Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
8 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
บทสัมภาษณ์ปัญญา & ประภาส (The perfect duo) จากนิตยสารแพรว






โดยส่วนตัวแล้วจะชื่นชอบคุณประภาส ชลศรานนท์มาก เพราะตั้งแต่สมัยวัยรุ่น (หุหุ) ได้อ่านหนังสือของพี่เค้า เลยทำให้ได้รู้จักมุมมอง และความคิดดีดีหลายอย่างจากการเล่าเรื่องต่าง ๆ ผ่านตัวอักษร

วันนี้กับอีกบทบาทหนึ่งของการเป็นนักธุรกิจ กับพี่จิก ประภาส ที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่เคยรู้ ที่แน่ ๆ คงไม่บ่อยนักที่จะเห็นพี่เค้าใส่เสื้อสูทและให้สัมภาษณ์แบบนี้ ก็ขอคัดลอกบางส่วนของบทสัมภาษณ์มาเผยแพร่นะคะ


บทสัมภาษณ์ของ คุณปัญญา นิรันตร์กุล และพี่จิก ประภาส
"The Perfect Duo"


ที่มา จากนิตยสารแพรว



เกือบ 20 ปีที่แล้ว ที่การรวมตัวกันของหนึ่งนักคิด - ประภาส ชลศรานนท์ กับหนึ่งนักเอนเตอร์เทน - ปัญญา นิรันดร์กุล กลายเป็นตำนานผู้สร้างสาระบันเทิงบนตู้จอทีวี

เวิร์คพอยท์ขึ้นชื่อเรื่องผลิตงานที่แตกต่างจากท้องตลาด พอจะบอกเทคนิคหรือที่มาของไอเดียได้ไหมค่ะ


คุณปัญญา - เราชอบคิดทั้งคู่ ประภาส คิดแบบปรัชญานามธรรม ผมครีเอทแบบรูปธรรม บวกกันแล้วมัน เพราะสองคนไม่ชอบคิดให้เหมือนที่มีอยู่เดิม จึงเกิดอะไรแปลก ๆ แบบดี ไม่ใช่แปลกบ้าบอ แบบสนุกอยู่คนเดียว คนบางคนเห็นคนอื่นทำแล้วรุ้สึกว่าตัวเองก็ทำอย่างนั้นได้ จึงต้องวิ่งตามอย่างเดียว และในความต่างของเรา กว่าจะออกมาสู่ภายนอก เราเชื่อว่าโดนแน่นอน ซึ่งตรงนี้บอกกันไม่ได้เป็นเซ้นต์ส่วนตัว เหมือนพ่อครัวรู้ว่าอาหารที่ชิมหน้าตาอย่างนี้ รสชาติประมาณนี้ ต้องขายดีแน่นอน

คุณประภาส - วิธีคิดงานของเรามีหลายแบบ ตั้งแต่รายการใหม่ไม่มีอะไร โล่ง ๆ เหมือนที่รกร้าง เราไปถางแล้วคิดกันว่าตรงนี้ทำอะไรดี หรืออีกแบบที่ไม่ถึงกับรกร้าง มีคูหาว่างอยู่ หรือแบบที่ขึ้นห้างแล้วก็มี เราจะทำอะไร ผมกับทีมคุ้นชินกับการทำให้ต่างอยู่ตลอดเวลา

โจทย์ทุกโจทย์ในโลกมีกรอบ กรอบใหญ่ก็สนุกมากหน่อย กรอบแคบ ๆ ก็สนุกอีกแบบ ไม่เท่ากัน ความสนุกของความคิดอยู่ตรงที่เห็นมันตั้งแต่ไม่มีอะไรจนกลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา






มีสูตรในการคิดไหมค่ะ

คุณประภาส - ผมมีสูตรข้อเดียว คือ ไม่มีสูตร
คุณปัญญา - ยกตัวอย่างเรื่องการไม่มีสูตรให้ฟัง อย่างหม่ำโชว์ ทีแรกคดอะไรยาก ๆ ซับซ้อนอย่างที่เราเคยทำเต็มไปหมด สุดท้ายเปลี่ยนเป็นง่ายที่สุด หม่ำคนเดียวกับแขกรับเชิญ แค่นี้ก็อร่อยเหลือแล้ว หรือ เกมทศกัณฐ์ เริ่มจากให้ทายหน้าคน 9 หน้า ชื่อรายการจึงอยากให้มีเลข 9 เพราะอยู่ช่อง 9 คิดแบบสูตรเดิมอย่างนี้ไป 5-6 เดือน รู้สึกว่าทำไมต้องคิดที่เลข 9 เป็นอย่างอื่นได้ไหม สังเกตไหมครับ มีรายการทีวีที่เป็นเลขช่องเต็มไปหมด เพราะการคิดชื่อรายการจากเลขช่องนี่ก็เป็นอีกสูตรหนึ่ง จากนั้นหลุดพัวะเลย 10 ได้ไหม เราก็เลยได้ชื่อทศกัณฐ์มา เคยคิดหรือครับว่า ชื่อ ทศกัณฐ์จะเป็นชื่อรายการได้






บรรยากาศเวลาคิดงานเป็นอย่างไรค่ะ

คุณปัญญา - เวลาประชุมไม่มีใครเกรงใจใคร เราให้งานเป็นหลัก

คุณประภาส - แม้แต่พี่ตาเองน้อง ๆ ก็ไม่เกรงใจ ถ้าไม่เห็นด้วย แลกเปลี่ยนกันได้ ไม่มีใครต้องเป็นคนตอบความคิด จะมีแต่ว่าใครต้องยิง ในที่ประชุมถ้ามีโอกาสยิงประตูเราจะรู้กันเอง ทีมเราเข้ามากันขนาดที่ว่า อันนี้ใช่แล้ว โดน จบหัวข้อได้เลย ปิดการประชุม หรือบางทีเลี่ยงลูกบอลตั้งนานยิงเท่าไหร่ก็ไม่เข้า คิดเท่าไหร่ก็ไม่โดน มองหน้ากันก็รู้ว่า พรุ่งนี้ประชุมต่อเถอะ ไปกินข้าวดีกว่า

คุณปัญญา - ปัญญากับประภาสเวลาคุยกับลูกน้องจะมันไปคนละแบบ วันไหนอยู่พร้อมหน้าทั้งปัญญาและประภาส โอ้โฮ วันนั้นมีสงครามโลก สองคนเหมือนโกรธกันมาร้อยกว่าปี เด็กใหม่คงรู้สึกว่า อีกเดี๋ยวต้องมีต่อย มียิงกันแน่ เพราะเราทะเลาะกันจริง ๆ ในเรื่องไอเดีย และสนันสนุนให้ลูกน้องทะเลาะในเรื่องไอเดียเช่นเดียวกัน แย้งและใส่กันเต็มที่

คุณประภาส - การแย้งกันในทางความคิดก็เหมือนตัดกิ่งต้นไม้ ตัดแล้วมันจะมีกิ่งใหม่เกิดขึ้นอีก ยิ่งตัดยิ่งแตก

คุณปัญญา - ถ้าน้อง ๆ ไม่กล้า เราสองคนก็ช่วยกันแย้งจนเห็นเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน เหมือนแบ่งฝั่งให้เห็นว่าความคิดมีสองฝั่ง และหลังจากใช้ความคิดกันไปหนัก ๆ จนดูแล้วข้อดีข้อเสียชัด ฝ่ายหนึ่งจะรู้เองว่าต้องถอย แต่ละงานกว่าจะได้มาต้องผ่านการทะเลาะบนโต๊ะหลายครั้ง ทะเลาะแล้วทะเลาะอีก จนถึงขั้นตอนการทดลองแล้กลับมาทะเลาะ ปรับ ตบ เกลา กว่าจะออกอากาศจังผ่านไปหลายเปอร์เซ็นต์แล้วสำหรับความมั่นใจ หลังจากนั้นรอผล ถ้าไม่ใช่จะปรับอย่างไร หรือใช่แล้วล่ะแต่คนยังไม่รับก็ตื้อต่อ






ตัดสินใจอย่างไรค่ะว่า งานไหนตื้อ งานไหนไม่ตื้อ

คุณปัญญา - อย่างแฟนพันธุ์แท้ ประมาณครึ่งปีกว่าจะติด ฝ่ายขายบ่นว่า คนไม่เข้าใจหรือเปล่า คนที่ดูต้องชอบเรื่องนั้นเรื่องเดียวหรือเปล่า ต้องใช้เวลาให้คนเข้าใจว่า คนที่ไม่รู้เรื่องนั้นก็ดูสนุกได้ หรือกว่าที่ทุกวันอาทิตย์คนต้องเปิดดู รายการระเบิดเถิดเถิง ต้องปรับจนจำความเดิมไม่ได้แล้ว หรือบางรายการถ้าถึงจุดอิ่มตัวก็ต้องเลิก อย่าง ชมรมคนหัวลุก หรือ คู่ทรหด ก็มีวาระของเขา เราต้องอ่านให้ออก โชคดีว่าหลายรายการผมอยู่ข้างหน้าด้วย รู้ว่าจะนำไปทางไหน จะนำเสนอสิ่งที่คิดมา หรือ ต้องปรับอบ่างไร

คุณประภาส - จะว่าไปเราก็เหมือนชาวสวน ถ้าต้นไม้ที่เราปลูก กิ่งมันแห้ง เราจะทำยังไง ให้ยา ใส่ปุ๋ย หรือฟันทิ้ง รายการคุณพระช่วย ขาดทุนอยู่หนึ่งปี เคยนั่งทบทวนเรื่องตัวเลขบ้าง สองสามครั้ง แต่ สุดท้ายผมกับพี่ตาเชื่อในสัญชาตญาณ เราเห็นตรงกันว่า มันไม่ได้ติดโรคหรือแห้งตายแน่ แค่ใบเหี่ยวนิดหน่อย รดน้ำดูแลให้ดี แล้วมันจะเป็นต้นไม้ให้ร่มเงาที่ดีเหลือเกินสำหรับคนในประเทศ
บางทีรายการบางรายการก็ไม่เหมาะกับเวลาที่ออกอากาศอยู่ เราก็กล้าเปลี่ยน เรายอมรับความจริงได้ว่า ต้นไม้บางต้นมันก็ไม่เหมาะกับดิน ไม่เหมาะกันแดดจัด ๆ เราก็ต้องย้ายเขา






ขออนุญาตถามถึงงานในความรับผิดชอบของแต่ละคน แบ่งบทบาทหน้าที่กันอย่างไรค่ะ

คุณปัญญา - งานของประธานบริษัทหนีไม่พ้น ต้องรู้ทุกเรื่อง มีอะไรทำก็ต้องทำไปทั้งในและนอกบริษัท คุณประภาสไม่ชอบออกงาน ผมจึงต้องไปบ่อย ทั้งที่ไม่ชอบเหมือนกัน โชคดีที่งานหลักของผมเป็นงานที่ผมชอบ นั่นคืองานพิธีกร เลยทำให้มีความสุขกับงานมาก

คุณประภาส - ตัวผมเองก็ต้องรับรุ้งานทั้งหมดเหมือนพี่ตา บางส่วนอาจรู้เยอะ บางส่วนรู้น้อยหน่อย พี่ตาอาจซีเรียสเรื่องตัวเลข และภาพลักษณ์ขององค์กรมากกว่าผมเพราะเป็นซีอีโอ ขณะที่เรื่องการวางหมาก วางคน ผมจะยุ่งมากกว่า เราเหมือนเป็นจิ๊กซอว์ที่ไม่เท่ากัน แต่ใช่ว่าผมจะไม่ดูเรื่องเงิน หรือพี่ตาไม่ดูเรื่องความคิดเลย งานส่วนประชาสัมพันธ์ทั้งหมดนี่พี่ตาดูแล

ตอนนี้งานที่ผมทำมากหน่อยมี 2 อย่าง อย่างแรกคือสิ่งที่ตัวเองถนัด เช่น รายการที่ต้องใช้อาร์ตไดเร็คชั่น ใช้วรรณศิลป์หรือพวกเพลง ผมจะเข้าไปช่วยน้อย ๆ ด้วยเพราะยังสนุกอยู่ ส่วนอีกเรื่องที่กำลังทำอยู่ คือ สร้างคนใหม่ ๆ มันเป็นทั้งหน้าที่และเป็นทั้งความสุขส่วนตัว ชอบเห็นคนเติบโต ทั้งพิธีกร กลุ่มนักคิด และคนเบื้องหลังรุ่นใหม่ ๆ ชาวสวนก็เป็นอย่างนี้แหละครับ เห็นต้นไม้โตวันโตคืนก็ยิ่งดีใจ ยิ่งเห็นกล้าไม้สวย ๆ เนี่ย เหมือนเห็นสาวงามเลยทีเดียว









เข้มงวดแค่ไหนค่ะ

คุณปัญญา - ผมกับประภาสเป็นคนโกรธยาก ถ้าบอกว่าโกรธต้องแปลว่า โกร๊ธโกรธ และคนนั้นต้องซวยมาก ๆ ถ้าเป็นความผิดจากงานใหม่ไม่ว่าเลย แต่ถ้าเป็นความผิดซ้ำเดิม เรื่องที่ทำอยู่เป็นประจำไม่ควรผิด เพราะเหมือนไม่ใช่มืออาชีพ

แต่ความที่มีพนักงานใหม่หมุนเข้ามาเรือ่ย ๆ จึงยังต้องมีเรื่องที่ต้องปรับแก้กันไป ลำบากใจบ้าง เวลาเห็นความผิดนั้น ขณะงานกำลังเดินในห้องส่ง จึงจัดการชำระความตรงนั้นไม่ได้ ต้องอะลุ้มอะล่วยทีเล่นทีจริงไป แล้วค่อยไปซัดหลังเวที

หรืองานที่ทำกันมานาน ๆ ถ้ามีอะไรที่มาตราฐานหล่น ๆ ไปก็ต้องถาม อย่างโชว์ของแก๊งสามช่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ โหน่งมีปัญหาครอบครัวแล้วเหมือนเกิดราหูอมจันทร์ สุริยุปราคาต่อเนื่องไปถึงหม่ำกับเท่งด้วยกลายเป็ยวันไม่ฮาแห่งชาติ ทุกคนเล่นตามสคริปต์ 1 2 3 4 ซึ่งโชว์ตลกถ้าลองเล่นตามสคริปต์ไม่ใช่แล้ว เรามีสคริปต์เพื่อไม่ให้เขาเล่นตามนั้น ปกติเขาจะหักมุขกันสด ๆ ตามธรรมชาติ กรณีนี้ก็เรียกคุย เขาก็ขอโทษ บอกว่าเทปหน้าผมใช้ให้ ซึ่งเขาก็ทำได้ตามที่พูด

คุณประภาศ - งานผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมสองคนเป็นหัวหน้าแบบสบาย ๆ นาน ๆ ทีจะเม้งแตก แต่ก็ว่ากันตรง ๆ มึง ๆ กู ๆ ตบหลังกันเอิ๊กอ๊าก แต่ใจไม่คิดอะไร ถึงว่ากันแรง ๆ แต่ใจผมนี่มันว่างจริง ๆ กับคนที่ทำเราเจ็บ เรายังไม่เคยเกลียด เคยอาฆาตเลย กับน้อง ๆ เราจะไปคิดทำไม คิดอย่างนี้ แล้วเราก็เลยกล้าพูดตรง ๆ






ช่วงหลังเวิร์คพอยท์บุกขยายแตกไลน์ธุรกิจหลายอย่างเลยนะค่ะ


คุณปัญญา - ผมว่าเหมือนเด็กเล่มเกมยาก ๆ พอชนะก็สนุก ภูมิใจ อยากเล่มเกมอื่นต่อ จนเป็นนิสัยไฮเปอร์อยู่นิ่งไม่ได้ เราจึงมี บริษัทเวิร์คพอยท์ พับลิชชิ่ง มีบริษัทำหนัง ซึ่งโชคดีทำสองเรื่องได้ร้อยล้าน มีบริษัทผลิตละครของธงชัย ประสงค์สันติ โต๊ะกลมของสังข์ก็ทำละครเวที "ชายกลาง" ถล่มทลาย บัตรเต็ม กลายเป็นว่าเรื่องต่อไปทำง่ายแล้ว บริษัททำเพลงที่เราทำประกอบรายการ มีตัดต่อแอนิแมชั่นของบ้านอิทธิฤทธิ์ บริษัทบั้งไฟสตูดิโอ จำกัด บังเอิญว่าส่วนใหญ่มันไปด้วยดี



สองคนมีอะไรที่เหมือนกันบ้างค่ะ



(คุณประภาสนึกออกอีก) เราทั้งคู่หลงใหลความแตกต่าง แม้กระทั่งความที่เราไม่เหมือนกัน ความคิดที่ต่างกัน ไม่รู้สิครับ ถ้าเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่รู้จะมีอีกคนไว้ทำไม



แล้วมีอะไรบ้างค่ะที่คนทั่วไปไม่รู้เกี่ยวกับ ปัญญาและประภาส


คุณปัญญา - ภายนอกของประภาสดูเหมือนเขาติสท์ ๆ คิดเก่ง เขียนเก่ง แต่คนใกล้ชิดจะรู้ว่าเขาเป็นคนละเอียด และมีอีกหลายมุมที่คนไม่รู้ เช่น เขาวาดรูปเก่ง การตลาดก็เก่ง และเขาตีกอล์ฟเก่ง

(คุณประภาสหัวเราะ) แต่ถ้าเล่นกอล์ฟกันน้ำมนต์ลูกชายพี่ตานี่ ต้องให้น้ำมนต์ต่อให้ สิ่งที่คนนึกไม่ออกสำหรับพี่ตา คือ ผมว่าพี่ตาเป็นคนรักสันโดษนะ หลายคนอาจเห็นปัญญาออกทีวี เอนเตอร์เทนผู้คน แต่ลึก ๆ แล้วผมว่าพี่ตาชอบความสงบ ชอบอยู่กับบ้าน



มีเรื่องที่ต่างกันคนละขั้วเลยไหมค่ะ


(คุณปัญญาคิดอยู่นาน) - ชัดเจนที่สุดคือ ประภาสพูดไม่เก่ง ปัญญาเขียนไม่เป็น (ประภาสพยักหน้าเห็นด้วย) เขาเขียนทุกอย่างได้ดี ภาษาดี บางเพลงก็ชื่นชมว่าเขาคิดได้ไง ใครได้อ่านหนังสือ "คุยกับประภาส" ของเขาก็ได้ความรู้ ยังบอกกับลูกว่าคิดได้อย่างไร บางเรื่องอ่านแล้ว เออ..เว้ย โดยที่เขาไม่ได้ตอบ แค่ยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นแล้วคิดเอง

ประภาสเขียนเก่ง แต่ไม่ชอบพูดเลย ถ้าต้องพูดในที่สาธารณะจะเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก ส่วนปัญญาเขียนไม่เอาไหน แต่ถ้าให้พูด ก็ไม่รู้หลั่งมาจากไหนเหมือนกัน








ตุณปัญญาเคยคุยกับคุณประภาสเรื่องความสำเร็จในวันนี้บ้างไหมค่ะ



คุณปัญญา - เราสองคนหน้าเล็ก ความคิดใหญ่ แค่ผมบอกว่า จิก ผมชอบงานนี้มากเลยว่ะ เขาก็จะยิ้ม ๆ นั่นคือ เราคุยกันเยอะมากแล้ว เคยได้ยินเรื่องที่เขาว่าเป็นเพื่อนแล้วมาทำธุรกิจร่วมกันจะทะเลาะกัน โชคดีที่เราไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นพี่น้อง และงานที่ทำเป็นสิ่งที่เราสนใจ ถนัด ปัญญาเป็นพิธีกรอยู่ข้างหน้า รู้ลักษณะของการทำเกม ประภาสอยู่เบื้องหลัง แต่เข้าใจว่าอยากได้อะไร

วันนี้ถ้าถามเรื่องรวย ก็ต้องบอกว่าเรามีสตางค์เยอะทีเดียว ต่างจากวันที่ไม่มีอย่างไม่น่าเชื่อ

คุณประภาส - ไม่ว่ายังไงมนุษย์เราก็ต้องทำงานเพื่อให้ได้เงินมา แต่ผมจะบอกเสมอว่า เมื่อมีเงินสองบาท ให้ใช้บาทหนึ่งซื้อข้าว อีกบาทซื้อดอกไม้ บาทแรกทำให้เรามีชีวิต ส่วนบาทที่สองคือ เหตุผลที่ทำให้เราอยากมีชีวิต คนเราต้องมีตรงนี้ บาทที่สองของบางคนอาจทำการกุศล ทำงานบูชาศิลปะ หรือทำอะไรบางอย่างเพื่อคนหมู่มาก เพื่อประเทศ เพื่อชาวโลก นั่นคือ ดอกไม้ของชีวิต


ตั้งแต่ผมทำงานศิลปะมาก ผมสัมผัสคนตั้งแต่จนมาก ๆ จนถึงรวยมาก ๆ ผมพบข้อแตกต่างน้อยมาก มนุษย์กินเท่าเดิม 3 มื้อ ความสุขของคนไม่ได้อยู่ที่จานเสริฟราคาแพง หรือคนเสริ์ฟแต่งตัวสวย สถานที่สวย แต่ความสุขอยู่ที่เรากำลังนั่งกินกับใคร ตอนที่เคี้ยวอยู่คิดอะไรมากกว่า






ฝากอะไรถึงคนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นแบบปัญญาสักนิดนะค่ะ



ทุกคนเป็นปัญญาได้ครับ แต่จุดที่คนตั้งเป้าหมายของตัวเอง ร้อยคนมองสูงต่ำไม่เท่ากัน เรามองตัวเราเองอย่างรู้จัก อย่างที่เป็นตัวเรา คุณก็จะเป็นปัญญาได้ทุกคน นั่นคือ เป็นคุณเอง เป็นปัญญาในภาคความหมาย แต่ เป็นคุณในภาคความจริง เดิมปัญญาก็ไม่มีเงินมาก่อน แต่เมื่อรู้ว่าทำอะไรได้ดีก็มุ่งไป วันที่สำเร็จต้องมาถึงแน่นอน

ผมทำงานใช้งานเป็นตัวตั้ง ไม่ได้ใช้เงินเป็นเป้าหมาย ซึ่งยิ่งไม่ตั้งยิ่งไหลมา
โดยมีรางวัลต่าง ๆ เป็นโบนัสพิเศษ ซึ่งไม่ง่ายที่จะทำงานครีเอทบวกความรับผิดชอบ ตั้งใช้ความตั้งใจมหาศาล ซึ่งถ้าคนมีใจจะมาถึงตรงนี้เอง รางวัลจะมาเอง เป็นคนขายก๋วยเตี๋ยวดีเด่น กวาดถนนดีเด่น ผมบอกหรือยังว่าลักษณะการทำงานของเวิร์คพอยท์มีแต่ทำกับไม่ทำ ไม่มีทำไปแกน ๆ หรือทำไปเรื่อย ๆ เคยบอกประภาสว่างานนี่ทำนิดหน่อย เขาจะบอก ผมรู้ไม่มีนิดหน่อยหรอก (หัวเราะ)









คุณประภาสก็เป็นต้นแบบของหลายคนในด้านนักคิด



ใคร ๆ ก็ว่าผมเป็นนักคิด ภาพพจน์ฟังดูแล้วเครียด ๆ นั่งคิดนั่งเค้นทั้งวัน แต่ความจริงผมเป็นคนรักธรรมชาติมาก แม้แต่ความคิดผมก็ทำตัวให้เป็นธรรมชาติ ไม่กดดันความคิดตัวเอง คิดอะไรต่อมิอะไรเหมือนกำลังหายใจอยู่ นักพูดที่เก่งก็เป็นแบบนี้ แม้จะฝึกเยอะ อ่านเยอะ ฟังเยอะ แต่เวลาพูดต้องพูดแบบธรรมชาติ คำแนะนำเดียวที่มีให้รุ่นน้องคือ ต้องทำงานหนัก ไม่ว่าจะนักคิด นักเขียน หรือนักอะไร การทำงานหนักเป็นคุณสมบัติข้อแรกของคนที่จะพลิกโลกได้ แต่อย่างโหมจนเกินไป ถ้าเปรียบคือการวิ่งจ๊อกกิ้งนาน ๆ ให้ฮอร์โมนหลั่ง อย่างเร่งจนเหนื่อยจนล้ม ในขณะเดียวกันก็อย่าหยุดวิ่ง

แต่ข้อที่ต้องเตือนคนรุ่นใหม่มาก ๆ ก็คือ อย่าอยาก "เป็น" แต่จงอยาก"ทำ" ไม่ว่าจะนักแสดง นักเขียน วิศวกร เราต้องอยากแสดง อยากเขียน อยากออกแบบก่อน เพราะการที่เราอยากเป็นนั่นคือ เราคิดถึงตอนที่มันสำเร็จแล้ว ผมเป็นนักเขียนเพราะผมอยากเขียนหนังสือ ไม่ใช่เพราะอยากเป็นนักเขียน ถามนักแสดงตลกทุกคนดูก็ได้ ว่าทำไมถึงเป็นนักแสดงตลก คำตอบของเขาคือ เขารักที่จะเห็นผู้คนหัวเราะ

อยากเป็นอะไรตั้งใจทำอย่างนั้นก่อน แล้วผลจะเด้งเข้ามาหาในที่สุด








Create Date : 08 กันยายน 2551
Last Update : 9 กันยายน 2551 16:20:57 น. 8 comments
Counter : 4140 Pageviews.

 
ชอบจัง

กับ

คำคมๆ

"เมื่อมีเงินสองบาท ให้ใช้บาทหนึ่งซื้อข้าว อีกบาทซื้อดอกไม้ บาทแรกทำให้เรามีชีวิต ส่วนบาทที่สองคือ เหตุผลที่ทำให้เราอยากมีชีวิต"



โดย: nuch_takko IP: 117.47.208.247 วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:16:44:16 น.  

 
อ่านแล้วชอบจัง สามารถนำมาใช้ในชิวิตประจำวันได้


โดย: ต เต่าหลังตุง IP: 202.93.52.46 วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:17:02:53 น.  

 
ผมอ่านจบคิดถึงเพื่อนผมเลย เธอเป็นสาวมั่น ฉลาด เธอทำอารัยเด็ดขาด แต่ผมชอบคุยอารัยนอกเรื่องทุกครั้ง ชอบแกล้งเธอ ที่ทำงานร่วมกับเธอได้ถึงทุกวันนี้เพราะเธอมีเหตุผล
(คุยด้วยเหตุผลจบสั้น คุยกันด้วยอารมณ์จบยาว)
คู่คุย คู่คิด เมื่อไรจะได้เป็นคู่รักซะที 555


โดย: วินเนอร์ IP: 118.174.125.10 วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:14:56:07 น.  

 
อย่าอยาก "เป็น" แต่จงอยาก "ทำ" สั้นๆ เข้าใจง่ายดีนะคะ


โดย: น้ำค้าง IP: 118.174.200.132 วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:10:56:20 น.  

 
พี่ก๋าก็ชอบแนวความคิดของพี่ประภาสครับ
ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต เพลง และงานเขียนครับ



โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:11:44:40 น.  

 
========================
ก็ให้แนวคิดทีดีมากนะ..
========================


โดย: ดับเบิ้ลยูู IP: 202.91.19.206 วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:23:40:15 น.  

 
เขามีรวมเล่ม "เท่าดวงอาทิตย์"..เผื่อสนใจหาอ่าน

แต่ต้องคุยกับ"คอ"เดียวกันน่ะ คุยกับคนต่าง"คอ"เขาจะว่าเราบ้า เพ้อเจ้อได้ 555 .....


โดย: เจเจ๊ IP: 124.157.177.184 วันที่: 24 มกราคม 2552 เวลา:8:51:43 น.  

 
รับทราบครับ



โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 3 มีนาคม 2552 เวลา:15:40:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตะไคร้หอม
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Friends' blogs
[Add ตะไคร้หอม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.