สิงหาคม 2556

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
จาก Delhi ถึง Bikaner กับวันแรกก็โดนซะแล้ววว-01


แผนการเดินทางทริปนี้เน้นสถานที่ท่องเที่ยว ในแคว้น Rajasthan เป็นหลัก และมีเมือง Agra , Delhi อยู่ในแผนการเดินทางครั้งนี้ด้วย ในส่วนของการเดินทาง จะเดินทางเป็นสี่เหลี่ยมเริ่มโดยจาก Delhi- Bikaner- Jaisulmer- Johdpur- Udaipur- Jaipur-Agra- Delhi

การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 22วันเต็ม


เริ่ม 16/12/12 ถึง7/1/13


วันที่ 16 /12/2012 วันแรกของการเดินทาง

วันนี้ออกเดินทางจากบ้านพี่ต่อประมาณ 6โมงเช้าบิน 8โมงกว่าๆ นั่งแท็กซี่ไปประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิหลังจากเช็คอินเสร็จก็มีเวลาเหลือนิดหน่อย เดินเล่นซื้อเครื่องสำอางเล็กน้อย แล้วก็รีบไปขึ้นเครื่อง


อาหารบนเครื่องน่าจะเป็นของการบินไทยรสชาติโอเคมีให้เลือกสองแบบ คืออาหารมังสวิรัต กับเนื้อสัตว์พวกเราเลือกแบบเนื้อสัตว์

ก็เลยได้แบบที่เห็นนี่ล่ะ


มองลงไปบนพื้นเมฆแอบเห็นเงาเครื่องบินมีรัศมีล้อมรอบด้วย สงสัยทริปนี้จะโชคดี ไม่โดนแขกหลอก555+++


หลังจากหลังขดหลังแข็งบนเครื่องมา 5ชั่วโมงเต็ม เราก็ถึงสนามบินอินทิราคานที แต่ดันมีเรื่องให้อารมณ์เสียทันทีเพราะเราโดนหยิบกระเป๋าผิดไป กว่าจะตามตัวคนที่หยิบกระเป๋าผิดได้เสียเวลา 3ชั่วโมงโชคดีที่เป็นครอบครัวอินเดียที่อาศัยอยู่เมืองไทยเลยมีเบอร์ติดต่อเป็นเบอร์มือถือเมืองไทย เจ้าหน้าที่พยายามโทรติดต่อ แต่ก็ไม่สำเร็จ เจ้าหน้าที่บอกให้เราเดินทางไปก่อนแล้วจะส่งกระเป๋าตามไปให้ที่เมืองที่เราอยู่ ใครจะไปยอม ก็เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้อาหาร อยู่ในนั้นหมดทุกอย่าง แล้วเราไปกันหลายเมือง อีกอย่างไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะใส่ใจตามเรื่องให้เราได้ดีแค่ไหน เราก็เลยขอดูเบอร์แล้วให้พี่ต่อส่งเมจเสจไป ทันทีที่ได้รับแมจเสจปุ๊ป พี่แกตอบกลับปั๊ป (แม่งทีโทรไม่ยอมรับนะ55สงสัยกลัวค่าออโต้โรมมิ่งมั้ง) เค้าบอกว่าเค้าขับรถเข้าเมืองไปแล้วแต่จะรีบขับกลับมาคืน น่าจะประมาณ 1ชั่วโมง แต่เอาเข้าจริงๆทำเราเสียเวลารอไปสามชั่วโมง (ขนาดรีบเอามาคืนนะ ถ้าไม่รีบสงสัยได้เที่ยงคืนแน่ๆ55) พอเค้าเอากระเป๋ามาคืนเราเค้าก็ขอโทษพวกเราคำนึงแล้วทำหน้ามึนๆ อาศัยจังหวะพวกเรามึนงง รีบชิ่งกลับไปโดยไวทันที55+++ทิ้งให้พวกเรางงกันเป็นไก่ตาแตกกับความรับผิดชอบของครอบครัวนี้

เป็นภาพเดียวที่ได้ถ่ายในสนามบิน

คนในรูปไม่เกี่ยวกับครอบครัวในเรื่องนะ55 ออ เราได้ถามเรื่องซิมการ์ดที่จะใช้ในอินเดียกับเจ้าหน้าที่ขายซิมบริเวณสนามบินเค้าถามว่าจะไปไหนบ้างเราตอบว่าราชสถาน อักรา และเดลลี เค้าแนะนำว่า ให้ไปซื้อในราชสถานได้เลยเพราะเหมือนกับว่าจะโทรข้ามเขตกันไม่ได้ ประมาณนั้น แต่ซิมมันก็ใช้ได้ทุกที่ที่ไปนะ รวมทั้งเดลีและอักราด้วย งงกับคนขายซิมจริงๆ


เราต้องเร่งกันหัวหมุนเพราะต้องขึ้นรถไฟตอน6โมงเย็น เพื่อไปเมือง Bikaner ถึงจะรู้ชื่อเสียงรถไฟอินเดียมาว่าเลทสุดยอด แต่ถ้าคราวนี้ไม่เลทละก็ซวยซิ อ่อ...บ่นเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานอินเดียหน่อย จริงๆต้องบอกว่าเจ้าหน้าที่แทบทุกสถานที่เลยด้วยซ้ำ เค้าดูไม่ค่อยจะรู้ข้อมูลหรืออยากช่วยนักท่องเที่ยวอย่างจริงใจสักเท่าไร่ เพราะถามอะไรก็ "ไม่แน่ใจ" "น่าจะ" หรือไม่ "ก็ไม่รู้" (หรือตั้งใจไม่รู้ก็ไม่รู้) อย่างพอถามว่า Prepaid Taxi อยู่ตรงไหน เค้าก็ชี้ไปที่แท็กซี่ที่จอดหน้าทางเข้าซึ่งดูก็รู้ว่าไม่น่าใช่ แต่เราก็ดันไปถามเค้าอีกว่าค่ารถจากสนามบินไปสถานีรถไฟประมาณเท่าไร่ เค้าบอกว่า น่าจะ500-600กว่ารูปี ซึ่งมันไม่ใช่อะข้อมูลเก่าที่เราหาได้ปี51บอกว่าไม่เกิน 250รูปี ก็คิดว่าข้อมูลนานแล้วน่าจะเพิ่มราคาแล้วแหละ แต่ไม่น่าจะเพิ่มเป็นเท่าตัวแบบนี้ แต่เราไม่มีทางเลือกเพราะสายแล้ว อีกอย่างถ้าเป็น Prepaid Taxi ตัวจริงต้องมีตั๋วที่ออกให้จากเค้าท์เตอร์ที่เป็นเหมือนวินแท็กซี่ (แต่ตอนนี้อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้) ให้ไว้กับผู้โดยสาร แล้วพอส่งถึงที่หมายเราจะให้ตั๋วใบนี้กับคนขับเพื่อให้เค้าเอาไปขึ้นเงิน แต่เนื่องจากไม่มีทางเลือกเราก็เลยจำเป็นต้องไป พอถามหาที่ออกตั๋ว พี่แกก็เลยพาขับรถออกไปเลย แล้วพาไปเอาตั๋วที่ตึกแถวใกล้ๆถนนใหญ่สักที่หนึ่ง ซึ่งเป็นที่ไหนก็ไม่รู้โดนไป 500กว่าๆรูปี แต่มันไม่ใช่ตั๋วอะ เป็นใบเสร็จรับเงินชัดๆ

เฮ้อ....แล้วพวกเราดันเข้าใจเกี่ยวกับสถานีรถไฟที่ต้องไปขึ้นรถไฟผิด ก็เลยบอกให้ไปส่งที่สถานีนิวเดลี ทำให้ต้องวุ่นวายกันใหญ่เพราะแท็กซี่ก็กลับไปแล้ว และเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมง สามล้อปั่นแถวนั้นเห็นพวกเราดูวุ่นๆ เลยถามว่าจะไปไหน พอเราบอกว่าลงสถานีผิดจะไปสถานีโอล์ดเดลิ สามล้อก็เป็นคนดีมาก บอกว่าไปรถไฟฟ้าดีกว่า ป้ายเดียวเอง เสียแค่ 10รูปี

มาผิดที่อ่าาา



พวกเราขอบคุณเค้าแล้วรีบบึ่งไปเลย แต่ว่าทำไมมันไม่มีบันไดเลื่อนล่ะซวยเลย กระเป๋ามีสองใบ มีเป้อีกหนึ่งใบที่เราต้องแบก และไอ้กระเป๋าคนละใบเนี่ย ใบนึงก็เกือบๆยี่สิบโลอะ แบกกันอย่างทุลักทุเลเพราะบันไดชันและสูงมากขาลงไม่เท่าไหร่ แต่พอขาขึ้นก็ไม่มีบรรไดเลื่อนอีก ต้องแบกขึ้นไปอีก ขนาดว่าเราไปกันหน้าหนาว คนอื่นเค้าหนาวกัน แต่พวกเราเนี่ยเหงื่อแตกพลั๊กๆ

ในที่สุดก็มาถูกกกก


จริงๆอยากถ่ายภาพมากกว่านี้แต่เหนื่อยอะ แถมสถานีก็ดูดีและสะอาดมากจนน่าถ่าย(รูป)ไปซะทุกมุม55 ขอเพิ่มข้อมูลเรื่องสถานีรถไฟหลักของ Delhiหน่อย ควรดูให้ดีว่าขึ้นที่ไหน มันมี3ที่ คือ 1.New Delhi อยู่ใกล้ย่าน Paharganj มากที่สุดใกล้แบบว่าเดินแค่แป๊ปเดียวประมาณ 5นาทีไม่จำเป็นต้องนั่งรถใดๆทั้งสิ้น 2.Old Delhi ซึ่งอยู่ห่างกับสถานีนิวเดลลีแค่สถานีเดียวจากรถไฟใต้ดิน แต่สถานีที่ 3. N.Nizamuddin อยู่ห่างจากตัวเมืองที่สุด ถ้าจะไป Paharganj นั่งรถตุ๊กๆนานมากเสียเวลาเป็นชั่วโมงแต่ก็อาจเพราะว่ามีรถติดผสมด้วย


เหนื่อยสุดยอด แต่ก็ทำให้เรามาถึงทันเวลาพร้อมกับรับทราบว่า รถไฟจะมาเลทอย่างน้อย 1ชั่วโมง555555++++++++++

เรื่องตั๋วรถไฟเราจองตั๋วกันล่วงหน้าจากเมืองไทยไปแล้ว ซึ่งรถไฟอินเดียสามารถจองล่วงหน้าได้ 3เดือน ทำให้เราจองที่นั่งชั้น 2AC ได้ ที่นั่งของพวกเราอยู่ชั้นบน ชั้นล่างเป็นครอบครัวชาวอินเดีย มีลูกอ่อนแต่ก็ไม่ได้ร้องงอแงสร้างความรำคาญให้เราแต่อย่างใด ส่วนพวกพ่อแม่และญาติๆก็ดูตื่นเต้นที่มีชาวต่างชาติ 2ชีวิตจากเมืองไทยอยู่ร่วมคอกด้วย เค้าก็คอยชวนคุยจะแบ่งขนมให้ เป็นมิตรมากๆ ส่วนใหญ่คนอินเดียที่พูดอังกฤษได้ ถ้าไม่ใช่พวกที่ต้องหากินกับนักท่องเที่ยวก็น่าจะเป็นพวกที่มีการศึกษาดีระดับหนึ่ง และคนพวกนี้นิสัยน่ารักมากๆ ตรงข้ามกับพวกที่หากินกับนักท่องเที่ยวโดยสิ้นเชิง

อ้อ วันนี้ตอนเย็นไม่ได้กินข้าวกันเพราะเรื่องเสียเวลาเนี่ยล่ะ ประกอบกับร้านขายอาหารภายในสถานีเก็บหมดแล้ว และถึงมีก็ดูท่าไม่ค่อยสะอาดเท่าไร เราเลยซื้อเลย์รสมาซาลามาชิมห่อนึง ซึ่งมันเค็มมากกก และเจอรถเข็นผลไม้เลยซื้อกล้วยหอมกับแอปเปิ้ลตุนไว้เพื่อกินบนรถตอนเย็นนี้ แต่ความโชคร้ายยังไม่จบ เพราะเราเอาคุกกี้อบเองมา1กระป๋องใหญ่ ตอนแรกก็แบกไว้ในเป้ แต่กลัวว่าตอนกำลังย้ายสถานนีเพื่อมาขึ้นรถไฟจะทุลักทุเลเลย เอาคุกกี้ย้ายไปไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ แต่เพราะคงกระแทกไปกระแทกมา พอเปิดกระเป๋าเอาเสื้อกันหนาว ปรากฎว่าคุกกี้กระจายเต็มกระเป๋าไปหมด ทั้งชิ้นใหญ่และเศษเล็กเศษน้อย ทำให้เราต้องใส่เสื้อผ้ากลิ่นคุกกี้ไปตลอดทริป55++ และหลังจากคุยกับเพื่อนร่วมทางของเราได้สักพักพวกเราก็เข้าโหมดอาหารเย็น(กินผลไม้) แล้วก็ชาร์ตแบต นอนตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม เป็นการปิดวันอันแสนวุ่นวายอย่างรวดเร็วหวังว่าพรุ่งนี้จะไม่ต้องเจอเรื่องให้ปวดหัวอีกนะ55

17/12/2012 วันที่สองของของการเดินทาง

พวกเราตื่นกันตอนเช้า เมื่อใกล้ๆจะเข้าเมืองบิกาเนียร์แล้ว ครอบครัวนี้จะลงสถานีที่กำลังจะถึง แต่เค้าบอกว่าสถานีที่เราจะลง Lalgarh Junction จะอยู่สถานีถัดไป ซึ่งไกลไปอีกสักพัก พอหลังจากที่พวกเราลงรถไฟแล้ว ก็ต่อตุ๊กๆกลับเข้าเมือง Bikaner อีก15นาที



ด้านหน้าสถานีก่อนขึ้นตุ๊กๆ




เราให้ตุ๊กๆจอดหน้าโรงแรม Desert Winds เราไม่ได้จองมาก่อนแต่ก็มีห้องว่าง ห้องที่นี่สะอาดและสะดวกมากที่สุดในทริปแล้ว แต่เสียตรงเครื่องทำน้ำร้อนของห้องเราเดี๋ยวก็ติดเดี๋ยวก็ไม่ติด เป็นเรื่องเดียวที่เดาใจยาก55 ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องมาดูบ่อยๆ แต่การดูแลของคุณน้าผู้หญิงเจ้าของที่พัก บริการดีมาก ใจกว้างน่ารัก ผิดกับโรงแรมอื่นๆในทริปมากมายส่วนพนักงานคนอื่นๆ ก็ดีไม่มีนิสัยหน้าเงินแสดงออกมาให้เห็นเลยประทับใจที่นี่สุดๆ แต่จะบอกว่าจริงๆแล้วคนเมืองนี้ก็ดูท่าจะนิสัยน่ารักทั้งเมืองนั่นแหละ^^



หลังจากเช็คอินเข้าที่พักแล้ว เราก็อาบน้ำแต่งตัวลงมาหาอะไรกินที่ร้านอาหารของโรงแรม มื้อแรกวันนี้อะไรก็ดูน่ากินไปหมดล่ะ ถ้าจำไม่ผิด เป็น ChickenCurry, Tikka Masala, Chicken Tikka กินกับแป้งจาปาตีแบบทอด (ซึ่งจำไม่ได้ ว่าเรียกอะไร) เราว่าอร่อยดีนะ พี่ต่อก็บอกว่าอร่อยดีแต่เลี่ยนไปหน่อย แล้วบอกว่าสงสัยต้องเบื่ออาหารแขกเร็ววันนี้อย่างแน่นอน




หลังจากกินกันเสร็จเราก็ออกเดินเล่นสำรวจเมืองกัน เดินเล่นเพลินๆ ที่เมืองนี้พวกเราฉายแววซุปเปอร์สตาร์อย่างแรงเดินไปไหนก็ต้องคอยโบกมือ รับทักทายจากเด็กน้อยและชาวบ้านไปทั่ว555

เห็นคนที่นี่ใช้อูฐเป็นพาหนะและขนส่งมากมาย ก็คงเป็นเพราะเป็นเมืองทะเลทรายนี่แหละ อูฐเยอะมากๆน่ารักอะดูเชื่องๆและก็เป็นมิตรดี




สัตว์อีกตัวที่เห็นบ่อยๆและได้ชื่อว่าเป็นพาหนะของพระเจ้าก็คือน้องวัวนี่เอง สัตว์อภิสิทธิ์ชนนอนที่ไหนก็ได้55


ก็เดินกันไปเรื่อยจนถึงเขตตลาดเมืองเก่า




เราเจอร้านขายโทรศัพท์และซิม เลยลองถามเค้าเพื่อจะซื้อซิม3G เค้าบอกว่านอกจากรูปถ่ายแล้วต้องขอใบรับรองจากโรงแรมด้วย ให้กลับไปขอมาก่อนถึงจะซื้อได้


แวะซื้อถั่วอร่อยๆ



มีให้เลือกหลากหลาย ที่สำคัญชิมได้


อาหารเย็นวันนี้เราก็กลับมากินที่โรงแรมเหมือนเดิม เนื่องจากเมืองนี้น่าจะยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเยอะก็เลยไม่ค่อยเจอร้านอาหารที่น่าสนใจเท่าไร และพวกเราก็เป็นพวกสัตว์กินเนื้อซะด้วย ไม่อยากกินมังฯก็เลยกลับมากินที่โรงแรมอร่อยและสะอาดด้วย อาหารเย็นวันนี้เป็น Chicken Briyani (ข้าวหมกไก่อินเดีย) กับ Green Salad หรือสลัดผักที่ไม่มีน้ำสลัดราด แต่ต้องบีบมะนาวใส่แทน และเมื่อค้นกระเป๋าโดเรม่อนของพวกเรา ก็ได้พริกนรกแม่ประนอมมาเสริมรสชาติข้าวหมกให้มีรสชาติมากขึ้น นี่แค่มือสองเองนะต้องถึงมือแม่ประนอมซะละ ยังเหลืออีก19วันนะนี่55


หลังจากกินอิ่มเราก็ไปติดต่อคุณป้าเจ้าของโรงแรม เรื่องรถบัสไป Jaisalmer และเพื่อขอให้ช่วยออกใบรับรองสำหรับซื้อซิมฯให้ แต่ป้าบอกว่าออกให้ไม่ได้และก็ไม่มีใครยอมออกให้หรอก เพราะว่าไม่สามรถรับผิดชอบได้หากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเค้าอาจลำบาก ส่วนเรื่องตั๋วรถบัสไป JaiSalmer คุณป้าดูแลให้อย่างดี จองรถบัสและเลือกที่นั่งดีๆให้ เพราะเห็นว่าเราสัมภาระเยอะ จองที่นั่งด้านหน้าให้ เพื่อจะมีที่ยืดขากว้างๆ ที่สำคัญค่าตั๋วสองคนแค่300รูปีเอง



คิดว่าเค้าไม่ได้บวกค่าจองตั๋ว หรือถ้าบวกก็น้อยมากๆ และพวกเราก็ขอต่อรองป้าอีกเรื่อง ว่าพรุ่งนี้เราออกเดินทางกันดึก เลยจะขออยู่ห้องจนถึงเวลาเดินทางได้มั๊ย แต่ขอคิดราคาเดย์เรทลดครึ่งนึง ป้าก็ให้ใจดีมากๆๆ จากนั้นก็กลับห้องนอนเตรียมผจญภัยต่อวันรุ่งขึ้น





Create Date : 20 สิงหาคม 2556
Last Update : 26 กรกฎาคม 2558 1:20:12 น.
Counter : 2413 Pageviews.

2 comments
  
เล่าเรื่องสนุกดีค่ะ
ร่วมลุ้นไปด้วยเลยว่าแต่ละตอนจะเจออะไรบ้าง

เคยคิดจะแบคแพคไปอินเดียคนเดียว
แต่โดนห้ามไว้ซะก่อน
เค้าบอกว่า เมืองนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียว
ไม่รู้เป็นแบบนี้จริงๆ หรือเปล่าคะ

โดย: chenyuye วันที่: 29 สิงหาคม 2556 เวลา:13:40:26 น.
  
คงแล้วแต่ดวงมั้งคะ เราว่าส่วนตัวแล้วนิสัยของคนพื้นเมือง พวกชาวบ้าน ค่อนข้างจะน่ารัก ทั้งทริปเจอแต่คนอินเดียนิสัยดี จะมีอารมณ์เสียก็ตรงพวกตุ๊กๆที่หากินกับนักท่องเที่ยว นิสัยไม่ดีเหมือนกันเกือบทุกเมืองเลยค่ะ55
โดย: gohachimitsu วันที่: 4 กันยายน 2556 เวลา:21:36:09 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gohachimitsu
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



New Comments