เปิดใจตรงนี้เลย...คำว่า"รัก"...ฉันมีอยู่แทบล้นใจ...แต่ยังไม่มีที่ใช้...ก็เท่านั้นเอง
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
5 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 

"The Painted Veil" (2006)...ระบายหัวใจ ให้รักนิรันดร์...

เขียนเมื่อ : วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ.2554  เวลา 11.17 น.



'Sometimes the greatest journey is the distance between two people.'
'บางที...การเดินทางที่ลำบากที่สุดในชีวิตของคนเรา...อาจจะมาจากช่องว่างระหว่างคนสองคน...'



*บทความต่อไปนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของภาพยนตร์ และไม่ใช่การเขียนวิจารณ์ภาพยนตร์เพราะผู้เขียนไม่มีความรู้ความสามารถในทางนั้น ผู้เขียนเป็นเพียงคนที่ชอบดูหนังและต้องการแบ่งปันเรื่องที่ชอบพร้อมเหตุผล บางสิ่งที่ชอบ/ไม่ชอบอาจไม่มีเหตุผลจะอธิบายเลยก็มี หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยนะคะ และหากมีคำแนะนำใดๆผู้เขียนจะขอบคุณมากๆคะ*


 


ภาพยนตร์เรื่อง  "The Painted Veil" เป็นภาพยนตร์ดราม่ากำกับโดย John Curran สร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ W. Somerset Maugham ที่เขียนขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1925  โดยนวนิยายเรื่องนี้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มา 2 ครั้งแล้วก่อนหน้านี้  ครั้งแรกในปี 1934 นำแสดงโดย Herbert Marshall และ Greta Garbo, ครั้งที่สองในปี 1957 ซึ่งใช้ชื่อเรื่องว่า The Seventh Sin นำแสดงโดย Bill Travers และ Eleanor Parker  และในครั้งล่าสุดเวอร์ชั่นปี 2006 นำแสดงโดย Edward Norton และ Naomi Watts ซึ่งทั้งคู่ได้อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ด้วย



ฉันอยากเขียนถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ดูภาพยนตร์ได้เพียงครึ่งเรื่องเท่านั้นคะ(แต่ก็ดูจนจบแล้วนะ)  ตอนนี้ฉันยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันชอบที่สุดไปแล้ว  ก่อนอื่นขอพูดถึงพระเอกของเรื่องก่อน  ถ้ารำคาญว่ายัยนี้มันจะมาพร่ำเพ้ออะไรอีก  ก็ข้ามไปหลายๆย่อหน้าก็ได้คะ...



ฉันได้ดู "The Painted Veil" ก็เพราะชอบพระเอกของเรื่อง(อีกล่ะ!!)เป็นการส่วนตัว(ตลอด!!!)  ฉันชอบ Edward Norton มาตั้งแต่ได้ดูเรื่อง American History X เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว  โหย...เรื่องนั้น  ทำเอาฉันบ้าไปเลย Edward หุ่นดีมากและหล่ออย่างรุนแรง  เรื่องนั้นเขาก็แสดงได้ร้ายกาจและดีสุดๆ  จนฉันชักงงในตอนจบว่าตกลงนักแสดงคนนี้มีบุคลิกยังไงกันแน่?  จากนั้นมาก็ลองๆหาแผ่นหนังที่เขาเคยแสดง(เท่าที่หาได้)มาดู  มาจนถึงเรื่อง Red Dragon ที่เขาเล่นเป็นพระเอกและ Ralph Finnes นักแสดงในดวงใจอีกคนหนึ่งของฉันเล่นเป็นตัวร้าย  เลยบ้าบอไปกันใหญ่  เรื่องนั้นพี่Edwardดูเท่มาก  ดูฉลาด  และเก่ง(แบบเป็นไปได้)จนทำให้คนดูอยากมีแฟนหรือสามีในอนาคตแบบนี้  แต่...เรื่องนี้พี่Ralph เท่กว่า  จิตกว่า  และน่าสงสารกว่าในความเห็นฉัน  ตอนนั้นเลยจิตใจเอนเอียงไปใส่ใจพี่Ralph อยู่คนเดียวซะนาน  ลืมพี่Edwardไปซะอย่างงั้น  และจนได้มาดูหนังสงครามครูเสดเรื่อง Kingdom of Heaven  ซึ่งตอนแรกไม่รู้เลยว่าEdward Nortonก็เล่นด้วย  เพราะเขาไม่มีชื่อเป็นนักแสดงนำ  แต่จำได้ว่าพอออกจากโรงหนัง  ฉันปลื้มตัวละครที่ชื่อKing Baldwin IVมากๆ  ประทับใจกษัตริย์องค์นี้มากกว่าพระเอกซะอีก  ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน  ทั้งๆที่ไม่เห็นหน้าคนเล่นเพราะเป็นตัวละครซึ่งเป็นกษัติรย์ของกรุงเยรูซาเลมและเป็นโรคเรื้อน(Leper)อย่างหนัก  ต้องปิดบังและคลุมร่างกายทั้งหมด มารู้ทีหลังว่าบทนี้ Edward Norton เป็นคนเล่น  ถึงได้กลับมารักชอบกันอีกครั้ง  นักแสดงคนนี้เป็นคนที่ถ้าเล่นบทดีก็จะดีได้จนใจหาย  คือ...เชื่อหมดใจเลยว่าเขาดี  เขาบริสุทธิ์  เพราะหน้าตาเขา(ยิ่งเวลาไม่มีหนวด)จะเป็นคนที่เหมือนจะทำร้ายใครไม่ได้  หน้าจะใสๆ  ดูเป็นคนดีเลิศประเสริฐอย่างมาก  แต่พอเขาเล่นบทร้ายเท่านั้นแหละ  ไม่ว่าจะเป็นร้ายแบบเลวๆเลยอย่างในเรื่อง Italian Job หรือเป็นร้ายแบบจิตๆอย่างใน Down To The Valley หรือ Primal Fear เขาจะเป็นคนที่น่า(ขอโทษนะคะ!)...น่ากระทืบเป็นอย่างมาก  เพราะด้วยความที่หน้าตาใสซื่อนี่แหละ  พอมาทำเป็นเกรียนๆหรือกวนๆ  ชั่วๆ นี่...มันน่าตบมาก!!  เนี่ยแหละคะ...ฉันเลยหลงเขาหัวปักหัวปำ(ออกแนวคุณสมบัติเดียวกันกับRalph Finnes) เขาสามารถดูหล่อใส  สมาร์ท  ฉลาดได้แค่เขายิ้ม  แต่เพียงแค่เติมหนวดเคราและไม่ยิ้ม  เขาก็จะกลายเป็นคนเหี้ยมๆได้ทันที  ซึ่งมันเป็นบุคลิกที่ขัดกันมากๆ  และไม่รู้ทำไม...มันโดนใจผู้หญิงคนนี้อย่างแรง  พอได้มาดู The Painted Veilที่เขาเล่นเป็นตัวละครที่มีบุคลิกแบบที่ฉันชอบ  และยิ่งมารู้ว่าเขาเขียนบทภาพยนตร์บางส่วนเองแบบไม่เอาเครดิตท้ายเรื่องด้วย(เขาจบคณะศิลปศาสตร์ เอกประวัติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยYale)  ยิ่งหลงไหล  คนอะไรจะทั้งหล่อและเก่งปานนั้น  อ๊ากกกกกก....



ในเรื่อง "The Painted Viel" นี้ Edward Norton รับบทเป็น Dr.Walter Fane นักวิจัยแบคทีเรียและหมอที่อาสาสมัครไปดูแลรักษาชาวจีนในชนบทในช่วงที่อหิวาตกโรคระบาด  ซึ่งนอกจากความเครียดและกดดันในเรื่องงาน  บรรยากาศทุรกันดารของชนบทประเทศจีนแล้ว  เขายังต้องต่อสู้กับความรู้สึกเจ็บช้ำเมื่อรู้ว่าภรรยาที่เขาเพิ่งแต่งานด้วย...มีชู้  เรื่องนี้น่าสงสารมาก  แต่ก็สะใจมากด้วยเพราะพระเอกเอาคืนนางเอกตลอดเรื่อง  มีตอนหนึ่งที่นางเอกมารู้ทีหลังว่าพระเอกแกล้งพาเธอเดินทางมาทางบกอย่างลำบากมาก  ใช้เวลาเดินทางตั้ง 2 สัปดาห์  นางเอกทั้งร้อนและเวียนหัวจากการที่ต้องนั่งเกี้ยวหาบ  ซึ่งความจริงไม่ต้องลำบากขนาดนั้น  เพราะหมู่บ้านที่มานี้สามารถเดินทางสบายๆมาทางเรือได้  ซึ่งพระเอกก็ยอมรับหน้าตาเฉยว่าพาเธอมาลำบากจริงๆ  ซึ่งEdward เล่นดีมากคะ  ตอนแรกๆที่พระเอกหลงรักนางเอก  เขาดูเป็นคนดีมาก  ก็อย่างทุกๆเรื่องที่บอกไปแล้วว่าเวลาเขาดี  จะดีจนใจหาย  เหมือนจะทำร้ายใครไม่ได้  แต่พอเรื่องราวมันดำเนินมาถึงตอนที่พระเอกรู้ความจริงว่านางเอกมีชู้  เขาสามารถร้ายกาจขึ้นมาได้ทันที  แต่เรื่องนี้เป็นร้ายแบบผู้ดีนะคะ  ร้ายแบบลูกผู้ชายอย่างมาก  และน่าสงสารไปด้วยพร้อมๆกัน  ยิ่งตอนที่เขาบอกภรรยาเขาว่าเขารู้ว่าเธอมีชู้  สีหน้าเขาเจ็บปวดแบบไม่ต้องพยายามเลย  จนอยากจะกระโดดขาคู่ใส่นางเอกเดี๋ยวนั้น  โทษฐานทำพี่หล่อเสียใจ  ใช่สิ....ที่สำคัญคือ...เรื่องนี้เขาหล่อมาก     ไม่ว่าจะตอนดี  โกรธ  เหนื่อย  เครียด  พี่หล่อหมดทุกตอนเลย  คงไม่ต้องบอกว่าเจ้าของบล็อกดูแล้วก็พร่ำเพ้อแค่ไหน...ควรไปพิสูจน์กันเอง



นอกจากพระเอกของเรื่องแล้ว  อีกคนที่ควรให้เครดิตมากๆคือนางเอกของเรื่อง  Naomi Watts แสดงเป็น Kitty Fane หญิงสาวที่ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ  เธอถูกแม่จับแต่งงานกับชายที่เธอไม่ได้มีใจด้วยแต่เขารักเธอ  และเธอก็ยอมแต่งเพื่อจะได้ออกห่างจากแม่  เมื่อสามีเธอต้องทำงานหนักทำให้เธอเกิดเบื่อและมีชู้  เรื่องนี้แม้ว่านางเอกจะดูเป็นหญิงร้ายเพราะมีชู้  แต่...สามารถเข้าใจได้  เคยอ่านที่คนอื่นเขียนมาว่า...ดูเรื่องนี้แล้วไม่เกลียดนางเอกเลย  จริงคะ...Naomi ก็เล่นดีมาก  ฉันไม่เคยเห็นเธอแสดงบทแบบนี้มาก่อน  ประเภทผู้หญิงเฟลิร์ตๆ  เอาแต่ใจ  เคยเห็นแต่บทสู้ชีวิตหรือบทผู้หญิงเงียบๆ  คิดเยอะๆ  พอมาเจอหนังเรื่องนี้  ฉันเลยชอบการแสดงของเธอมากๆ  แปลกใจมากว่าทำไมเธอไม่ได้เข้าชิงออสการ์จากเรื่องนี้



นักแสดงอีกคนที่มีบทบาทในเรื่องนี้คือ...Toby Jones ตอนแรกฉันนึกว่าเขาเป็นคนแคระซะอีก  เหมือนจะเคยเห็นแว็บๆจากหนังประเภทแฟนตาซีหลายๆเรื่อง  เรื่องนี้เขาเล่นเป็นคนอังกฤษที่มาทำงานเป็นคล้ายๆคนประสานงานของรัฐบาลในชนบทจีน  เป็นตัวช่วยของพระเอกนางเอกในเรื่องนี้เลยคะ  ฉันว่าเขาเป็นคนนอกที่เข้ามาประสานรอยร้าวระหว่างผัวเมียคู่นี้แบบเงียบๆเนียนๆ  แต่ได้ผลอย่างมาก  เขาเป็นคนที่มีรูปร่างไม่น่าพิสมัยแต่ฉันดีใจทุกครั้งที่บทของเขาออกมา  คือ...ตัวละครตัวนี้ดูเหมือนจะเป็นคนที่รู้ใจพระนางในเรื่องมากกว่าตัวพระนางเองอีกนะคะ  เขาไม่ได้เข้ามาจุ้นกับชีวิตคู่ชาวบ้านแบบโจ่งแจ้ง  แต่มาแบบซึมเล็กซึมน้อย  ไม่ให้เขารู้ตัว  เป็นตัวละครที่ฉันชอบมากที่สุดในเรื่องนี้คะ  ถ้าไม่มีเขาไม่รู้ว่าพระเอกนางเอกเราจะอยู่รอดกันไหม?



อีกคนที่ชอบมากๆในเรื่องนี้คือ...นักแสดงชาวจีนที่ชื่อ Anthony Wong Chau Sang คนนี้หน้าตาคุ้นมาก  แต่จำไม่ค่อยได้แล้วว่าเล่นเรื่องอะไร  เรื่องนี้เขาเล่นเป็นหัวหน้าทหารที่ดูแลหมู่บ้านที่พระเอกไปทำงาน  เป็นคนประสานงานให้พระเอกกับชาวบ้านด้วยคะ  ชอบตั้งแต่เขาออกมาครั้งแรกแล้ว  แต่บทนี้ดูน่ากลัวมาก  เพราะไม่รู้ว่าพี่คิดอะไร  มีตอนหนึ่งตลกมากคือ...พระเอกพยายามอธิบายว่าบ่อน้ำที่ชาวบ้านไปตักมาใช้มากินนั้นมันอาจติดเชื้ออหิวาต์  ต้องตรวจสอบก่อน  ให้งดการใช้น้ำจากบ่อ  ซึ่งพี่ทหารจีนนี่ก็นิ่ง  ทำหน้าสงบแบบงงๆ  พระเอกแปลภาษาจีนที่ตัวเองก็ยังพูดได้บ้างไม่ได้บ้างให้เขาฟัง  เขาหันมาพูดนิ่งๆเนียนๆว่า... 'ผมเข้าใจแล้วครับคุณหมอเฟน  ผมได้รับการฝึกทหารจากประเทศรัสเซีย  ถ้าคุณไม่สะดวกจะพูดภาษาอังกฤษ  เราพูดรัสเชี่ยนกันก็ได้' พระเอกนี่หน้าเหลือสองนิ้ว...คงคิดในใจว่า...แล้วพี่อมอะไรอยู่ครับ?  ไม่บอกผมบ้างละครับว่าพี่พูดอังกฤษได้  คือ...ตั้งแต่แรกพี่ผู้พันจีนคนนี้เขาจะทำท่าไม่ชอบใจที่มีคนต่างชาติมาวุ่นวายในประเทศเขาคะ  ซึ่งที่จริงเขาก็ไม่ชอบจริงๆเพราะพวกประเทศแทบยุโรปชอบมาขู่ประเทศเขา  แต่เขาให้ความร่วมมือเรื่องการรักษาโรคระบาดอย่างอหิวาต์มากๆ  เพราะเขาก็ไม่อยากให้คนบ้านเขามาตายกันเป็นผักปลาแบบที่เป็นอยู่  ที่เขานิ่งๆเงียบๆ  เพราะเขากำลังคิดว่า...จะช่วยพระเอกยังไงต่างหาก...  ตัวละครนี้น้ำนิ่งไหลลึกมากคะ  มองพี่จีนทีไรแล้วกลัว...แต่สบายใจที่มีพี่อยู่ในเฟรม



นักแสดงคนสุดท้ายที่ได้ใจอย่างแรงในเรื่องนี้คือ  Li Feng เล่นเป็นทหารชั้นผู้น้อยชาวจีนที่มาคอยอารักขานางเอก  เนื่องจากในหมู่บ้านมีเด็กวัยรุ่นชาวจีนชาตินิยมหัวรุนแรงอยู่มาก  และมีการฆาตรกรรมชาวต่างชาติก่อนหน้าที่พระเอกและนางเอกจะมาอยู่  ทุกคนเลยเป็นห่วงนางเอกและส่งบอดี้การ์ดอ้วนๆ ตี๋ๆ  ที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้มาให้นางเอก  นางเอกซึ่งหงุดหงิดจากการที่สามีพามาอยู่บ้านนอกที่อันตรายและมีโรคระบาด  อีกทั้งต้องต่อสู้กำลังภายในกับพระเอกอยู่แล้ว  เลยรำคาญบอดี้การ์ดที่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเธอได้เลยในตอนแรก  แต่พอเจอเหตุการณ์อันตรายจริงๆ  น้องจีนอ้วนคนนี้แหละที่โผล่มาอย่างซุปเปอร์แมนแบบงงๆ  ช่วยพระเอกกับนางเอกได้อย่างหวุดหวิด  ฉันว่าเป็นตัวละครที่น่าสงสาร  และน่ารักอีกคนหนึ่งในเรื่องนี้เลยคะ  ถึงนางเอกจะทำท่ารำคาญตลอด  แต่น้องอ้วนแกจะตามต้อยๆตลอดเหมือนกัน  สื่อสารกันก็ไม่รู้เรื่อง  ยิ่งพอตอนที่เขาช่วยพระเอกนางเอกจากแก๊งเด็กจีนชาตินิยมแล้ว  แม้ตัวเองจะบาดเจ็บเหมือนกัน  เขาก็ยังทำหน้าเศร้าๆเหมือนรู้สึกผิดที่ทำให้นางเอกต้องเจอสถานการณ์แบบนั้น  เหมือนเขาเป็นบอดี้การ์ดที่แย่  แต่พอนางเอกกวักมือเรียกเขา  เขาก็ยิ้มแบบเด็กๆ  น่ารักมาก




นอกจากทีมนักแสดงที่เข้าขากันสุดๆ  สิ่งที่ฉันชอบมากๆในเรื่องก็คือ...บรรยากาศชนบทประเทศจีน  สวยมากกกกกกก  ทุ่งนา  หมอก  แม่น้ำ  เหมือนแถวบ้านนอกประเทศไทย(บ้านฉันนี่แหละ)  บางทีมองๆไปเหมือนอยู่แถวสุพรรณฯ  สวยจริงๆคะ  ยิ่งบรรยากาศแม่น้ำ ภูเขา  ที่ครึ้มหมอกครึ้มเมฆตลอดเวลา...โรแมนติกสุดๆ  ดูแล้วอยากจะมีบ้านริมแม่น้ำ  ถ้าหนังเรื่องนี้ไม่มีโรคอหิวาตกโรค  จะประเสริฐมาก  จำได้ว่าพอดูไปกลางๆเรื่องนี่...คิดแต่ว่า  วิวสวยขนาดนี้  ถ้ามันไม่รักกันก็ให้มันรู้ไป  บรรยากาศเป็นใจคะ  อยากให้ดู  เพราะวิวสวยจริงๆ...



เมื่อมีภาพ...มันก็ต้องมีเสียง  เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เพลงเพราะมากๆ  แต่งโดยนักแต่งเพลงที่ชื่อ Alexandre Desplat ยกเว้นเพลงบรรเลงที่นางเอกชอบเล่นเปียโน คือเพลง Gnossienne No. 1  เพลงคลาสสิกที่แต่งโดยนักเปียโนชาวฝรั่งเศส Erik Satie  ซึ่งเพลงทุกเพลงในเรื่องนี้จะเป็นธีมเดียวกันหมดเลยคะในความรู้สึกฉัน  คือลึกลับๆ  เหมือนชวนให้เข้าไปค้นหา  ฉันว่ามันเข้ากับอารมณ์ของตัวละครคือ พระ-นาง ของเรื่องที่ต้องค้นหาความรู้สึกที่แท้จริง เปิดใจ และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน  บวกกับบรรยากาศในภาพยนตร์  ที่ชื้นๆ  มีหมอก  มีแม่น้ำ  มีภูเขา  มีทุ่งหญ้า  แต่เป็นสถานที่ที่ทั้งคู่ไม่คุ้นเคยและไม่รู้จัก  ผู้คน  ขนบธรรมเนียมที่แปลกใหม่สำหรับทั้งคู่  อีกทั้งยังมีโรคระบาด  มันทำให้หนังน่าสนใจมากขึ้นนะคะ


Theme จากภาพยนตร์เรื่อง The Painted Veil


*เพลงนี้เป็นแบบ Auto Play สามารถกดหยุดเล่นหรือเริ่มใหม่ได้คะ*







สุดท้าย...เรื่องราวของภาพยนตร์  สนุกมากคะ  บทภาพยนตร์ก็เป็นอะไรที่เยี่ยมมากๆ  ฉันได้ประโยคเด็ดๆที่ชอบจากภาพยนตร์เรื่องนี้เยอะทีเดียว  ต้องยกความดีให้คนเขียนบทภาพยนตร์อย่างRon Nyswaner และพระเอกของเรื่อง Edward Norton ที่ช่วยกันเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ให้มีบทพูดที่น่าจดจำมากๆ  ฉันเลยรวบรวมประโยคที่ฉันชอบๆไว้ท้ายเอนทรีนี้นะคะ  อย่างที่บอกว่าเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่ฉันประทับใจมากๆ  ถ้ามีโอกาสจะหานิยายเรื่องนี้มาอ่านเลย... เรื่องย่อที่ฉันเขียนค่อนข้างจะยาวอยู่นะคะ  เพราะทำเหมือนที่เคยเขียนคือ...ดูหนังไปด้วยเขียนไปด้วย  ซึ่งไม่เกี่ยวกับตัวนิยายเลย  เขียนตามความเข้าใจในหนังล้วนๆ  ถ้าผิดพลาดก็ขออภัยนะคะ...



เรื่องย่อภาพยนตร์เรื่อง The Painted Veil




เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการเดินทางอันแสนลำบากของสาวสังคมชาวอังกฤษอย่าง Kitty Fane (แสดงโดย Naomi Watts)ที่จำใจตามสามีของเธอ Dr.Walter Fane (แสดงโดย Edward Norton)แพทย์และนักวิจัยแบคทีเรีย ไปสู่เมือง Mei-tan-fu เมืองชนบทเล็กๆอันแสนทุรกันดารของประเทศจีน  ที่ซึ่งสามีของเธออาสามาเป็นแพทย์รักษาโรคระบาดอย่างอหิวาตกโรค  แทนแพทย์คนก่อนที่ตายด้วยโรคนี้ทั้งครอบครัว  ระหว่างการเดินทางด้วยเกี้ยวหาบซึ่งทั้งร้อนและน่าเวียนหัวอย่างมาก  ทำให้Kittyเฝ้าแต่คิดถึงชีวิตที่สุขสบายและสังคมคนเมืองที่เธอคุ้นเคย



ก่อนหน้านี้...เธอคือ Kitty Garstin สาวสังคมสุดสวย  ที่แม้จะเลยวัยแรกสาวมาแล้วแต่เธอก็ยังไม่แต่งงาน  จนแม่ของเธอเป็นห่วงว่าเธอจะอยู่เป็นโสดคาบ้านและไม่ยอมแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา  พ่อของKitty จึงชวน Walter Fane นักวิจัยแบคทีเรียหนุ่มโสดมาที่งานเลี้ยงของบ้านในวันหนึ่ง  ชายหนุ่มหลงรัก Kitty ทันทีที่ได้เห็นเธอ  แต่Kittyไม่ได้สนใจเขาเพราะคิดว่าเขาธรรมดาและน่าเบื่อเกินไป  หลายวันต่อมา WalterมาหาKittyที่บ้าน  ในขณะที่Kitty กำลังจะออกไปข้างนอก  เขาขอตามเธอไปด้วยซึ่งKittyก็ไม่ได้ขัดข้อง  แต่เธอก็ต้องประหลาดใจอย่างมากเมื่อWalterขอเธอแต่งงาน  ทั้งๆที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งเดียว  เขาสารภาพว่าเขาหลงรักเธอตั้งแต่แรกพบและจะทำทุกอย่างที่เขาทำได้เพื่อให้เธอมีความสุข  แม้ว่าทั้งคู่จะแทบไม่รู้จักกันเลยแต่เขาก็ไม่มีเวลาอยู่ที่ลอนดอนนานนัก  เพราะเขาต้องกลับไปทำงานที่ฮ่องกงในอีกไม่กี่วัน   Kittyไม่แน่ใจในครั้งแรก  แต่เธอก็ตกลงแต่งงานกับWalter เพราะเธอรำคาญที่แม่และพี่สาวของเธอเร่งรัดเรื่องการแต่งงานและอยากจะออกห่างจากครอบครัวให้มากที่สุด  แม้ว่าเธอจะไม่ได้รักWalter เลยก็ตาม



หลังจากแต่งงาน  Walterก็พา Kitty มาอยู่ที่ฮ่องกงทันที  ซึ่งKitty พบว่าชีวิตของWalter นั้นไม่มีอะไรที่น่าสนุกและตื่นเต้นอย่างชีวิตของเธอที่ลอนดอนเลยแม้แต่น้อย  Kittyผู้ซึ่งคุ้นเคยกับปาร์ตี้ ดนตรี  และการเต้นรำ เริ่มเบื่อหน่ายกับชีวิตคู่ที่ซ้ำซากจำเจของเธอ  อีกทั้งWalter ก็ทำงานอย่างหนักจนมีเวลาให้เธอน้อยกว่าที่เธอต้องการ  และถึงแม้เขาจะอยู่กับเธอแต่เขาก็ไม่ได้ทำให้เธอสดชื่นสนุกสนานขึ้นมาได้  Kittyไม่ได้รู้เลยว่า Walterพยายามมากแค่ไหนที่จะทำให้เธอมีความสุข  แต่ด้วยวิถีชีวิตที่ทั้งคู่เป็นมาก่อนที่จะเจอกัน  จึงทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถที่จะเติมเต็มชีวิตให้กันและกันได้



ที่ฮ่องกง  Kitty ได้พบกับ Charles Townsend (แสดงโดย Liev Schreiber)กงสุลใหญ่ของประเทศอังกฤษประจำฮ่องกงที่งานเลี้ยงงานหนึ่ง  Charles เป็นชายหนุ่มที่แต่งงานแล้วและเป็นคนกว้างขวาง  ที่นั่น...Charles ได้ทำให้ Kitty ประทับใจโดยการเล่นมุกตลกๆให้เธอหัวเราะ  Kitty หลงไหลเขาทันทีและแอบเป็นชู้กับเขาลับหลัง Walter  เธอคิดว่าเธอรักเขาและCharlesก็รักเธอเช่นกัน



วันหนึ่ง  ขณะที่Charles มาหาKitty ที่บ้านของเธอ  เธอได้ยินเสียงคนเดินขึ้นมาถึงหน้าห้องนอนที่เธออยู่กับCharles แต่คนๆนั้นไม่ได้ไขกุญแจเข้ามา  Kittyคิดว่าต้องเป็นWalterแน่ๆ  แต่Charlesปลอบใจเธอว่าอาจจะไม่ใช่  เพราะเขาคนนั้นไม่ได้เข้ามาในห้อง  ซึ่งผิดวิสัยบุรุษด้วยกัน(ที่รู้ว่าเมียอยู่กับชู้)  Kittyสบายใจขึ้นแต่ก็ยังคงกลัวอยู่  และยิ่งกลัวมากขึ้นเมื่อรู้ว่าWalterเอาแผ่นเสียงมาให้เธอในกลางวันของวันหนึ่งซึ่งก็คือวันที่Charlesมาหาเธอ  เธอจึงตกใจมากเมื่อWalterกลับมาบ้านในตอนกลางวันและขอคุยธุระสำคัญกับเธอในวันหนึ่ง  ท่าทางของเขาแม้จะยังคงสุภาพและอ่อนโยนเช่นที่เคยเป็นมา  แต่Kittyสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง  Walterมาบอกกับเธอว่าเขาได้อาสาไปเป็นแพทย์ที่เมืองชนบทเล็กๆของจีนที่ชื่อ Mei-tan-fuซึ่งกำลังเกิดอหิวาตกโรคระบาดและกำลังขาดแพทย์  เพราะแพทย์คนเก่าเพิ่งตายจากโรคนี้พร้อมครอบครัวของเขาเช่นกัน  Walterต้องการให้Kittyตามไปด้วย  ซึ่งKittyปฏิเสธเสียงแข็งว่าเธอจะไม่ไปในที่อันตรายที่มีโรคระบาดแบบนั้นแน่ๆ  Walterทำหน้าเฉยเมยเหมือนคาดไว้อยู่แล้วว่าKittyจะมีปฏิกิริยาแบบนี้พร้อมทั้งบอกเธอว่า  เธอจะไม่ไปก็ได้  แต่เขาจะยื่นฟ้องหย่าเธอในข้อหามีชู้กับCharles Townsend ซึ่งKittyถึงกับอึ้งเมื่อรู้ว่าสามีของเธอรู้แล้วว่าเธอมีชู้  เธอสงบสติอารมณ์และขอโทษเขา  และขอร้องให้เธอหย่ากับเขาอย่างเงียบๆเพื่อไม่ให้เรื่องฉาวโฉ่  แต่Walterยืนยันว่าถ้าหากเธอไม่ไป Mei-tan-fu กับเขา  เขาจะยื่นฟ้องเธอแน่ๆ  Kittyเริ่มโมโหแล้วอ้างว่าCharlesพร้อมจะหย่ากับภรรยาแล้วมาแต่งงานกับเธอ  Charlesกับเธอรักกันและเขาจะไม่ยอมให้Walterทำกับเธอแบบนี้  แต่Walterกลับยิ้มเยาะเธอแล้วบอกว่าเขาไม่คิดว่าCharlesจะยอมแต่งงานกับKittyแน่  WalterบอกKittyว่า  เขารู้ตั้งแต่ขอเธอแต่งงานแล้ว...ว่าเธอเป็นคนเห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจ  แต่เขารักเธอ  เขาคิดว่าสักวันเธอจะรักเขาบ้าง  แต่เขาคิดผิด  ซึ่งKittyก็ยอมรับ และบอกอีกว่าเธอก็รู้ว่าWalterรักเธอและเธอก็ไม่ได้รักเขามาแต่แรกแล้ว  อีกทั้งยังยืนยันอีกว่าCharlesจะแต่งงานกับเธอแน่ๆ  Walterจึงยื่นข้อเสนอว่า  ถ้าCharlesยอมหย่ากับภรรยาและมาแต่งงานกับKitty เขาจะปล่อยเธอไป  แต่ถ้าหากไม่...เธอต้องไปกับเขา  ไม่งั้นก็ต้องยอมโดนฟ้องหย่า  ซึ่งนั่นทำให้Kittyต้องรีบไปพบCharles Townsendทันที


Kitty ไปหา Charles เพื่อบอกเรื่องราวทุกอย่าง  แต่Charlesกลับบอกว่าเขาไม่สามารถหย่ากับภรรยาได้และเขาไม่อยากให้ภรรยาเขารู้เรื่องนี้  Kittyจึงรู้ว่าCharlesไม่เคยคิดจะแต่งงานกับเธอ  เธอกลับมาที่บ้านและบอกWalterว่าเธอจะไปกับเขา  ซึ่งเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องต้องออกมาแบบนี้จึงบอกให้เด็กรับใช้เก็บของให้เธอเรียบร้อยแล้ว  Kittyจึงต้องไปMei-tan-fuกับWalter อย่างเร่งรีบและไม่พร้อมในวันต่อมา



ทั้งคู่เดินทางอย่างลำบากโดยการเดินเท้า  และKittyต้องนั่งเกี้ยวแบบคนหาบเป็นเวลาถึง 2 สัปดาห์  ท่ามกลางอากาศที่ร้อนชื้นและเกี้ยวที่โครงเครงน่าเวียนหัวตลอดการเดินทาง  แต่Walterดูเหมือนจะไม่เดือดร้อนอะไรกับการเดินทางแบบนี้  เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเธอจะลำบากอย่างไร  ซึ่งKittyก็รู้ว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะจะแก้แค้นที่เธอมีชู้



เมื่อถึงที่พัก  ซึ่งกันไว้เป็นพิเศษเพื่อคนต่างชาติต่างหากจากชาวบ้านในเมือง  Kittyมองเห็นความแล้งแค้นของที่ๆเธอต้องอาศัยอยู่อย่างขัดใจ  อีกทั้งWalterก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนหลังจากที่เขาบอกว่ารู้เรื่องที่เธอมีชู้  เขาแทบจะไม่พูดดีกับเธอเลย  นอกจากประชดประชัน  งัดคำพูดเจ็บแสบ(แต่สุภาพ)มาฉะกันตลอด  เธอยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อรู้ว่าความจริงแล้วเมืองนี้สามารถเดินทางมาทางแม่น้ำอย่างสบายๆได้  แต่Walterเลือกที่จะเดินทางมาทางบกซึ่งกินระยะเวลานานกว่าและลำบากกว่ามาก  เธอรู้ว่าเขาแกล้งเธอเพื่อให้เธอลำบากและไม่มีความสุขมากที่สุดเท่าที่จะทำได้



ที่นี่ทั้งคู่ได้รู้จักกับ Mr.Waddington (แสดงโดย Toby Jones)เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอังกฤษและเป็นเพื่อนบ้านเพียงคนเดียวของทั้งคู่  เขาอาศัยอยู่กับเด็กสาวชาวจีนคนหนึ่ง  Mr.Waddington เป็นเพื่อนบ้านที่ดี  เขาแนะนำเรื่องต่างๆที่ควรรู้ในชนบทแห่งนี้  เขาหาแม่บ้านชาวจีนคนหนึ่งให้ทั้งคู่  และแนะนำให้Kittyมีทหารมาดูแล  เพราะในเมืองนี้มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นชาตินิยมหัวรุนแรงอาศัยอยู่และเคยมีการฆาตรกรรมชาวต่างชาติเกิดขึ้น  Kittyคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระและเธอรู้สึกรำคาญนายทหารจีนที่เอาแต่ตามเธอต้อยๆ  ยิ่งรำคาญมากไปอีกเมื่อทั้งคู่สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง  แม่บ้านชาวจีนก็ทำท่าทางแปลกๆ  และเธอก็อยู่ไปวันๆโดยไม่มีอะไรทำ  ทำให้Kittyกดดันมากที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้  เธอเขียนจดหมายหาCharlesเพื่อหวังให้เขาช่วยเธอ  แต่เมื่อเธอนำจดหมายไปฝากกับ Mr.Waddingtonเพื่อให้เขานำส่งไปที่ฮ่องกง  เธอกลับได้รับรู้ความจริงจากWaddingtonว่าCharlesมักโปรยเสน่ห์ไปทั่วจนเป็นที่เลื่องลือ  เธอจึงล้มเลิกความคิดเรื่องจดหมายและเข้าใจว่าทำไมWalterถึงได้มั่นใจนักว่าCharlesจะไม่แต่งงานกับเธอแน่ในตอนแรก



บรรยากาศภายในบ้านเป็นไปอย่างอึดอัด  Waltonเอาแต่เงียบและเฉยชากับเธอ  ยิ่งทำให้Kittyยิ่งเครียดหนักเข้าไปอีก    เธอถึงกับยอมทานอาหารไม่ปรุงสุกทั้งๆที่รู้ว่ามันเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพียงเพื่อให้เขาหันมาพูดกับเธอ  แต่เขาก็ยังเฉยเมย  Kittyอารมณ์พลุ่งพล่านจนหมดความอดทน...เธอจึงตัดสินใจเปิดประตูรั้วที่กั้นเขตพิเศษออกไปเพื่อดูโลกภายนอกเขตรั้วที่เธออยู่  แต่เพียงแค่เธอก้าวออกจากประตูรั้ว  Kittyก็ได้เห็นชีวิตจริงอันแสนโหดร้ายของที่นี่  ร่างชายชราชาวจีนนอนแข็งตายริมถนนจากอหิวาตกโรค  Kittyถึงกับช็อคไปทันที  โชคดีที่Waddingtonมาพบเข้าเสียก่อนที่เธอจะเสียสติไปมากกว่านี้



Waddington เปิดใจกับKittyว่า  เขาแปลกใจมากที่เธอยอมตามสามีมาที่นี่  ทั้งๆที่ดูเหมือนจะไม่ได้รักกันขนาดที่เธอจะยอมเสียสละเพื่อเขาขนาดนี้  และเขาก็ไม่ค่อยจะมองหน้าเธอเลย  มองแต่พื้น  แต่ผนัง  หรือรองเท้าไปเรื่อย  เหมือนทั้งคู่เหนื่อยและไม่มีความสุข  แต่Kittyก็ปฏิเสธว่าเป็นเพราะการเดินทางที่แสนลำบากและการงานที่สามีของเธอทำมันหนักหนาเท่านั้น  ซึ่งในใจของKittyก็รู้ว่าสิ่งที่Waddingtonพูดเป็นเรื่องจริง  และได้คิดว่าสิ่งที่ทำๆกันอยู่ทุกวันนี้  นอกจากจะทำให้Walterไม่มีความสุขแล้ว  ตัวเธอเองก็ยังไม่มีความสุขด้วยเช่นกัน




ทางด้าน Walter  เมื่อมาถึงMei-tan-fu เขาก็ต้องเริ่มทำงานอย่างหนักทันที  เพราะชาวบ้านต่างพากันล้มตายเป็นเบือ  เขาได้รับการแนะนำให้รู้จักกับColonel Yu (แสดงโดย Anthony Wong Chau Sang)นายทหารชั้นหัวหน้าซึ่งทำท่าทางเงียบขรึมไม่พูดไม่จาตลอดเวลา  เขาเข้ามาดูแลช่วยเหลือกึ่งควบคุมการทำงานของแพทย์ชาวอังกฤษอย่างWalter  ซึ่งWalterมุ่งความสนใจไปที่แหล่งน้ำกินน้ำใช้ของชาวบ้านซึ่งมีลักษณะเป็นบ่อรวม  แล้วเขาก็พบว่าการทำงานที่นี่นอกจากจะต้องสู้กับโรคระบาดแล้ว  เขายังต้องต่อสู้กับชาวบ้านที่มีความคิดแบบโบราณ  อีกทั้งสื่อสารกันไม่รู้เรื่องอีกด้วย  เขามองเห็นความจำเป็นที่ต้องปิดบ่อน้ำเพราะน้ำในบ่อติดเชื้อและบอกให้ชาวบ้านไปเอาน้ำจากต้นน้ำที่อยู่ไกลจากหมู่บ้านมาก  เขาจึงต้องพบกับการต่อต้านของชาวบ้าน  สิ่งเหล่านี้ก่อความเครียดอย่างมหาศาลให้Walterเช่นกัน  ทำให้เขาละเลยKitty ยิ่งเป็นการผลักเธอให้ออกห่างจากเขามากยิ่งขึ้น  โชคดีที่เขามีเพื่อนร่วมงานที่เป็นแพทย์ชาวจีนและColonel Yu ที่แม้ว่าจะดูไม่พอใจกับการมาของชาวต่างชาติแต่เขาก็ให้ความร่วมมือที่ดีกับWalter  แต่งานที่หนักหนาก็ทำให้Walterเหนื่อยและเครียดอยู่นั่นเอง  เพราะนอกจากบ่อน้ำแล้ว  แหล่งน้ำที่ใกล้ที่สุดของชาวบ้านก็ยังใช้การไม่ได้  เนื่องจากประเพณีการฝังศพใกล้แม่น้ำของชาวจีนที่ต้องการให้แม่น้ำพาวิญญานไปสู่สุขคติ  แต่การทำเช่นนี้ยิ่งทำให้แม่น้ำมีเชื้ออหิวาต์ปนเปื้อนมากขึ้น   อีกทั้งการที่ชาวบ้านมักจะซ่อนศพผู้เสียชีวิตไว้ในบ้านเพื่อทำพิธี  ก็ยิ่งทำให้การระบาดของโรคแพร่หลายมากยิ่งขึ้นไปอีก  ระหว่างนี้เขาได้พูดคุยกับคุณแม่อธิการใหญ่ของสำนักชีที่นี่ว่าเธออยากเจอภรรยาที่เสียสละเพื่อสามีในการมาอยู่ในสถานที่อันตรายแบบนี้อย่างKitty



Kitty ไปพบแม่อธิการฯในวันต่อมาพร้อมกับ Waddington ซึ่งแม่อธิการฯกล่าวชมเชยKittyอย่างมากในการเสียสละครั้งนี้  Kitty ตอบรับอย่างกระอักกระอ่วนใจแต่ก็เออออตามเรื่องไปอย่างที่ควรทำ  แม่อธิการฯพาเธอเที่ยวชมสำนักชี  ที่นั่น...เธอได้เห็นว่าสำนักชีไม่ได้เป็นเพียงวัดเท่านั้น  แต่เป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหญิง  จากพ่อแม่ที่ตายเพราะอหิวาตกโรคหรือครอบครัวที่ไม่ต้องการเลี้ยงดูเด็กหญิงแล้ว  Kittyเห็นถึงความวุ่นวายในสำนักชีเพราะงานล้นมือแม่ชีที่มีอยู่  แม่อธิการฯเล่าให้เธอฟังว่าDr.Walter Fane สามีของเธอนั้นรักเด็กๆมากแค่ไหน  เขามักจะมาช่วยเลี้ยงเด็กหากเขาว่างจากงานที่ทำ  ซึ่งเป็นความจริงข้อแรกที่Kittyไม่เคยรู้มาก่อนเลย  เพราะเขาแทบจะไม่เคยแสดงออกอะไรกับเธอ  นอกเสียจากความเย็นชาและคำพูดประชดประชันเท่านั้น  Kittyเริ่มคิดได้ว่าเธอควรไถ่โทษในสิ่งที่ได้ทำผิดกับเขาไว้  และทำความรู้จักชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอจริงๆจังๆเสียที  โดยเย็นวันนั้น Kitty นำอาหารเย็นไปให้Walterที่ห้องทำงาน  เธอพบว่าเขาหลับฟุบอยู่กับโต๊ะทำงานในขณะที่กำลังดูแผนที่อยู่  เธอมองไปรอบๆห้องและมองเห็นแต่กระดาษ  หนังสือ  และกล้องจุลทรรศน์  เธอเพิ่งมาตระหนักว่าเขาต้องทำงานหนักและเขาต้องเหนื่อยแค่ไหน  ในขณะที่เธอวิ่งไปมาเพียงเพื่อให้ความเบื่อหน่ายในแต่ละวันลดลง  พอดีกับที่Walterตื่นขึ้นมาพอดีแล้วถามห้วนๆว่าเธอมีธุระอะไร?  เธอบอกว่าเธอเอาอาหารเย็นมาให้  KittyพยายามจะชวนWalterคุย  แต่เขาก็มีปฏิกิริยากับเธอเหมือนทุกๆวันคือ  ถามคำตอบคำ  พูดจาห้วนๆ  บ่ายเบี่ยงว่าเขามีงานต้องทำเยอะ(แต่งานเยอะจริงๆ)และทำท่าไม่อยากคุยกับเธอ  และแล้วการสนทนาก็จบลงด้วยการที่Walterเดินหนีไปนอน  Kittyจึงตามไปเพราะเธอคิดว่าหากไม่พูดคุยกันอีก  ก็จะเป็นเหมือนเดิมแบบทุกๆวันที่ผ่านมา  Walterยังทำท่าไม่เข้าใจว่าเธอต้องการอะไรจากเขา  Kittyบอกเขาว่าเธอแค่ต้องการให้เรามีความสุขมากขึ้นและพูดคุยกันมากขึ้น  Walterยังคงพูดจาประชดประชันเธอเธอต่อไป  แต่Kittyขอร้องให้เขาหยุดลงโทษเธอแบบนี้ได้แล้ว  เธอแค่อยากทำตัวมีประโยชน์กว่าที่เป็นอยู่เท่านั้น(อันที่จริงฉันว่า...Kittyจะมาขอความเห็นจากWalterเรื่องที่เธอจะไปช่วยงานที่สำนักชีนะคะ)  และWalterจะเกลียดเธอแบบนี้ตลอดไปเลยเหรอ?  (เธอมาอ้อนวอนขอโอกาสนะคะ...)  แต่Walterกลับตอบว่า  เขาไม่ได้เกลียดเธอ  แต่เขาเกลียดตัวเอง  ที่ปล่อยให้ตัวเองรักคนอย่างเธอได้  ซึ่งคำตอบนี้ทำให้Kitty เดินออกไปร้องไห้เพียงลำพังอย่างสำนึกผิด... ส่วนWalter แม้จะเสียใจที่ทำให้Kittyร้องไห้  แต่เข้าก็ห้ามตัวเองไม่ให้ใจอ่อนออกไปปลอบเธอ  เพราะเขาไม่อยากจะเจ็บอย่างที่กำลังเป็นอยู่มากขึ้นไปอีก



แต่วันต่อมา Kitty ก็ไปสำนักชีอีกครั้งเพื่อขอแม่อธิการฯให้เธอมาช่วยงานที่นี่  เพราะแม่ชีหลายคนล้มตายจากโรคระบาดจนงานล้นมือคนที่นี่  และเธอก็อยากทำตัวเป็นประโยชน์บ้าง  ในตอนแรก...แม่อธิการฯไม่ยอม  แต่เมื่อเห็นสีหน้าและอาการขอร้องของKitty  แม่อธิการฯจึงยอมให้เธอทำงานในแผนกเด็กทารกแรกเกิดและKittyก็พบว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเลี้ยงเด็กๆเหล่านี้  Walterซึ่งทำงานในโรงพยาบาลที่อยู่ในสำนักชีนั้นเองและเดินมาพบKittyโดยบังเอิญ  เขาประหลาดใจมากที่มาเจอเธอที่นี่  Kittyไม่หยุดพูดคุยกับสามีของเธอ  แต่เดินเข้าไปทำงานต่อ  ยิ่งสร้างความงงงวยให้Walterอย่างมาก  ถึงกับจะเดินชนกำแพงเลยทีเดียว



Walter ยังคิดไม่ตกเรื่องแหล่งน้ำที่ชาวบ้านจะใช้  อีกทั้งการขอความร่วมมือในเรื่องการย้ายสถานที่ฝังศพก็ยังไม่เป็นผล  เนื่องจากความเชื่อของชาวบ้าน  เขาจึงเหนื่อยล้าและเครียดอย่างมาก  เย็นวันหนึ่งเมื่อเขากลับบ้าน  เขาพูดเรื่องการออกไปเดินในเมืองของKittyว่ามันอันตราย  แต่Kittyบอกว่าถึงเธอไม่โดนชาวจีนชาตินิยมฆ่าตาย  เธอก็อาจจะตายเพราะความเบื่อหน่ายอยู่ดี  อีกอย่าง...เธอมีบอดี้การ์ดแล้ว  ไม่เห็นต้องห่วงอะไร  Walterจึงเล่าเรื่องที่เขาสั่งปิดบ่อน้ำของชาวบ้าน  ซึ่งอาจจะมีบางคนโกรธแค้นมาลงกับเธอก็ได้  Kittyถามว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไปแต่เขาก็ยังไม่รู้  เธอจึงได้แต่บอกว่า...อย่างน้อยเราสองคนก็มีบางอย่างเหมือนกันแล้ว  นั่นก็คือ  ไร้ประโยชน์เหมือนกัน  เขา...ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนแต่ไม่มีทางแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านได้  ส่วนเธอ...ก็เลี้ยงเด็กไม่ได้เรื่องและก็ช่วยสำนักชีไม่ได้มาก  แต่Walterกลับเห็นว่าการสนทนาครั้งนี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์ซะทีเดียว  เมื่อเขาเห็นKittyนั่งพับกังหันลมให้เด็กๆที่สำนักชี  เขาจึงนึกออกว่า  ปัญหาแหล่งน้ำของชาวบ้านนั้น...เขาจะทำอย่างไร



Walter รู้ว่ามีกังหันวิดน้ำที่ต้นแม่น้ำ  เขาคิดจะต่อท่อส่งน้ำจากจุดนั้นเพื่อส่งน้ำจากต้นน้ำมายังหมู่บ้านให้ชาวบ้านได้ใช้โดยที่ไม่ต้องเดินไกล  อีกทั้งยังได้รับคำแนะนำจากColonel Yu ให้ไปขอกำลังทหารจากWarlord ซึ่งปกครองดินแดนแถบนี้อยู่  เพื่อมาย้ายศพคนป่วยออกจากบ้าน  เพราะชาวบ้านจะเชื่อฟังคนสั่งของWarlord  Walterจึงต้องไปพบWarlordกับColonel Yu  ในตอนแรกWarlordปฏิเสธเสียงแข็งเรื่องการย้ายศพ  จนWalterอ่อนใจและหมดความอดทนที่จะขอร้องเขา  แต่Colonel Yuก็ได้ช่วยพูดจากึ่งขู่เข็ญWarlordว่าหากไม่มีคำสั่งนี้พวกชาวบ้านหรือแม้แต่ทหารใต้สังกัดของท่านทุกคนจะตายเพราะโรคระบาดกันหมด  ในที่สุดWarlordก็ยอมออกคำสั่งและให้กำลังทหารมาช่วยเหลือเรื่องขนย้ายศพ  ซึ่งทำให้Walterประหลาดใจในความร่วมมือของผู้พันชาวจีนคนนี้มาก  อีกทั้งยังทำให้เขากลับมีกำลังใจในการทำงานขึ้นมาอีกครั้ง



Kitty เริ่มมองเห็นประโยชน์ของเธอต่อสำนักชีนี้ในห้องเรียนดนตรีของเด็กๆในสำนักชี  เธอเป็นคนมีพรสวรรค์ในการเล่นเปียโนมาตั้งแต่สมัยที่อยู่ลอนดอนแล้ว  วันหนึ่งในขณะที่เธอกำลังสนุกสนานกับการเล่นเปียโนจังหวะเร็วๆให้เด็กๆเต้นไปมา  Walterบังเอิญเดินผ่านมาเห็นเข้า  เขาค่อนข้างแปลกใจที่เห็นKittyอยู่กับเด็กๆ  มีเสียงหัวเราะ  และความสนุกสนานรอบๆตัวเธอแบบนี้  เขาเริ่มคิดได้ว่า  Kitty ไม่ได้เห็นแก่ตัวและแย่อย่างที่เขาคิดเสมอมา  แต่ก็เกือบจะหยุดคิดและผละออกมาในทันทีที่Kittyรู้ตัว  แม่อธิการฯเห็นดังนั้นจึงยืนยันให้เขาอยู่ฟังภรรยาเล่นดนตรี  Walterไม่อาจปฏิเสธได้  Kittyจึงเล่นเพลงGnossienne No. 1 ของErik Satie ที่เธอชอบ  ทำให้Walterมองเห็นหญิงสาวคนเดิมที่เขาหลงรักหมดหัวใจตั้งแต่แรกเห็นที่งานเลี้ยงวันนั้นอีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งแม้จะไม่อยากยอมรับ...แต่มันเป็นความจริงที่ว่า  จนถึงวันนี้  เขาก็ยังรักเธอหมดหัวใจเหมือนวันแรกที่เจอเธอ...



เย็นวันนั้น...ทั้งคู่นั่งทำธุระของแต่ละคนในห้องนั่งเล่น  Kittyเล่าเรื่องเด็กกำพร้าที่มาอยู่ใหม่วันนั้นให้Walterฟัง  แม้จะรู้ว่าเขาจะไม่ฟังก็ตาม  เธอเริ่มเรียนรู้ที่จะไม่ใส่ใจต่ออาการเฉยชาของสามี  แต่Walterกลับตอบเธอมาในอีกมุมมองหนึ่งว่า  เด็กพวกนี้ถูกนำมาจากครอบครัวที่ไม่ต้องการเธอ พร้อมทั้งได้เงินตอบแทนจากสำนักชีด้วย  ส่วนสำนักชีก็ไม่ได้มาเพื่อเลี้ยงเด็กกำพร้าอย่างเดียว  แต่มาเพื่อหาคนเข้าศาสนาคริสต์เพิ่มเติม  และไม่มีใครที่มาเมืองจีนโดยไม่หวังผลตอบแทน  แต่Kittyไม่ได้สนใจมุมมองแง่ลบของWalter  เธอคิดว่าแม้จะมีเหตุผลเบื้องหลังแต่สิ่งที่สำนักชีทำมันก็มีส่วนดีอยู่มาก  แต่Walterก็ยังยืนยันว่าเขามาวิจัยแบคทีเรีย  และเขาไม่สนใจเรื่องอื่น  Kittyรู้ว่านั่นไม่จริง  เธอบอกว่าเขาเธอสนใจและเธอก็ชอบเรื่องอื่นที่เขาว่านั่นด้วย  เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเข้าถึงต้องคิดอะไรมากและเครียดกับเรื่องทุกเรื่องในชีวิต  เธอคิดว่าสิ่งที่เขาเสียสละมาทำในที่ห่างไกลแบบนี้น่ายกย่องมาก  แต่Walterผู้ซึ่งยังคงโกรธเธออยู่ในทุกลมหายใจเข้าออกก็ยังพยายามหาเรื่องเธอต่อไปไม่หยุดหย่อน  ด้วยการเริ่มประเด็นที่ว่า  เธอเคยคิดว่าเขา "น่าเบื่อ" และ "รังเกียจ" เขา...ไม่ใช่เหรอ??? (นาทีนี้...เริ่มสงสารนางเอกมากแล้ว  แต่ไม่เป็นไรนะ...พี่วอลเตอร์  หนูเข้าใจ!!!  พร้อมตบไหล่สองสามที)  Kittyชักจะหมดความอดทนจึงสวนกลับไปว่า  เขาเป็นคนที่มีสัดส่วนความฉลาดกับความเข้าใจในมนุษย์สวนทางกันอย่างยิ่ง(ประมาณว่า  พี่ฉลาดสุดๆเลย  แต่พี่ไม่เคยเข้าใจหนูเลย) เธอว่า...มนุษย์เรานี่แหละที่ซับซ้อนเกินกว่าที่เครื่องจุลทรรศน์โง่ๆของคุณจะส่องเห็นได้  มนุษย์เราคาดเดาผลของการกระทำไม่ได้...เราถึงทำผิดพลาดกันได้และเราก็เสียใจที่ทำมันลงไป  เธอบอกว่าเธอเสียใจที่ไม่สามารถเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดได้อย่างใจเขาต้องการ  เธอก็เป็นแค่คนธรรมดา  และเธอก็ไม่ได้พยายามเสแสร้งว่าเธอเป็นอย่างอื่น  พูดออกไปแล้วKittyก็ยังกลัวว่าWalterจะมีปฏิกิริยาอย่างไร  แต่ปรากฎว่า...เขาเห็นด้วย  คราวนี้เขายอมฟังเธอ  Kittyจึงได้บอกเขาเป็นครั้งแรกว่า  เธอชอบไปดูละครเวที  ชอบเต้นรำ  ชอบเล่นเทนนิส  เธอเล่นชอบคนที่เล่นเทนนิสด้วยกันและก็ชอบการเล่นเกม  นี่แหละชีวิตที่เธอถูกเลี้ยงดูและเติบโตมา  Walterไม่ปฏิเสธเลย  เขายังเสริมด้วยว่า...เขาเป็นคนเล่นไพ่ได้แย่มาก  แต่เธอบอกว่า...เล่นไพ่นี่แหละสนุกสุด  ทั้งคู่จึงหัวเราะออกมาเป็นครั้งแรก  Kittyยังทวนความจำเมื่อตอนที่เขาและเธอไปฮันนีมูนกันที่เวนิซว่า...นี่แหละที่ทำให้เธอเบื่อหน่ายตอนที่เขาพาเธอไปตะลอนดูแกลเลอรี่ต่างๆ  แถมยังพร่ำเพ้อเรื่องความมหัศจรรย์ของคลองและแม่น้ำต่างๆที่นั่น  กับอีกหลายๆเรื่องที่เขาเล่าให้เธอฟัง...เพราะเธอไม่รู้เรื่อง  ซึ่งเธอจะมีความสุขมากกว่าถ้าพาเธอไปเล่นกอล์ฟแล้วนั่งทานแซนวิชกัน  Walterหัวเราะออกมาและบอกเธอว่าเขาเห็นด้วย  ที่ทั้งคู่พยายามแต่จะมองหาคุณสมบัติที่แต่ละฝ่ายไม่มี  และนี่ก็ทำให้ทั้งเขาและเธอเข้าใจกันและกัน  ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้น  มันมาจากการที่ทั้งคู่ไม่รู้จักกันและกัน  และไม่เคยสื่อสารกันจริงๆนั่นเอง  Kittyจึงกล้าที่จะถามWalterว่า  ในวันที่เขารู้ว่าเธอเป็นชู้กับCharles ทำไมเขาไม่เปิดประตูเข้าไปดูเลย  ถ้าเป็นผู้ชายส่วนใหญ่คงได้อัดกันน่วมไปแล้ว  แต่Walterก็บอกเธอว่า...เขาคิดว่าCharlesไม่คู่ควรที่เขาจะไปต่อยด้วยนั่นเอง



เมื่อมีคำสั่งจากWarlordและกำลังทหารมาช่วยกันย้ายศพ  ชาวบ้านต่างรู้ดีว่าเบื้องหลังคำสั่งผิดประเพณีนี้มาจากใคร  จึงพากันหันไปสาปแช่ง Walter แทน  กลุ่มเด็กวัยรุ่นจีนชาตินิยมเคียดแค้นชาวตะวันตกมากขึ้นเป็นทวีคูณ  Walterรีบไปหาแม่ชีที่สำนักชีเพื่อถามถึงKitty ก็พบว่าเธอเพิ่งออกไปจากสำนักชี  Walterรีบไปหาเธอทันที  ซึ่งก็ทันก่อนที่Kittyจะถูกกลุ่มเด็กจีนรุมทำร้าย  แต่เขาคนเดียวก็ไม่อาจสู้เด็กวัยรุ่นชายเป็นกลุ่มได้  ในเวลาเกือบโดนรุมนั่นเอง...นายทหารที่ทำหน้าที่อารักขาKittyก็โผล่มาในอาการบาดเจ็บ  พร้อมทั้งยิงปืนขึ้นฟ้า  ทำให้ทั้งคู่รอดจากเหตุการณ์มาได้



เมื่อกลับถึงบ้าน...Walter คิดว่าทั้งคู่ควรต้องดื่มเหล้าย้อมใจกันซะบ้าง  แต่เหล้าหมด  เขาจึงเดินไปหาMr.Waddington แต่ก็ได้รับการชักชวนให้อยู่ดื่มด้วยกัน  ไม่นานKittyซึ่งรอWalterอยู่ก็มาตามเขาที่บ้านของWaddington ทั้งคู่อยู่ดื่มเหล้า  ฟังแผ่นเสียง  ซึ่งเป็นความบันเทิงเพียงอย่างเดียวในละแวกนั้น  พอเมาแล้ว Kitty ก็ผล็อยหลับไป  ตื่นมาอีกทีทุกคนก็หายกันไปหมดแล้ว Kitty เดินเข้าไปในตัวบ้านและไปเห็นWaddingtonกำลังพลอดรักกับสาวน้อยชาวจีนของเขาโดยบังเอิญ  แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อพบว่าWalterอยู่ข้างหลังเธอ  จนทั้งคู่ต้องรีบออกมาและกลับบ้านของตัวเองอย่างรวดเร็ว  แต่บรรยากาศคืนนั้นมันเป็นใจเสียแล้ว  ทั้งฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป  และความกดดันทั้งหมดที่ทั้งคู่ได้พบเจอมา  กลายเป็นความโหยหาที่ทั้งสองคนต่างไม่อาจปิดกั้นไว้ได้อีกต่อไป...---(สำนวนเยอะสุดๆ!!!)



 


เช้าวันรุ่งขึ้น  Walter แม้จะยังงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ก็ยังไม่ลืมที่จะเตือนภรรยาของเขาว่าให้อยู่ห่างๆตัวเมืองสักระยะ  เมื่อเขาออกไปทำงาน  Kittyจึงเลือกไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำและพบWalterกำลังต่อรองซื้อควายกับชาวบ้านด้วยท่าทางยังไม่สร่างดี  เขาชวนเธอกลับบ้านโดยใช้แพล่องไปตามแม่น้ำ  ซึ่งบรรยากาศระหว่างทั้งคู่ก็เป็นไปด้วยดี  WalterพาKittyไปดูกังหันวิดน้ำและท่อส่งน้ำที่เขาทำขึ้น  Kittyดูจะสนใจและประทับใจในความสามารถของสามี  เขาและเธอร่วมดื่มด่ำและชื่นชมความงดงามของธรรมชาติด้วยกันเป็นครั้งแรก  และดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมีความสุขด้วยกันได้อีกครั้ง



หลายวันต่อมาKittyไปช่วยงานที่สำนักชีตามเดิม  แต่เธอมีอาการวิงเวียน อาเจียน และเป็นลม  ในตอนแรกคนในสำนักชีคิดว่าเธอติดโรคอหิวาต์  แต่แม่ชีคนหนึ่งยืนยันว่าเธอตั้งครรภ์  แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีแต่ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นทุกข์มาก  เพราะปัญหาคือ...เธอไม่รู้ว่าเธอท้องกับใครระหว่างWalterหรือCharles  และเมื่อWalterรู้เรื่อง  ตอนแรกเขาก็ดีใจมาก  แต่พอคิดได้ว่านี่อาจจะไม่ใช่ลูกเขา  เขาก็ทุกข์หนักไม่แพ้Kitty แต่เขาบอกเธอว่า...ตอนนี้เรื่องนั้นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว!!(ประมาณว่า..ฉันรักเธอ  ก็พอแล้ว)



เหตุการณ์เรื่องโรคระบาดที่ Mei-tan-fu ดูเหมือนจะดีขึ้นเป็นลำดับ  แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีกเมื่อมีชาวบ้านจากเมืองอื่นที่ไม่มีหมอรักษาอพยพมาที่Mei-tan-fu ตามข่าวลือที่ว่ามีหมอรักษาโรคได้ที่นี่  แต่Walterรู้ดีว่าชาวบ้านพวกนี้จะพาโรคอหิวาต์ให้กลับมาระบาดหนักอีกครั้ง  เขาสั่งให้กันชาวบ้านที่มาใหม่ไว้นอกเมือง  ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก  มีการจลาจลเล็กๆในเมืองเกิดขึ้น  Kittyต้องอยู่ช่วยแม่ชีดูแลเด็กๆในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซึ่งเธอเต็มใจทำแต่แรกอยู่แล้ว  เธอนอนเฝ้าเด็กๆที่สำนักชีทั้งคืน  แม้กระทั่งตอนที่Walterเข้ามาจูบลาเธอเพื่อไปดูคนป่วยที่ค่ายคนอพยพนอกเมือง  เธอก็ยังไม่รู้ตัว  เธอไม่ได้รู้เลยว่านั่นเป็นจูบสุดท้ายจากชายผู้เป็นสามีของเธอเอง...


(มีต่อข้างล่าง)




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2554
62 comments
Last Update : 16 สิงหาคม 2554 1:40:58 น.
Counter : 26396 Pageviews.

 


กลางดึกคืนหนึ่ง Waddingtonมาหาเธอที่บ้านขณะที่เธอหลับอยู่  เขามาบอกว่าWalterกำลังป่วยด้วยโรคอหิวาต์อยู่ที่ค่ายผู้อพยพ  Kittyตกใจมากและรีบตามไปทันที  Walterก็ตกใจเช่นกันที่Waddingtonพาเธอมาที่นี่  เพราะสถานที่นี้ไม่ปลอดภัยสำหรับเธอและลูกเลย  แต่Kittyยืนยันจะอยู่ดูแลเขาที่นี้  Walterเตือนเธอว่าอาการของเขาจะแย่ลงกว่านี้มากและถามเธออีกครั้ง  แต่Kittyก็ยังยืนยันเหมือนเดิม  ทุกคนแม้แต่ตัวWalterเองก็รู้ดีว่า  อาการของเขานั้นหนักมากแล้วและไม่มีทางรอด  Kittyก็รู้เช่นเดียวกันเพราะWalterเคยบอกอาการแต่ละระยะของโรคนี้  ซึ่งร่างกายคนไข้จะขับน้ำออกจากร่างกายในทุกทวาร  ผู้ป่วยจะขาดน้ำและตายได้ภายในเวลาเพียง 36 ชั่วโมงเท่านั้น  แต่Kittyก็ยังหวังจะให้เขารอดอยู่นั่นเอง  ก่อนสิ้นใจ...Walterมองภรรยาของเขาเนิ่นนานและขอให้เธอให้อภัยเขา  แต่Kittyบอกกับเขาว่า...ไม่มีอะไรที่เธอต้องให้อภัย...และเธอเสียใจ...



เมื่อฝังศพWalterแล้ว  Kittyซึ่งใจสลายกับการสูญเสียสามี  ก็กลับมาอยู่ที่ลอนดอน...ที่นั่น  เธอให้กำเนิดเด็กชายผู้มีแววตาเป็นประกายสดใส  ใบหน้าเรียวยาวเหมือนใครคนหนึ่ง  มีรอยยิ้มน่ารัก ซึ่งเธอตั้งชื่อเขาเหมือนกับใครคนนั้น Walter Fane



5 ปีต่อมา  Kitty Fane เลี้ยงดูเด็กชาย Walter เพียงลำพังตลอดมา  ในขณะที่เธอกำลังจะไปหาพ่อของเธอและคุณตาของเด็กน้อยในวันหนึ่ง  เธอก็ได้พบกับCharles Townsend อีกครั้ง  ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะพร้อมรำลึกความหลังกับเธอ  แต่Kittyในวันนี้เห็นชายตรงหน้าเป็นเพียงคนรู้จักธรรมดาเท่านั้น  และเมื่อลูกชายของเธอถามว่าใคร?  เธอก็ตอบเขาอย่างอ่อนโยนว่า..."เป็นใครคนหนึ่งที่ไม่สำคัญจ๊ะ  ลูกรัก"


...จบ...





คะ...กว่าจะจบเรื่องก็เกือบจบชีวิตไปกับพระเอกเลยคะ  ก็เรื่องไหนถ้าพระเอกตาย(ตายก่อนนางเอก)ก็จะเพิ่มความเศร้าเป็นเท่าทวีคูณแบบนี้เสมอ   ยิ่งถ้าพระเอกเป็นสุดที่รักนี่ยิ่งหนัก  เอาเป็นว่าหนังมันเศร้า  อารมณ์มันพาไป  และรักพี่มากเกินไปนั่นแหละคะ  เรื่องนี้อารมณ์เศร้าเยอะกว่าเรื่องอื่นเพราะพระเอกนางเอกกำลังดีๆกันอยู่แล้วเชียวดันมาตาย  อาจจะยาวไปนิดนึงแต่ขอรับรองว่านี่เรื่องย่อจริงๆ  เป็นหนังอีกเรื่องที่ฉันคิดว่าโปรดักชั่นเยี่ยมมากๆ  ทั้งบทหนัง(ที่อาจจะดูน้ำเน่าเกินไปหน่อย  เพราะมาจากนิยาย  แต่นักแสดงเขาแสดงกันดีมาก  จนเข้าใจหมดหัวจิตหัวใจเลยว่าเขารู้สึกยังไงกัน  แม้กระทั่งเหตุผลของการมีชู้ของนางเอกก็ยังเข้าใจได้)  สถานที่ในภาพยนตร์ที่สวยมากจนแทบจะลืมไปเลยว่ามันมีโรคระบาด  ถามว่าถึงมีโรคแล้วยังอยากไปเที่ยวไหม...ตอบได้เลยว่าอยาก  ขอเล่นน้ำตรงต้นน้ำนั่นแหละ  จะไม่ไปไหนเลย  เท่าที่อ่านๆจากWikipedia แม้กระทั่งฉากในลอนดอน  ยังถ่ายทำที่เซี่ยงไฮ้เลย  ไม่แปลกใจที่หนังเรื่องนี้ถือเป็นหนัง 2 สัญชาติ  คืออเมริกัน-จีน  เพราะเกือบจะทั้งเรื่องที่ถ่ายทำในเมืองจีน  และหลังจากที่ดูหนังจบ  ฉันก็เพิ่งมารู้เอาทีหลังว่าหนังมีชื่อเรื่องภาษาไทยว่า "ระบายหัวใจ  ให้รักนิรันดร์"  บอกตรงๆเลยว่า  ไม่เข้าใจ  มันแปลว่าอะไร?  จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจ  ฉันว่าชื่อเรื่องควรจะชวนให้นึกถึงประเด็นหลักของหนังหน่อย  ที่พูดถึงช่องว่างระหว่างคนสองคน  การทะลายกำแพงกั้นขวางหรือม่านบังตาอะไรประมาณนี้  แต่...ยิ่งคิดชื่อเองยิ่งฟังดูไม่เข้าท่าไปใหญ่  เพราะน้ำเน่าเหลือเกิน  เอาเป็นว่า  ชื่อ The Painted Veil ตามของเดิมนี่แหละคะ  เพราะแล้ว


แถมภาพเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์และรูปคู่ของพระเอก-นางเอกในวันฉายภาพยนตร์รอบPremiereคะ




Edward Norton...คุณจะดูดีไปทำไมมากมายขนาดนี้!!!



 (มีต่อข้างล่าง)

 

โดย: เจ้าช่อมาลี (PP_Skywalker ) 5 สิงหาคม 2554 2:00:05 น.  

 

ปิดท้ายด้วยประโยคเด็ดๆที่ฉันชอบจากหนังเรื่องนี้นะคะ  อย่างที่บอกไปว่าบทภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนดีมากๆ  มีประโยคเพราะๆหรือประโยคที่ฟังแล้วฉันชอบอยู่หลายตอนเลยทีเดียว  ความจริง  มานับๆดูแล้วที่ฉันชอบมันก็เกือบจะหมดเรื่องอยู่แล้ว  แต่ทำไงได้  ประโยคมันฟังแล้วรู้สึกดีอ่ะคะ  ชอบจัง  ทั้งที่แสดงถึงทัศนะในด้านดีของตัวละครรวมไปถึงด้านมืดด้วย


Walter Fane: "Do you like flowers?"
วอลเตอร์ เฟน: "คุณชอบดอกไม้เหรอครับ?"
Kitty Garstin: "Not particularly, no. Well, I mean, yes. But we don't really have them around the house. Mother says, 'why purchase something you can't grow them for free?' But then we don't really grow them either. It does seem silly, really. To put all that effort into something that's just going to die."
คิตตี้ การ์สติน: "ไม่หรอกคะ อันที่จริงก็ชอบนะคะ  แต่ว่าบ้านฉันไม่ค่อยมีดอกไม้ในบ้าน  แม่ของฉันท่านพูดเสมอว่า 'ทำไมเราต้องซื้ออะไรที่มันต้องใช้เงินเลี้ยงมาปลูกด้วยละ?'  แต่เราก็เลยไม่เคยปลูกอะไรจริงจังอยู่แล้ว  ฉันว่ามันคงดูโง่มากนะคะ  ที่จะเสียเงินซื้ออะไรที่ในที่สุดมันก็ต้องตายอยู่ดี  "


Walter Fane: "I'd like to say something to you. I came to you to ask you if you'll marry me."
วอลเตอร์ เฟน: "ผมอยากจะพูดกับคุณสักอย่าง...จริงๆแล้วผมมาหาคุณวันนี้เพื่อมาขอคุณแต่งงาน"
Kitty Garstin: "You could knock me down with a feather."
คิตตี้ การ์สติน: "ฉันดีใจจนจะเป็นลมอยู่แล้ว..."(ประชด)
Walter Fane: "Could you not tell that I'm in love with you?"
วอลเตอร์ เฟน: "คุณจะไม่ถามหน่อยเหรอครับว่า...ผมรักคุณรึเปล่า? "
Kitty Garstin: "You never showed it."
คิตตี้ การ์สติน: "ก็...คุณไม่เคยบอก"(ประชด...คิตตี้รู้อยู่แล้วว่าวอลเตอร์ชอบเธอมาก  เพราะวอลเตอร์ประหม่าตลอดเวลา  แต่เธอไม่ได้ชอบเขาและดูเหมือนว่าวอลเตอร์จะไม่รู้ตัวเลยว่าเธอรู้ใจเขาแล้ว)


Walter Fane: "I've gotten used to not speaking unless I have something to say."
วอลเตอร์ เฟน: "ผมเคยชินกับการไม่พูดอะไรถ้าหากผมไม่มีอะไรจะพูด"
Kitty Fane: "If nobody spoke unless they had something to say, the human race would soon lose the power of speech."
คิตตี้ เฟน: "งั้นถ้าคนเราไม่พูดอะไรเลยถ้าหากเขาไม่มีอะไรจะพูด  มนุษย์เราก็คงจะเป็นใบ้กันในอีกไม่นานนี่แหละคะ"


Walter Fane: "I'm afraid that you have thought me a bigger fool than I am."
วอลเตอร์ เฟน: "ผมเกรงว่าผมจะไม่โง่อย่างที่คุณคิดนะ"
Kitty Fane: "I don't know what you're talking about."
คิตตี้ เฟน: "ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไรของคุณ"
Walter Fane: "Don't you? I am divorcing you for adultery and naming Charles Townsend as your lover."
วอลเตอร์ เฟน: "จริงเหรอ? ผมจะฟ้องหย่าคุณในฐานคบชู้ และจะฟ้องชาร์ลส ทาวเซ่น ในฐานที่เป็นชู้รักของคุณด้วย"


Walter Fane: "I knew that you weren't the cleverest girl the world, but I didn't know that you were actually a fool."
วอลเตอร์ เฟน: "ฉันรู้ว่าคุณอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดในโลก  แต่ไม่เคยคิดเลยว่าคุณจะโง่แบบนี้จริงๆ"
Kitty Fane: "Yes, well, if it makes you feel better to hurt me, then go ahead. But you might as well get used to it."
คิตตี้ เฟน: "อืม, ถ้าการด่าฉันเจ็บๆมันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นก็เชิญด่าเลย  แต่คุณก็ควรจะทำใจให้เคยชินกับมันซะด้วยนะ"


Walter Fane: "There's no other response for such pathetic behavior. It's comic, when I think about how hard I've tried to make you happy. Debasing myself, acting as though I was thrilled as you by the lastest gossip and as vulgar and as ignorant of the world as you are."
วอลเตอร์ เฟน: "มันไม่มีอะไรที่จะตอบแทนการกระทำที่น่าสมเพชของคุณได้ดีไปกว่านี้หรอก  มันตลกสิ้นดีที่คิดว่ามันยากแค่ไหนที่ผมพยายามทำให้คุณมีความสุข  ต้องมาทำให้ตัวเองดูไร้ศักดิ์ศรี  ต้องมาแกล้งทำเป็นว่าสิ่งแย่ๆที่คุณทำมันเป็นแค่ข่าวลือล่องลอย  และปล่อยมันผ่านไป  ไม่ใส่ใจมันแบบนั้น"


Walter Fane: "I knew when I married you that you are selfish and spoiled. But I loved you. I knew that you married me only to get as far away from your mother as possible. And I hope that one day there'd be something more. I was wrong. You don't have it in you."
วอลเตอร์ เฟน: "ผมรู้ตั้งแต่ตอนแต่งงานกับคุณแล้วว่า  คุณมันเห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจ  แต่ผมก็รักคุณ  แล้วผมก็รู้ว่าคุณแต่งงานกับผมก็เพียงแค่ต้องการจะออกห่างจากแม่คุณให้มากที่สุดเท่านั้น  ผมก็ได้แต่หวังว่าสักวันผมจะเปลี่ยนคุณได้  แต่ผมคิดผิด  คุณไม่เคยเปลี่ยนเลย"
Kitty Fane: "If a man hasn't what's necessary to make a woman love him, then it's his fault, not hers."
คิตตี้ เฟน: "ถ้าผู้ชายสักคนจะทำให้ผู้หญิงรักเขาไม่ได้  มันก็เป็นความผิดของผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง"


Mr.Waddington: "I'll warn you. Things are pretty dicey even out here. I'm afraid if the Chorela doesn't get us, the Nationalists might."
มิสเตอร์เวดดิงตั้น: "ผมอยากจะเตือนคุณ  ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลอย่างที่นี่  พวกเราก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี  ผมเกรงว่าถ้าเราไม่ตายเพราะเป็นโรคอหิวาต์ซะก่อน  เราก็อาจจะตายเพราะถูกพวกจีนชาตินิยมฆ่าเอาก็ได้"


Walter Fane: "For starters, we've got to stop people from using this well until I can test it...Do you understand?"
วอลเตอร์ เฟน: "ขั้นแรก  เราต้องห้ามไม่ให้ชาวบ้านมาตักน้ำจากบ่อนี้ไปใช้  จนกว่าผมจะได้ทดสอบว่ามันมีเชื้อโรครึเปล่า  คุณเข้าใจที่ผมพูดไหมครับ?"
Colonel Yu: "Yes, I understand, Dr.Fane. I received my military training in Moscow. If you don't like English, we can speak Russian."
ผู้พันยู: "ครับ  ผมเข้าใจคุณ  คุณหมอเฟน  ฉันได้รับการฝึกทหารจากเมืองมอสโคว  หากคุณไม่สะดวกจะพูดภาษาอังกฤษ  เราพูดภาษารัสเชี่ยนกันก็ได้"
Walter Fane: "English will be fine. Thank you."
วอลเตอร์ เฟน: "ไม่เป็นไรครับ  ภาษาอังกฤษก็ดีอยู่แล้ว  ขอบคุณมาก"


Mr.Waddington: "You know, this is no place for woman. When they telegraphed me that you were coming out, I was astonished. I imagined you might be a grim-visaged old nurse with thick legs and a mustache. I came into the bungalow and there you were frail and tired and very unhappy."
มิสเตอร์เวดดิ้งตั้น: "คุณรู้ไหม...นี่ไม่ใช่ที่ที่ผู้หญิงควรมาอยู่เลย  ตอนที่เขาโทรเลขมาบอกว่าพวกคุณจะมา  ผมประหลาดใจมาก  ผมคิดว่าคุณจะเป็นพยาบาลแก่หน้าบึ้งน่องใหญ่ซะอีก  แต่พอผมไปที่บ้านพักของคุณ  ผมก็เห็นคุณ  หญิงสาวตัวเล็กบอบบาง  กำลังเหนื่อยล้า  และไม่มีความสุขเอาซะเลย"
Kitty Fane: "It was a long journey."
คิตตี้ เฟน: "ก็การเดินทางมันนานนี่คะ"
Mr.Waddington: "But you're unhappy now. And it occurred to me that you and your husband might be madly in love and that you'd simply rufused to stay behind."
มิสเตอร์เวดดิ้งตั้น: "แต่ตอนนี้คุณก็ยังไม่มีความสุข  ผมนึกว่าคุณกับสามีของคุณกำลังรักกันแทบคลั่ง  จนไม่อาจจากกันไปไหนได้ซะอีก"
Kitty Fane: "That's a reasonable explanation."
คิตตี้ เฟน: "นั่นเป็นคำอธิบายที่ดีมากๆคะ"
Mr.Waddington: "Yes, but it's not the right one. Do you know how I've found the strange? That your husband should never look at you. He looks at the wall, the floor, his shoes."
มิสเตอร์เวดดิ้งตั้น: "ใช่ครับ  แต่มันไม่ใช่สำหรับคู่ของคุณ  คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงมองเห็นความจริงข้อนี้  ก็เพราะว่าเขาไม่เคยมองหน้าคุณเลยนะสิ  เขาจะมองแต่ผนัง  พื้น  หรือรองเท้าไปเรื่อย"
Kitty Fane: "He has a great deal on his mind."
คิตตี้ เฟน: "ก็เขามีอะไรให้ต้องคิดเยอะนี่คะ"
Mr.Waddington: "Yes, I'm sure of it."
มิสเตอร์เวดดิ้งตั้น: "ใช่  ผมก็ว่าอย่างงั้น"(แต่เวดดิ้งตั้นรู้ว่าวอลเตอร์คิดมากเรื่องภรรยาของเขานี่แหละ)


Kitty Fane: "For God's sake, Walter. Will you stop punishing me? Do you absolutely despise me?"
คิตตี้ เฟน: "เห็นแก่พระเจ้าเถอะ วอลเตอร์  คุณเลิกลงโทษฉันแบบนี้ซะทีได้ไหม?  คุณจะเกลียดฉันไปตลอดชีวิตเลยเหรอ?"
Walter Fane: "No, I despise myself."
วอลเตอร์ เฟน: "ไม่ใช่คุณ  แต่ผมเกลียดตัวเองต่างหาก"
Kitty Fane: "Why?"
คิตตี้ เฟน: "ทำไมละ?"
Walter Fane: "For allowing myself to love you once."
วอลเตอร์ เฟน: "เพราะผมเคยปล่อยใจให้ไปรักคุณมาแล้วครั้งหนึ่งนะสิ"


Walter Fane: "You know, these really aren't the best time for a Western to go exploring a Chinese town by herself."
วอลเตอร์ เฟน: "คุณรู้ไหมว่านี่ไม่ใช่เวลาเหมาะที่ผู้หญิงชาวตะวันตกจะไปเดินท่อมๆเที่ยวสำรวจเมืองจีนตามลำพังหรอกนะ"
Kitty Fane: "Oh, do be quiet! As if you care whether I'm killed by the Nationalists or boredom. Besides, I wasn't alone. I was with my gallant protector, Sung Ching. By the way, you might be happy to know that I am just useless to the nuns as I am to you."
คิตตี้ เฟน: "โธ่  คุณหยุดพูดเถอะ  อย่างกับคุณจะสนใจอย่างงั้นแหละว่าฉันจะโดนพวกชาตินิยมฆ่าตายหรือจะเบื่อหน่ายตายอยู่ในบ้านนี้  อีกอย่างฉันไม่ได้ไปคนเดียว  ฉันมีองครักษ์ผู้กล้าหาญ ซังชิง ไปกับฉันทุกที่อยู่แล้ว  และคุณน่าจะดีใจนะที่รู้ว่าฉันก็ไร้ประโยชน์ที่สำนักชีพอๆกับที่ไร้ประโยชน์ในสายตาคุณเหมือนกัน"
Walter Fane: "I shut off the town's only water supply today."
วอลเตอร์ เฟน: "ผมสั่งปิดบ่อน้ำที่มีแค่ที่เดียวของชาวบ้านวันนี้"
Kitty Fane: "What will you do?"
คิตตี้ เฟน: "แล้วคุณจะทำยังไงต่อ?"
Walter Fane: "I have no idea."
วอลเตอร์ เฟน: "ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน"
Kitty Fane: "Then, I suppose we're both useless. At last, something in common."
คิตตี้ เฟน: "งั้น  ฉันว่าเราต่างก็ไร้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่  ดีจัง...สุดท้ายแล้ว  เราก็มีอะไรที่เหมือนกันจนได้"


Walter Fane: "I don't think you like my being here very much either, do you?"
วอลเตอร์ เฟน: "ผมไม่คิดว่าคุณจะชอบใจนักที่ผมมาที่นี่  ใช่ไหม?"
Colonel Yu: "I think China belongs to Chinese people, but the rest of the world seems to disagree."
ผู้พันยู: "ผมแค่คิดว่าเมืองจีนเป็นที่สำหรับคนจีนเท่านั้น  แต่ดูเหมือนทั้งโลกจะไม่คิดแบบนั้น"
Walter Fane: "Yes, but that's got nothing to do with me. I didn't come here with a gun, you know. I came here with a microscope."
วอลเตอร์ เฟน: "ใช่  แต่นั่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับงานของผมเลยนะ  ผมไม่ได้มาที่นี่พร้อมปืน  แต่ผมมาพร้อมกล้องจุลทรรศน์"
Colonel Yu: "I believe you. But it would be nice to do this work together without your country's guns pointing at our people."
ผู้พันยู: "ผมเชื่อคุณ  แต่มันจะดีมากถ้าเรามาร่วมมือกันทำงานโดยที่ไม่มีกระบอกปืนของชาติคุณจ่อหัวประชาชนของเราอยู่"


Walter Fane: "I'm here to study bacteria. I don't feel the need to have an opinion about the rest of it."
วอลเตอร์ เฟน: "ผมมาที่นี่เพื่อศึกษาเรื่องแบคทีเรียเท่านั้น  ผมเลยมองไม่เห็นความจำเป็นที่เราต้องแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องอื่น"
Kitty Fane: "Well, I do and I admire them. I don't think it has to be so complicated and gloomy. And I think what you're doing, for instance, is incredibly noble."
คิตตี้ เฟน: "แต่ฉันว่ามันจำเป็น  และฉันก็ชอบสิ่งที่เห็นที่ได้สัมผัสมาด้วย  ฉันไม่คิดว่าคนเราต้องคิดมากในเรื่องทั่วไปและเครียดไปกับมันนักหนา  และฉันก็คิดว่าสิ่งที่คุณเสียสละมาทำเพื่อชนบทห่างไกลแบบนี้  เป็นสิ่งที่น่ายกย่องมากๆด้วย"
Walter Fane: "You used to feel contempt for me. Don't you still?"
วอลเตอร์ เฟน: "คุณเคยคิดว่าผมไม่ดี  คุณลืมแล้วเหรอ?"
Kitty Fane: "Oh Walter, I can't believe you with all your cleverness should have such little sense of proportion. We humans are more complex than your silly little microbes. We're unpedictable. We make mistakes and we disappoint."
คิตตี้ เฟน: "โอ้ย วอลเตอร์  ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณฉลาดขนาดนี้แต่ดันมีสมองในการเข้าใจคนอื่นน้อยมาก  คนเรานี่แหละที่ซับซ้อนเกินกว่าเครื่องจุลทรรศน์โง่ๆของคุณจะส่องเห็นได้  มนุษย์เราไม่สามารถจะทำนายผลลัพธ์ของการกระทำได้ล่วงหน้าหรอก เพราะอย่างนี้เราเลยทำผิดพลาดและมานั่งเสียใจกับมันเสมอ "
Walter Fane: "Yes, we certainly do."
วอลเตอร์ เฟน: "ใช่เลย  เราเป็นแบบนั้น" (แต่จากสีหน้า  ฉันคิดว่าเขาพูดถึงเรื่องที่เขาพลาดไปรักคิตตี้อยู่นะคะ  พระเอกยังไม่เข้าใจคะ!!)
Kitty Fane: "I'm sorry. I'm sorry that I'm not the perfect woman that you want me to be. I just ordinary. I never tried to pretend that I was anything else."
คิตตี้ เฟน: "ฉันขอโทษ  ฉันเสียใจที่ฉันไม่สามารถเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดอย่างที่คุณคาดหวังได้  ฉันก็แค่เป็นคนธรรมดา  และก็ไม่เคยพยายามจะเสแสร้งเป็นอย่างอื่น"
Walter Fane: "No, you certainly didn't."
วอลเตอร์ เฟน: "ถูก  คุณไม่เคยทำจริงๆ" (เริ่มเข้าใจแล้ว...)


Walter Fane: "I suppose you're right. It was silly of us to look for qualities in each other that we never had."
วอลเตอร์ เฟน: "ผมว่าคุณพูดถูก  เราสองคนโง่มากที่มัวแต่มองหาคุณสมบัติในตัวแต่ละฝ่าย  ทั้งๆที่เราไม่เคยมีสิ่งเหล่านั้นเลย"
Kitty Fane: "Yes...yes, it was."
คิตตี้ เฟน: "ใช่  ใช่ ฉันก็ว่าอย่างงั้น"



ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง The Painted Veil (ปี 2006)



"It was silly of us to look for qualities in each other that we never had."



เจ้าช่อมาลี (PP_Skywalker)

 

โดย: เจ้าช่อมาลี (PP_Skywalker ) 5 สิงหาคม 2554 2:01:06 น.  

 

ภาพสวยจังเลยเนอะ

 

โดย: โจนบ้ากับป้าแก่ๆ 5 สิงหาคม 2554 2:57:46 น.  

 

สวัสดียามเช้า กับวันศุกร์...ครับ
ผู้ใดที่เกิดวันนี้เป็นผู้ที่แสวงหาความรักและเข้าใจถึง
อานุภาพแห่งความรักได้เป็นอย่างดีคุณรู้ว่าความรัก
เป็นแรงขับดันและนำพาชีวิตคุณ ไปสู่ความสำเร็จได้
และเนื่องจากคุณเป็นคนที่มีความรักอยู่เต็มหัวใจ
คุณจึงรู้สึกอ่อนไหวได้กับแทบทุกเรื่อง ที่สำคัญ
ความสุขอีกอย่างหนึ่งของคุณคือ คุณจะภูมิใจมาก
ถ้าคนอื่นฟังและเชื่อในคำแนะนำของคุณ คุณเป็น
คนที่ไม่กล้าขัดใจใคร กลัวจะขาดเสน่ห์ ชอบอยู่ท่าม
กลางผู้คน แวดวงและสังคมไฮโซจะชอบมาก ผู้ที่
เกิดวันนี้ ส่วนใหญ่มักจะมีพรสวรรค์อย่างใดอย่างหนึ่ง
ติดตัวมาแต่กำเนิด จึงเป็นผู้ที่พบความสำเร็จก่อน
ผู้อื่นในสิ่งที่ตนเองถนัดอยู่เสมอๆ งานที่เหมาะสม
กับคุณคือเป็นที่ปรึกษาเรื่องความรัก เป็นนักแสดง
งานเพื่อสังคมหรืองานที่ใช้อารมณ์สุนทรีมากๆเช่น
ศิลปินนักแสดง เป็นต้น

 

โดย: พันคม 5 สิงหาคม 2554 7:44:37 น.  

 

แวะมาทักทายช่วงบ่ายค่ะ

อืมม อ่านคร่าวๆแล้ว น่าสนใจจัง
แต่ตอนนี้ต้องรีบปั่นงานก่อน..
แหะๆๆ วันศุกร์แล้วต้องรีบเคลียร์งานออกให้มากๆๆ
เด๋ว จแวะมาอ่านอย่างละเอียดอีกรอบนะคะ

มีความสุขมากๆเ่นกันค่ะ

 

โดย: ดอกหญ้าหน้าบ้าน 5 สิงหาคม 2554 13:26:46 น.  

 

แวะมาทักทายค่ะคุณช่อมาลี สบายดีนะคะ

อูยยย... พระเอกหล่ออย่างแรงเลยค่ะ รายละเอียดเยี่ยมยอดอีกแล้วค่ะคุณช่อมาลี

มีความสุขมากๆเช่นกันค่ะวันนี้

 

โดย: LoveParadise 5 สิงหาคม 2554 16:02:57 น.  

 

สวัสดีวันศุกร์ค่ะ เรื่อง Painted Veil น่าดูจัง
ยังไม่เคยดูเลยนะคะ อ่านจากเนื้อเรื่องแล้วน่าสนใจมาก
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ

ปล.หลังจากนี้เอิงคงไม่ได้เข้าบล็อกเท่าไหร่ อาจไม่ได้ตอบเมนต์
กำลังจะเดินทางกลับไปเที่ยวเมืองไทยอีกไม่กี่วันค่ะ

 

โดย: diamondsky 5 สิงหาคม 2554 16:35:25 น.  

 

โหวตให้ในหมวดภาพยนตร์ครับ
คุณเขียนบล้อกได้ดีมากๆ
ตั้งใจมากๆ
เห็นได้ถึงความตั้งใจจริงๆครับ
บล้อกเต็มไปด้วยรายละเอียด

ถึงผมไม่ค่อยได้ดูหนัง
ยังอยากดูเลยครับ
หลังจากอ่านรีวิวของคุณจบ

สุดยอดมากๆครับ


 

โดย: กะว่าก๋า 5 สิงหาคม 2554 17:26:15 น.  

 

เป็นหนังที่น่าชมมากๆ ค่ะ
และขอชมความตั้งใจของคุณช่อมาลี
ว่าตั้งใจบอกกล่าวให้เพื่อนได้เห็นหนังในมุมที่ดีมากๆค่ะ
อยากจะหาหนังสือมาอ่านก่อน แต่เวลาท่าทางไม่เอื้อ
คงจะดูหนังไปก่อนเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ

จากที่บ้านคุณโสภาคเป็นนักเขียนคนโปรดค่ะ
เรื่องของเธอที่มีฉากเป็นประเทศต่างกันไป พาชวนอ่านมากๆ
รักเร่ มีฉากที่ Wachau ที่นางเอกไปอุ้มท้องหน่ะคะ
เป็นเส้นทางเดียวกันผ่าน Klosterneuburg ไปอีกค่ะ

 

โดย: Sweety-around-the-world 5 สิงหาคม 2554 17:38:51 น.  

 

แวะมาเก็บรายละเอียดเพิ่มค่ะ

อืมม ต้องบอกว่าโหวตตามพี่ก๋าแล้วล่ะค่ะ


....PP_Skywalker Movie Blog....



คุณช่อมาลีตั้งใจเขียนบล๊อกมากค่ะ


คืนนี้หลับฝันดีนะคะ

 

โดย: ดอกหญ้าหน้าบ้าน 5 สิงหาคม 2554 21:48:52 น.  

 

เป็นบล็อกรีวิวหนังที่ตั้งใจทำแบบทุ่มเทหัวใจให้นะครับ

ขอปรบมือให้กับความมุ่งมั่น

ผมเองก็เคยสะดุดตากับการแสดงของทั้งสองนักแสดงนำ

Edward Norton จาก Primal Fear, และ American History X

Naomi Watts จาก 21 Grams, และ King Kong

ซึ่งทั้งสองเคยเข้าชิง ออสการ์ มาด้วย

เรื่องนี้ ผมยังไม่ได้ดู เนื้อเรื่องเข้มข้นดี

ฝีมือการกำกับ และการแสดง ก็คงจะไม่ ชิวส์ ชิวส์ แน่นอน

 

โดย: yyswim 6 สิงหาคม 2554 2:22:19 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับ






 

โดย: กะว่าก๋า 6 สิงหาคม 2554 6:53:46 น.  

 

แนะนำเว็บดูหนังซีรีย์เกาหลีฟรี

 

โดย: koreaserie (loveyoupantip ) 6 สิงหาคม 2554 8:16:28 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณช่อมาลี เขียนบล็อกได้เก่งจังค่ะ
และก็ขอแสดงความยินดี ดีใจกับความสำเร็จด้วยนะคะ ก้าวผ่านบันไดชีวิตไปอีกขั้นแล้วนะคะ
ก้าวย่างต่อไปของชีวิตก็ขอให้เป็นก้าวที่เปี่ยมด้วยความสำเร็จอย่างที่หวังและไร้อุปสรรคขวากหนามนะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
มีความสุขมากๆค่ะ

 

โดย: รับสุข IP: 223.205.191.164 6 สิงหาคม 2554 11:48:49 น.  

 

หลงเข้ามาบ้านนี้ครับ

เห็นเรื่อง "The Painted Veil" แล้วอดใจอ่านไม่ได้ ชอบเรื่องนี้มากพอๆ กับเรื่อง "The Bridges of Madison County เลยครับ"

น่าสงสารพระเอกมากๆ ทั้งสองเรื่อง
ประทับใจในความเป็นลูกผู้ชายครับ

 

โดย: bayesian 6 สิงหาคม 2554 17:20:30 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับ





 

โดย: กะว่าก๋า 7 สิงหาคม 2554 6:40:05 น.  

 

สวัสดค่ะ

อ่านแล้วบอกได้เลยว่าเป็นการเขียนที่ตั้งใจมาก และเขียนได้ดีมากค่ะ

 

โดย: ช่อม่วงพวงคราม 7 สิงหาคม 2554 21:08:44 น.  

 

น่าสนใจจังเลยค่ะเรื่องนี้.... ยังไม่เคยดูเลย
แถมยังมีฉากสวยๆจากประเทศจีนอีก
ป้าว่าเมืองจีนตามนอกเมืองสวย และมีอะไรให้ดูเยอะเลยนะคะ
ป้าชอบหนังย้อนๆแบบนี้ ยิ่งคุณช่อมาลีบอกว่า
ดูแค่ครึ่งเรื่องก็อยากเขียนเรื่องนี้มากๆ
แสดงว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เอาไว้มีโอกาสจะหามาดูบ้างค่ะ

ขอบคุณที่แนะนำหนังดีๆให้ดูกันนะคะ

 

โดย: ปลาทอง9 7 สิงหาคม 2554 22:24:48 น.  

 

ว้าว
เป็นหนังที่น่าดูมากค่ะ
พลาดไปได้ไงน้า ปกติชอบดูหนังดราม่าค่ะ
ชอบ Edward Norton มากๆเหมือนกัน
จำได้ติดตาจาก Primal fear ค่ะ
แสดงได้ดีมากๆ

เดี๋ยวต้องไปหามาดูมั่งแล้วค่ะ
ขอบคุณนะคะสำหรับรีวิว

 

โดย: AdrenalineRush 8 สิงหาคม 2554 1:43:24 น.  

 

สวัสดค่ะ
แวะมาทักทาย

 

โดย: aki (akinoyuutsu ) 9 สิงหาคม 2554 10:44:47 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณช่อมาลี
สบายดีนะคะ
ชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ค่ะ ภาพสวยมาก
ถ้าพลาดบล้อกนี้ไปเสียดายแย่เลยค่ะ
คุณช่อมาลีเก็บรายละเอียดได้ดีเยียม
อยากกลับไปดููอีกรอบเลยค่ะ

 

โดย: blueberryblossom 9 สิงหาคม 2554 11:44:39 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับ





 

โดย: กะว่าก๋า 10 สิงหาคม 2554 6:47:48 น.  

 

แสดงว่าเป็นเรื่องทีดี มาทำหนังซะหลาย version เลย

 

โดย: VET53 11 สิงหาคม 2554 15:45:47 น.  

 

สวัสดีค่า

ไม่ค่อยว่างเลยแวะมาเยี่ยมช้าไปหน่อย ดีใจที่ได้อ่านบล็อกรีวิวหนังของคุณช่อมาลีอีกแล้ว ถึงจะยาวมากแต่เราก็อ่านจนจบ เขียนได้ดีและละเอียดละออมากค่ะ อ่านแล้วอยากดูหนังขึ้นมาเลย

 

โดย: haiku 11 สิงหาคม 2554 16:05:10 น.  

 

หลับฝันดีนะคะ

 

โดย: blueberryblossom 11 สิงหาคม 2554 20:32:32 น.  

 

 

โดย: พันคม 12 สิงหาคม 2554 8:28:37 น.  

 

เมื่อเช้าไปทำบุญไถ่ชีวิตควายเข้าโครงการของในหลวงเพื่อจะพระราชทานให้ชาวนาอีกที เลยหอบบุญมาฝากคุณช่อมาลีด้วย สุขสันต์วันแม่ค่ะ

 

โดย: haiku 12 สิงหาคม 2554 18:35:00 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับ





 

โดย: กะว่าก๋า 14 สิงหาคม 2554 6:40:34 น.  

 

 

โดย: พันคม 14 สิงหาคม 2554 9:09:13 น.  

 

แวะมาชวนคุณช่อมาลีไปฟังเพลงจีนเพราะ ๆ ที่บล็อกค่ะ

สุขสันต์วันหยุดสุดสัปดาห์ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ

 

โดย: haiku 20 สิงหาคม 2554 23:29:32 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับ






 

โดย: กะว่าก๋า 30 สิงหาคม 2554 6:55:23 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณช่อมาลี หายไปไหนหนอ สบายดีหรือเปล่า ข่าวคราวไม่เคยรู้ ไม่ว่าเธอจะอยู่ไหน
ก็ขอให้มีความสุขมากๆนะจ๊ะ

 

โดย: รับสุข 30 สิงหาคม 2554 10:53:53 น.  

 

เข้ามาทักทายหลังจากเงียบหายไปนาน :)
ขอชื่นชมความตั้งใจในการทำบล็อกจริงๆค่ะ
ชอบอ่านบล็อกคุณมากๆเลย
แต่คราวนี้ขออ่านผ่านไปส่วนของหนัง
เพราะอยากดูหนังก่อน แล้วจะกลับมาอ่านนะคะ
ตอนนี้ให้เพื่อนหาแผ่นให้ก่อน
กลับไปเมืองไทยจะดูให้ได้เลย

 

โดย: AdrenalineRush 30 สิงหาคม 2554 12:39:37 น.  

 

สวัสดีค่ะ..
รูปแม่-ลูกที่เพื่อนๆ ส่งเข้ามา..
ประทับใจอ้อมแอ้มทุกๆ รูปเลยค่ะ
เลือกไม่ถูก เลยขอลงมติเป็นว่า..
จะให้เพื่อนๆในบล็อคลงคะแนนเลือกกันเอง
แบบโหวตคะแนนเลือกรูปที่ประทับใจ
เพื่อนคนหนึ่ง เลือกได้ 3 ครั้งหรือ 3 รูป
หรือจะเทคะแนนให้รูปเดียว 3 คะแนนเลย
ก็ตามแต่เพื่อนๆจะตัดสินกันค่ะ
หมดเขตสิ้นเดือนสิงหาคมนี้นะค่ะ
แล้วเรามารวมคะแนนกัน
จะส่งคะแนนทางหลังไมค์ก็ได้นะค่ะ


Lucky Number รูปแม่-ลูกชุดสุดท้ายค่ะ
คือรูปย่าดากะลูกสาว เป็นBG.13นะค่ะ
บล็อคของย่าดา..ถ่ายรูปสวยมากๆค่ะ
ฝีมือย่าดาระดับพระกาฬเลยค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นภาพดอกไม้ วิว ผู้คน
ถ่ายภาพออกมาได้อารมณ์สุดๆเชียว
รักย่าดา โหวตให้ย่าดานะค่ะ

 

โดย: คนผ่านทางมาเจอ 30 สิงหาคม 2554 15:00:41 น.  

 

แวะมาเยี่ยมค่า คุณช่อมาลีสบายดีนะคะ

 

โดย: haiku 2 กันยายน 2554 12:06:34 น.  

 

แว่บแรกที่เห็นภาพ ก็สนใจหนังเรื่องนี้ขึ้นมาทันทีทันใด ยิ่งได้อ่านเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ยิ่งอยากดูค่ะ ต้องตามดูให้ได้ซะแล้วล่ะ ขอบคุณนะคะที่แนะนำหนังดีๆ เรื่องนี้ ขอบคุณที่แวะไปที่บล็อกด้วย และขอโทษที่ตอบช้า ไม่ได้อัพบล็อกมาเป็นเดือนๆ เลยค่ะ

 

โดย: Somyachi 2 กันยายน 2554 18:04:27 น.  

 

แวะมาเยี่ยมค่ะ

 

โดย: blueberryblossom 6 กันยายน 2554 20:16:55 น.  

 

เอ คุณช่อมาลีหายไปไหนน้า แวะมาส่งความคิดถึงค่า คุณช่อมาลีคงสบายดีนะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ

 

โดย: haiku 11 กันยายน 2554 23:48:45 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับ






 

โดย: กะว่าก๋า 17 กันยายน 2554 7:29:59 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณช่อมาลี คุณช่อมาลี หายไปไหนหนอ ทำงาน หรือเรียน คิดถึงนะคะ อยู่ที่ไหน ก็ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ

 

โดย: รับสุข 21 กันยายน 2554 19:38:39 น.  

 

แวะมาทักทายค่ะ
สบายดีนะคะ

 

โดย: blueberryblossom 23 กันยายน 2554 11:33:59 น.  

 

สวัสดีค่ะ

คุณช่อมาลีหายเงียบไปเลย เป็นยังไงบ้าง สบายดีนะคะ

 

โดย: haiku 29 กันยายน 2554 12:09:19 น.  

 

แวะมาเยี่ยม ๆ มอง ๆ ว่าคุณช่อมาลีกลับมาหรือยัง

 

โดย: haiku 5 ตุลาคม 2554 23:03:35 น.  

 

จขบ.รีวิวมาซะอยากดูมากๆเชียวค่ะ




ตะพาบ 43 "ภาพสะท้อนใจ"

 

โดย: เริงฤดีนะ 10 พฤศจิกายน 2554 21:02:42 น.  

 

แวะมาเยี่ยมค่ะ คุณช่อมาลีหายเงียบไปเลย สบายดีนะคะ ถ้ากลับมาเล่นบล็อกก็แวะไปทักทายกันบ้างนะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ

 

โดย: haiku 19 พฤศจิกายน 2554 14:42:29 น.  

 

แวะมาเยี่ยมค่ะ
สบายดีนะคะ หนาวแล้วรักษาสุขภาพนะคะ

 

โดย: blueberryblossom 16 ธันวาคม 2554 12:31:06 น.  

 

สวัสดีตอนสายๆค่ะคุณช่อมาลี

Merry Christmas นะคะ

 

โดย: jamaica 24 ธันวาคม 2554 10:22:18 น.  

 

Happy new year 2012
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง คิดหวังสิ่งใด ขอให้สมหวังทุกประการนะคะ

 

โดย: blueberryblossom 30 ธันวาคม 2554 20:06:01 น.  

 

คุณช่อมาลีหายเงียบไปเลย หวังว่าคงจะสบายดีนะคะ

พรุ่งนี้ก็จะปีใหม่แล้ว ขอให้คุณช่อมาลีได้เจอแต่เรื่องที่ดี ๆ มีแต่เรื่องที่ชอบเข้ามาในชีวิต คิดอะไรก็ให้ได้อย่างที่หวังไว้ ขอให้โชคดี มีความสุขมาก ๆ สุขภาพแข็งแรง และคลาดแคล้วจากภยันตรายทั้งปวง แฮปปี้ตลอดปีและตลอดไปค่ะ

 

โดย: haiku 31 ธันวาคม 2554 10:36:58 น.  

 

ซิงเจี่ยยู้อี่ ซิงนี้ฮวดไช้ ขอให้คุณช่อมาลีมีความสุขมาก ๆ ไม่เจ็บไม่จน เฮง เฮงตลอดปี สุขสันต์วันตรุษจีนค่า



 

โดย: haiku 23 มกราคม 2555 23:06:40 น.  

 

แวะมาแปะหัวใจให้จ้า คุณช่อมาลีสบายดีนะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ

 

โดย: haiku 9 กุมภาพันธ์ 2555 14:19:08 น.  

 

สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ คุณช่อมาลี มีความสุขกับความรักที่มากมายและจริงใจตลอดไปนะคะ

 

โดย: รับสุข 14 กุมภาพันธ์ 2555 7:50:25 น.  

 

ขอให้คุณช่อมาลี มีความสุขมากๆ กับตัวเอง และคนที่รักนะคะ


 

โดย: Sweety-around-the-world 14 กุมภาพันธ์ 2555 17:22:34 น.  

 



ขอให้คุณช่อมาลีมีความสุขมาก ๆ และเป็นที่รักของคนรอบข้างตลอดไป สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ

 

โดย: haiku 14 กุมภาพันธ์ 2555 23:20:26 น.  

 

แวะมาสาดน้ำสงกรานต์ค่า สงกรานต์นี้ขอให้คุณช่อมาลีและครอบครัวมีความสุขมาก ๆ เย็นกายเย็นใจไปตลอดปี สุขสันต์วันปีใหม่ไทยค่า

 

โดย: haiku 13 เมษายน 2555 16:50:15 น.  

 

ท่าทางจะชอบเรื่องนี้มากจริงๆ
รายละเอียดเยอะมาก
เท่าที่ดูจากภาพในบล๊อกนี้
ภาพสวยจังค่ะ
แต่เรื่องเศร้าไปหน่อยนะคะ

 

โดย: VELEZ 4 ตุลาคม 2555 22:38:19 น.  

 



โอ้โห ...

ทึ่งกับการเขียนบรรยายของคุณจริงๆ เลยค่ะ ...

อ่านตั้งนานแล้ว ยังอ่านไม่จบเลยอ่ะ ...

ไว้เข้ามาอ่านต่อนะคะ ฝากเมนท์ไว้เป็นกำลังใจ
และแทนคำขอบคุณที่เขียนบล็อกได้น่าประทับใจมากค่ะ ... : ) ...

 

โดย: yourstarlight IP: 70.189.154.198 20 ตุลาคม 2555 6:21:55 น.  

 




ไม่ได้แวะมานานมากกก คุณช่อมาลีหายเงียบไปเลย สบายดีนะคะ คิดถึงบล็อกรีวิวหนังเยี่ยม ๆ ของคุณช่อมาลีมาก เมื่อไหร่จะกลับมาเล่นบล็อกอีกน้า

สุขสันต์วันคริสต์มาสค่ะ

 

โดย: haiku 25 ธันวาคม 2555 19:56:37 น.  

 

แวะมาเยี่ยมด้วยความคิดถึง อยากอ่านรีวิวหนังดี ๆ ฝีมือคุณช่อมาลีอีกค่ะ

 

โดย: haiku 8 มีนาคม 2556 9:01:47 น.  

 




ปีใหม่ไทยนี้ขอให้คุณช่อมาลีและครอบครัวโชคดี มีความสุขมาก ๆ เย็นกายเย็นใจไปทั้งปี สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ

 

โดย: haiku 14 เมษายน 2556 17:57:28 น.  

 

แวะมาเยี่ยมเยียนพร้อมชมหนังตัวอย่างครับ

 

โดย: 3KKK 9 พฤษภาคม 2556 20:24:23 น.  

 



สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะ

 

โดย: haiku 1 มกราคม 2557 14:51:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


PP_Skywalker
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ขอบคุณมากๆคะ
Friends' blogs
[Add PP_Skywalker's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.