ช่วงหลังเวิร์คพอยท์บุกขยายแตกไลน์ธุรกิจหลายอย่างเลยนะค่ะ
คุณปัญญา - ผมว่าเหมือนเด็กเล่มเกมยาก ๆ พอชนะก็สนุก ภูมิใจ อยากเล่มเกมอื่นต่อ จนเป็นนิสัยไฮเปอร์อยู่นิ่งไม่ได้ เราจึงมี บริษัทเวิร์คพอยท์ พับลิชชิ่ง มีบริษัทำหนัง ซึ่งโชคดีทำสองเรื่องได้ร้อยล้าน มีบริษัทผลิตละครของธงชัย ประสงค์สันติ โต๊ะกลมของสังข์ก็ทำละครเวที "ชายกลาง" ถล่มทลาย บัตรเต็ม กลายเป็นว่าเรื่องต่อไปทำง่ายแล้ว บริษัททำเพลงที่เราทำประกอบรายการ มีตัดต่อแอนิแมชั่นของบ้านอิทธิฤทธิ์ บริษัทบั้งไฟสตูดิโอ จำกัด บังเอิญว่าส่วนใหญ่มันไปด้วยดี
สองคนมีอะไรที่เหมือนกันบ้างค่ะ
(คุณประภาสนึกออกอีก) เราทั้งคู่หลงใหลความแตกต่าง แม้กระทั่งความที่เราไม่เหมือนกัน ความคิดที่ต่างกัน ไม่รู้สิครับ ถ้าเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่รู้จะมีอีกคนไว้ทำไม
แล้วมีอะไรบ้างค่ะที่คนทั่วไปไม่รู้เกี่ยวกับ ปัญญาและประภาส
คุณปัญญา - ภายนอกของประภาสดูเหมือนเขาติสท์ ๆ คิดเก่ง เขียนเก่ง แต่คนใกล้ชิดจะรู้ว่าเขาเป็นคนละเอียด และมีอีกหลายมุมที่คนไม่รู้ เช่น เขาวาดรูปเก่ง การตลาดก็เก่ง และเขาตีกอล์ฟเก่ง
(คุณประภาสหัวเราะ) แต่ถ้าเล่นกอล์ฟกันน้ำมนต์ลูกชายพี่ตานี่ ต้องให้น้ำมนต์ต่อให้ สิ่งที่คนนึกไม่ออกสำหรับพี่ตา คือ ผมว่าพี่ตาเป็นคนรักสันโดษนะ หลายคนอาจเห็นปัญญาออกทีวี เอนเตอร์เทนผู้คน แต่ลึก ๆ แล้วผมว่าพี่ตาชอบความสงบ ชอบอยู่กับบ้าน
มีเรื่องที่ต่างกันคนละขั้วเลยไหมค่ะ
(คุณปัญญาคิดอยู่นาน) - ชัดเจนที่สุดคือ ประภาสพูดไม่เก่ง ปัญญาเขียนไม่เป็น (ประภาสพยักหน้าเห็นด้วย) เขาเขียนทุกอย่างได้ดี ภาษาดี บางเพลงก็ชื่นชมว่าเขาคิดได้ไง ใครได้อ่านหนังสือ "คุยกับประภาส" ของเขาก็ได้ความรู้ ยังบอกกับลูกว่าคิดได้อย่างไร บางเรื่องอ่านแล้ว เออ..เว้ย โดยที่เขาไม่ได้ตอบ แค่ยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นแล้วคิดเอง
ประภาสเขียนเก่ง แต่ไม่ชอบพูดเลย ถ้าต้องพูดในที่สาธารณะจะเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก ส่วนปัญญาเขียนไม่เอาไหน แต่ถ้าให้พูด ก็ไม่รู้หลั่งมาจากไหนเหมือนกัน
|
กับ
คำคมๆ
"เมื่อมีเงินสองบาท ให้ใช้บาทหนึ่งซื้อข้าว อีกบาทซื้อดอกไม้ บาทแรกทำให้เรามีชีวิต ส่วนบาทที่สองคือ เหตุผลที่ทำให้เราอยากมีชีวิต"