ผิดพลาด
เรากำลังนั่งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมห้องใหญ่ๆ หลังคาสูงๆ เราเรียกมันว่า Mind+Move Space ใช่มันเป็นที่ของเรา แม้ว่าเงินลงทุน มันจะไม่ใช่ของเราก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้เป็นตราบาป "เฮอะ! เธออย่าพูดมาก ที่เธอได้มาทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะตัวเธอด้วยซ้ำ เงินพ่อเงินแม่เธอทั้งนั้น" คำพูดประมาณนี้ดังก้องอยู่ในหูเราตลอด ไม่รู้มาจากไหน ชีวิตนี้ไม่เคยภูมิใจอะไรได้เลยสักอย่าง
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 เราออกจากงาน และใช้ชีวิตเดือนสุดท้ายที่สิงคโปร์ เราเช่าห้องซ้อม เพื่อเตรียมการแสดงที่กรุงเทพฯ เราทำโซโล่ เราออกจากคอมพานีก็จริง แต่ชีวิตนักเต้นอาชีพของเราจะหยุดไม่ได้ เพราะลาออกแล้ว จากที่เคยใช้ห้องสตูดิโอของคอมพานี ก็ไม่มีให้ใช้อีกต่อไป เราเช่าห้องชั่วโมงละอย่างต่ำ 30 เหรียญ (750 บาท) ห้องเล็กๆ ใช้ทีก็แค่ไม่เกิน 2 ชั่วโมง เพราะรู้สึกเปลืองตังค์ ด้วยเวลาที่มีจำกัด ทำให้คิดอะไรไม่ค่อยออก ไม่เหมือนตอนใช้ห้องของคอมพานีที่เราอยู่มากกว่าอยู่ห้อง เลิกงาน 6 โมง เราลากยาวถึง 4 ทุ่ม 5 ทุ่ม เหมือนเป็นบ้าน คิดไม่ออก ก็เดินไปออร์ชาร์ดกินข้าวก่อน แล้วค่อยกลับมา วันอาทิตย์แวะเข้ามาไขกุญแจ อยู่ไปยาวๆ ทั้งวัน ไม่เคยเปิดแอร์นอกเวลางานหรอก เปลือง เขาให้ใช้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว พอมาเจอจำกัดเวลาแค่ครั้งละ 2 ชั่วโมง คิดไม่ออก
ช่วงนั้น yoga point singapore ก็มาชวนเราไปสอน เราเองรับค่าสอนไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย (เป็นคนต่างชาติ) เลย barter system กัน เราขอใช้ห้องซ้อมเวลาไม่มีคลาส เราไม่เปิดแอร์ด้วย เพราะฉะนั้นไม่เปลืองค่าไฟ จอห์น เป๊ะ เจ้าของสถานที่ชาวมาเลเซียยอมรับข้อเสนอนี้อย่างเต็มใจ เราเลยมีห้องซ้อมแบบไม่เสียตังค์ และยังรู้สึกเหมือนเป็นบ้าน คือเข้าเมื่อไหร่ ออกเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะจอห์นให้เราถือกุญแจไว้ หัวแล่นปรู๊ดๆ ได้งานเยอะมาก ได้รู้ซึ้งว่า การมีที่ทางมันดีอย่างนี้เอง
กลับมาเมืองไทย เราไปใช้ห้องของโรงเรียนใจรักอนุบาล รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ เพราะมันเป็นของคนอื่น แม้ว่าคนอื่นนั้นจะเป็นพี่สาวตัวเองก็ตาม แต่เราจะรู้สึกตลอดว่า เราไปรบกวนเขา พื้นแข็งมากด้วย สู้ห้องซ้อมที่คอมพานีไม่ได้เลย นึกไปถึงอารมณ์แบบมีที่เป็นของตัวเอง ทั้งที่คอมพานี และที yoga point มันอิสระเสรีดี อยากใช้เท่าไหร่ใช้ไป หัวโล่งๆ ดี เหมือนมีอาณาจักรส่วนตัว ตอนนั้นเลยตัดสินใจ ในเมื่อมีที่ดินที่ต้องถูกเอาไปทำอะไรสักอย่าง เราก็จะสร้างสตูดิโอตรงนี้เลยละกัน ไม่ขออะไรมาก แค่พื้นดีๆ ให้เรากลิ้งได้ก็พอแล้ว
ตอนนั้นเราเรียกมันว่าเล้าไก่ เพราะแอร์ก็จะไม่เอา ขอเป็นโรงเรือนและมีมุ้งลวด ให้เราใช้คิดงาน คุยกับสถาปนิก ขอแค่นี้ เอาง่ายๆ พอพ่อกับแม่รู้ก็ไม่ approve บอกสร้างทั้งที สร้างดีๆ ไปเลย เล้าไก่เลยขยาย กลายเป็น mind+move space ที่ใหญ่โตเกินความสามารถในการดูแลไปมาก แต่เราก็ได้พื้นดีๆ มา โม้ได้ว่าเป็นพื้นเต้นที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในไทย หลังคาสูงชวนหัวโปร่ง และไม่มีเสา เราจะมีที่คิดงานแล้วใช่มั้ย เราจะมีที่เต้น ที่กลิ้ง โดยไม่ต้องกังวล
ผิดทั้งเพ!
mind+move space กลายเป็นรอยสักบนหน้าที่ลบไม่ได้ เป็นสิ่งที่เราต้องแบกมันเอาไว้ เครียดมาก เมื่อมี ก็ต้องดูแล เมื่อลงทุน ก็ต้องถอนทุน เชื่อไหม เราเต้นในห้องนี้นับครั้งได้ เราแทบไม่เคยได้ปล่อยตัวปล่อยใจในที่แห่งนี้เลย มันถูกสร้างมา เพราะเราอยากมีพื้นที่ให้ร่างกายเราได้เคลื่อนไหว ถึงวันนี้ มันกลายเป็นแหล่งนำความทุกข์ ความกังวลมาให้เรามากมาย ทั้งเรื่องความรักและเรื่องงาน เราทุกข์มาก ทุกข์จริงๆ
เรากำลังนั่งอยู่กลางห้องที่ mind+move space ที่ที่เรารักมัน แต่ทำไมนับแต่มีห้องนี้ เราทุกข์มากขึ้นเรื่อยๆ เราพยายามใช้ห้องให้คุ้ม สอนนักเรียน แต่ก็ไม่ค่อยมีคนมาเรียน จัดเวิร์คชอป ที่ประชาสัมพันธ์ยังไง คนก็ไม่มา ยกเว้นให้บัตรฟรี ปล่อยให้เช่าสถานที่ ที่ทุกคนบอกว่าชอบ แต่ไม่กลับมาใช้ซ้ำ มันกลายเป็นแหล่งสะสมความเครียด และความรู้สึกล้มเหลว เราไม่ใช่มนุษย์นักขาย เราขายไม่เป็น เราไม่ได้อยากขาย เราแค่อยากเต้น เราตัดสินใจผิดที่สร้าง มันเป็นความผิดพลาด จากที่เราจะใช้มันเป็นสถานที่ซ้อม มันกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ เราไม่เคยได้ซ้อมในที่แห่งนี้ เราวิ่งหนีมัน แต่ก็หนีไม่พ้น
พังไปหมดเลย
เราเหนื่อย เราเศร้า และเราทุกข์ ถ้าย้อนเวลากลับไป เราจะไม่กลับมา เราคิดถึงสิงคโปร์มากๆ จริงๆ
Create Date : 28 กันยายน 2563 |
|
1 comments |
Last Update : 28 กันยายน 2563 22:47:13 น. |
Counter : 1313 Pageviews. |
|
|
|
บางทีจังหวะของชีวิตก็มีสะดุดบ้าง ขรุขระบ้าง ขอให้ดูแลรักษาใจให้ไม่ย่อท้อ และขอให้มีความหวังที่กระจ่างสดใสอยู่เสมอนะคะ