เธอไม่ฟังเขาเลย  อาการสะเทือนใจจนบ้าคลั่งของเกลียวไหมทำให้ชรัณสงสารเธอสุดขั้วหัวใจ  ยิ่งเมื่อเขาบอกข่าวเรื่องคุณรมดี  เกลียวไหมถึงกับรับไม่ได้จนเป็นลมไปต่อหน้าเขา  เมื่อจะเข้าไปช่วยเหลือก็ถูกสุตรากีดกันออกมา  ชรัณตกอยู่ในสภาพคนที่มืดแปดด้าน  เขาเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านของรมดีในคืนวันนั้น  จะกลับไปบ้านเก่าก็ไม่สามารถสู้หน้าคุณทิพย์และเทวีได้  เขาจึงมาบอกลุงเหิมว่าจะไปเช่าห้องอยู่เองและรับงานถ่ายแบบเลี้ยงตัว  เมื่อลุงเหิมยื่นมือช่วยเหลือเรื่องเงินชรัณก็ปฏิเสธเพราะรู้ว่าลุงเหิมก็มีเงินไม่มากนัก  ลุงเหิมสงสารชรัณจนพูดไม่ออก




ทางด้านเกลียวไหมก็รีบขึ้นไปเชียงใหม่พร้อมกับสุตราและคุณยายเพื่อไปดูใจรมดี  เกลียวไหมเสียใจมากที่ไม่สามารถช่วยเหลือรมดีได้  เมื่อเจออังกาบกับบูรจิต  เกลียวไหมจึงเข้าไปหาเรื่องทั้งคู่ทันที  เธอเชื่อสนิทใจว่าเป็นเพราะทั้งคู่วางแผนกัน  ยายของเธอถึงต้องตาย  และประกาศจะเอาเรื่องทั้งคู่จนถึงที่สุด  งานศพของรมดีเป็นไปอย่างเงียบเหงา  เมื่อบูรจิตกับอังกาบปรากฎตัวที่งาน  เกลียวไหมก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ถึงกับระเบิดอารมณ์ออกมาจนแขกเหรื่อในงานตกใจกันใหญ่  เกลียวไหมประกาศจะฟ้องสองคนนั้นในข้อหาฆาตรกรรมคุณรมดี  แต่คุณยายของสุตราเตือนสติว่าหากมีการฟ้องร้องเรื่องนี้จะมีการสืบค้นเรื่องคุณรมดีไม่จบสิ้น  คุณรมดีจะจากไปอย่างไม่เป็นสุข  และเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร   สุตราบอกเรื่องชรัณกับเกลียวไหมให้เทวีรู้ในงานศพ  พร้อมกับขอโทษที่เธอเคยทำอะไรร้ายๆกับเทวีเพราะต้องการแย่งชรัณ  เมื่อสุตราบอกถึงความร้ายกาจของชรัณอย่างที่เธอเข้าใจให้เทวีรู้  ทำให้เทวีเสียใจอย่างมาก  เธอเองก็ไม่คิดว่าชรัณจะเป็นคนแบบนี้



สองเดือนผ่านไป  เกลียวไหมรู้ตัวว่าตัวเองตั้งครรภ์  เกลียวไหมเสียใจและเจ็บแค้นชรัณมากที่ทำลายชีวิตเธอ  เธอจึงทำทุกวิถีทางที่จะให้แท้งลูก  สุตราห้ามแล้วแต่เกลียวไหมไม่ฟังเธอ  สุตราจึงหาทางออกสุดท้ายคือไปหาชรัณ  ให้เขารู้ว่าเกลียวไหมท้องลูกของเขาและคิดจะทำแท้ง  สุตราไปขอความช่วยเหลือจากเทวีเพราะไม่รู้จะไปตามหาชรัณที่ไหนเพราะชรัณหนีหน้าทุกคนไปอยู่ตามลำพัง  เทวีรับปากจะช่วยหาชรัณอีกแรง  สุตราไปขอความช่วยเหลือจากลุงเหิมอีกคน  ระหว่างนี้ก็ผลัดกันดูแลเกลียวไหมกับคุณยายไม่ให้เกลียวไหมคลาดสายตา  คุณยายถึงกับต้องขอชีวิตเด็กในท้องเกลียวไหมเอาไว้และคุณยายจะรับเด็กคนนี้ไปเลี้ยงเอง  เกลียวไหมจะได้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองนอก  เกลียวไหมซาบซึ้งในความรักที่คุณยายของสุตรามอบให้เธอเสมอมา  ครอบครัวของสุตราทำให้เกลียวไหมอบอุ่นใจได้เสมอ  ในที่สุดเทวีก็นัดพบกับชรัณจนได้  เมื่อชรัณรู้ว่าเกลียวไหมท้องและต้องการจะเอาเด็กออก  ชรัณก็ตกใจมาก  เข้าไม่ยอมให้เกลียวไหมทำร้ายลูกและทำร้ายตัวเองเด็ดขาด  เขาจะรับผิดชอบเด็กคนนี้เอง  แต่ลุงเหิมบอกให้เขาคอยฟังข่าวคราวดีกว่าเพราะเกลียวไหมคงไม่ยอมรับชรัณแน่ๆ  และหากชรัณเข้าไปเรื่องราวอาจจะแย่ไปกว่านี้  ชรัณจึงต้องคอยฟังข่าวอย่างกระวนกระวาย  ส่วนเกลียวไหมก็อาศัยช่วงเวลาที่คุณยายเผลอขับรถออกไปคลีนิกทำแท้ง  เทวีนั่งมอร์เตอร์ไซค์รับจ้างผ่านมาเจอพอดีจึงให้ขับตามเกลียวไหมไป  เทวีเห็นท่าไม่ดีเพราะเกลียวไหมทำท่าเหมือนจะไปหาคลีนิกเถื่อนจึงโทรหาชรัณให้ตามไป  ชรัณรีบไปหาเกลียวไหมตามทางที่เทวีบอกอย่างร้อนใจ  แต่เมื่อไปถึงคลีนิกก็ไม่พบเกลียวไหม  เพราะเกลียวไหมทำใจฆ่าเด็กในท้องไม่ได้ในนาทีสุดท้ายและรีบออกจากคลีนิกไป  แต่ก็ไปเจอเกลียวไหมจอดรถอยู่ไม่ไกล  แม้เขาจะพยายามขอพูดคุยเรื่องเด็กและบอกจะทำทุกอย่างที่เกลียวไหมต้องการเพื่อให้เธอเก็บเด็กเอาไว้  เกลียวไหมนั้นแม้ในจะใจอ่อนสงสารลูกแล้วแต่พอเห็นชรัณความคั่งแค้นในใจมันก็กลับมาอีก  เธอบอกชรัณว่าเธอจะเอาเด็กออกให้ได้  ชรัณขอร้องไม่ให้เกลียวไหมทำแท้งแต่เกลียวไหมก็ไม่ฟังเขา  แต่ที่จริงแล้ว...เกลียวไหมไม่กล้าฆ่าเด็กในท้องจริงๆ  เธอเริ่มทำใจได้ที่จะอุ้มท้องเด็กต่อไป  ทางชรัณก็พยายามหาของบำรุงมาฝากเทวีเอาไปให้เกลียวไหมผ่านทางสุตราเสมอๆ  เขาตั้งหน้าทำงานเดินแบบและแสดงละครเพื่อเก็บเงินเลี้ยงลูก  แต่แล้วเกลียวไหมก็เจ็บท้องคลอดลูกก่อนกำหนด  ทำให้เด็กมีสภาพเป็นตายเท่ากัน  ประกอบกับสุขภาพไม่สมบูรณ์เพราะคลอดก่อนกำหนด  ลุงเหิมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยจึงโทรบอกชรัณให้รีบมา  ชรัณตกใจมากเพราะเกลียวไหมคลอดก่อนกำหนด  แต่ก็ตื่นเต้นที่ได้ลูกสาว  เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเขาก็พบว่าลูกสาวของเขามีอาการหยุดหายใจและยังมีอาการทรงๆทรุดๆ  ชรัณไม่ยอมไปไหนแม้แต่งานปิดกล้องละครเพื่อจะมาอยู่ดูลูกของเขา  เขาเฝ้าหน้าห้องเด็กตลอดเวลาที่ดูอาการเด็ก  และยังเข้าไปเยี่ยมเกลียวไหมที่นอนหลับเพราะยาสลบในห้องพักฟื้น  ชรัณกล่าวขอโทษที่ทำให้เกลียวไหมต้องเป็นแบบนี้และเขาจะรับผิดชอบเลี้ยงดูลูกเองหากลูกรอดมาได้  เขาจะไม่ให้เกลียวไหมต้องเดือดร้อนอีก  แต่เขาก็ยังหวังที่จะได้เลี้ยงดูลูกคนนี้ร่วมกับเกลียวไหมและสร้างครอบครัวอันอบอุ่นด้วยกัน  แม้มันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม



ชรัณอยู่เฝ้าลูกสาวตั้งแต่วันที่เธอเกิดแม้ว่าหมอจะบอกลูกของเขามีโอกาสรอดน้อยมาก  ชรัณจับมือลูกน้อยที่อยู่ในตู้อบตลอดเวลาและบอกลูกว่าให้เข้มแข็งเข้าไว้  จะได้รอดมาเป็นพ่อเป็นลูกกัน  และแล้วเด็กน้อยก็รอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหารย์  จากนั้นมาชรัณก็เลี้ยงดูลูกสาวที่เขาตั้งชื่อว่า น้องแพร ตามชื่อของเกลียวไหม ด้วยตัวเอง  โดยได้รับความช่วยเหลือจากคุณทิพย์, เทวี และลุงเหิม  ละครของชรัณโด่งดังมากๆจนชรัณกลายเป็นดาราดาวรุ่งที่ดังที่สุด  แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ตั้งใจเรียนปริญญาตรีจนจบและทำงานประจำอีกอย่างหนึ่งด้วย  น้องแพรเติบโตมาด้วยความรักความอบอุ่นจากทุกคน  เธอเป็นเด็กพูดเก่ง  ร่าเริงสดใส  และเป็นศูนย์รวมใจของทุกคนในบ้านเสมอ  แต่ถึงอย่างนั้นน้องแพรก็ยังอยากเจอแม่ของเธอ  เมื่อน้องแพรถามถึงแม่...ทุกคนในบ้านก็บอกเธอว่าคุณแม่ของเธออยู่อีกที่หนึ่ง  คุณแม่ก็รักน้องแพรเหมือนที่คุณพ่อรักเช่นกัน  แต่ทั้งคู่มีเรื่องไม่เข้าใจกันจึงต้องแยกกันอยู่  น้องแพรรับรู้อย่างเงียบๆ...แต่เธอก็ยังหวังจะได้เจอแม่ของเธอบ้าง



ส่วนเกลียวไหม...เมื่อคลอดลูกและพักฟื้นแล้ว  เธอก็เฝ้าคิดแต่ว่าลูกของเธอตายไปแล้ว  เธอต้องการลืมทุกสิ่งทุกอย่างและต้องการไปอยู่ที่เชียงใหม่ตามความประสงค์สุดท้ายของรมดีที่อยากจะสร้างรีสอร์ทไว้ให้หลานสาวที่นั่น  ขณะที่เกลียวไหมนอนหลับอยู่สุตราเข้าไปเล่าให้คุณยายฟังถึงเรื่องที่เทวีเพิ่งบอกเธอไป...เกลียวไหมจึงรับรู้โดยบังเอิญว่าชรัณไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินตนแต่เป็นเพราะแผนการของบูรจิตและลูกสาวของเธอปลอดภัยแล้วหลังจากชรัณอยู่เฝ้ามาหลายวัน  ก่อนไปเชียงใหม่  เกลียวไหมจึงได้บุกไปทำลายงานแต่งงานของบูรจิตและอังกาบพร้อมประกาศว่าบูรจิตเป็นพ่อของลูกเธอ  สร้างความอับอายให้แก่อังกาบและบูรจิตอย่างมาก  เมื่อเธอย้ายไปเชียงใหม่  ด้วยความช่วยเหลือและกำลังใจจากสุตราและคุณยาย  เกลียวไหมได้สร้างรีสอร์ทขนาดใหญ่อย่างที่รมดีหวังไว้ เธอทุ่มเทกำลังแรงกำลังใจในการทำรีสอร์ทแห่งนี้อย่างหนักเพื่อจะได้ลืมเรื่องราวร้ายๆในอดีต  จนรีสอร์ทของเกลียวไหมประสบความสำเร็จอย่างมาก  เวลาผ่านไปสี่ห้าปี  ดูเหมือนเกลียวไหมจะลืมอดีตอันเจ็บปวดไปหมดแล้ว  เธอเปลี่ยนจากเด็กสาวอ่อนไหวเอาแต่ใจกลายเป็นนักธุรกิจสาวสวยที่มีงานยุ่งรัดตัว  จนกระทั่งเธอกับสุตราได้ดูข่าวชรัณได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมจากละครเรื่องที่สองของเขา  ความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเธอก็วกกลับเข้ามาในจิตใจอีกครั้ง  เกลียวไหมเปิดแถลงข่าวว่า...ชรัณได้เคยล่วงละเมิดทางเพศเธอ  สร้างความตกตะลึงให้นักข่าวทุกคนรวมทั้งสุตราซึ่งผิดหวังมากที่เกลียวไหมไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนที่ชรัณกับลูกที่เกลียวไหมไม่เคยเหลียวแลจะได้รับ  พร้อมทั้งยื่นคำขาดว่าหากเกลียวไหมไม่เลิกระรานพวกเขาเธอจะไม่กลับมาที่รีสอร์ทของเกลียวไหมอีก  เกลียวไหมสำนึกผิดถึงสิ่งที่ได้ทำลงไปและเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆปีที่เธอกลับมาคิดถึง "เด็กคนนั้น" อีกครั้ง  ทางด้านบูรจิต...แม้จะไม่สามารถติดต่อชรัณได้ตั้งแต่คืนที่โรงพยาบาล  แต่เมื่อเขารู้เรื่องการแถลงข่าวของเกลียวไหม  เขาก็จัดแถลงแก้ข่าวให้ชรัณทันที  โดยบอกว่าเกลียวไหมอยากดังจึงกุเรื่องมาเพื่อสร้างกระแส  อีกทั้งยังเคยไปทำลายงานแต่งงานของเขากับอังกาบเมื่อหลายปีก่อน  เกลียวไหมจึงเป็นคนที่เชื่อถือไม่ได้  จึงเกิดข่าวลือเรื่องชรัณขึ้นมามากมาย  ในที่สุด...ชรัณก็ให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าสงบว่าสิ่งที่เกลียวไหมพูดเป็นเรื่องจริง  และเขาคือพ่อของลูกสาวเกลียวไหม  และขอรับผิดชอบต่อข่าวฉาวทั้งหมดด้วยการลาออกจากวงการบันเทิง



สุตรานั้น...เมื่อกลับมากรุงเทพฯ  เธอก็ไปที่บ้านของชรัณ  แต่เจอคุณทิพย์อยู่บ้านเพียงคนเดียว  พอสุตราถามถึงลูกสาวของชรัณ  คุณทิพย์ก็เอาอัลบั้มรูปถ่ายของน้องแพรที่ชรัณสะสมไว้ตั้งแต่น้องแพรยังแบเบาะมาให้ดู  สุตราแอบขโมยรูปถ่าย 3-4 ใบเอาไว้  บังเอิญว่าที่โรงเรียนของน้องแพรโทรหาชรัณแต่ชรัณไม่ว่างไปรับลูก  จึงขอให้คุณทิพย์ไปรับแทน  สุตราอาสาพาคุณทิพย์ไปรับน้องแพร  เมื่อถึงโรงเรียนจึงรู้กันว่าน้องแพรเสียใจที่เพื่อนๆพูดถึงเรื่องที่คุณแม่กับคุณปู่น้องแพรออกทีวี  และพอน้องแพรรู้ว่าสุตราเป็นเพื่อนของแม่เธอ  เธอก็ขอร้องสุตราให้พาเธอไปหาแม่  สุตราพาน้องแพรไปที่บ้านของเธอและเอารูปของเกลียวไหมให้ดู  น้องแพรเฝ้าบอกแต่ว่าแม่ของเธอสวยมาก  และโบกไม้โบกมือพร้อมร้องเรียก 'คุณแม่ขา...คุณแม่ขา' อยู่นาน  สร้างความสะเทือนใจให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น  น้องแพรขอร้องคุณยายให้พาเธอไปหาคุณแม่  เธอบอกว่าเธอจะไม่กวนคุณแม่เลยแต่เธอจะไปแอบดูเฉยๆ  คุณยายบอกว่าคุณแม่อยู่ไกลมากให้รอปิดเทอมแล้วคุณยายจะพาไป  น้องแพรดีใจจนกระโดดไปมา  เมื่อกลับมาบ้าน  สุตราก็ได้พบชรัณซึ่งรอน้องแพรอยู่  สุตราถามว่าทำไมไม่บอกน้องแพรว่าแม่ของเธอเป็นใคร  ชรัณบอกว่าเขาไม่เคยกีดกันแม่ลูก  เขาบอกน้องแพรเท่าที่น้องแพรจะพอเข้าใจได้และเขาก็ไม่มีรูปของเกลียวไหมจึงไม่ได้เอาให้ดู



วันต่อมา  ชรัณพาน้องแพรไปหาบูรจิตเป็นครั้งแรกพร้อมทั้งบอกน้องแพรว่านี่คือคุณปู่  บูรจิตถึงกับทำอะไรไม่ถูก  แต่ด้วยความน่ารักสดใสของน้องแพร...บูรจิตก็หลงรักหลานสาวตัวน้อยของเขา  แม้ว่าการมาครั้งนี้ของชรัณจะไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับลูกชายดีขึ้นก็ตาม



คุณยายเอารูปของน้องแพรมาให้เกลียวไหมดูที่เชียงใหม่  ครั้งแรกที่ยังไม่รู้ว่าเป็นลูกสาวของเธอ...เกลียวไหมก็นึกรักเด็กหญิงในรูปที่ยิ้มทะเล้น สดใสน่ารัก  แต่พอคุณยายบอกว่าเป็นลูกสาวของเธอและน้องแพรอยากเจอแม่ของเธอมาก  เกลียวไหมก็ร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น  เธอไม่อยากยอมรับเรื่องลูกสาวของเธอ  แต่เธอก็เฝ้าดูรูปถ่ายเด็กคนนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า  คุณยายชวนเธอลงมาดูลูกสาวที่กรุงเทพฯ  ทีแรกเกลียวไหมไม่ยอมมา  แต่ก็ยอมมาโดยอ้างว่าจะมาขอโทษสุตรา  เมื่อมาถึงกรุงเทพฯ  สุตราพาเกลียวไหมมาดูน้องแพรที่โรงเรียน  แต่เกลียวไหมรีบกลับออกมาทันทีที่สุตราเรียกน้องแพรออกมา  สุตราจึงพาน้องแพรไปดักรอเกลียวไหมที่บ้านของเธอ  พอเห็นเกลียวไหม...น้องแพรก็จำได้ทันที  แต่เกลียวไหมเดินหนี  น้องแพรก็ตามไปขอร้องให้อยู่กับเธอ และน้องแพรรักคุณแม่มาก  เกลียวไหมถึงกับน้ำตาตก  พอจะเดินจากไป  เด็กหญิงก็เบะปากทำท่าจะร้องไห้  เกลียวไหมจึงใจอ่อน...ยอมอยู่ต่ออีกนิด  และเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ  น้องแพรก็ทำให้เกลียวไหมเก็บเอาไปคิดถึงได้ทุกวัน



บูรจิตเตือนชรัณถึงความเสี่ยงที่ชรัณยอมให้เกลียวไหมพบน้องแพรเมื่อเขาซื้อของเล่นมาฝากหลานสาวในเย็นวันหนึ่ง  เขาเตือนว่าคนอย่างเกลียวไหมอาจะทำร้ายน้องแพรได้  ชรัณรู้ดีว่าเกลียวไหมไม่ทำร้ายลูกแน่ๆ  แต่ที่เขากลัวก็คือ  เกลียวไหมอาจจะเผลอระเบิดอารมณ์ใส่น้องแพรได้  เขากลัวลูกเสียใจเพราะน้องแพรวาดภาพแม่ของเธอไว้อย่างสวยงาม  และที่เขากลัวที่สุดก็คือ...เขากลัวว่าเกลียวไหมจะมาเอาน้องแพรไปจากเขา  กลัวว่าน้องแพรจะรักแม่ของเธอมากกว่าเขาและทิ้งเขาไป  เมื่อน้องแพรกลับมาในเย็นวันที่ไปพบเกลียวไหม  เธอก็เที่ยวเล่าให้ใครๆฟังว่าแม่ของเธอสวยขนาดไหน  เธอรักแม่มากแค่ไหน  เธอตื่นเต้นมากที่จะได้ไปหาคุณแม่ตอนปิดเทอม  และเขียนจดหมายไปหาเกลียวไหมทุกๆวันเพื่อขอให้เกลียวไหมมางานวันแม่ที่โรงเรียนของเธอ  ชรัณเฝ้ามองลูกสาวตัวน้อยของเขาพร่ำเพ้อถึงแม่ของเธออยู่ทุกๆวัน  ยิ่งทำให้เขารู้สึกน้อยใจและคิดมาก  คุณทิพย์ซึ่งเข้าใจถึงความรู้สึกของชรัณก็ได้แต่ปลอบใจว่า...เด็กผู้หญิงนั้น เมื่อถึงเวลาหนึ่งก็ต้องการจะอยู่กับแม่  เหมือนชรัณ...ซึ่งก็คงมีช่วงหนึ่งที่อยากอยู่กับพ่อ  ชรัณยอมรับแต่ก็ไม่อาจสลัดความคิดเรื่องเกลียวไหมกับน้องแพรออกไปได้



เมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์  ชรัณอนุญาตให้น้องแพรไปหาเกลียวไหมที่เชียงใหม่  เกลียวไหมตื่นเต้นมากๆที่ลูกสาวจะมา  เธอเตรียมห้องนอนใหม่, ของเล่น และลูกสุนัขตัวเล็กๆเอาไว้ให้น้องแพร  เธอทำทุกอย่างที่เธอคิดว่าน้องแพรจะชอบและลูกสาวของเธอก็ดูมีความสุขมากๆ  เมื่อใกล้จะถึงวันที่น้องแพรต้องกลับกรุงเทพฯ  น้องแพรขอให้เกลียวไหมกลับไปกับเธอด้วย  แต่เกลียวไหมต้องอยู่ดูแลรีสอร์ท  เธอจึงคิดจะให้น้องแพรมาอยู่กับเธอ  จนสุตรากับคุณยายต้องปรามเธอไว้ว่าให้คิดถึงชรัณบ้าง  แต่เกลียวไหมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเอาน้องแพรมาอยู่ด้วยให้ได้เพราะเธอก็เป็นแม่ของน้องแพรเหมือนกัน  เธอจึงบอกให้น้องแพรไปบอกชรัณให้ขึ้นมาตกลงกับเธอในสัปดาห์หน้า  เมื่อชรัณตอบตกลง  น้องแพรก็ดีใจอย่างมากเพราะคิดว่าพ่อกับแม่ของเธอจะได้ไปเจอกันและดีกันแล้ว  แต่ชรัณกลับต้องหนักใจเพราะเขารู้ดีว่าเกลียวไหมจะตกลงอะไรกับเขา  ถึงเขาจะไม่อยากกีดกันเกลียวไหมกับน้องแพร  แต่เขาก็จะไม่มีวันให้เกลียวไหมมาพรากน้องแพรไปจากเขาอย่างแน่นอน



อังกาบจับได้ว่าบูรจิตกำลังจะทิ้งเธอไปหาสาวแก่อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของห้องเสื้อที่บูรจิตกำลังจะเป็นแบบให้  เธอจึงจ้างคนไปทำร้ายบูรจิตเพื่อที่เขาจะได้ไปถ่ายแบบไม่ได้  แต่ปรากฎว่าเหตุการณ์มันเลวร้ายกว่าที่ตั้งใจ  บูรจิตกลายเป็นคนพิการถาวร  เขาทำใจไม่ได้จึงปิดข่าวนี้ไม่ให้ทุกคนรับรู้และหลบหน้าทุกคน  แม้กระทั่งชรัณและอังกาบ  มีเพียงเปียก, น้อย และปริ๊นซ์ เพื่อนสนิทของเขาเท่านั้นที่เขาติดต่อด้วย  บูรจิตทำใจไม่ได้เรื่องที่เขาเสียขาและสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตจึงกลายเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว  เพื่อนๆของเขาก็เข้าหน้าไม่ติด  จึงพาชรัณมาหาบูรจิต  ชรัณนั้นเป็นห่วงพ่อของเขาจริงๆ  บูรจิตกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่  เพราะสำนึกที่เขาทิ้งชรัณกับแม่ไปอย่างไม่ใยดีเมื่อหลายปีก่อน  แต่มาวันนี้...วันที่เขาไม่เหลืออะไรสักอย่างในชีวิต  เขากลับยังคงมีชรัณ  ลูกชายคนเดียวที่เขาไม่ได้เลี้ยงดู  ไม่เคยเหลียวแล  ที่ยังห่วงใยเขาอยู่



ชรัณกำลังกลัวว่าน้องแพรจะอยากอยู่กับเกลียวไหมมากกว่าเขา  อีกทั้งลุงเหิมก็มาเสียชีวิตเพราะถูกรถชนอีก  ทำให้ชรัณโศกเศร้าและเคว้งคว้างอย่างมาก  ทุกคนที่เขารักล้วนแต่จากเขาไปทั้งสิ้น  ทั้งแม่ ลุงเหิม  และเขากำลังจะสูญเสียน้องแพรไป  ในนาทีที่ไม่เหลือใครนั้น  ชรัณพบว่าตัวเองเดินเข้าไปหาบูรจิต  พ่อซึ่งเขาไม่เคยคิดจะมาขอคำปรึกษาเลยแม้แต่ครั้งเดียว  บูรจิตบอกชรัณว่า...แม้เขาจะพยายามยัดเยียดสิ่งที่ชรัณเห็นว่าผิด  แต่นั่นก็เพราะเขาหวังดีกับชรัณในแบบของเขา  เขาก็เป็นพ่อคนหนึ่งที่รักลูกไม่แพ้คนอื่นเหมือนกัน  และบอกชรัณเรื่องที่เกลียวไหมอยากจะเอาน้องแพรไปอยู่ที่เชียงใหม่ว่า  ทุกอย่างขึ้นกับชรัณ  น้องแพรไม่มีวันรักคนที่เพิ่งรู้จักมากกว่าพ่อที่เลี้ยงเธอมาอย่างทะนุถนอมตั้งแต่เกิด  ถึงเวลาที่ชรัณต้องรู้จักปฏิเสธ  หากไม่อยากจะเสียลูกไป  ชรัณเพิ่งเข้าใจว่าบูรจิตก็รักเขามากเหมือนกัน  ชรัณก้มลงกราบขอโทษพ่อของเขาและนั่งลงร้องไห้กับตักของพ่อ  บูรจิตลูบหัวชรัณเพื่อปลอบใจว่าไม่เป็นไร  เขาเข้าใจชรัณดี




ชรัณขึ้นไปเชียงใหม่กับน้องแพร  เกลียวไหมบอกถึงความต้องการของเธอที่จะให้น้องแพรมาอยู่ด้วย  แต่ชรัณปฏิเสธ  เขาจะให้น้องแพรอยู่กับเขาและจะขึ้นมาหาเกลียวไหมเฉพาะเวลาปิดเทอมเท่านั้น  หากเกลียวไหมจะไปหาน้องแพรก็มาได้ทุกเมื่อ  เกลียวไหมไม่พอใจอย่างมาก  ทั้งคู่ต่างอ้างสิทธิ์ความเป็นพ่อแม่  อ้างความสูญเสียที่แต่ละฝ่ายได้รับ  และทะเลาะกันจนไม่ได้สนใจว่าแก้วตาดวงใจของทั้งคู่กำลังอยู่ในอันตราย



น้องแพรไปตามลูกหมาแถวสระน้ำในรีสอร์ทแล้วพลัดตกน้ำ เมื่อทั้งคู่รู้เรื่องก็ตามไปที่สระด้วยความตกใจ คนในรีสอร์ทช่วยกันงมหาน้องแพรจนเจอ เธอยังไม่ตายแต่ก็อาการหนักมาก ทั้งชรัณและเกลียวไหมกลัวสุดชีวิตว่าน้องแพรจะตาย และต่างพากันสำนึกได้ถึงการพยายามเอาชนะซึ่งกันและกัน เกือบทำให้ทั้งคู่สูญเสียสิ่งมีค่าที่สุดไป น้องแพรนั้นอาการหนักยังไม่ฟื้น ชรัณและเกลียวไหมต่างพากันเฝ้าดูและกุมมือลูกสาวไว้จนไม่ยอมหลับยอมนอน ภาวนาให้น้องแพรฟื้นขึ้นมา



ในที่สุดน้องแพรก็ฟื้น ทำให้ชรัณกับเกลียวไหมรู้ว่าความรักความอบอุ่นในครอบครัวเท่านั้นที่จะแก้ไขทุกอย่างได้ การทะเลาะเบาะแว้งไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น และมีแต่จะทำให้แย่ลง เกลียวไหมปล่อยวางความโกรธแค้นทุกอย่างที่มีตั้งแต่วันที่น้องแพรจมน้ำ เมื่อน้องแพรฟื้นขึ้นมา เธอเป็นฝ่ายเดินเข้าไปขอดูแลน้องแพรร่วมกับชรัณและบางทีชรัณอาจจะมาช่วยเธอดูแลรีสอร์ทจะได้ไหม? แต่เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของเขา เธอก็บอกเขาด้วยน้ำเสียงเกรงๆว่าเธอขอโทษและถ้าเขาลำบากใจเธอก็จะยอมรับให้ชรัณเลี้ยงดูลูกเหมือนเดิม แต่ชรัณไม่ได้คิดแบบนั้น เขายินดีมากที่เกลียวไหมกับเขาจะมีโอกาสสร้างครอบครัวที่อบอุ่นให้ลูกสาวของทั้งคู่ได้ น้องแพรจะได้มีความสุขที่มีพ่อแม่ลูกอยู่พร้อมหน้ากัน



...จบ...


(มีต่อข้างล่าง)




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2554
12 comments
Last Update : 27 มิถุนายน 2554 20:17:20 น.
Counter : 9428 Pageviews.

 


กว่าจะจบก็เหนื่อยเชียว  น้ำตาหลั่งรินอินไปกับละครอีกรอบตามเคย  เป็นละครชีวิตที่ดีมากๆคะสำหรับฉัน  ทุกอย่างในละครเรื่องนี้ลงตัวมากๆ  ทั้งบทละคร  นักแสดง  การแสดง  ฉากในละคร  ทุกอย่างเกือบสมบูรณ์มากๆ  อาจจะมีบางอย่างหรือนักแสดงบางคนที่ยังดูขัดๆในเรื่องนี้  อย่างนักแสดงที่เล่นเป็นเทวี  ฉันจำไม่ได้ว่าเธอชื่ออะไรแต่เธอคงเล่นเรื่องนี้เรื่องแรก  เลยเล่นแข็งมากถึงมากที่สุด  แข็งสม่ำเสมอตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง  ดีที่ไม่ใช่ตัวละครนำ  เลยไม่เป็นไรเท่าไหร่ 


ในส่วนนักแสดง  ฉันว่าเรื่องนี้ทีมเคสติ้งทำงานได้ดีมาก  เลือกแอนดริว เกรกสัน มารับบทชายหนุ่มเก็บกดแต่อ่อนโยนได้ดีมาก  บุคลิกของแอนดริวเหมาะมากๆกับบทเงียบๆคิดเยอะๆแบบนี้  สายตาเขาดูเหมือนมีเรื่องอะไรในใจตลอดเวลา  พอมาเป็นพ่อคน...เขาก็แสดงออกถึงความผูกพันระหว่างพ่อกับลูกสาวได้กินใจมากๆ  คือ...มันเป็นธรรมชาติอ่ะคะ  น่ารักมาก  นักแสดงเด็กที่เล่นเป็นน้องแพรก็เก่งมากจริง  ตัวเล็กแค่นั้นรู้สึกแสดงอารมณ์รัก  หยอก  เสียใจ  ตกใจ เธอเล่นได้หมดเลย  หน้าตาก็คล้ายๆแอนดริวอีกสุดยอด  แต่ไม่รู้ว่าน้องเขาชื่ออะไร?และตอนนี้ไปไหนแล้ว?  เคยเห็นแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวแล้วหายเลย  คิดถึงน้องมากๆ  ส่วนเบนซ์-พรชิตา ณ สงขลา ก็เยี่ยมคะ  บทเด็กสาวมีปัญหาเอาแต่ใจ  เธอเล่นได้ดี  ออกจะดุเกินด้วยซ้ำเพราะตาเธอคมมากๆ  ชอบเวลาเธอตะคอก  มันจะดูเหมือนเธอมีอารมณ์โกรธเกลียดจริงๆ  ไม่มีห่วงสวย  ดีมากๆเลยคะ  นอกจากคู่พระนางแล้ว  คนที่อยากชมอีกคู่คือ เล็ก ไอศูรย์  หล่อมากๆ  เป็นเพลย์บอยได้เหมือนสุดๆ  หน้าตาและภาพลักษณ์เขาก็ให้อยู่แล้ว  เลยไม่มีปัญหาเลยกับบทบูรจิต และอีกคนคือ มี้ - พิศมัย วิไลศักดิ์  ไม่เสียชื่อนางเอกเก่าเลยคะ  เธอเป็นหญิงแก่ไฮโซเปลี่ยวรักได้สุดยอด  นับถือนักแสดงคนนี้จริงๆคะ


เพลงประกอบละคร "ไม้เมือง" โดยเจนนิเฟอร์ คิ้ม


**วิดิโอนี้เป็นแบบ Auto Play สามารถกดหยุดเล่นหรือเริ่มใหม่ได้คะ**



เพลงประกอบละครก็เพราะมากๆคะ  ฉันชอบเพลงมากพอๆกับละคร  เพลงนี้ใช้ชื่อเหมือนละครคือเพลง "ไม้เมือง" ร้องโดย เจนนิเฟอร์ คิ้ม  สามารถไปฟังเพลงและดูเนื้อร้องได้ที่เอนทรีนี้เพลงไม้เมืองคะ คลิกที่รูปข้างล่างเลยคะ...


เพลงไม้เมือง โดย เจนนิเฟอร์ คิ้ม


ดูตัวอย่างละครที่มีคนตัดต่อมาใส่ในYoutube นะคะ ขอขอบคุณคุณBluelagoon246 จากเว็บYoutubeคะ



 
'ความรักความเข้าใจเป็นเกราะป้องกัน
ปัญหาสังคมที่ดีที่สุด  อย่าปล่อยให้ความผิดพลาดในอดีต
เป็นตัวตัดสินชะตาชีวิตของเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์
...สังคมจะดีได้เริ่มจากความรักความเข้าใจในครอบครัว...'



เจ้าช่อมาลี (PP_Skywalker)

 

โดย: เจ้าช่อมาลี (PP_Skywalker ) 27 มิถุนายน 2554 20:18:30 น.  

 

ความรักความเข้าใจเป็นเกราะป้องกัน
ปัญหาสังคมที่ดีที่สุด

เห็นด้วยเป็นอย่างมากเลยค่ะ
ความรักคือยาวิเศษ
ที่ช่วยเหนี่ยวรั้งจิตใจเราไว้ไม่ให้คล้อยตามสิ่งผิด






 

โดย: ช่อม่วงพวงคราม 27 มิถุนายน 2554 21:36:31 น.  

 

ตามมาอ่านเรื่องไม้เมืองค่ะ
เป็นเรื่องย่อแบบละเอียดมาก ชอบเรื่องราวจริงๆ
แอนดริว เกรกสัน เป็นนักแสดงที่เก่ง ติดตามมาหลายเรื่องแล้ว
แต่ช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ดูละครเลย ต้องกลับไปดูซะหน่อย
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ

 

โดย: diamondsky 28 มิถุนายน 2554 2:19:52 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับ






 

โดย: กะว่าก๋า 28 มิถุนายน 2554 6:44:53 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณช่อมาลี

สบายดีนะคะ

คุณช่อมาลีเขียนเรื่องราวได้ละเอียดมากๆค่ะ เราไม่ค่อยได้ดูทีวีลยค่ะ แต่ชอบแอนดริวมั่กๆค่ะ คนอะไรหล่อจริงๆ

วันนี้แวะมาชวนไปเดินเล่นด้วยกันริมแม่นํ้าค่ะ

 

โดย: LoveParadise 28 มิถุนายน 2554 13:06:14 น.  

 

ทึ่งในฝีมือเขียนและเรียบเรียงเรื่องราวของคุณช่อมาลีมากเลยค่ะ
มันช่างแสดงออกถึงความตั้งใจที่จะทำ blog
เพลงเพราะค่ะ

 

โดย: blueberryblossom 28 มิถุนายน 2554 18:55:47 น.  

 

แบบนี้ต้องเรียกว่า.งแฟนพันธุ์แท้..ค่ะ

 

โดย: ภัสสรา 28 มิถุนายน 2554 19:46:29 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

แวะไปเยี่ยมกันอีกเด้อคร้า ^___^

 

โดย: สาวสะตอใต้ 28 มิถุนายน 2554 21:14:04 น.  

 



สวัสดีค่ะ

 

โดย: ข้ามขอบฟ้า 29 มิถุนายน 2554 4:14:17 น.  

 

อ่านบล็อคนี้แล้วนึกถึงตัวเองเลยค่ะ เวลาชอบหนังหรือละครเรื่องไหนละก็ จะชอบเขียนเล่าเนื้อเรื่องด้วย แบบนี้แหละ ถึงถูกใจสไตล์การเขียนบล็อคของคุณค่ะ

คุณช่อมาลีความจำดีจัง เล่าเรื่องได้ละเอียดละออมาก ๆ เราชอบแอนดริวมาก ๆ เป็นนักแสดงคุณภาพจริง ๆ เล่นเรื่องไหนก็กลืนไปกับตัวละครตัวนั้น เราชอบธรณีนี่นี้ใครครองมากที่สุด หวังว่าคงจะได้อ่านบล็อคที่คุณช่อมาลีเขียนนะคะ

เบนซ์ก็เล่นละครเก่งเหมือนกัน เล่นได้ทั้งตัวดีและตัวร้าย คุณพิสมัยก็สุดยอด แต่คุณเล็ก ไอศูรย์หายไปเลยนะคะ ไม่รูว่าเดี๋ยวนี้ทำอะไรอยู่

เราโหวตสาขาทีวีให้ค่ะ

 

โดย: haiku 29 มิถุนายน 2554 15:31:45 น.  

 

ขอบคุณนะคะ จะมาบอกว่าดิฉันก็เป็นแฟนพ่อน้องแพรเหมือนกันค่ะ

ชอบมากที่สุดคือตอนที่ชรัณชี้ให้น้องแพรดูนกกระเรียนและบอกกับลูกว่านกกระเรียนคือตัวแทนของความรักที่มั่นคง ถ้าตัวหนึ่งตาย อีกตัวก็จะตายตาม....

ขอบคุณอีกครั้งค่ะที่เอาเรื่องนี้มาให้ดูอีกครั้ง

 

โดย: น้องแมวดอย 16 กันยายน 2554 2:27:47 น.  

 

ชอบมากค่ะ เป็นละครที่ดีมาก ดูกี่ครั้งก็ทำเอาน้ำตารื้นได้ทุกครั้งค่ะ

นักแสดงทุกคนดูเต็มที่เล่นได้ดีทุกคน
เห็นด้วยกับ จขบ.ว่าเทวีเล่นแข็งมาก
ดูไม่ได้อารมณ์เลย ชอบความรักระหว่างลุงเหิมกับชรัณแม้ไม่ได้ผูกพันกันทางสายเลือดแม้แต่นิด แต่ทั้งชรัณและลุงเหิมก็รักและผูกพันกันมาก
ผู้ชายดีๆแบบชรํณในยุคนี้คงหายากมาก 555
เรียบร้อย น่ารัก มีความรับผิดชอบ แอนดริวเป็นชรัณได้สุดยอดค่ะ ในวัยแค่นั้น ณ เวลานั้น เล่นเป็นคุณพ่อน้องแพรได้น่ารักสุดๆเลยค่ะ
ดูแล้วอินมาก...ชอบมากค่ะ

 

โดย: TewTew IP: 58.9.234.64 17 กันยายน 2554 19:42:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


PP_Skywalker
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ขอบคุณมากๆคะ
Friends' blogs
[Add PP_Skywalker's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.