Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
22 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 

แปรคำปรามาสให้เป็นพลัง





หลังจากอ่านหนังสือ ธรรมะพารวย เขียนโดย ท่านว.วชิรเมธี มีหลายหัวข้อที่น่าสนใจในหนังสือเล่มนี้ แต่มีประวัติของบุคคลท่านหนึ่งที่น่าสนใจคือ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ มาให้เพื่อนๆ อ่านกันค่ะ

“อ้ายเหลิมสร้างสรรค์ อ้ายหวันสร้างนรก”

อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปิน/จิตรกรชื่อก้องของเมืองไทยให้คำนิยามสถาปัตยกรรมที่ตัวเองและอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินรุ่นพี่อีกคนหนึ่งซึ่งมีนิวาสสถานอยู่ไม่ห่างกันนักในอำเภอเมืองเชียงราย กำลังสรรค์สร้างไว้อย่างนั้น

อ้ายเหลิมสร้างสวรรค์ หมายถึง อาจารย์เฉลิมชัยสร้างวัดสีขาวล้วน
อ้ายหวันสร้างนรก หมายถึง อาจารย์ถวัลย์สร้างบ้านดำหรือสถาปัตยกรรมทุกอย่างที่เน้นสีดำหรือสถาปัตยกรมทุกอย่างที่เน้นสีดำเป็นองค์ประกอบหลัก

ทั้งสองท่านเป็นศิลปินใหญ่เชื้อสายคนเชียงราย แต่มีความคิดและฝีมือคมคายในระดับที่เป็นคนของโลกได้อย่างสบาย แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกความสำเร็จล้วนมีตำนานรองรับเสมอ นี่เป็นสัจธรรมที่คนเด่นคนดังทั้งหลายต่างทราบอยู่แก่ใจเป็นอย่างดี

ความสำเร็จของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ก็เช่นกันการที่เด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งเคยมีคนปรามาสว่าเป็นกระเหรี่ยงลงดอยจนกลายมาเป็นศิลปินที่มีคนรู้จักมากมายทั้งประเทศ แน่นอนว่าเส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่กลับเป็นเส้นทางที่ขรุขระอย่างยิ่ง ธรรมแห่งความสำเร็จของอาจารย์เฉลิมชัยก็คือ การเป็นคนมองโลกในแง่บวก และการเป็นคนที่ยึดเอา “ความเพียร” เป็นสรณะมาโดยตลอด

อาจารย์เฉลิมชัยเล่าไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติว่า เมื่อแรกมาสอบเข้าที่โรงเรียนเพาะช่าง ไม่มีความพร้อมแม้แต่อย่างเดียว มีแต่ใจที่รักอยากจะเรียนศิลปะเท่านั้น (ตรงกับ ฉันทะ หลักธรรมข้อแรกในอิทธิบาท 4 ) เป็นทุนไปสู้กับคนอื่นครั้นพอไปสอบสัมภาษณ์ก่อนสอบข้อเขียนและสอบจริงภาคปฏิบัติด้วยการแสดงฝีมือทางศิลปะ อาจารย์เฉลิมชัยก็พบว่าไม่ง่าย ซ้ำยังได้คำปรามาสจากอาจารย์ผู้สอบสัมภาษณ์มาเป็นของแถมเสียอีกด้วย

“ตอนนั้นเขามีการสอบสัมภาษณ์ก่อนการสอบจริง พี่ก็เข้าไปถามอาจารย์ท่านชื่อ อาจารย์พจน์สิน ก็มองหน้าเรา มองขึ้น มองลง ดูใบสำคัญแล้วก็ถามว่า มาจากเชียงรายหรือ เราก็ครับ...แกมองหน้าเราแบบเหยียดๆ แล้วก็บอกว่า “คนดอยนี่” เราก็คิดในใจว่า ไอ้นี่ยังไงวะ มาหาว่าเราเป็นคนดอย แกมองใหม่แล้วก็บอกว่า กลับไปเหอะ กลับดอยไป เกรดแค่นี้สอบไม่ได้หรอกเสียเวลาเปล่า” แต่อาจารย์เฉลิมชัย ไม่กลับ
“เราก็ฉุดขาด โกรธ มาว่าเราเด็กดอย ยิ่งมาไล่ให้เรากลับนี่ไม่ยอมแน่ ก็เอาไอ้ความโกรธนั้นมาเป็นความพยายามยิ่งต้องสอบให้ได้ ก็บอกไม่ครับอาจารย์ ผมจะสอบ ขอลองสอบดู ผมไม่กลับครับ” คะแนน 51 เปอร์เซ็นต์ คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้อาจารย์ผู้สอบสัมภาษณ์ประเมินว่าสติปัญญาอย่างอาจารย์เฉลิมชัยในขณะนั้น ควรจะกลับบ้านมากกว่าสอบเข้าเพาะช่าง การประเมินของอาจารย์ท่านนั้นยืนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง แต่การไม่ยอมกลับบ้านของอาจารย์เฉลิมชัยก็ยืนอยู่บนพื้นฐานของคนที่มีหัวใจนักสู้

คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์นับว่าเป็นปัญหาใหญ่มากพอแล้ว แต่ยังมีปัญหาที่ใหญ่มากกว่านั้นรออยู่ข้างหน้า นั่นคือ ถึงเวลาสอบภาคปฏิบัตินักเรียนทุกคนจะต้องวาดรูปจากของจริง พร้อมทั้งมีการปั้นหุ่นด้วย แต่นักเรียนบ้านนอกอย่างอาจารย์เฉลิมชัยในขณะนั้น จะเอาความรู้ในวิชาเหล่านี้มาจากไหน เพราะลงจากเชียงรายมาถึงกรุงเทพฯ ก็มีแต่ฝีมือที่เคยฝึกปรือจากการวาดภาพคัทเอ๊าต์หน้าโรงหนังเท่านั้นเป็นพื้นฐาน นับว่าเป็นมวยวัดมาตลอด ครั้นจะขึ้นไปชกบนเวทีมาตรฐานกับนักมวยมืออาชีพจึงต้องอึดอัด กระอักกระอ่วนเป็นธรรมดา แต่คนอย่างนายเฉลิมชัยไม่เหมือนกับเด็กในวัยเดียวกัน คือ เมื่อไม่พร้อมก็ไม่ถอย แต่กลับเดินไปข้างหน้า เดินไปหาความพร้อม ไม่ใช่รอให้ความพร้อมเดินมาหา

“ความพยายาม ความตั้งใจจริงของเราเท่านั้น ที่จะทำให้ผ่านอุปสรรคตรงนั้นมาได้ คือ พี่เป็นคนที่เห็นคนอื่นเก่ง พี่ยอมรับ แต่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองด้อย มึงเก่งได้ กูก็เก่งได้ แล้วต้องเก่งกว่ามึงด้วย”

ว่าแล้วเด็กที่ถูกปรามาสว่าเป็นแม้วดอยคนนั้นจังรีบไปหาที่เรียนพิเศษแบบเอาเป็นเอาตาย ไม่หลับไม่นอน เรียนอยู่ได้สามวันก็ไปสอบเข้าเพาะช่างอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าครั้งนี้สอบผ่านฉลุย ได้เข้าไปเรียนสมใจ ที่น่าขำก็คือ อาจารย์ที่เคยดูถูกเมื่อตอนสอบสัมภาษณ์กลายมาเป็นอาจารย์ประจำชั้นเสียด้วย เห็นหน้าแม้วลงดอยที่เป็นลูกศิษย์แล้วอาจารย์ถึงกับยิ้มด้วยความภูมิใจ เข้ามาตบไหล่แสดงความชื่นชม

เมื่อจบจากเพาะช่าง อาจารย์มาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่นี่คำปรามาสที่ทำให้อาจารย์เฉลิมชัยฝังใจยิ่งกว่าที่เพาะช่างเสียอีก เหตุการณ์ที่เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจอันสำคัญในชีวิตของอาจารย์เฉลิมชัย เกิดขึ้นเมื่อมหาวิทยาลัยจะเปิดภาควิชาศิลปะไทยเพิ่มขึ้นอีกภาควิชาหนึ่ง อาจารย์เฉลิมชัยซึ่งเป็นนักศึกษาไฟแรงจึงวาดรูปแบบไทยๆ อย่างสุดฝีมือไปส่งให้อาจารย์ท่านหนึ่งดู เพื่อแสดงให้อาจารย์เห็นว่าตนมีฝีมือทางด้านนี้ จะได้เข้าเรียนในภาควิชาศิลปะไทยกับเขาบ้าง แต่เมื่ออาจารย์ดูรูปแล้วกลับให้คะแนนเพียงเกรด B คะแนนที่ออกมาทำให้อาจารย์เฉลิมชัยยัวะสุดขีด เข้าไปถามอาจารย์ผ่องผู้ให้คะแนนว่า ทำไมถึงให้เกรดแค่ B คำตอบที่ได้รับคือ

“มึงมันมีแต่ฝีมือ แต่ไม่มีสมอง ไม่มีความคิด”
คำปรามาสนี้เจ็บแสบยิ่งกว่าตอนถูกกล่าวหาว่าเป็นเด็กดอยเสียอีก โกรธแสนโกรธ แต่ไม่ถอย ไม่ดูถูกตัวเอง คิดอยู่อย่างเดียวว่า ในเมื่อครูดูถูก ก็จะต้องพิสูจน์ฝีมือให้เหนือกว่าครูให้ถึงที่สุด
เพราะคำดูถูกจากเรียวปากของครู ทำให้อาจารย์เฉลิมชัยไม่ย่อท้อ มุเรียน มุฝึกฝีมือ จนกระทั่งในที่สุดก็ส่งงานเข้าประกวดจิตรกรรมบัวหลวงครั้งที่ 3 และผลการตัดสินปรากฏออกมาว่า ผลงานของอาจารย์เฉลิมชัยได้รับรางวัลชนะเลิศ คว้าเหรียญทองได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในชีวิต ส่วนผลงานของครูที่เคยดูถูก ซึ่งส่งเข้าประกวดในงานเดียวกันไม่เป็นที่ปรากฏว่าโดดเด่นแต่อย่างใด แต่เมื่อเอาชนะครูได้สำเร็จแล้ว “บอกตรงๆ หลังได้รางวัล พี่รักอาจารย์ผ่องมาก แม้อาจารย์จะไม่รักพี่ รักเพราะว่าเขาเป็นแรงผลักดันให้เราเป็นแบบนี้ เพราะความเกลียดชังทำให้เราได้ดี”
เพราะฉะนั้น คนเราถ้ารู้จักเอาความโกรธความเกลียดมาเป็นแรงขับเคลื่อนแล้ว ชีวิตมันก็จะดีขึ้นมาเอง ที่สำคัญก็คือ อย่าไปท้อกับคำวิจารณ์พวกนั้น

หลังจากเรียนจบไม่นาน อาจารย์เฉลิมชัยซึ่งยังอยู่ในวัยหนุ่ม มีแรงใจและใฝ่ฝันเต็มที่ กำลังคึกคักฮึกเหิมว่าตนเองเริ่มจะเป็นศิลปินใหญ่ ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ซึ่งขณะนี้เป็นศิลปินใหญ่ตัวจริงเสียงจริงไปเรียบร้อยแล้ว
ด้วยความเชื่อมั่นว่าตนเองก็มีดีไม่น้อยไปกว่าศิลปินรุ่นพี่อย่างพี่ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินหนุ่มไฟแรงรุ่นน้องจึงตรงเข้าไปถามอย่างตรงไปตรงมาว่า
“พี่หวันครับ ผมได้ข่าวมาว่า พี่หวันเป็นคนขยันมาก แต่ผมเองก็เป็นคนขยันเหมือนกัน ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ระหว่างผมกับพี่หวันใครขยันกว่ากัน”
เป็นคำถามที่เต็มไปด้วยความอหังการเหลือหลาย อาจารย์ถวัลย์ ดัชนีไม่ต่อความยาวสาวความยืด หากแต่จับมือรุ่นน้องตรงเข้าไปดูห้องทำงาน แล้วว่าที่ศิลปินใหญ่ก็ได้รู้ความจริงว่า ตัวเองไม่ต่างอะไรกับมดปลวกที่บังอาจมายืนเทียบกับขุนเขาหิมาลัย เราก็ถามพี่เขาต่อว่า พี่ครับ “ถ้าผมจะใช้ชีวิตเป็นศิลปินอาชีพแบบพี่ อีกกี่ปีถึงจะประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง พอมีสตางค์เลี้ยงชีวิตบ้าง พี่หวันมองหน้าเราแล้วก็บอกว่า อย่างเอ็งเนี่ย ทนสัก 20 ปีก็แล้วกัน”
หนังสืออัตชีวประวัติของอาจารย์เฉลิมชัยกล่าวถึงปฏิกิริยาครั้งนั้นไว้ว่า
“คำว่า 20 ปี นั้นเองที่เปรียบเสมือนเชื้อประทุที่จุดระเบิดให้ไฟของเฉลิมชัยคุโชนขึ้นอีก เพราะในความรู้สึกของเขา นี่คือคำปรามาสครั้งใหญ่ เฉลิมชัยสาบานกับตัวเองว่า กูต้องยิ่งใหญ่ภายในไม่กี่ปีนี้ ทำให้เขาขยันเขียนรูป (เจ้าตัวใช้คำว่า ไฟแลบ) นับตั้งแต่นั้นอย่างไม่ย่อท้ออีกต่อไป
หลังจากฝ่าด่านคำปรามาสครั้งใหญ่ในชีวิตมาได้อย่างน้อยสามครั้ง (ความจริงมากกว่านี้) เด็กบ้านนอกที่ถูกหาว่าเป็นกระเหรี่ยงหรือแม้วลงดอย ศิลปินที่มีแต่ฝีมือ ทว่าขาดสมอง และกว่าจะเก่งอย่างพี่ต้องยี่สิบปีอย่างน้อย ก็บรรลุฝั่งฝันของตัวเองได้อย่างสง่างาม เมื่อมีคนถามเคล็ดลับแห่งความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในชีวิต อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ตอบเสียงดังตามสไตล์ว่า

“ความดูถูก ดูแคลน เหยียดหยาม กดขี่ กดดัน ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ และการกระทำของคนในอาชีพเดียวกัน ทำให้ผมมีวันนี้”





 

Create Date : 22 มิถุนายน 2552
22 comments
Last Update : 22 มิถุนายน 2552 15:22:39 น.
Counter : 2271 Pageviews.

 

มาเจิมก่อนเดี๋ยวมาอ่านต่อค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 22 มิถุนายน 2552 15:53:07 น.  

 

คำปรามาสสร้างแรงบันดาลใจ

แรงบันดาลใจสร้างความสำเร็จให้ชีวิตในที่สุดนะคะ

..............................



ขอบคุณคุณตะไคร้นะคะ ที่แวะไปอวยพรวันเกิดให้กันที่บล๊อก

 

โดย: nLatte 22 มิถุนายน 2552 16:07:51 น.  

 

เคยอ่านประวัติของอาจารย์เฉลิมชัย แล้วชอบตรงเธอเป็นคนตรงๆดีค่ะคุณหลิง

 

โดย: Suessapple 22 มิถุนายน 2552 16:22:44 น.  

 

แวะมาทักทายยามเย็นคะ

 

โดย: บี๋ (Yushi ) 22 มิถุนายน 2552 18:06:48 น.  

 

ทำตั้งนานเลยล่ะค่ะ เพื่อนอัพบ่อย มันกดดัน 5555+

แซลลี่ไปวัดร่องขุนมา 2 ครั้ง สวยวิจิตรมากๆเลยเชียว

 

โดย: แซลลี่ (lazypiggy ) 22 มิถุนายน 2552 18:16:30 น.  

 

ชอบอาจารย์เฉลิมชัยค่ะ แกคุยอะไรเนี่ยมันซะ

และดูแล้วเรารู้สึกว่ามีความสุข เหมือนไปดูวัดที่อาจารย์สร้างนั่นแหละค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 22 มิถุนายน 2552 19:23:09 น.  

 

แวะมาบอกว่าอ่านรายละเอียด เกาะโลมาสีน้ำเงินได้ที่
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=amp-atom&month=15-08-2006&group=3&gblog=21

 

โดย: คนขับช้า IP: 110.49.130.233 22 มิถุนายน 2552 21:10:26 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณตระไคร้
อาจารย์เฉลิมชัยท่านเป็นกันเองดีค่ะ ได้เจอตอนไปวัดร่องขุนตอนที่กำลังสร้าง

จากที่บ้านเจ้าผลเหลือแดงเป็นพันธ์เดียวกันค่ะ แต่เขาอยู๋คนละต้นค่ะ

วันนี้ส่งคุณตระไคร้เข้านอนฝันดีเลยนะคะ


 

โดย: Sweety-around-the-world 22 มิถุนายน 2552 23:28:11 น.  

 

คำว่า "ไฟแล่บ" นี่เหมาะกับอาจารย์เฉลิมชัยมากค่ะ
ชอบทั้งสองท่านนะคะ แต่ส่วนตัว
แต่เราปลื้มอาจารย์ถวัลย์มากว่านะคะ
ท่านดูเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่มาก ในความเรียบง่ายและพูดน้อย
แต่ดุดันและเปี่ยมด้วยพลังมากๆในผลงาน..ปลื้มค่ะ

 

โดย: ปลาทอง9 23 มิถุนายน 2552 16:03:19 น.  

 

ใช่ค่ะ มันใหญ่มากๆ ลูกนึงเอามาผัดกินได้ยี่สิบคนแน่ๆ เลยค่ะ ha

 

โดย: อ้อ (Nature Escape ) 25 มิถุนายน 2552 13:51:49 น.  

 

สวัสดียามบ่ายครับ





 

โดย: กะว่าก๋า 25 มิถุนายน 2552 14:10:35 น.  

 

ดีใจที่มาเยี่ยมกันค่ะคุณตระไคร้
เรื่องโหลดบลอคที่บ้านต้องขอโทษด้วยนะคะ
ลดขนาดลงเยอะมากๆแล้ว แต่รูปก็เยอะนะคะ

สบายดีนะคะช่วงนี้

 

โดย: Sweety-around-the-world 25 มิถุนายน 2552 16:58:21 น.  

 

สวัสดีค่ะ หนังสือเล่มนี้ซื้อมาเหมือนกันค่ะ แต่ยังอ่านไม่จบเลย

 

โดย: nanida 26 มิถุนายน 2552 8:54:45 น.  

 

เราก้อเติบโตมาด้วยแรงผลักดันจากคำดูถูกเหมือนกันค่ะ

แต่ไม่ได้เครียด..รู้แต่ต้องก้าวไปๆ ข้างหน้าให้ไกลที่สุดให้ได้

 

โดย: AB_PAE 26 มิถุนายน 2552 16:43:04 น.  

 




ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจาฯ

จาก…..นิราศภูเขาทอง

นิราศภูเขาทอง ได้รับยกย่องว่าเป็นนิราศเรื่องเยี่ยมที่สุดของท่านสุนทรภู่
ท่านแต่งเรื่องนี้ เมื่อครั้งเดินทางไปนมัสการเจดีย์ภูเขาทอง ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
คาดว่าไปในราวปี พ.ศ.๒๓๗๑ ขณะนั้นท่าน มีอายุราว ๔๒ ปี

วันเกิด: 26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 (สมัยรัชกาล ที่ 1)

เสียชีวิต: พ.ศ. 2398 (สมัยรัชกาล ที่ 4) สิริรวมอายุได้ 69 ปี

ผู้สืบสกุลของสุนทรภู่ ปัจจุบันใช้นามสกุล "ภู่เรือหงษ์"
…………………………….

พักนี้ป้าไม่ค่อยได้เข้าบล็อกค่ะ เพิ่งเข้าวันนี้เอง

ยังไม่เคยอ่าน เลยอ่านซะทุกตัวเลยค่ะคุณตะไคร้
คนที่แปรพลังลบให้กลับเป็นพลังบวก และผลักตัวเองให้เดินหน้าไปถึงฝันได้หาได้น้อยเท่าน้อย
แต่บนโลกใบนี้ ปลาเป็นเท่านั้นที่ว่ายทวนกระแส



ร่มไม้เย็นร่วมรำลึกถึงวัน….สุนทรภู่ ค่ะ



 

โดย: ร่มไม้เย็น 26 มิถุนายน 2552 20:00:44 น.  

 

น้องตะไคร้หอมนำเสนออ่านเขียนดีๆ อีกแล้ว โดยส่วนตัวชอบอาจารย์เฉลิมชัย คะ แกเอาจริงเอาจังเพื่อความสำเร็จดีคะ ไปชมวัดมา รู้สึกบริสุท
ธิ์พิสุทธิ์ดีคะ วันนี้ร้อนจังที่กทม

 

โดย: dolores 27 มิถุนายน 2552 8:36:01 น.  

 

รู้สึกเรามักจะซื้อหนังสือคล้าย ๆ กันนะเนี่ย

รัชชี่ก็ซื้อ "อัจฉริยสร้างสุข" เหมือนกัน

ป้ากุ๊กไก่อัพบล็อกเกี่ยวกับหนูดีนะ


 

โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) 28 มิถุนายน 2552 14:50:56 น.  

 



เกมชีวิต …. "เริ่มต้นที่ตอนจบ"


เกมนี้เริ่มที่ขอให้ผู้อ่านลองหาเวลาเงียบๆ
หลับตานึกถึงภาพตัวเราตอนอายุสักแปดสิบ ป่วยหนักกำลังจะตาย

ลองจินตนาการย้อนกลับไปมองว่า ที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตอย่างไร
เราใช้เวลาทำอะไร / วิ่งตามอะไร / วุ่นวายกับอะไร
รัก หรือ ไม่รักใคร / สุข - ทุกข์ เป็นผลจากอะไร

และ สอง คำ ถาม ที่ สำ คัญ ที่ สุด คือ

1 เราจะเสียดาย หากเราตายไปโดยไม่ได้ทำอะไร
2 เราจะเสียดาย หากไม่ได้ใช้เวลากับใคร
ห รื อ ไ ม่ ? ? ? ?
…………………….


บ้านป้าฝนกำลังมา พร้อมเสียงฟ้าที่คำรณ
ทางนี้เป็นไงบ้าง ???

รักษาสุขภาพ และมีความสุขกับวันดีๆทุกทุกวันนะคะ

คมคำ : ชีวิตคนเราสั้นนัก จนไม่มีเวลาเหลือสำหรับความโกรธหรือความแค้น



 

โดย: ร่มไม้เย็น 28 มิถุนายน 2552 22:14:22 น.  

 

พี่ก๋าก็ชอบงานเขียนของท่าน ว. นะครับ
อ่านงานของท่านเกือบทุกเล่มเลยครับ


หมิงหมิงยังเตะบอลไมไ่ด้หรอกครับ
เอามาแอ็คท่าถ่ายรูปเล่นๆครับ หุหุหุ



 

โดย: กะว่าก๋า 29 มิถุนายน 2552 14:26:45 น.  

 



สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณตะไคร้

เช้านี้ฝนพรำฟ้าฉ่ำลงมาแต่เช้าเลย

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

 

โดย: nLatte 30 มิถุนายน 2552 9:55:24 น.  

 

มาชวนไปเที่ยวปราสาทสด๊กก๊อกธม ร้างลาวงการอัพบล็อกไปนาน

 

โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) 30 มิถุนายน 2552 11:25:44 น.  

 

สวัสดี่ค่ะคุณตระไคร้ สบายดีนะคะ


 

โดย: Sweety-around-the-world 30 มิถุนายน 2552 13:56:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ตะไคร้หอม
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Friends' blogs
[Add ตะไคร้หอม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.