๐....วันวานคือตำนานของวันนี้....๐
๐..วันวานคือตำนานของวันนี้...๐..ตอนที่ ๑
ด้วยความตั้งใจจะซื้อของชอบของตัวเอง ฝากเพื่อนชาวเฟซบุ๊คที่อยู่ทางเหนือและอีสาน จึงขับรถไปหาดบ้านอำเภอ ต.สัตหีบ.มีร้านขายของแห้งเจ้าประจำ ได้เจอกับลุงตึ๋ง วัย ๖๓ ปีเจ้าของร้าน"ตึ๋งซีฟู๊ดส์"นั่งดื่มเหล้ากับนายกฯ(ไม่ได้สนใจว่านายกฯเมืองไหนเพราะบ้านเรานายกฯเยอะ อิอิ).. "ลุงตึ๋ง เย็นนี้ไม่ออกทะเลเหรอจ๊ะ?"..ฉันถามเล่นๆเพราะบางครั้งขณะที่ทานอาหารอยู่ลุงตึ๋งกำลังนำปลาขึ้นจากเรือ.. "ไปดี๊!!...กำลังจะไปเนี๊ยะ" "หนูไปด้วยนะ..เคยเห็นลุงกลับไม่เกิน ๒ ทุ่มกว่าๆนี่" "เฮ้ย!!..จะไปยังไง?..ผู้ชงผู้ชายเค้าจะฉี่กัน..ลำบาก" "หนูไม่มองหรอก"พร้อมตะโกนบอกป้าอรุณ.แฟนลุงตึ๋งว่า. "ป้าจ๋า.แพ็คปลาหมึกถุงละ ๖ ขีด ให้หนู ๒,๐๐๐ บาทถือว่าเป็นค่าเรือ..ถ้าไม่ให้หนูไป-หนูไม่ซื้อ!!" ป้ารุนเอาแต่หัวเราะ ลุงตึ๋งย้ำ "เรือมันเล็ก เดี๋ยวก็เมาเรือ" "หนูสัญญา หนูไม่เมา หนูเป็นนักเขียน หนูต้องออกไปดูสิ่งที่ลุงทำเพราะหนูจะเอามาเขียนค่ะ..นะ น๊าาา?? อันนี้ยอมรับ และขอโทษที่อ้างอิงว่าเป็นนักเขียน ด้วยความอยากไปสัมผัสชีวิตชาวเล ภาพลุงตึ๋งทำครัวโขมงโฉงเฉง ภาพลุงหลับก่อนที่ฉันจะเช็คบิล ภาพลุงปั่นจักรยานเสือภูเขาพร้อมชุดครบครันอย่างเท่..ฉันเห็นมาแล้ว "จะไปแล้วนะ.ไม่รอน่ะ ต้องไปดูแนวปลาขึ้นก่อนตะวันจะตก" "คับๆๆๆ..หนูเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นก่อน" เอาเสื้อกรุยกรายออก เปลี่ยนเป็นเสื้อสายเดี่ยว-เสื้อเชิร์ตทับ-มัดชายเสื้อให้ดูทะมัดทะแมง ลุงกำลังติดตั้งเครื่องยนต์แบบเรือหางยาวพร้อมบ่นพึมพำ "เครื่องมารีน่ารุ่นเก่า ๑๕ แรงม้ามันเสีย ไปซื้อเครื่องนี้มา ๔,๐๐๐ บาทเพิ่งใช้วันนี้วันแรก" โธ่..อย่าพูดให้เสียวสิคับลุง ฉันถือน้ำโออิชิที่ดื่มเหลือในรถมา แล้วถ้ามีปัญหากลางทะเลจะเอาน้ำที่ไหนดื่ม มองในเรือก็ไม่เห็นมีน้ำดื่มของลุงกับคนงานเลย เรือกว้างไม่ถึงวา.ยาวไม่เกิน ๓ วา มีกองตาข่ายที่ลุงเรียกว่า"อวน"กองอยู่กลางลำ "ให้หนูนั่งตรงไหนคะ?" "ขึ้นมานั่งตรงหัวเรือนั่นแหละ!!"(ก็มีที่เดียวที่นั่งได้แต่ต้องถามเพราะเราไม่ใช่คนแถวนี้ อิอิ" ลุงกระชากเชือกเพื่อสตาร์ดเครื่อง ๒ ครั้งไม่ติดครั้ง ๓ เครื่องติด ฉันเป็นคนละเอียดถี่ถ้วนนะ..แต่ลืมกล้องถ่ายรูปได้ไงวะ? หยิบแล้วนะ..แต่มันไปไหน?.. เลือกโทรศัพท์รุ่นที่เป็นฝาปิด-บุหรี่ ๒ ซองใส่กล่องกันน้ำ..(น่ะ..เอามาเผื่อลุงเค้าาาา) ***ข้าพเจ้าขอไหว้ฟ้า-ดิน-เทวดา-แม่พระคงคาแห่งห้วงอรรณพและพ่อแม่ตัวเอง..ขออย่าได้มีภยันตรายใดๆเลย...สาธุ ............
ตอนที่ ๒
พระอาทิตย์ยามอัสดงสวยจริงๆนะ เรือโต้คลื่นไม่ใหญ่นักไปทางทิศที่ตะวันกำลังตก แต่ฉันก็รู้สึกไม่รอบคอบที่ไม่มีชูชีพและน้ำดื่มมากกว่านี้ จึงเปิดเครื่องโทรศัพท์ดูคลื่นสัญญาณ(ขอบใจนะจ๊ะDtac) มีเรือแพงๆสวยๆของฝรั่งหลายลำแล่นผ่านหน้าเราไป..เพื่อเข้าอ่าวมารีน่าซึ่งเป็นท่าจอดเรือ
เป็นเรื่องเลยครับเพราะเรือเราลำเล็ก เจอคลื่นของเรือที่ใหญ่กว่าหัวเรือจึงข้ามไม่พ้นคลื่นกล่องกันน้ำที่ใส่บุหรี่กับโทรศัพท์ลอยหล่นไปที่อวน เป็นเพราะฉันหรือเปล่า?ที่ทำให้หัวเรือหนัก.. น้ำจึงเข้ามา (ไม่กล้าถามและก็ไม่ออกอาการใดๆให้ลุงรู้..) นั่งหันหน้ากลับมามองลุงตึ๋งกับพี่สัมพันธ์ลูกเรือดีกว่า "กลัวหรือเปล่า?"..ลุงตึ๋งถาม "ไม่กลัวครับ" "แน่นะ..เกิดอะไรไม่ต้องตกใจ"..ฉันเริ่มตกใจคำถามลุงนี่แหละ "เดี๋ยวจะเจออีก ลำโน้นมาอีกแล้ว ออกไปไกลๆจะไม่มีคลื่น" แล้วเรือก็กินน้ำไปอีก ๒ ครั้ง พี่สัมพันธ์ค่อยๆตักน้ำออก..ฉันกางแขนจับกาบเรือไว้ทั้งสองข้าง ค่อยๆเอานิ้วดีดก็รู้ว่าทำมาจากไฟเบอร์ คลื่นลมเริ่มสงบจริงอย่างลุงตึ๋งบอก ฉันเปิดฝาเครื่องโทรศัพท์ดูพบว่ายังมีสัญญาณอยู่เต็ม(ขอบคุณคับDtac) "เฮ้ย.นั่นใช่มองโกยมั๊ย?เป็นทิวยาวเลยนะโว๊ย"ลุงตึ๋งพูดกับลูกเรือ ฉันมองตามสายตาที่ลุงชะเง้อ ยอดคลื่นเล็กๆที่ถูกแสงกระทบจะมีขนาดเท่ากันหมดแต่ไกลออกไปเป็นทิวยาวต่อเนื่องกันเหมือนในน้ำมีพระยานาคเลื้อยอยู่ผิวน้ำ ฉันไม่ถามอะไรทั้งสิ้นพยายามจดจำข้อมูลที่ลุงพูดและทำ (มองโกย มองโกย ท่องไว้แทนคาถากันลืมฮะ) ผ่านมาครึ่งชั่วโมงลุงเริ่มเบาเครื่องยนต์ ลูกเรือเอาถัง ๕ ลิตรที่มัดติดกันตรงกลางมีท่อพีวีซีโด่ขึ้นมามีหลอดไฟเล็กๆอยู่ปลายบน ถูกโยนลงทะเลไปก่อน มันตั้งขั้นเหนือน้ำโดนอัตโนมัติแล้วก็ค่อยๆปล่อยอวนลงไปอย่างต่อเนื่องด้านหลังของเรือ ลุงตึ๋งขับช้าจนเหมือนเรือจอดอยู่กับที่ "อวน"ที่ว่าคือตาข่ายที่มีขวดน้ำเปล่า ๑ ลิตรเป็นทุ่นและกว้างประมาณ ๑ เมตรครึ่งถูกปล่อยตั้ง ๑๘.๐๕น.จนถึง ๑๘.๓๕ น.ฟ้าเริ่มมืดลงอย่างรวดเร็ว... ลุงตึ๋งดับเครื่องยนต์..ลุงมีบุหรี่อยู่แล้วแต่ขอยืมไฟแช็ค พี่สัมพันธ์รับบุหรี่ที่ฉันไปดูด มืดสนิทมีแต่แสงวาบวาบของบุหรี่ คืนนี้ไม่มีพระจันทร์หมู่ดาวจึงอวดโฉมเป็นรูปต่างๆที่ฉันเห็นได้ในมโนภาพ "เราห่างจากฝั่งกี่กิโลคะลุง".. "สามกิโล ได้มั๊ง"... "สามกิโลเมตร..ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงนะคะแล้วเมื่อไหร่เก็บอวนคะ?" "ดูดบุหรี่อีกตัว..แล้วเก็บแล้ว" "ลุงเคยบอกว่าออกมาวางอวนวันเว้นวันแล้วหน้าฝนก็คงต้องออก"..ลุงพยักหน้า.. "ลมที่พัด..เรียกลมบก-ลมทะเลเท่านนั้นเหรอคะ?" "เฮ้ย..ไม่ใช่..มีลมตะเภาตะวันออก-ตะวันตก..ลมโอไซ..ลมใน..ลมหัวเขา..ลมโอกา" ลุงทำท่านึก "เดี๋ยวๆจ้าลุง..เพลงที่ว่า.ลมอุกาฟ้าเหลือง...ทะเลสะเทือนสายลมเป็นบ้า..เนี๊ยะนะ" ฉันดีใจที่ได้รู้ที่มาของเพลงนี้.คำนี้ "โอ้ยยย...ถ้าอุกาฟ้าเหลือง เรือลำนี้เอาไม่อยู่หรอก"ลูกเรือเสริม
"อ๊าว..เก็บอวน!!"ลุงตึ๋งสั่ง.แหมอยากคุยเรื่องเฒ่าอ่ำต่อซะหน่อย ดูนาฬิกาอีกรอบ ๑๙.๐๐ น... พี่สัมพันธ์ ลูกเรือใส่ถุงมือ ตรงที่ฉันวางขามีหม้อแบ๊ตตารี่วางอยู่ ลุงตึ๋งเอาสายไฟพันๆๆที่ขั้วแบ็ตฯแล้วเอาสายยางเล็กขนาดเท่าขั้วแบ็ตฯยาว ๓ นิ้วสวมลงไปเพื่อยึด นีออนสีฟ้ายาวประมาณ ๑๖ นิ้วติดกับไว้ตั้งไว้สองกาบเรือสว่างขึ้นมา...ค่อยยังชั่วหน่อย พี่สัมพันธ์ไม่ใส่เสื้อทั้งๆที่ลมแรง แกบอกว่าชินแล้ว และแล้วการเก็บอวนก็เริ่ม ฉันภาวนาให้ได้ปลาเยอะๆนะ.. ฉันกลัวว่าตัวเองเป็นตัวซวยยังไงบอกไม่ถูก เพราะดึงอวนขึ้นมา ๓-๔ เมตรไม่เห็นมีปลาติดตาข่ายเลย..อ่ะ
ต่อมา พี่สัมพันธ์สาวอวนขึ้นมาแกะปลาจากด้านบนอวน ลุงตึ๋งแกะปลาจากชายล่างที่มีแม่เหล็กถ่วงไว้.. สองชาวเล...ต่างขานชื่อปลาอื่นที่ไม่ใช่ปลาทู...เช่น..ปลามองโกย ปลาสีกุน ปลาสีขนทอง ปลากุเลา ปลาดาบเงิน ..ฯ "พี่ๆๆๆๆๆ.ปลาอะไรที่พี่โยนทิ้งไปน่ะ!!!"ฉันรีบถามด้วยความสงสัย "ปลาสลิด" "มันอร่อยมั๊ย?"..อยากรู้มากกว่านั้น.อีก "อร่อย" "อร่อยแล้วพี่ทิ้งทำไมอ่ะ?นึกว่ากินไม่ได้ซะอีก"เซฟข้อมูลโดยด่วน "เงี่ยงมันเป็นพิษโดนแล้วปวดมากไปไม่คุ้มคับ"..พี่สัมพันธ์ตอบ "พิษแค่ไหน?..รักษายังไงคะ?"..ฉันถามต่อ "ปวดมาก..ต้องใช้หัวไม้ขีดจิ้มน้ำกรดแล้วมาจิ้มที่แผล" "น้ำกรด!!..มันไม่ไปกันใหญ่เหรอ?"ฉันเผลอเสียงดังโดยไม่รู้ตัว "น้ำกรดในแบ๊ตเตอร์รี่รถยนต์นะ"...ลุงตึ๋งส่งเสียงดังกลับมา .............
.ตอนที่ ๓
ดึงอวนขึ้นมาบนเรือและแกะปลาที่ติดอวนโยนลงลัง เริ่มปฏิบัติงานตอน ๑๙.๐๐ น. ปลาทู..ปลารัง..ปลาดาบเงิน..ปลากุเลา..ปลาสีกุน..ปลาสีขนทอง..ปลาอินทรีย์..ฯ..พยายามไม่คุย-ไม่ถามเพื่อท่องชื่อปลาให้ได้มากที่สุด.. ปลาหมึกกล้วย ปลาหมีกหอมที่มากินปลาที่ติดตาข่ายถูกลุงตึ๋งให้สวิงช้อนขึ้นมาบนเรือเป็นระยะๆ ส่วนปลาเล็กๆ..ปูตัวเล็กๆ..ปลาสลิดทะเลที่ตรงครีบมีพิษ..ปลาหมึกสายตัวเล็กๆ..ถูกจับโยนกลับไปสู่ทะเล "ดีจังเลย"...ฉันคิดในใจ..รู้จักรอ-รู้จักให้โอกาสมันไปโตไปเรียนรู้ช่วงหนึ่งของชีวิต ลมแรงขึ้นเรื่อยๆ..เรือโอนเอน-โยกเยก ฉันมองในเรือไม่ไหวแล้ว..คลื่นไส้มากและเวียนหัวต้องยกเท้าขึ้นมาเหยียดและเอนตัวไปข้างหลัง ไม่อยากให้ใครรู้ว่าพะอืดพะอม เวลาผ่านไป ๑ ชั่วโมงกว่าแล้ว..ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นหลอดไฟที่เราทิ้งทุ่นไว้ก่อนลงอวนตามไปเลย ฉันค่อยๆกำหนดลมหายใจ..หยิบโทรศัพท์มาโทรฯหาใครดีน๊า?..."อยากจะบอกใครสักคน" ครวญเพลง"เฒ่าทะเล"...อย่างแผ่วเบา ... เฒ่าอ่ำ..ลูกเลเมืองใต้..พำนัก อาศัย ชาย ฝั่ง..ทะเล... เติบโต.มากับ...เรือตังเก..อาชีพชาวเล..เป็นชาวประมง... สมบัติ คือเรือลำเก่า..อายุรุ่นราว รุ่นคราวคนเฒ่า หาปลา ตั้งแต่ค่ำยันเช้า..งานหนักงานเบาเฒ่าอ่ำไม่ถอย ร้อยเอ็ด เจ็ดย่านสมุทร เรื่องราวมนุษย์ ได้เคยฟันฝ่า เฒ่าอ่ำ คือชายหาปลา..เหนือโชคชะตา ด้วยการกระทำ.. เฒ่าเล โชกโชนชีวิต...เรียนรู้ถูกผิด จากมหาสมุทร ว่าคนเรา ย่อมมีวันสิ้นสุด อันชีวิตมนุษย์ มีระยะเวลา
ฤดูกาล ผลัดกันมาเยือน.ไม่สะทกสะเทือน..สายลมแสงแดด อายุ ปาเข้าไปหลักแปด..ออดๆแอดๆ ของธรรมดา ลุงแก เรือตังเกเก่า..รอยรั่วรอยร้าว ตามอายุขัย สองสิ่ง ร่วมทะยานไกล..ร่วมวันร่วมวัย...จุดหมายเดียวกัน..
(((วันอุกาฟ้าเหลือง..ทะเลสะเทือน สายลมเป็นบ้า))) แต่เฒ่าอ่ำ..ยังย้ำใจออกหาปลา..มันคือค่ายา ค่าพยาบาล อันชีวิตชาวประมงจนๆ..อยู่ด้วยความอดทน..แล่นไปข้างหน้า จุดหมาย ย่อมหมายชีวิตปลา ไปนำกลับมา เลี้ยงชีวิตคน
ถึงลม ฝนกระหน่ำซ้ำเติม หนาวสั่นสะเทิ้ม ท้าทายคนกล้า ผู้เฒ่าก็รู้ อยู่เต็มอุรา..หนทางข้างหน้า..เป็นได้สองทาง ทางหนึ่ง รอดกลับมาถึงฝั่ง..อีกทางหนึ่งฝัง ร่างลงกลาง ทะเล ชายเฒ่า กับเรือตังเก..หันหน้าออกทะเล ไม่เห็นคืนมา
มรสุม พัดผ่านพ้นไป...ท้องฟ้าสดใส ทะเลเงียบสงบ ผู้คน ยังถกเถียงกันไม่จบ...ผู้เฒ่าชรา หายลงทะเล เฒ่าอ่ำ อำลาจากไป..ไม่ใช่นิยาย ไม่ใช่วีร.กรรม ใครจะรู้ ถึงการกระทำ...ของผู้เฒ่าอ่ำ (((ผู้เฒ่าทะเล)))
"เรื่องลมอุกาฟ้าเหลือง..หนูขอบคุณลุงตึ๋งมากๆนะคะเพิ่งเข้าใจวันนี้เองค่ะ" "๒๑.๐๕ น. แล้วครับลุงตึ๋ง.ปล่อยอวนลงน้ำครึ่งชั่วโมง..เก็บอวน ๒ ชั่วโมงแล้วนะครับ" ฉันรายงานขึ้นมาเฉยๆ "ไม่ไหวละซี่..แต่ก็เก่งนะที่ไม่เมาคลื่นเป็นคนอื่นเรียบร้อยไปแล้ว" "เห็นปลายทุ่นไฟสีเขียวกระพริบๆแล้วลุง..อีก ๑๐๐ เมตรเห็นจะได้"... ลมแรงและอากาศเริ่มเย็นลง..โชคดีที่ฉันใส่หมวกไหมพรมลงมาด้วย ลุงตึ๋งกระชากเชือกเพื่อสตาร์ทเครื่องเรือ ๑--๒---๓----๔......๕ อย่าล้อเล่นนะ...๖---๗----ติดแล้วบ่ายหัวเรือกลับเข้าฝั่ง ลุงเบี่ยงหัวเรือไปซ้ายพักหนึ่ง..ขวาพักหนึ่ง..เพื่อให้เรือแล่นตัดคลื่นหรือตัดลมก็ไม่ทราบ ฉันหนาวจนฟันกระทบกัน...ขอบคุณประสพการณ์ครั้งนี้. พอถึงฝั่งข้างร้าน.."ตึ๋งซีฟู๊ต"...ฉันรู้ว่าไม่พร้อมจะขับรถกลับ เปิดคอมพ์..แต่ไม่พร้อมจะพิมพ์สิ่งใดลงได้... เด็กในร้าน..เอากล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์อีก ๒ เครื่องมาให้ บอกว่าฉันลืมไว้ที่ถุงปลาหมึกอบแห้ง..โอ้.พระเจ้าโชคดีที่ไม่หาย ป้าบอกมีคนมาซื้อของหลังจากฉันลงเรือไปแล้วด้วยนะ "ป้าจ๋า..ขอปลาทูต้มยำร้อนๆสัก ๒ ตัว.และนึ่งใส่กล่องให้หนูอีก ๒ กิโลนะคะป้า" เด็กนำมาเสริฟพร้อมด้วยปลาหมึกทอด..และปลาขนสีทองทอดอีก ๔ ตัว..ข้าว ๑ ถ้วย ซดได้แต่น้ำต้มยำปลาทูได้อย่างเดียว..ขออีกชุดนึงใส่ใบกระเพาะเยอะๆเผ็ดกว่านี้อีกหน่อยค่ะ
๒๓.๐๐น...สวัสดี..ลาทุกคน. ไม่ลืมที่จะเรียกพี่สัมพันธ์.มารับรางวัลการเล่าเรื่องและเงินไปซื้อเสื้อใส่ซะนะจ๊ะ..แจกบุหรี่คนละซอง..ฝากไปให้ลุงตึ๋งด้วย ๑ ซองค่ะ ป้ารุน..คาใจออกมาถามว่า.."หนุ่มที่พามาเดือนตุลาคนนั้นใครอ่ะ?..ถามจริงๆ?"....แล้วก็หัวเราะแบบอายๆ
"หนูไม่ตอบดีกว่า.เดี๋ยวป้าจะอาย..๕๕๕๕๕"...พร้อมกดกระจกรถลง (ขนาดไม่ตอบนะเนี๊ยะ..ป้ายังอายไม่เลิก เคลื่อนรถออกมายังได้ยินเสียงหัวเราะดังแว่วตามมา....อิอิ) ไปไหนกะเด็กหนุ่มๆ...มันสดชื่น..นี่นา..ใครๆก็รู้
จบบริบูรณ์...คร๊าบบบ........๐
Create Date : 05 มกราคม 2556 |
|
10 comments |
Last Update : 5 มกราคม 2556 20:34:08 น. |
Counter : 2327 Pageviews. |
|
|
|
๐........."เฒ่าทะเล".........๐